นิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน

The Promised พรากสัญญา - ตอนที่25 พรากสัญญา โดย paiinara @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เกาหลี,รัก,อาคม,รักสามเศร้า,รักข้ามภพ,ลึกลับ,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

The Promised พรากสัญญา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เกาหลี,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

อาคม,รักสามเศร้า,รักข้ามภพ,ลึกลับ,ดราม่า,แฟนตาซี

รายละเอียด

The Promised พรากสัญญา  โดย paiinara @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

นิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน

ผู้แต่ง

paiinara

เรื่องย่อ

The Promised พรากสัญญา


            เป็นเพราะคำสัญญาก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไปเลยทำให้ชาฮีจูต้องติดอยู่ในวังวนความรู้สึกผิดมาตลอด เขาเป็นผู้ลั่นวาจาสัญญากับใครคนหนึ่งเอาไว้แต่กลับจำสัญญานั้นไม่ได้ ชายหนุ่มจึงต้องหาคำตอบเลยทำให้เขาเข้าไปพัวพันกับคังเยนาและคังยูรีอย่างไม่ได้ตั้งใจ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความหายนะครั้งใหญ่ที่พวกเขาต้องเผชิญ และพวกเขาต้องร่วมมือกัน ช่วยเหลือกันและไว้ใจกัน เพื่อฝ่าฟันอุปสรรคนั้นไปให้ได้

สารบัญ

The Promised พรากสัญญา -ตอนที่1 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่2 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่3 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่4 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่5 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่6 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่7 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่8 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่9 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่10 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่11 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่12 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่13 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่14 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่15 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่16 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่17 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่18 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่19 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่20 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่21 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่22 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่23 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนทึ่24 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่25 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่26 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่27 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่28 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่29 พรากสัญญา,The Promised พรากสัญญา -ตอนที่30 พรากสัญญา

เนื้อหา

ตอนที่25 พรากสัญญา

“จะซึ้งอีกนานมั้ย”


“อ่อ..โทษที”


คังยูรีถอยห่างออกจากชาฮีจูในทันที เด็กสาวดูเลิ่กลั่กอยู่เล็กน้อย เอาแต่ยิ้มจนทำให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย


“ยิ้มอะไร หรือวันนี้มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับเธอกับคนที่ชื่อแทอีหรือไง” คำพูดประชดประชันของชาฮีจูทำให้เด็กสาวหุบยิ้มในทันที เธอเบะปากเล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียงนอน


“คนกำลังอารมณ์ดีอยู่ก็มาทำให้อารมณ์เสียจนได้ ฉันแค่ดีใจที่คุณมาต่างหาก”


ชาฮีจูรู้สึกพอใจกับคำตอบของคังยูรีอยู่มาก ชายหนุ่มคิดว่าเธอไม่อยากเจอเขาแล้วเสียอีก นึกว่าจะยังโกรธให้เขาเรื่องจองวานและเรื่องของชินซูฮวาอยู่


“เธอไม่โกรธฉันแล้วเหรอ” ชาฮีจูเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา ก่อนจะเดินมานั่งที่เตียงนอนข้างๆ เธอ


“ฉันไม่ได้โกรธคุณหรอก แค่ไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณทำมากกว่า”


“เรื่องจองวานเดี๋ยวฉันอธิบายให้ฟัง ส่วนเรื่องพี่สาวเธอมันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนหรอก ตอนนั้นที่ฉันตั้งใจให้พี่สาวเธอเห็นเพราะฉันไม่อยากให้พี่สาวเธอเห็นเธอในสภาพแบบนั้น ถ้าฉันไม่บังตัวเธอไว้พี่เธอก็คงเห็นเธอกำลังร้องไห้และหวาดกลัวอยู่ ไหนจะท่าทีแปลกๆ ของเธออีก เธอไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงพี่สาวเธอก็จำเรื่องที่เคยเจอฉันไม่ได้อีกแล้ว”


“คุณลบความจำพี่ซูฮวาเหรอ”


“มันควรเป็นแบบนั้นอยู่แล้วนี่”


“ไม่น่าล่ะพี่ซูฮวาถึงมีท่าทางแปลกๆ แล้วเรื่องพี่จองวานล่ะ”


“ส่วนเรื่องของจองวานฉันยอมรับว่าอยากให้ทำแบบนั้นจริงๆ ก็เพื่อเยนา ช่วงนี้เยนาเริ่มมีอาการแปลกๆ ฉันเป็นห่วงเธอน่ะ”


“แต่ถ้าเธอรู้ว่าเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอตายไปแล้ว เธอต้องเสียใจมากแน่ๆ”


“จะช้าหรือเร็วเยนาต้องรู้อยู่ดี ถ้ารู้เร็วขึ้นอีกนิดจะเป็นอะไรไป”


“พวกคุณคงไม่มีความรู้สึกเห็นใจหรือเสียใจสินะ ชีวิตนี้คงอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่มีเพื่อนใช่มั้ย”


“ทำไมจะไม่มี เธอรู้จักกามเทพมั้ย นั่นแหละเพื่อนสนิทฉัน ในโลกของเธอต่างก็มีเพื่อนเป็นมนุษย์ด้วยกัน ส่วนโลกของฉันก็มีวิญญาณ มีเทพเป็นเพื่อนเป็นเรื่องปกติ”


“ห๊ะ! คุณมีเพื่อนเป็นกามเทพด้วยเหรอ งั้น...เพื่อนคุณก็รู้สิว่าเนื้อคู่ฉันเป็นใคร” เด็กสาวตาโตตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าเพื่อนของชาฮีจูคือกามเทพ เทพที่คอยดลบันดาลให้คนได้รักกัน


“เธอเนี่ยจริงๆ เลยนะ ว่าแต่เรียกฉันมีอะไร รีบๆ พูดมาฉันเองก็มีงานต้องทำเหมือนกัน” ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิด เห็นท่าทางระริกระรี้ของเด็กสาวแล้วไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก


“พูดเล่นหน่อยก็ไม่ได้ คุณนี่จริงจังตลอดเลย คือฉันรู้สึกว่าช่วงนี้เหมือนมีคนเดินตามอยู่ตลอดเลย เมื่อวันก่อนฉันเดินเข้าร้านหนังสือรู้สึกได้ว่ามีคนเดิมตาม แต่พอหันไปดูก็ไม่เจอใครแล้ว”


“แทอีไง ช่วงนี้เขากับเธอตัวติดกันตลอดไม่ใช่เหรอ”


“ยังจะเล่นอีก ฉันรู้สึกว่าเป็นคนปกตินี่แหละ เพราะถ้าเป็นพวกวิญญาณคงไม่ทำอะไรหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้หรอก พวกนั้นมันชอบมาให้ฉันเจอซึ่งๆ หน้าอยู่แล้ว”


“เธอพูดมาก็มีเหตุผล” ชาฮีจูเริ่มเป็นกังวลขึ้นมา


“นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ฉันพยายามอยู่ใกล้พี่แทอี อย่างน้อยถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับฉันก็จะได้มีคนช่วยได้ และอีกอย่างฉันก็อยากตามสืบด้วยว่าผู้ชายที่เกี่ยวข้องกับเยนาเป็นใคร พี่แทอีเรียนอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกก็น่าคุ้นเคยกับครูที่นี่ด้วย"


“เขาบอกเธอแบบนั้นเหรอ"


“ทำไม เขาโกหกเหรอ”


"จริงๆ พี่สาวเธอก็รู้จักคนที่โรงเรียนนี้ดีเหมือนกัน ทำไมไม่ให้พี่สาวเธอช่วยล่ะ” ชายหนุ่มบ่ายเบี่ยงที่จะตอบ


“แล้วฉันต้องบอกพี่ซูฮวายังไงกับเรื่องเยนา เดี๋ยวเธอก็ถามฉันไม่เลิกอีก อีกอย่างฉันไม่อยากให้พี่ซูฮวามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย”


“อืม ก็พอเข้าใจได้”


ชายหนุ่มพยักหน้าตอบรับก่อนจะลุกออกจากเตียงนอน ชาฮีจูเดินตรงไปยังบานหน้าต่างที่เปิดเอาไว้ ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะรู้สึกสัมผัสได้ถึงพลังพิเศษบางอย่างที่อยู่ในห้องนอนนี้ ชาฮีจูรีบกวาดสายตามองรอบๆ ห้องจนไปสะดุดตรงลิ้นชักที่อยู่หัวเตียงเพราะมีแสงวิบวับเล็ดลอดออกมา


“นั่นอะไร” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัยพร้อมเดินไปยังหัวเตียงเปิดลิ้นชักออกมาดู แสงวิบวับที่เขาเห็นคือสร้อยผลึกของคังยูรีนี่เอง


“อ๋อ..นั่นเหรอ สร้อยที่พี่จีโฮให้ฉันไว้ไง ปกติฉันก็ใส่ติดตัวตลอดนะแต่ไม่รู้ว่าขาดหลุดไปตอนไหน พี่ซูฮวาเห็นก็เลยเอามาคืนให้น่ะ”


“ทำไมสร้อยผลึกนี้ถึงมีพลังได้ขนาดนี้ หรือว่านี่จะเป็นเครื่องรางที่จองวานพูดถึง” ชายหนุ่มพึมพำ


“เครื่องรางอะไรเหรอ” คังยูรีเริ่มสับกับคำพูดของชาฮีจู ดูเหมือนว่าเขาจะให้ความสนใจกับสร้อยผลึกของเธอเป็นอย่างมาก


“ยูรี ถึงฉันจะยังไม่แน่ใจ แต่ต่อไปนี้เธอช่วยใส่สร้อยนี้ติดตัวไว้ตลอดได้มั้ย”


ชายหนุ่มหันมาแจ้งต่อเด็กสาวด้วยสีหน้าที่จริงจัง อย่างน้อยถ้าเธอใส่สร้อยติดตัวไว้ก็จะได้รู้ว่าสร้อยผลึกนี้สามารถปกป้องเธอจากเหล่าวิญญาณอาฆาตได้หรือไม่ ถ้าได้ก็แปลว่าสร้อยผลึกที่นัมจีโฮให้ไว้เป็นเครื่องรางที่คุ้มกันเธอได้จริงๆ


“ได้สิ ปกติฉันก็ใส่ไว้ตลอดอยู่แล้ว”


“ฉันต้องไปแล้ว คังยูรี…เธอจำไว้นะ ฉันไม่อนุญาตให้เธอเป็นอะไรทั้งนั้น เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรที่ตัวเองต้องเจ็บตัวหรือตกอยู่ในอันตรายเข้าใจมั้ย”


ชาฮีจูจ้องไปที่นัยน์ของเด็กสาวอย่างจริงใจ เขาหมายความอย่างที่พูดออกไป ชายหนุ่มไม่อยากให้คังยูรีต้องเป็นอันตรายไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ชาฮีจูแค่อยากจะย้ำให้เด็กสาวเข้าใจในเจตนารมณ์ของเขา และหวังว่าตัวเธอเองจะไม่ไปอยู่ในที่ที่อันตราย จะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี


“อืม ฉันก็ไม่อนุญาตให้ตัวเองเป็นอะไรเหมือนกัน”


เด็กสาวนัยน์ตาสั่นไหวพยักหน้ายิ้มรับ เธอรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงที่ชาฮีจูมีให้ ต่อไปไม่ว่าจะทำอะไรเธอจะระวังตัวให้มากขึ้น ให้สมกับที่ชายหนุ่มเป็นห่วง


_____________________


หลายวันผ่านไป


คังยูรีใช้เวลาช่วงพักกลางวันมาหาคังเยนา หลายวันมานี้เธอเองก็ไม่ค่อยได้เจอกับหญิงสาวเท่าไหร่นัก พอมาถึงห้องสมุดก็ไม่พบคังเยนาตามที่ตั้งใจไว้ อีกทั้งจองวานเพื่อสนิทของคังเยนาก็เงียบหายไปเช่นกัน ทุกอย่างในวันนี้ดูผิดปกติไปเสียหมด ยิ่งเป็นคังเยนาแล้วด้วยเพราะเธอเองไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ด้วยซ้ำ


“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้” แทอีที่ย่องมาทางด้านหลังเอ่ยทักขึ้นจนทำให้เด็กสาวสะดุ้งเล็กน้อย


“มาหาเพื่อนค่ะแต่เธอน่าจะไม่อยู่ แล้วพี่แทอีมาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดเหรอคะ”


“พี่มาหาเธอนั่นแหละ พอดีไปหาเธอที่โรงอาหารเจอนาอึนก็เลยรู้ว่าเธออยู่ที่ห้องสมุด ยูรี…พี่มีอะไรให้ดูด้วย”


แทอีเดินจูงมือคังยูรีเพื่อจะออกจากห้องสมุด ระหว่างเดินอยู่นั้นก็เห็นชินซูฮวาและกลุ่มเพื่อนของเธอเดินผ่านมาพอดี ชินซูฮวามองไปยังมือชายหนุ่มที่จับมือคังยูรีด้วยความไม่พอใจเท่าไหร่นัก เด็กสาวเมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นพี่สาวก็รีบคลายมือนั้นออกทันที


“จะไปไหนกันเหรอ” ชินซูฮวาเอ่ยถามคังยูรีที่ยืนนิ่งอยู่


“ฉันจะพายูรีไปนั่งเล่นที่ดาดฟ้าน่ะ ต้องขออนุญาตเธอก่อนหรือเปล่าล่ะ” แทอีรีบชิ่งตอบก่อน


“ไม่ต้อง ฉันแค่ถามเฉยๆ จับมือกันแน่นแบบนี้คือตกลงเป็นแฟนกันแล้วเหรอ”


“ยัง กำลังจีบอยู่ ถ้าเธอไม่ได้ว่าอะไรงั้นพวกเราขอตัวก่อนก็แล้วกัน” แทอีเอ่ยตอบหญิงสาว ก่อนจะเข้าไปกุมมือคังยูรีเอาไว้อีกครั้งแล้วเดินจูงมือเธอออกจากห้องสมุดไป ท่าทางของแทอีและชินซูฮวาเหมือนต่างไม่ค่อยพอใจกันและกันเท่าไหร่


ชินซูฮวามองตามทั้งคู่อย่างไม่สบอารมณ์ เธอเคลือบแคลงต่อแทอีนัก คังยูรีบอกว่าชายหนุ่มเรียนอยู่ที่โรงเรียนยองคังตั้งแต่ม.4 แต่ทำไมเธอถึงไม่ค่อยคุ้นหน้าเอาเสียเลย


“นี่ ผู้ชายคนนั้นเรียนอยู่ชั้นเดียวกันกับเราใช่มั้ย ชื่ออะไร ทำไมฉันไม่เห็นคุ้นเลย” ชินซูฮวาเอ่ยถามเพื่อนสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ


“แทอีไง ได้ยินมาว่าเรียนดีและป๊อปในหมู่สาวๆ มาก เหมือนที่เธอป๊อปในหมู่หนุ่มๆ นั่นแหละ น้องเธอก็เก่งนะเนี่ยได้แทอีมาเป็นแฟนด้วย”


“ไม่ได้ยินที่เขาพูดเหรอว่ายังไม่ได้เป็นแฟนกัน” ชินซูฮวาตวาดใส่เพื่อนเล็กน้อย


“จ้า แม่คนหวงน้องสาว”


“ไม่ได้หวง แค่ห่วงต่างหาก”


ทั้งกลุ่มหัวเราะหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน เวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้มักทำให้พวกเธอดูสดใสร่าเริงอยู่เสมอ ในวัยนี้เป็นวัยที่มีความสุขมากจริงๆ แค่ใช้ชีวิตให้มีความสุขในแต่ละวันก็พอ


แทอีพาคังยูรีเดินขึ้นมายังดาดฟ้าของอาคารเรียน ชายหนุ่มยังคงกุมมือเด็กสาวไว้ แววตาจับจ้องไปที่คังยูรีด้วยความอาวรณ์


“เธอได้ยินที่พี่พูดกับพี่สาวเธอแล้วใช่มั้ย”


“เรื่องอะไรคะ”


“ก็ที่พี่สาวเธอถามว่าเราเป็นแฟนกันหรือยัง”


“อ่อ…” คังยูรียิ้มเขินเล็กน้อย


“ยูรี พี่เองก็ชัดเจนมาตลอดนะว่าพี่ชอบเธอ และตอนนี้พี่ก็บอกซูฮวาไปแล้วด้วยว่าพี่กำลังจีบเธออยู่ พี่อยากรู้ว่าพี่พอจะมีหวังบ้างมั้ย” ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา


คังยูรีค่อยๆ คลายมือออกจากมือชายหนุ่มที่จับอยู่ เด็กสาวเอามือไขว้หลังไว้ เผยรอยยิ้มให้ชายหนุ่มเล็กน้อย เธอรับรู้ได้ว่าที่ชายหนุ่มพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง เพราะเขาเองก็ชัดเจนมาตลอดว่าชอบเธอ


“ถ้าพี่รู้จักฉันมากกว่านี้พี่อาจไม่ชอบฉันก็ได้นะ ฉันไม่เหมือนคนทั่วไปที่เข้าใจอะไรง่ายๆ และฉันก็ไม่ได้ดูไร้เดียงสาเหมือนที่พี่คิดด้วย”


“ถ้าเธอจะพูดถึงเรื่องที่โรงเรียนเก่าของเธอพี่ไม่สนใจหรอก และพี่ก็เชื่อว่าเธอไม่ได้เป็นแบบนั้น”


“พี่รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอคะ”


“เธอคิดว่าพี่จะไม่ตามสืบเรื่องของคนที่พี่ชอบเลยเหรอ พอดีนาอึนกับแดอุนเล่าให้ฟังน่ะ เธออย่าไปโกรธพวกเขานะพี่เป็นคนจี้ถามพวกเขาเอง”


“จริงๆ ฉันมีเรื่องจะบอกพี่ด้วย ก่อนหน้านี้ที่ฉันไปไหนมาไหนกับพี่แค่อยากจะสืบข้อมูลบางอย่างจากพี่แค่นั้น”


“เธอกำลังบอกว่าเธอหลอกใช้พี่งั้นสิ เรื่องอะไรล่ะ พี่จะได้รู้ว่าควรเต็มใจให้เธอหลอกต่อไปมั้ย”


“พี่ไม่โกรธฉันเหรอคะ ทำไมถึงยังยิ้มได้อีก”


“ถึงเธอจะบอกว่าหลอกใช้พี่ แต่พี่ได้ใกล้ชิดกับเธอพี่ว่ามันก็คุ้มนะ ตกลงเรื่องอะไรล่ะ บอกพี่เถอะบางทีพี่อาจจะช่วยเธอได้นะ”


“ฉันกำลังหาครูผู้ชายที่มีรอยสักรูปผีเสื้อตรงข้อมือขวาค่ะ พอดีคนคนนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเพื่อนของฉัน ส่วนเกี่ยวข้องยังไงฉันคงบอกพี่ไม่ได้ พี่เข้าใจฉันนะคะ”


“อืม พี่เข้าใจและพี่จะไม่ถามเธอด้วย นี่คือเหตุผลที่เธอสะกดรอยตามครูจางวันนั้นใช่มั้ย”


“พี่นี่ฉลาดจริงๆ ” คังยูรีหลุดขำในความรู้ทันของชายหนุ่ม


“เท่าที่พี่รู้มา ครูโก ครูคิม ครูลี ไม่มีใครมีรอยสักที่ข้อมือสักคนนะ เพราะตอนว่ายน้ำด้วยกันไม่เห็นมีใครมีรอยสักเลย ส่วนครูจางเธอก็เห็นแล้วว่าไม่มี ส่วนครูพัคอันนี้ไม่แน่ใจ”


“แล้วพี่ไม่ได้สนิทกับครูพัคเหมือนครูคนอื่นๆ เหรอคะ”


“พี่ไม่ค่อยคุ้นเคยกับครูพัคเท่าไหร่ ครูเขาพึ่งย้ายมาเมื่อต้นเทอมนี้เอง ย้ายมาพร้อมครูจางนั่นแหละ รู้สึกว่าครูพัคจะสอนชั้นม.4นะ”


“ครูพัค หมายถึงครูพัคซานอูที่พวกนักเรียนหญิงกรี๊ดกร๊าดกันเหรอคะ”


“ใช่ คนนั้นแหละ ฮอตใช่มั้ยล่ะ ก็อย่างว่าหน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง แล้วเธอล่ะตามกรี๊ดครูพัคเหมือนนักเรียนพวกนั้นมั้ย”


“แล้วพี่เห็นฉันกรี๊ดมั้ยล่ะคะ” เด็กสาวยิ้มหยอก


คังยูรีครุ่นคิดถึงครูพัคที่พูดถึง เพราะตอนนี้ก็มีแค่ครูพัคซานอูที่เธอต้องพิสูจน์ว่ามีรอยสักรูปผีเสื้ออยู่ที่ข้อมือขวาหรือเปล่า เรื่องนี้เธอคงพึ่งพาแทอีเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้อีก เด็กสาวได้แต่ขบคิดว่าจะทำยังไงถึงเข้าใกล้ตัวครูพัคซานอูได้


“ยูรี!”


“คะ” คังยูรีสะดุ้งละออกจากความคิดเมื่อถูกแทอีสะกิดเรียก เด็กสาวลืมไปเสียสนิทว่าชายหนุ่มยังอยู่ตรงนี้ด้วย


“เป็นอะไร ใจลอยหาใครอยู่เหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยแซว เอ็นดูท่าทางของเด็กสาวอยู่ไม่น้อย


“เปล่าค่ะ งั้นเราลงไปกันเลยมั้ยคะจะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว”


“เดี๋ยวสิ ลืมไปแล้วเหรอว่าพี่มีอะไรจะให้ดู” ชายหนุ่มยิ้มหวาน ก่อนจะล้วงเอาสร้อยข้อมือลายดอกเดซีออกจากกระเป๋ากางเกงยื่นไปให้กับเด็กสาวที่ยืนอยู่


“สวยจัง พี่ให้ฉันเหรอคะ” คังยูรียื่นมือไปรับสร้อยข้อมือดังกล่าวขึ้นมาดู ก่อนจะถูกชายหนุ่มหยิบออกจากมือของเธอคืน แล้วสวมไปที่ข้อมือขวาของเธอแทน


“พี่ให้ พี่ทำเองเลยนะ พอดีมีพี่ที่สนิทเปิดร้านเครื่องประดับน่ะเลยขอเขาทำเอง กว่าจะประกอบเข้ากันได้ก็แทบแย่ พี่ไม่ถนัดเรื่องพวกนี้จริงๆ”


“แต่สวยมากเลยนะคะ งั้น…พี่ให้คนรู้จักพี่ซ่อมสร้อยเส้นนี้ให้ฉันได้มั้ยคะ จริงๆ วันนี้ฉันว่าจะเอาสร้อยไปซ่อมอยู่เหมือนกัน ค่าซ่อมเท่าไหร่พี่บอกฉันมาได้เลย” คังยูรีล้วงเอาสร้อยผลึกที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อให้แทอีดู


“ได้สิ ขาดตรงรอยต่อจี้เอง เดี๋ยวพี่จัดการให้” ชายหนุ่มยิ้มรับ


“ขอบคุณค่ะ”


“เอ่อ…ยูรี จริงๆ แล้ววันนี้พี่ตั้งใจจะขอเธอเป็นแฟนน่ะ พี่อยากใช้เวลาอยู่กับเธอให้มากกว่านี้ในฐานะแฟน วันเสาร์นี้พี่จะรอเธออยู่หน้าคาเฟ่ที่เราเคยไปด้วยกัน ถ้าเธอยอมเปิดใจให้พี่ เธอก็ไปหาพี่นะ” แทอีจ้องไปที่คังยูรีด้วยความสั่นไหว แววตาช่างเปล่งประกายนัก


“พี่แน่ใจแล้วเหรอคะว่าอยากคบฉันจริงๆ”


“พี่ชอบเธอ พี่ก็ต้องอยากคบกับเธอสิ เราเองก็รู้จักกันมาสักพักแล้วนะ พี่อยากรู้จักเธอให้มากขึ้นในฐานะแฟนไม่ใช่ฐานะเพื่อน”


ชายหนุ่มยิ้มด้วยความจริงใจ แววตาสั่นไหวมองไปที่คังยูรีด้วยความอาวรณ์ เขาหวังแค่ว่าเด็กสาวจะไม่ปฏิเสธ ถึงเขาและเธอพึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ชายหนุ่มก็มั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง และเท่าที่ดูมาคังยูรีเองก็ไม่ได้ดูปฏิเสธเขาซะทีเดียวอีกด้วย


คังยูรีก็เดินกลับมายังห้องเรียนของเธอหลังแยกจากแทอี เด็กสาวนั่งลงที่เก้าอี้มองไปที่สร้อยข้อมือที่ใส่อยู่ด้วยความพอใจ การมีใครสักคนมารู้สึกดีกับเธอเป็นเรื่องที่น่ายินดีแบบนี้นี่เอง บางทีการที่เธอย้ายมาอยู่ที่ยอซูก็คงเป็นเรื่องที่ตัดสินใจไม่ผิด ที่นี่มีทั้งเพื่อนที่จริงใจ มีครอบครัวที่อบอุ่น และยังมีผู้ชายที่ชอบเธอด้วย


ระหว่างที่เด็กสาวนั่งยิ้มอยู่นั้นก็เหลือบไปเห็นเพื่อนสาวร่วมห้องคนหนึ่งกำลังจ้องมาที่เธอด้วยสีหน้าเย้ยหยัน คังยูรีเองก็ไม่ชอบใจนักที่ถูกใช้สายตามองเช่นนี้


“เธอมีอะไรกับฉันหรือเปล่าโซรา ไม่พอใจอะไรก็บอกได้นะ”


“ทำไม มองนิดมองหน่อยไม่ได้หรือไง ฉันก็แค่มองคนที่กำลังมีความสุขแบบเธออยู่ไง ระวังนะมีความสุขมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทุกข์ใจมากกว่าเดิม” เด็กสาวยิ้มเยาะ ก่อนจะเบือนหน้าหนีเมื่อได้ยินเสียงออดดังขึ้นเพื่อแจ้งเวลาคาบเรียนต่อไป


คังยูรีไม่เข้าใจที่ฮันโซราพูดเท่าไหร่นัก เธอแค่ไม่ชอบใจที่เด็กสาวใช้สายตาเย้ยหยันเมื่อมองมาที่เธอมากกว่า ระหว่างขุ่นเคืองอยู่นั้นก็มีเสียงซุบซิบเจื้อยแจ้วดังอยู่รอบๆ ตัวเธอ เป็นเสียงของเหล่านักเรียนหญิงที่เหมือนกำลังดีใจกับเรื่องอะไรสักอย่าง ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนสาวคนสนิทของเธอที่นั่งอยู่ข้างๆ


“นาอึน มีอะไรกันเหรอ”


คังยูรีหันมองตามเพื่อนสาวที่ใช้สายตาหยาดเยิ้มจ้องไปยังหน้ากระดานดำที่มีชายคนหนึ่งยืนอยู่ เหมือนว่านักเรียนหญิงในห้องของเธอจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดูจะพอใจกับรูปลักษณ์ของชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าห้องเป็นอย่างมาก


“สวัสดีนักเรียนทุกคนนะ จริงๆ ครูควรจะมาแนะนำตัวกับพวกเธอตั้งแต่เช้าแล้วแต่ติดธุระ ต่อไปนี้ครูจะย้ายมาสอนชั้นเรียนของพวกเธอ และจะมาเป็นครูประจำชั้นห้องเธอแทนครูจองที่ย้ายออกไปด้วย พวกเธอคงได้เจอครูบ้างแล้วใช่มั้ย งั้น…ครูขอแนะนำตัวก่อนแล้วกัน”


ครูหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าห้องเรียนเอ่ยทักทายเหล่านักเรียนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและเป็นมิตร ก่อนจะเดินไปหยิบช็อกเขียนชื่อตัวเองไว้บนกระดานดำให้นักเรียนทุกคนได้เห็น คังยูรีจ้องไปที่ตัวอักษรตัวใหญ่ที่เขียนไว้บนกระดานดำ เธอพึ่งได้ยินชื่อนี้มาเมื่อสักครู่นี่เอง


“ครูชื่อ พัค-ซาน-อู ต่อไปนี้ก็เอ็นดูครูหน่อยแล้วกันนะ”


ครูหนุ่มยิ้มหวานตบท้ายเพื่อทักทายเหล่านักเรียนที่อยู่ในห้องอีกครั้ง นักเรียนหญิงทุกคนต่างชอบใจเป็นอย่างมากที่ได้ครูหน้าตาหล่อเหลามาสอนแถมยังเป็นครูที่ปรึกษาของห้องอีก


แต่ก็มีแค่คังยูรีเท่านั้นที่ไม่ได้เห็นชอบเหมือนเพื่อนสาวคนอื่นๆ เด็กสาวจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลานั้นด้วยความรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก บางทีเธอแค่รู้สึกกลัวขึ้นมาเพราะเขาจะเป็นรายต่อไปที่เธอต้องตามสืบก็เป็นได้


คังยูรีจ้องไปที่ข้อมือขวาของครูหนุ่มที่มีแขนเสื้อเชิ้ตบดบังไว้อีกที บางทีรอยสักรูปผีเสื้ออาจจะอยู่ใต้แขนเสื้อที่ครูหนุ่มสวมใส่อยู่ก็ได้