นิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
แฟนตาซี,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เกาหลี,รัก,อาคม,รักสามเศร้า,รักข้ามภพ,ลึกลับ,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
The Promised พรากสัญญานิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
The Promised พรากสัญญา
หลังจบคาบเรียน คังยูรีก็รีบวิ่งตรงยังห้องเรียนของชินซูฮวาด้วยความร้อนใจ เด็กสาวรู้สึกใจคอไม่ดีกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคนรอบตัวของเธอ และคนที่อยู่ใกล้ตัวเธอมากที่สุดตอนนี้ก็คงจะเป็นชินซูฮวาผู้เป็นพี่สาว
“มีอะไร?” ชินซูฮวารีบเอ่ยถามคังยูรีที่มีท่าทีตื่นตระหนก เด็กสาวเอาแต่จ้องมาที่เธอจนเธอเองก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
“พี่ไม่เป็นไรใช่มั้ย” คังยูรีเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง พอเห็นว่าผู้เป็นพี่สาวไม่ได้เป็นอะไรก็เบาใจไปได้บ้าง
“ฉันจะเป็นอะไรได้ล่ะ จู่ๆ ก็วิ่งหน้าตาตื่นมาหาฉันแบบนี้ตกลงเธอเป็นอะไรกันแน่” ชินซูฮวาถามกลับ หญิงสาวยังคงเป็นกังวลเมื่อเห็นท่าทีของคังยูรีที่ดูแปลกไป
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วค่ะ งั้นฉันกลับเข้าห้องเรียนก่อนนะ” คังยูรียิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันกลับแล้วเดินออกจากห้องเรียนของชินซูฮวาไป
คังยูรียังไม่สามารถวางใจได้ เด็กสาวรีบใช้มือถือโทรออกหาผู้เป็นป้าทันที อย่างน้อยถ้าป้าของเธอไม่ได้เป็นอะไรก็จะทำให้เธอเบาใจลงได้มากกว่าเดิม และก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นเพราะป้าของเธอในตอนนี้กำลังทำงานอยู่ตามปกติ แต่ทำไมเธอถึงยังรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่อีก และวูบหนึ่งในความรู้สึกนั้นเด็กสาวก็นึกถึงคังเยนาขึ้นมา
คังยูรีรีบวิ่งไปที่ห้องสมุดทันที พอถึงห้องสมุดก็ไม่เจอคังเยนาเหมือนเช่นทุกครั้ง เด็กสาวเองก็เริ่มใจคอไม่ดี หรือที่เธอรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่ตอนนี้จะเกี่ยวข้องกับคังเยนา
ณ ห้วงนิมิต
ชาฮีจูพาดวงวิญญาณคังเยนามาที่พำนักของตัวเองในห้วงนิมิต ชายหนุ่มมองดูดวงวิญญาณของหญิงสาวที่นอนไม่รู้สึกตัวอยู่ที่บนเตียงด้วยความเป็นกังวล
ชาฮีจูได้แต่ครุ่นคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับคังเยนากันแน่ และเหตุใดเธอถึงยังไม่ฟื้นอีก จังหวะที่ครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อยอยู่นั้นอยู่ๆ คังเยนาก็ลืมตาขึ้นมาและดีดตัวลุกขึ้นนั่งในทันที หญิงสาวเอามือทาบไปที่บริเวณต้นคอตัวเอง แต่แปลกใจมากที่ตอนนี้เธอไม่รู้สึกเจ็บอะไรแล้ว
“ฟื้นแล้วเหรอ” ชาฮีจูรีบเข้ามาถามไถ่หญิงสาวด้วยความเป็นห่วง
“ฉันอยู่ที่ไหนเหรอ ทำไมฉันไม่เคยเห็นที่นี่มาก่อน”
คังเยนาไม่ได้สนใจคำถามของชาฮีจูเลย เธอเอาแต่มองสำรวจรอบๆ ตัวเพราะรู้สึกแปลกตาและประหลาดใจเมื่อเห็นบรรยากาศที่อยู่รอบตัวโดยไม่สนใจชายหนุ่มสักนิด
คังเยนาลุกออกจากเตียงเพื่อเดินสำรวจด้วยความอยากรู้ รอบๆ ตัวเธอมีทั้งต้นไม้ ดอกไม้ ไหนจะลำธารที่ไหลตัดผ่านมาอีก ที่นี่ดูเหมือนโลกในจินตนาการที่เธอเคยวาดฝันเอาไว้สมัยยังเด็กนัก
“ฮีจู คุณอยู่ที่นี่เองเหรอ คุณสร้างมันขึ้นมาได้ไงมันสวยมากๆ สวยอย่างกับภาพวาดเลย” หญิงสาวยังคงตกตะลึงกับบรรยากาศรอบตัวที่เห็น พื้นหญ้าที่เธอกำลังเหยียบย่ำอยู่ช่างละมุนเท้าและผ่อนคลายยิ่งนัก
“มันใช่เรื่องที่เธอจะต้องสนใจมั้ย ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง” ชายหนุ่มย้ำถามด้วยความเป็นห่วง แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะไม่ได้กังวลเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองเลยสักนิด
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้ไม่รู้สึกเจ็บแล้วด้วย” คังเยนารีบตอบกลับเมื่อเห็นท่าทีเป็นกังวลของชาฮีจู
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันว่าเราต้องรีบหาร่างเธอให้เจอโดยเร็วที่สุดเพราะไม่รู้ต่อไปจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอบ้าง”
“อืม..เข้าใจแล้ว” คังเยนายิ้มรับ ก่อนจะละสายตาออกจากชายหนุ่มและมองสำรวจบรรยากาศรอบๆ ตัวต่อ เธอยังคงให้ความสนใจกับทัศนียภาพที่สวยงามที่อยู่ตรงหน้า
“เธออยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน ตอนนี้วิญญาณเธออ่อนแอมาก ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอฉันจะได้รู้”
“ฮีจู…ตอนนี้ฉันฝันอยู่ใช่มั้ย เพราะถ้าเป็นความจริงฉันก็คงจะติดอยู่ที่ห้องสมุดนั่นออกไปไหนไม่ได้ แต่ถ้านี่เป็นความฝันฉันก็ไม่รู้สึกอยากตื่นขึ้นมาเลย ได้อยู่ในสถานที่สวยงามแบบนี้ก็ดูเข้าท่าดีเหมือนกันนะ”
“เธอพูดอะไรออกมา คนที่ตายแล้วเท่านั้นถึงจะทำแบบนั้นได้ อย่าบอกนะว่าเธอไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตของเธอแล้ว”
“ฉันก็แค่พูดเผื่อๆ ไว้น่ะ ตัวฉันอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ฉันเป็นใครก็ไม่รู้ บางครั้งการที่สวรรค์ให้ฉันลืมความทรงจำไปอาจจะไม่อยากให้ฉันกลับไปใช้ชีวิตอีกครั้งก็ได้”
“เยนา โลกข้างนอกนั่นยังมีอะไรอีกมากมายให้เธอเจอ เธออายุยังน้อย ยังมีเวลาอีกมากที่จะทำอะไรที่เธออยากทำ บางคนไม่ได้มีโอกาสเหมือนเธอ เมื่อเธอมีโอกาสตรงนี้แล้วฉันก็อยากให้เธอคว้ามันเอาไว้ ฉันรู้ว่าเธอกลัว เธอกังวล แต่ฉันสัญญาว่าฉันจะช่วยเธอ เธอยังมีฉันและก็ยังมีคังยูรี อย่าคิดแม้แต่จะยอมแพ้รู้มั้ย”
“ขอโทษนะ ฉันนี่มันอ่อนแอจริงๆ ”
หญิงสาวน้ำตาคลอ เธอยอมรับว่าเธอเป็นกังวลมากจนทำให้รู้สึกกลัว ยิ่งมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ยิ่งทำให้คิดมากกว่าเดิมเลยไม่อยากคาดหวังว่าตัวเองจะกลับไปมีชีวิตอีกครั้งได้
ชาฮีจูแตะไหล่หญิงสาวเบาๆ เพื่อปลอบขวัญและให้กำลังใจ ขอแค่เธอสู้ เขาและคังยูรีก็จะสู้ไปพร้อมกับเธอเช่นกัน ชายหนุ่มเองก็จะทำทุกวิถีทางเท่าที่จะช่วยเหลือหญิงสาวได้
______________________
คังยูรีกำลังเก็บสมุดและหนังสือเข้ากระเป๋าหลังจากเรียนคาบสุดท้ายของวันเสร็จ ตอนนี้เด็กสาวไม่รู้สึกกระวนกระวายใจเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังกังวลเรื่องของคังเยนาอยู่ดี การที่คังเยนาหายไปแบบนี้ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องไม่ดีอะไรเกิดขึ้นกับเธอบ้าง
“ยูรี ฉันมีเรื่องมาเล่าให้ฟัง” ซองนาอึนวิ่งมาหาคังยูรีด้วยสีหน้าตื่นเต้น เมื่อสักครู่เธอไปเจอเรื่องบางอย่างที่น่าสนใจมาเลยรีบกลับมาเล่าให้เพื่อนสาวได้ฟังด้วย
“เรื่องอะไรเหรอ ยิ้มระรื่นแบบนี้คงเรื่องชาวบ้านอีกละสิ”
“ถูกต้องที่สุด นี่…เธอรู้จักยัยเฮราที่อยู่ห้อง5มั้ย"
"เธอหมายถึงยูเฮราเหรอ” คังยูรีจำชื่อนี้ได้ขึ้นใจ เพราะเธอเห็นป้ายชื่อของเด็กสาวคนดังกล่าวตอนที่หาเรื่องเธอเมื่อวานหน้าห้องสมุด
“ใช่ ยัยเฮราคนเดียวกันนั่นแหละ เมื่อกี๊ฉันเห็นยัยนั่นเดินออกมาจากห้องน้ำตัวนี่เปียกโชกเลยมีแต่กลิ่นน้ำปลา ไม่รู้ว่าไปทำใครไว้ถึงมีคนมาเอาคืนแบบนี้”
“ฉันเปล่านะ” คังยูรีรีบปฏิเสธ เธอเองก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นที่มีเรื่องกับเด็กสาวคนดังกล่าว
“ฉันก็ไม่ได้ว่าเธอสักหน่อย อย่าบอกนะว่าเธอก็โดนยัยนั่นรังแกน่ะ”
“เปล่า แค่มีเรื่องเถียงกันนิดหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นก็สมควรแล้วที่โดนแบบนี้ ฉันอยากจะยกนิ้วโป้งให้คนที่ทำจริงๆ ยัยนั่นน่ะวันๆ ชอบหาเรื่องแกล้งคนอื่นพอโดนแบบนี้จะได้รู้สึกซะบ้าง เธอด้วยนะยูรีถ้ายัยนั่นมารังแกเธอ เธอต้องบอกฉันนะ”
“ฉันไม่ใช่คนที่จะให้ใครรังแกได้ง่ายๆ สักหน่อย ถ้ามีใครมาทำอะไรฉัน ฉันก็ไม่ยอมเหมือนกัน”
“อย่างนี้สิค่อยน่าคบหน่อย ฉันมีคลิปยัยนั่นตอนออกจากห้องน้ำด้วยนะเธอมาดูสิ”
ซองนาอึนเปิดคลิปยูเฮราที่ถูกถ่ายไว้เมื่อครั้งเธอเดินออกมาจากห้องน้ำให้คังยูรีได้ดู คลิปดังกล่าวถูกส่งทอดๆ กันมาอีกที คังยูรีเองก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่คิดในอีกแง่ บางที่ยูเฮราอาจจะไปแกล้งใครไว้แล้วเขาคนนั้นมาเอาคืนก็เป็นได้
ช่วงค่ำของวัน
คังยูรีก็วางกระเป๋านักเรียนไว้บนโซฟาก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อช่วยป้าของเธอทำมื้อเย็นจนเสร็จ ผู้เป็นป้าให้เด็กสาวขึ้นไปทำกิจธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยแล้วค่อยลงมาทานข้าวด้วยกัน จังหวะที่คังยูรีเดินขึ้นบันไดไปนั้นชินซูฮวาก็พึ่งกลับมาถึงบ้านพอดี
“ทำไมตัวลูกถึงมีแต่กลิ่นน้ำปลาเนี่ย ลูกรีบไปอาบน้ำเลยจะได้ลงมาทานข้าวด้วยกัน”
ผู้เป็นแม่รีบเอามือปิดจมูกเพราะกลิ่นน้ำปลาจากตัวลูกสาวคลุ้งลอยแตะจมูกเข้าอย่างจัง คังยูรีเองพอได้ยินที่ป้าพูดก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมตัวชินซูฮวาถึงมีกลิ่นน้ำปลา จนเอะใจบางเรื่องขึ้นมาได้ หรือว่าคนที่ทำยูเฮราจะเป็นพี่สาวของเธอเอง
“มองอะไร ไม่เคยเห็นคนกลับบ้านช้าหรือไง” ชินซูฮวาตวาดถามเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงบันได
คังยูรีได้แต่ยิ้มไม่ได้โต้ตอบกลับอะไร พอหญิงสาวเดินผ่านเธอขึ้นบันไดไปก็ทำให้เธอได้กลิ่นน้ำปลาอย่างชัดเจน คังยูรียิ้มกว้างออกมาทันที เพราะถ้าชินซูฮวาทำจริงๆ นั่นก็แปลว่าหญิงสาวกำลังเอาคืนยูเฮราให้กับเธอ
“พี่ซูฮวา ขอบคุณนะคะ”
คังยูรีตะโกนตามหลังหญิงสาวที่พึ่งขึ้นบันไดไป คำขอบคุณของคังยูรีทำให้ชินซูฮวาชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมามองหน้าคังยูรีอีกครั้ง หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม แค่มองคังยูรีด้วยสีหน้าเรียบเฉยและเดินขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองแค่นั้น
คังอึนจูมองดูลูกสาวกับหลานสาวด้วยความเอ็นดู เหมือนว่าทุกอย่างจะเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ถึงลูกสาวของเธอจะดูเย็นชาไปบ้างแต่เธอก็ดูออกว่าลูกสาวของเธอก็เอ็นดูคังยูรีเช่นกัน
__________________________
ผ่านมาหลายวันแล้วที่คังยูรีติดต่อคังเยนาไม่ได้ เด็กสาวเองก็เป็นกังวลอย่างมากกลัวว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับคังเยนา แม้แต่ชาฮีจูเองก็เหมือน ตั้งแต่คังเยนาหายตัวไปเธอก็ไม่ได้เจอชายหนุ่มเลย
“หายไปไหนกันหมดนะ”
“พูดถึงใครอยู่เหรอ”
คังยูรีได้ยินเสียงเอ่ยทักของชาฮีจูก็สะดุ้งทันที เด็กสาวรีบหันไปยังต้นเสียงที่ได้ยินเมื่อเห็นชาฮีจูยืนอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“คุณหายไปไหนมา แล้วคุณรู้มั้ยว่าเยนาหายไป เยนาไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ย”
“เยนาไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แต่ฉันว่าพวกเราต้องรีบหาร่างเยนาให้เจอโดยเร็วที่สุด”
“มีอะไรเกิดขึ้นกับเยนาเหรอ ทำไมหน้าคุณดูกังวลจัง”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเยนา แต่ฉันรู้สึกได้ว่าเยนาเริ่มจะไม่ปลอดภัยแล้ว จู่ๆ เธอก็รู้สึกเจ็บแล้วก็หลับไปโดยไม่ทราบสาเหตุ พอตื่นขึ้นมาก็ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
คังยูรีเริ่มกังวลมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินที่ชาฮีจูพูด ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เธอต้องรีบหาร่างคังเยนาให้เจอโดยเร็วที่สุดอย่างที่ชายหนุ่มเกริ่นเอาไว้
“ฮีจู ฉันถามอะไรหน่อยสิ ตลอดหลายเดือนที่เยนาหายตัวไป ไม่มีใครตามหาเธอเลยเหรอ ยังไงก็ต้องมีสักคนที่ตามหาเธอบ้างสิ”
“ไม่มี ประกาศคนหายก็ไม่มี”
“แล้วนอกจากที่ยอซู คุณเคยไปตามหาที่อื่นบ้างมั้ย บางทีร่างของเยนาอาจจะอยู่ที่เมืองอื่นก็ได้”
“ก็มีบ้าง ฉันลองถามจากผู้ส่งสารในพื้นที่นั้นๆ ดูแต่ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร อีกอย่างฉันจะทำอะไรเกินขอบเขตไม่ได้ ทุกที่ล้วนมีผู้รับผิดชอบไม่ใช่อยากจะทำอะไรก็ทำได้”
“ถ้าที่ยอซูคุณหาจนหมดแล้วไม่เจอก็แปลว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ บางทีเธออาจจะเดินทางมาจากที่อื่นแล้วดันเกิดเรื่องไม่ดีกับเธอแล้วมีคนช่วยไว้ แล้วคนที่ช่วยอาจจะกลัวเลยไม่กล้าแจ้งตำรวจแบบนี้เป็นไปได้มั้ย”
“ที่เธอว่ามาไม่เห็นจะสมเหตุสมผลเลย ช่วยคนก็ต้องบอกให้รู้สิเว้นเสียว่าคนที่ช่วยไว้จะเป็น…” ชาฮีจูและคังยูรีสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย ทั้งสองคนเหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ สีหน้าของคนทั้งคู่ดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ใช่ เว้นแต่ว่าคนที่ช่วยเยนาไว้จะเป็นคนร้ายซะเอง” คังยูรีครุ่นคิดด้วยความหวาดหวั่น เด็กสาวได้แต่ภาวนาอย่าให้สิ่งที่เธอคิดเป็นจริงเลย ไม่อย่างนั้นการตามหาร่างคังเยนาจะไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน ถ้าร่างของคังเยนาอยู่กับคนที่คิดร้ายกับเธอจริงๆ
คังยูรีเดินเข้าบ้านมานั่งที่โซฟาหลังจากที่ชาฮีจูกลับไป เด็กสาวเห็นผู้เป็นป้ากำลังทำความสะอาดอัลบั้มรูปภาพก็หยิบขึ้นมาเปิดดู คังยูรีดูไปยิ้มไป ภาพในวัยเยาว์ของชินซูฮวาช่างน่ารักน่าเอ็นดูนัก เด็กสาวเปิดดูรูปถ่ายไปเรื่อยๆ ก็มาสะดุดตรงรูปถ่ายของตัวเธอเอง
รูปถ่ายเหล่านี้ล้วนเป็นรูปถ่ายสมัยเธอยังเด็กนัก บางรูปก็เป็นรูปเธอที่ถ่ายร่วมกับผู้เป็นแม่ เด็กสาวน้ำตาคลอคิดถึงผู้เป็นแม่ขึ้นมาและก็สงสัยว่าเหตุใดรูปถ่ายพวกนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้
“รูปพวกนี้เป็นรูปที่แม่หนูส่งมาให้ป้าน่ะ ถึงป้ากับแม่หนูจะไม่ได้ไปมาหาสู่กัน แต่รูปพวกนี้แม่หนูก็ส่งมาให้ป้าตลอด"
“ป้ากับแม่ไม่ได้เจอหน้ากันเลยเหรอคะ”
“ตั้งแต่ยองจูออกจากบ้าน ยองจูก็ไม่ติดต่อใครมาเลย ล่าสุดที่ป้าเห็นยองจูก็ตอนที่แอบมางานศพของพ่อกับแม่ นั่นทำให้ป้ารู้ว่ายองจูคอยตามดูพวกเราอยู่เสมอ ทุกคนที่มาร่วมงานศพต่างก็ต่อว่ายองจูเนรคุณ แม้แต่งานศพพ่อกับแม่ตัวเองก็ไม่ยอมมาเคารพ แต่ป้ารู้ดีว่ามันไม่ใช่ความจริง ป้าเป็นคนเดียวที่เห็นยองจู ป้ารู้ว่าน้องของป้ารักพ่อกับแม่แค่ไหน ป้าเองก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้ยองจูกลับมาอยู่ด้วยกันแต่ยองจูก็ไม่ยอม บอกแค่ว่าการที่เธอหายสาบสูญไปเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ครอบครัวจะได้ไม่เป็นมลทิน”
“เรื่องนี้หนูก็พอรู้มาบ้างแม่ก็เคยเล่าให้ฟังเหมือนกัน แม่บอกว่าตากับยายประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกัน ตอนนั้นหนูเองก็ยังเด็กมาก เสียดายที่หนูไม่มีโอกาสได้รู้จักพวกท่าน แต่หนูอยากรู้เรื่องหนึ่ง จริงมั้ยคะที่แม่ไม่กลับมาหาตากับยายเพราะแม่ทำเรื่องร้ายแรงกับพวกท่านเอาไว้ หนูไม่เชื่อหรอกว่าแม่จะเป็นคนแบบนั้น หนูพยายามถามแม่ว่าเรื่องร้ายแรงของแม่คืออะไร แม่ก็ไม่ยอมบอก ป้าบอกหนูได้มั้ยคะว่าแม่หนูทำอะไรลงไป”
“แม่หนูไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก ถ้าจะผิดก็ผิดที่ไปรักคนไม่ดี”
“พ่อเหรอคะ”
“หลังจากยองจูแต่งงานได้ไม่กี่เดือน ผู้ชายคนนั้นก็เริ่มออกลาย เขาเข้ามาช่วยงานที่บริษัทของคุณตายักยอกเงินจำนวนมากแล้วก็หนีไป มากพอที่จะทำให้ครอบครัวเราเกือบล้มละลาย คุณตากับคุณยายเลยต้องขายสมบัติทุกอย่างเพื่อใช้หนี้ให้หุ้นส่วนคนอื่นๆ และปิดบริษัทไปในที่สุด แม่หนูรู้สึกผิดมากและโทษตัวเองสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นก็เลยหนีออกจากบ้านโดยทิ้งจดหมายไว้ บอกแค่ว่าจะตามคนผิดมารับโทษให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็จะไม่กลับมา”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นคะ หรือที่แม่ไม่กลับเพราะหาตัวพ่อไม่เจอ”
“เจอ แต่มีเหรอเขาจะยอมรับผิด ระหว่างนั้นป้าก็ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง มารู้อีกทีก็ตอนได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาล ว่าแม่หนูถูกช่วยเหลือจากอุบัติเหตุรถตกทะเล มีคนอยู่ในรถ2คนคือแม่หนูและผู้ชายคนนั้น”
“แล้วพ่อเป็นยังไงบ้างคะ”
“เขาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ทรัพย์สินที่ยักยอกไปก็ได้กลับคืนมาบางส่วน แต่ป้าว่าเรื่องนี้แม่หนูตั้งใจมากกว่า ตั้งใจที่จะจบชีวิตพร้อมกับผู้ชายคนนั้น แต่ความโชคร้ายก็เปลี่ยนมาเป็นความโชคดี เหมือนว่าเป็นหนูที่มาต่อลมหายใจให้ยองจูอยากมีชีวิตอยู่ต่อ หมอบอกว่ายองจูตั้งท้องได้2เดือน เราทุกคนรวมทั้งยองจูพากันดีใจมาก แต่ความดีใจก็อยู่ได้แป๊บเดียว วันรุ่งขึ้นป้ามาหายองจูที่โรงพยาบาลก็ไม่เจอแล้ว แม่หนูหนีไปอีกครั้งพร้อมกับจดหมายบอกลา บอกทุกคนไม่ต้องตามหาและสัญญาจะดูแลหนูให้เติบโตมาอย่างดี และแม่หนูก็ทำได้จริงๆ"
“ตากับยายละคะ หลังจากแม่หนีไปอีกพวกท่านเป็นยังไงบ้าง”
“ท่านก็เสียใจแต่ทำอะไรไม่ได้ พวกเราทุกคนก็ได้แต่ยอมรับและทำตามที่ยองจูขอร้องไว้ แต่ก็หวังอยู่ลึกๆ ว่ายองจูจะกลับมาหาทุกคนเมื่อพร้อม”
"ป้าโกรธมั้ยคะที่แม่ทำแบบนี้"
“ป้าไม่โกรธเลย ป้าเข้าใจทุกอย่าง แม่ของหนูเองก็คงกลับมาสู้หน้าป้าไม่ได้ ไหนจะพวกปากมากที่ชอบนินทาอีก บางทีการที่ป้าปล่อยแม่ของหนูไปอาจจะเป็นเรื่องที่ควรทำแล้ว และอีกอย่างตอนนี้หนูก็กลับมาอยู่กับป้าแล้วด้วย”
“ขอบคุณนะคะที่รักหนู ขอบคุณที่เข้าใจในสิ่งที่แม่หนูทำด้วย” คังยูรีน้ำตาไหล เธอรู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก เหมือนว่าเธอเองก็ได้กลับเข้าสู่อ้อมอกครอบครัวอีกครั้ง
“อย่าร้องสิ หนูกำลังทำให้ป้าร้องตามรู้มั้ย” หญิงวัยกลางคนเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มคังยูรีด้วยความอ่อนโยน เธอเอ็นดูเด็กสาวมากนัก
“ยูรี หนูไม่รู้สึกผิดใช่มั้ยที่มีพ่อแบบนั้น ป้าไม่อยากให้หนูต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิดเหมือนแม่ของหนูอีก”
“ป้าไม่ต้องห่วงนะคะ หนูไม่ได้รู้สึกผิดอะไรทั้งสิ้น หนูไม่มีความผูกพันอะไรกับเขา เขาก็แค่ทำให้หนูได้เกิดมา แต่คนที่ให้ชีวิตหนูคือแม่ต่างหาก หนูเข้าใจในสิ่งที่แม่ทำและหนูก็ไม่โทษแม่ด้วย บางทีการที่หนูรู้ว่าพ่อได้ตายจากไปแล้วมันอาจจะดีกว่าที่พ่อมีชีวิตอยู่ก็ได้ ถ้าพ่อยังอยู่หนูกับแม่อาจจะต้องเจอเรื่องแย่ๆ มากกว่านี้”
“หนูคิดได้แบบนี้ป้าก็ดีใจ ขึ้นไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวลงมากินข้าวกัน”
“ค่ะ”
คังยูรียิ้มรับ เธอวางรูปถ่ายที่อยู่ในมือลงมองมันอีกครั้งด้วยความสุขใจ ระหว่างที่กำลังละสายตาออกจากรูปถ่ายดังกล่าวเด็กสาวก็เหลือบไปเห็นรูปถ่ายรูปหนึ่งที่ทำให้เธอสนใจเป็นอย่างมาก
คังยูรีหยิบรูปถ่ายใบดังกล่าวขึ้นมา เป็นรูปถ่ายของชินซูฮวากับกลุ่มเพื่อนของเธอเมื่อครั้งเคยไปทัศนศึกษา สิ่งที่คังยูรีให้ความสนใจไม่ใช่ชินซูฮวาที่อยู่ในรูป แต่เป็นนักเรียนสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังชินซูฮวาต่างหาก เหมือนว่าเธอคนนั้นจะถูกถ่ายติดกล้องของชินซูฮวามาด้วย
“นี่มัน…”
“ยูรี มีอะไรหรือเปล่า” ผู้เป็นป้าเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทีแปลกไป
“ไม่มีอะไรค่ะ พี่ซูฮวาอยู่มั้ยคะพอดีหนูมีเรื่องเรียนจะถามพี่เขาสักหน่อย”
“อยู่บนห้องน่ะ”
“งั้นหนูขอยืมรูปนี้หน่อยนะคะ”
คังยูรียิ้มรับ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดพร้อมกับนำรูปถ่ายใบดังกล่าวติดมือไปด้วย เด็กสาวเดินขึ้นบันไดด้วยความเร่งรีบ ผู้หญิงที่ถ่ายติดกล้องซูฮวามานั้นดูเหมือนคังเยนามาก ผิดไปก็แค่ยูนิฟอร์มนักเรียนที่สวมใส่อยู่ เพื่อความแน่ใจเธอเลยอยากถามผู้เป็นพี่สาวให้รู้