นิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
แฟนตาซี,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เกาหลี,รัก,อาคม,รักสามเศร้า,รักข้ามภพ,ลึกลับ,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
The Promised พรากสัญญานิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
The Promised พรากสัญญา
คังยูรีเล่าเรื่องของจองวานให้คังเยนาฟังอย่างละเอียด แต่เหมือนความพยายามของเธอจะไม่เป็นผล คังเยนายังคงจำเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับจองวานไม่ได้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่พอได้ยินชื่อชายหนุ่มก็ทำให้เธอน้ำตาไหล โดยเธอเองก็ไม่เข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน
“เธอจำได้ใช่มั้ยถึงร้องไห้แบบนี้” คังยูรีเอ่ยถามอย่างมีความหวัง
“จำไม่ได้ แต่ฉันรู้สึกเศร้ายังไงไม่รู้เมื่อได้ยินชื่อเขา ยูรี…ฉันอยากเจอเขาแล้ว เขาจะมาตอนไหนเหรอ"
“วันเสาร์นี้ เธอรอหน่อยนะ ฉันเองก็ลืมถ่ายรูปเขามาให้เธอดู ทำไมตอนนั้นถึงคิดไม่ถึงนะ บางทีถ้าเธอเห็นเขาอาจจะจำเขาได้ก็ได้”
“อืม งั้น…ฉันจะรอเขามาที่นี่แล้วกัน” คังเยนาพยักหน้าตอบรับ
เมื่อได้เวลาเลิกเรียน ชาฮีจูเดินไปส่งคังยูรีกลับบ้านของเธอ ระหว่างทางชายหนุ่มแอบชำเลืองมองเด็กสาวตลอด ชาฮีจูรู้สึกได้ถึงความกังวลของคังยูรีที่มีต่อคังเยนา
“ปล่อยเยนาไปก่อน บางทีถ้าได้อยู่กับตัวเองอาจจะคิดอะไรออกบ้าง”
“ฉันก็หวังให้มันเป็นแบบนั้น ตอนพี่จองวานมาที่นี่เราก็น่าจะได้รู้อะไรมากขึ้น ไหนๆ ก็พูดเรื่องนี้แล้ว ฉันอยากถามหน่อย ไหนคุณบอกว่าไปไม่ได้ไง แล้วทำไมคุณถึงไปอยู่กับฉันที่โซลได้ล่ะ”
“เธอรู้ด้วยเหรอว่าฉันอยู่ที่นั่น”
“รู้สิ บรรยากาศตอนนั้นก็มีแต่คุณที่ทำได้”
“แต่เธอหลับสนิทซะขนาดนั้นฉันก็คิดว่าเธอจะไม่รู้ซะอีก”
“ฉันไปหลับตอนไหน ตอนคุยกับพี่จองวานฉันไม่ได้หลับสักหน่อย ทำไม…พอฉันจับได้ก็กลัวเสียหน้าหรือไงถึงเฉไฉไปเรื่อย”
ชาฮีจูชะงักกับคำพูดของเด็กสาวนัก ตกลงเธอกำลังพูดถึงตอนไหนอยู่กันแน่ ชายหนุ่มหันมาสบตาเด็กสาวด้วยความข้องใจ
“นั่นไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้ไปบ้านหลังนั้น”
“อย่ามาโกหกน่า ฉันมั่นใจนะว่าฉันรู้สึกได้ถึงคุณ บรรยากาศพวกนั้นมันเหมือนตอนที่ฉันอยู่กับคุณชัดๆ ถ้าไม่ใช่คุณแล้วเป็นใคร”
“อาจจะเป็นผู้ส่งสารตนอื่นละมั้งเธอถึงสัมผัสได้”
“แล้วผู้ส่งสารจะไปอยู่ที่นั่นทำไม เขาตามฉันไปทำไม” คังยูรีเบิกตาโต พอได้ยินแบบนั้นก็เริ่มหวาดหวั่นขึ้นมาเล็กน้อย
ชาฮีจูยืนนิ่งครุ่นคิด จู่ๆ ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณอาฆาตที่กำลังตรงดิ่งมาทางเขาและคังยูรี ชาฮีจูรีบเอาตัวกำบังเด็กสาวเอาไว้เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย เพราะพลังงานที่เขาสัมผัสได้นั้นดูมีไฟโทสะอยู่ไม่น้อย
“เขามาแล้ว” แววตาชาฮีจูจับจ้องไปยังบางอย่างที่อยู่ตรงหน้า
“มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ ใครมา?” เด็กสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะท่าทีของชาฮีจูในตอนนี้ดูกังวลเป็นอย่างมาก แววตาของชายหนุ่มก็ดูแข็งกร้าวจนเด็กสาวเองก็รู้สึกหวั่น
“ผู้ชายคนที่เธอคุยด้วยไง เขาอยู่ที่นี่แล้ว เขาตามเธอมาตั้งแต่เมื่อวาน”
“คุณหมายถึงใคร ผู้ส่งสารที่อยู่บ้านพี่จองวานเหรอ พูดอะไรให้ฉันเข้าใจหน่อยสิ คุณกำลังทำให้ฉันกลัวนะ "
“คนที่ชื่อจองวานต่างหาก ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว”
"จะเป็นไปได้ไง ไหนล่ะ…ทำไมฉันไม่เห็นเขาเลย” คังยูรีหันมองซ้ายมองขวาหาชายดังกล่าว แต่เธอก็ไม่เห็นว่าชายหนุ่มจะอยู่ที่นี่ตามที่ชาฮีจูบอกสักนิด
“คังยูรี ผู้ชายคนนั้นตายไปแล้ว คนที่เธอคุยด้วยไม่ใช่คน”
“คุณว่าอะไรนะ” คังยูรีถลาถอยหลังด้วยความตกใจ เธอไม่อยากจะเชื่อว่าจองวานที่เธอคุยด้วยจะไม่ใช่คน
ระหว่างที่คังยูรีตื่นตระหนกและสับสนอยู่นั้น วูบหนึ่งก็มีกลุ่มหมอกสีดำวิ่งเข้าสู่ร่างของเธออย่างไม่ทันตั้งตัว บรรยากาศรอบๆ ก็ค่อยๆ มืดลงจนเห็นทัศนียภาพรอบตัวไม่ชัดเจน ชาฮีจูรีบหันกลับมาหาเด็กสาวในทันที เขารับรู้ได้ว่าเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ไม่ใช่คังยูรีอย่างแน่นอน
“ออกจากร่างเธอเดี๋ยวนี้นะ” ชาฮีจูตวาดไปที่ดวงวิญญาณที่กำลังใช้ร่างของคังยูรีอยู่ตอนนี้
“ไม่ จนกว่าคุณจะรับปากว่าจะช่วยเยนา” เสียงผู้ชายที่อยู่ในร่างคังยูรีเอ่ยด้วยความดุดัน เขาไม่กลัวชาฮีจูแม้แต่สักนิด
“นายกำลังทำร้ายคนที่ช่วยเยนาอยู่นะ ถ้าเธอเป็นอะไรไปแล้วใครจะช่วยเยนา”
“ฉันไม่เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะช่วยเยนาได้ ฉันตามติดเธอตั้งแต่เมื่อวาน ไม่เห็นว่าเธอจะทำอะไรได้เลย และอีกอย่างทำไมเยนาถึงจำฉันไม่ได้ เธอไม่มีวันลืมฉันแน่นอน”
“ฉันบอกให้ออกจากร่างยูรีเดี๋ยวนี้ อย่าให้ฉันต้องหมดความอดทน นายไม่เห็นเหรอว่ายูรีสามารถมองเห็นนาย มองเห็นฉันได้ เธอไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป เธอต้องช่วยเยนาได้แน่ ถ้านายไม่ยอมหยุดฉันจะเรียกซองชิลมาตอนนี้ นายอยากโดนซองชิลกำจัดก่อนที่จะช่วยเยนาได้เหรอ”
จองวานที่อยู่ในร่างคังยูรีนิ่งเงียบไป พอเอ่ยถึงซองชิลขึ้นมาก็ทำให้วิญญาณหนุ่มหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย แววตากลมโตแดงก่ำนั้นก็ค่อยๆ คลายลง ถ้าเขาถูกนักล่าวิญญาณอย่างซองชิลกำจัดก็คงจบสิ้นกันแน่
สักครู่ร่างบางของคังยูรีค่อยๆ ล้มลง ชาฮีจูรีบเข้าไปโอบประคองร่างของเด็กสาวไว้ในทันที ตอนนี้เธอยังคงไม่รู้สึกตัวอยู่ในอ้อมแขนของชาฮีจู
“คุณเป็นห่วงเธอมากสินะ เมื่อวันก่อนที่เธอไปหาผมมีบางอย่างในตัวเธอที่ทำให้ผมไม่สามารถเข้าใกล้เธอได้ แต่พอวันนี้ไม่มีแล้ว เด็กผู้หญิงคนนี้น่าจะมีของบางอย่างคุ้มกันอยู่”
“แต่นายก็ใช้โอกาสตอนที่เธอไม่มีสิ่งนั้นเข้าสิงร่างเธองั้นเหรอ ถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมาฉันไม่ปล่อยนายแน่”
“ผมขอโทษ ผมแค่อยากช่วยเยนา” ดวงวิญญาณหนุ่มรู้สึกผิด
ชาฮีจูอุ้มคังยูรีไปนอนพิงต้นไม้ที่ตั้งอยู่ข้างทาง ชายหนุ่มยื่นมือไปหยุดอยู่ตรงใบหน้าเด็กสาวที่หลับอยู่ จากนั้นก็ค่อยๆ หลับตาใช้พลังวิญญาณของตัวเองร่ายไปที่คังยูรีเพื่อให้เธอได้รู้สึกตัว
ไม่นานนักคังยูรีก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา พอเห็นเป็นชาฮีจูก็เผยรอยยิ้มด้วยความโล่งใจ ไม่ทันได้ลุกขึ้นสายตาก็เหลือบไปเห็นจองวานที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก ด้วยความหวาดกลัวเด็กสาวรีบดึงแขนเสื้อของชาฮีจูเพื่อให้ชายหนุ่มบังตัวเธอเอาไว้
“ไม่เป็นไรแล้ว เขาไม่ทำอะไรแล้ว” ชาฮีจูเอ่ยปลอบเด็กสาวที่หลบอยู่ข้างหลัง
“ฉันกลัว คุณบอกว่าเขาตายแล้ว งั้นเขาก็เป็นผีนะสิ”
“เมื่อวานเธอไม่เห็นกลัวฉันเลย ทำไมตอนนี้ถึงกลัวได้ล่ะ” จองวานเดินตรงมาหาคังยูรีแต่ก็ถูกชาฮีจูขวางเอาไว้ ดูเหมือนว่าเธอเองก็ยังมีท่าทีหวาดกลัวอยู่
“ก็ตอนนั้นฉันคิดว่าพี่เป็นคน และเมื่อกี๊พี่ก็จะทำร้ายฉันด้วย”
“ฉันเปล่านะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเธอ อีกอย่างคนที่เธอใช้เป็นเกราะกำบังเขาก็ตายแล้วเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอถึงไม่กลัวล่ะ” จองวานชี้ไปที่ชาฮีจู เพราะพูดกันตามจริงเขาและชาฮีจูต่างก็เป็นคนที่ตายกันไปแล้วด้วยกันทั้งคู่
ชาฮีจูหันกลับมามองคังยูรีในทันที ชายหนุ่มเองก็อยากรู้คำตอบนี้เหมือนกัน เพราะทุกครั้งที่เขาอยู่กับเธอ เธอก็ไม่เคยแสดงท่าทีความหวาดกลัวออกมาให้เห็น บางครั้งยังเรียกหาให้เขาปรากฏตัวด้วยซ้ำ
คังยูรีค่อยๆ ปล่อยมือที่จับแขนเสื้อชาฮีจูออก เธอลุกขึ้นยืนโดยมีชาฮีจูประคองช่วยอีกแรง เด็กสาวมองชาฮีจูพร้อมกับเผยรอยยิ้มเล็กน้อย เรื่องนี้เธอก็เองก็หาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน
“ช่างเรื่องนี้เถอะค่ะ ฉันอยากรู้เรื่องพี่มากกว่า ตอนนั้นที่ฉันอยู่กับพี่ ยังมีคนอื่นอยู่ด้วยใช่มั้ยคะ”
“ใช่ ฉันคิดว่าเธอมองเห็นผู้ส่งสารนั้นซะอีก”
“ฉันแค่รู้สึกได้ค่ะ เขาคงไม่ได้กางร่มสีแดงอยู่มั้งฉันเลยมองไม่เห็น แต่ฉันไม่เข้าใจเรื่องหนึ่ง แม่ของพี่ก็เห็นพี่เหมือนกันเหรอคะ”
“ไม่เห็นหรอก แม่ฉันแค่ยอมรับความสูญเสียไม่ได้เลยทำทุกอย่างเหมือนว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ แม้แต่ในวันที่เผาฉัน แม่ยังทำแค่พิธีเล็กๆ ไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันตายไปแล้วด้วยซ้ำ”
“อย่างนี้ใช่มั้ยคะพี่ถึงปล่อยวางไม่ได้เลยกลายเป็นวิญญาณอาฆาตอยู่แบบนี้ เมื่อกี๊ฉันสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตของพี่ มันทำให้ฉันกลัวมาก”
“ฉันขอโทษเธอด้วยนะที่ทำให้เธอกลัว แต่ที่ฉันข้ามผ่านไปไม่ได้ไม่ใช่แค่เรื่องแม่แต่เป็นเรื่องของเยนาด้วย ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงจำเรื่องของฉันไม่ได้”
“เรื่องนี้พวกเราก็กำลังหาคำตอบอยู่ เยนาจำอะไรไม่ได้เลยนอกจากชื่อของตัวเอง” ชาฮีจูเอ่ยแทรกขึ้นมาบ้าง
หลังจากนั้นทั้งสามก็อยู่พูดคุยและปรึกษากันเรื่องที่จะหาวิธีช่วยคังเยนา จองวานเองก็เล่าเรื่องของคังเยนาตั้งแต่เขารู้จักเธอครั้งแรกให้ทั้งสองฟังเพิ่มเติม เผื่อว่าจะเป็นเบาะแสเอาไปสืบค้นเรื่องของเธอได้
“พี่จองวาน ฉันถามอะไรหน่อยได้มั้ยคะ เกิดอะไรขึ้นกับพี่กันแน่” คังยูรีเอ่ยถามจองวานอย่างกล้าๆ กลัวๆ เธอเองก็ไม่รู้ว่าถามคำถามนี้กับเขาไปเป็นเรื่องสมควรมั้ย
“สองอาทิตย์ก่อน ฉันเจอแฟนของเยนา ฉันเลยแอบสะกดรอยตามไปจนเจอเขาอยู่กับใครอีกคนซึ่งฉันก็มองเห็นไม่ชัดรู้แค่ว่าเป็นผู้หญิง ฉันรู้มาว่าแฟนของเยนาจะมีรอยสักรูปผีเสื้อที่ข้อมือขวา เคยเห็นรูปที่มือถือเยนาน่ะ ทุกรูปที่ถ่ายไว้จะเห็นแค่มือของเขา ส่วนหน้าตาเขาเป็นยังไงฉันก็ไม่เคยเห็นชัดสักที เห็นแค่ไกลๆ ตอนที่เขาขับรถไปส่งเยนาที่บ้าน แต่ที่ฉันตามเขาไปเพราะฉันจำรถที่เขาขับได้ มันเป็นรถคันเดียวกันที่ไปรับไปส่งเยนาตลอด”
“แปลกจังทำไมต้องปิดบังใบหน้าไม่ให้ใครรู้ด้วย”
“เยนาบอกว่าเป็นรักที่เปิดเผยไม่ได้เพราะผู้ชายคนนั้นเป็นครู ส่วนเธอก็ยังเป็นนักเรียนอยู่ เวลาเธอลงรูปก็จะลงแบบที่เห็นหน้าเธอคนเดียว”
“เป็นครูเหรอคะ แล้วไม่มีครูคนไหนมีรอยสักนั้นเลยเหรอ”
“ฉันตามสืบดูแล้ว ไม่ว่าจะโรงเรียนฉัน หรือโรงเรียนที่อยู่แถวนั้นก็ไม่มีครูที่มีรอยสักแบบนั้นสักคน”
“บางที เขาอาจจะเป็นครูที่โรงเรียนเธอก็ได้นะ” ชาฮีจูเอ่ยแทรกขึ้นมา ชายหนุ่มมองไปที่คังยูรีด้วยความครุ่นคิด
คำพูดของชาฮีจูใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเรื่องทุกอย่างมันดูจะบังเอิญแบบตั้งใจไปซะหมด ที่สำคัญ…ดวงวิญญาณของคังเยนาก็ถูกจองจำอยู่ที่โรงเรียนของเธออีกด้วย บางทีร่างของคังเยนาอาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่งในโรงเรียนของเธอตามที่ชาฮีจูพูดมาก็เป็นไปได้
“ใช่แล้ว” เด็กสาวนึกอะไรบางอย่างออก แววตามีความมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก
“อะไร?” ชาฮีจูเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“บางทีร่างของเยนาอาจจะอยู่ที่โรงเรียนยองคังจริงๆ นั่นแหละ คิดดูสิ เธอไม่สามารถออกไปที่อื่นได้เลย เหมือนเธอถูกจองจำอยู่ที่นั่นตลอด จริงสิ! เธออาศัยอยู่ห้องสมุดตลอด เป็นไปได้มั้ยที่ร่างของเธอจะอยู่สักที่ของห้องสมุด” เด็กสาวกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“ห้องสมุดมันก็ห้องโล่งๆ อย่าว่าแต่ขังคนเลย ถ้ามีแมวสักตัวเข้าไปก็น่าจะรู้แล้ว และอีกอย่างถ้าร่างเยนาอยู่ที่ห้องสมุดจริง หรือต่อให้อยู่ที่โรงเรียนฉันต้องสัมผัสได้สิ” ชาฮีจูตอบกลับ เพราะจริงอย่างที่เขาพูด ถ้าคังเยนาอยู่ที่โรงเรียนยองคังจริงมีหรือที่เขาจะสัมผัสไม่ได้ว่าหญิงสาวอยู่ที่ไหน
คำพูดของชาฮีจูเหมือนตัดความหวังของคังยูรีไปจนหมดสิ้น เพราะเธอก็ลืมนึกไปว่าชาฮีจูไม่ใช่คนปกติทั่วไปเหมือนกับเธอ ถ้าคังเยนาอยู่ใกล้ๆ เขาคงหาตัวเธอเจอไปนานแล้ว
“นี่ แต่เรายังมีความหวังนะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น” ชาฮีจูเอ่ยปลอบใจเมื่อเห็นว่าเด็กสาวดูสิ้นหวัง เขาเองก็ปากไวไปหน่อย
ถึงจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ชาฮีจูเองก็คิดว่าสิ่งที่คังยูรีพูดมานั้นอาจจะเป็นไปได้เหมือนกัน เพราะมันมีจุดแปลกอยู่หลายอย่างที่ชวนสงสัย ทั้งๆ ที่ดวงวิญญาณคังเยนาก็อยู่ที่โรงเรียนยองคัง แต่ทำไมเขาถึงไม่พบเบาะแสที่เกี่ยวกับเธอเลยสักนิด
“พี่จองวาน พี่ยังไม่บอกฉันเลยนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่แล้วทำไม…”
“ยูรี บางเรื่องเธอก็ไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ กลับบ้านดีกว่าเดี๋ยวฉันไปส่ง” ชาฮีจูเอ่ยขัดขึ้น เขาไม่เห็นด้วยที่เด็กสาวเอาแต่ย้ำถึงสาเหตุการตายของจองวาน
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีอะไรต้องปิดบัง คืนที่ฉันตามผู้ชายคนนั้นไปนั่นแหละเลยเป็นจุดจบของชีวิตฉัน ระหว่างที่ฉันแอบดูพวกเขาอยู่แม่ฉันก็โทรเข้ามาพอดี ฉันเองที่สะเพร่าลืมปิดมือถือไว้พวกนั้นเลยเห็น พอโดนจับได้ก็วิ่งหนีสุดชีวิต วิ่งข้ามถนนโดยไม่ทันระวัง รู้สึกตัวอีกทีก็นอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นแล้ว ลมหายใจที่มีก็ค่อยๆ หมดลง จนตอนนี้ก็ยังรู้สึกผิดต่อแม่มาก ไม่แปลกใจเลยที่แม่จะปล่อยวางเรื่องฉันไปไม่ได้ เพราะทุกอย่างมันกะทันหันมากจริงๆ”
คังยูรีกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เรื่องราวของจองวานทำให้เธอรู้สึกเห็นใจและสงสารเป็นอย่างมาก ไหนจะตัวเขาที่ด่วนมาจากไปโดยไม่ทันตั้งตัว ไหนจะแม่ของเขาอีกที่เฝ้ารอผู้เป็นลูกชายกลับบ้านทุกวัน ความรู้สึกนี้เธอเข้าใจดี เธอเคยผ่านมันมาก่อน กว่าเธอจะผ่านมันมาได้ก็เจ็บปวดทรมานมากเหลือเกิน
หลังจากพูดคุยกันเรียบร้อย ชาฮีจูก็อาสาเดินมาส่งคังยูรีกลับบ้านอย่างที่พูดเอาไว้ ชายหนุ่มมองดูใบหน้าที่โศกเศร้าของคังยูรีด้วยความเป็นห่วง เขารู้ว่าเด็กสาวยังคงนึกถึงเรื่องราวของจองวานอยู่
“เลิกคิดถึงเรื่องคนอื่นได้แล้ว ทุกอย่างมันถูกกำหนดมาแล้วทั้งนั้น การตายของจองวานก็เหมือนกัน”
“ทำไมโชคชะตาถึงชอบเล่นงานคนดี ส่วนพวกชั่วๆ เห็นอยู่เกลื่อนเต็มไปหมด” เด็กสาวตัดพ้อ
“เธอรู้ได้ไงว่าใครดีใครชั่ว เที่ยวไปตัดสินคนอื่นแบบนี้มันไม่ถูกรู้มั้ย”
“อย่างน้อยก็มีคนหนึ่งและที่ไม่ดี คนที่จับตัวเยนาไปไง ถ้าเขาดีจริง เราคงเจอร่างเธอไปนานแล้ว ว่าแต่…แล้วพี่จองวานตอนนี้เขาไปไหนเหรอ”
“คงจะไปแอบดูเยนาที่ห้องสมุดแหละมั้ง”
“นี่ก็อีกเรื่องที่ฉันกังวล ถ้าเยนารู้ว่าพี่จองวานตายไปแล้วเธอต้องเสียใจมากแน่ๆ โลกนี้ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด”
“โลกมันก็เป็นแบบนี้แหละ ว่าแต่…เธอยังไม่ตอบเลยนะเรื่องที่จองวานถามน่ะ"
“เรื่องอะไร?” เด็กสาวเลิกคิ้วถาม
“ก็ฉันเป็นคนที่ตายไปแล้วเหมือนจองวาน แต่ทำไมเธอถึงไม่กลัวฉันล่ะ”
คังยูรีชะงักเล็กน้อยกับคำถามของชาฮีจู เด็กสาวหยุดอยู่กับที่หันมาสบตาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา
“คุณจำไม่ได้เหรอ ครั้งแรกที่ฉันเจอคุณ ฉันตกใจแค่ไหน”
“ก็แค่ตกใจ ไม่ได้รู้สึกกลัวเหมือนที่เธอกลัวจองวานไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มหยั่งเชิง เขาเองก็อยากรู้คำตอบของเธอเช่นกัน
“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมถึงไม่กลัวคุณ ฉันรู้แค่ว่าถ้ามีคุณอยู่ใกล้ๆ แล้วรู้สึกอุ่นใจ รู้สึกปลอดภัย เหมือนมีเทวดาประจำตัวคอยปกป้อง แต่ก็รู้สึกเสียใจในเวลาเดียวกันด้วย”
“เสียใจเรื่องอะไร” ชาฮีจูจ้องไปที่นัยน์ตาของคังยูรีอย่างจริงจัง จะมีเรื่องอะไรของเขาที่ให้เธอรู้สึกเสียใจได้ด้วย
“ฉันเสียใจที่ความเป็นจริงคุณกับฉันอยู่คนละโลกไง ฉันไม่สามารถสัมผัสถึงคุณได้ในชีวิตจริง และฉันรู้ วันหนึ่งฉันกับคุณต้องจากกัน จากกันโดยที่ฉันไม่สามารถไปเจอคุณได้อีก ชาฮีจู….มันมีเวทมนตร์อะไรมั้ยที่ทำให้คนตายกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง”
คังยูรีจ้องไปที่ดวงตาของชายหนุ่มด้วยความจริงใจ เธอปรารถนาให้มันเป็นไปอย่างที่เธอได้ลั่นวาจาออกมา ถ้าชายหนุ่มที่ยืนตรงหน้าเธอตอนนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้งคงจะดี
“คนตายที่ไหนจะฟื้นคืนชีพได้ พูดอะไรไร้สาระ อ้อ…มีอีกเรื่องที่ฉันอยากรู้ จองวานบอกว่าเธอมีบางอย่างที่คอยคุ้มครองเธออยู่ เธอรู้มั้ยว่ามันคืออะไร อะไรบางอย่างที่วันนี้เธอไม่ได้พกมันติดตัวมาด้วย”
“เหรอ ไม่รู้สิฉันคิดไม่ออกน่ะ มันมีของแบบนั้นอยู่กับตัวฉันด้วยเหรอ”
“ยูรี ฉันเองก็สัมผัสได้เหมือนกับจองวาน เธอเคยรู้สึกมั้ยว่าอยู่ๆ ก็รู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกปลอดภัยอะไรแบบนี้”
“นั่นเป็นเพราะคุณไม่ใช่เหรอ ฉันรู้สึกแบบนี้อยู่ก็ตั้งแต่ที่อยู่คยองกีแล้ว ก็เป็นตอนที่ฉันเริ่มรู้จักคุณนั่นแหละ”
“เธออย่าลืมสิว่าฉันไม่ได้อยู่กับเธอตลอดเวลา ตอนที่เธออยู่บ้านจองวานฉันก็ไม่ได้อยู่ด้วย ที่ฉันถามไม่ใช่อะไรหรอกนะ ถ้ามันมีของสิ่งนั้นที่ปกป้องเธอได้จริงๆ มันจะดีกับเธอมาก เธอจะปลอดภัยจากพวกวิญญาณอาฆาตร้ายได้ ฉันอยากให้เธอลองนึกดู”
“ก็ได้ๆ เดี๋ยวฉันพยายามหาคำตอบแล้วกัน