นิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
แฟนตาซี,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เกาหลี,รัก,อาคม,รักสามเศร้า,รักข้ามภพ,ลึกลับ,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
The Promised พรากสัญญานิยายรักแฟนตาซีดรามา ที่เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ผู้ส่งสารระหว่างคนเป็นและคนตาย แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่เคยรู้เบื้องลึกมาว่าแท้จริงแล้วทั้งสามคนนั้นเกี่ยวข้องกันมาก่อน
The Promised พรากสัญญา
“ชาฮีจู!”
สิ้นเสียงตะโกนของคังยูรีลมพายุก็ได้ก่อตัวขึ้น เด็กสาวค่อยๆ เงยหน้าลืมตา มือของเธอยังคงโอบกอดคังเยนาเอาไว้แนบแน่น ภาพแรกที่เห็นคือมีร่มสีแดงคันใหญ่กางคุ้มกันปกป้องพวกเธอทั้งสองจากลมพายุที่โหมกระหน่ำในตอนนี้ คังยูรีเผยยิ้มคลายกังวลเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นชาฮีจูที่กำลังเดินเข้ามาหา เด็กสาวร้องไห้พรั่งพรูความโล่งใจออกมาไม่ขาดสาย ในที่สุดความพยายามของเธอก็ไม่สูญเปล่า
“อยู่ตรงนี้นะห้ามออกไป ฝากเยนาด้วย”
ชาฮีจูเอ่ยแจ้งต่อคังกระปรี้กระเปร่ารี ก่อนจะดินออกจากรัศมีร่มคันใหญ่เพื่อเผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายที่กำลังเล่นงานอยู่ ชายหนุ่มใช้พลังวิญญาณจัดการวิญญาณร้ายนั้นจนสลายหายไปในที่สุด
ชาฮีจูสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณนี้แข็งแกร่งมากพอสมควร ที่เขาเอาชนะได้วันนี้ไม่ใช่เพราะมีพลังวิญญาณที่เหนือกว่า เพียงแต่ว่าวิญญาณร้ายตนนั้นเป็นแค่มนต์ดำที่มีบางคนร่ายอาคมขึ้นมา คนที่น่ากลัวที่สุดเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ต่างหาก
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ชาฮีจูก็รีบวิ่งเข้ามาหาสองสาวในทันที ร่มคันสีแดงที่ถูกกางอยู่เพื่อคุ้มกันคนทั้งคู่ก็ถูกเรียบกลับคืนเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ชาฮีจูมองสองสาวด้วยความเป็นกังวล
“ฮีจู เยนาไม่ตื่นสักที คุณช่วยเธอหน่อยได้มั้ย” คังยูรีร่ำไห้เป็นห่วงหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดอย่างที่สุด
“เธอล่ะเป็นไรมั้ย” ชายหนุ่มถามกลับด้วยความร้อนใจ เห็นท่าทางอ่อนแรงของคังยูรีก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“ฉันไม่เป็นไรช่วยเยนาก่อน แล้วป้าฉันล่ะ ป้าฉันเป็นอะไรมั้ย”
“ป้าของเธอไม่เป็นไรหรอก ถูกมนต์อาคมสะกดไว้น่ะ ตอนนี้ก็คงหลับอยู่"
“ค่อยโล่งหน่อย คุณพาเยนาไปเถอะไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันไม่เป็นไรจริงๆ”
“งั้นเธอถือร่มนี้ไว้นะ แล้วรอฉันกลับมา เข้าใจมั้ย”
ชายหนุ่มแจ้งต่อเด็กสาวพร้อมผายมือออกเพื่อเรียกร่มคู่ใจก่อนจะกางร่มยื่นไปให้เด็กสาวถือเอาไว้ ชาฮีจูอุ้มคังเยนาขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ชายหนุ่มหันมองคังยูรีอีกครั้งด้วยความกังวลก่อนที่จะหายตัวออกไปพร้อมกับคังเยนา
ชาฮีจูพาคังเยนามายังที่พำนักของตัวเองเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณให้กับเธอ ใบหน้าของหญิงสาวในตอนนี้ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก ถ้าครั้งนี้เขาช่วยเหลือไว้ไม่ทันบางทีดวงวิญญาณเธอคงได้ดับสลายไม่สามารถกลับคืนสู่ร่างได้อีก ชายหนุ่มครุ่นคิดใครกันที่มีอาคมเก่งกล้าสร้างกลุ่มอักมาที่ร้ายกาจและแกร่งได้ถึงเพียงนี้
คังยูรีค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน สภาพเด็กสาวในตอนนี้ทุลักทุเลเป็นอย่างมาก เธอถือร่มยึดไว้กับมือแน่นเพราะเชื่อว่าถ้าร่มหลุดมือไปเมื่อไหร่ วิญญาณร้ายก็อาจจะกลับมาเล่นงานเธอได้อีก
คังยูรีพาตัวเองเดินเข้าบ้านด้วยสภาพที่อิดโรยและอ่อนกำลัง สายตาก็เริ่มพร่ามัวและมองเห็นอะไรไม่ค่อยชัดเจน เด็กสาวไม่สามารถต้านทานความอ่อนล้าได้อีกแล้ว มือที่ถือร่มอยู่ก็ค่อยๆ คลายออก และร่างบางของเธอก็ค่อยๆ ล้มลงในที่สุด วินาทีนั้นเองที่ชาฮีจูปรากฏตัวเข้ามาโอบรับร่างของเธอเอาไว้ได้พอดี
“คังยูรี ยูรี!”
ชายหนุ่มเขย่าร่างเด็กสาวเพื่อให้เธอรู้สึกตัว แต่เหมือนร่างกายของเธออ่อนล้าจนเกินไปเลยไม่สามารถรับรู้อะไรได้แล้ว ชาฮีจูรีบอุ้มร่างเด็กสาวมาไว้ในอ้อมแขนเพื่อพาเธอไปยังเตียงนอนในห้องนอนของเธอ
ชาฮีจูนั่งลงที่เตียงนอนมองร่างเด็กสาวที่ไม่ได้สติด้วยความกังวลใจ ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกผิดที่ดึงคังยูรีเข้ามาเกี่ยวข้องกับโลกวิญญาณ ถ้าเขาเป็นแค่ผู้ส่งสารทำตามหน้าที่ตัวเองอย่างเดียวก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทุกอย่างในตอนนี้ดูผิดแปลกไปหมด และที่ชายหนุ่มข้องใจเป็นที่สุดคือทำไมคังเยนาถึงสามารถปรากฏตัวอยู่ที่ข้างนอกได้ นี่คงเป็นอีกเรื่องที่ชาฮีจูเองต้องสืบหาความจริง
_________________________________
คังยูรีค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาในเช้าของอีกวัน เด็กสาวลุกนั่งที่เตียงจับสำรวจเนื้อตัวของตัวเองก็รู้สึกแปลกใจ ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด เด็กสาวจำได้ว่าเมื่อคืนเธอสะบักสะบอมขนาดไหน ตามร่างกายน่าจะมีรอยฟกช้ำอยู่บ้างแต่เหตุใดถึงไม่มีเลยแม้แต่รอยขีดข่วน แถมเธอยังรู้สึกหลับสนิทเต็มอิ่มอีกด้วย เหมือนว่าเรื่องเมื่อคืนเธอแค่ฝันไปเท่านั้น
คังยูรีจำได้ว่าคนที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือคังเยนา เด็กสาวรีบลุกจากเตียงเพื่อจะไปหาคังเยนาที่ห้องสมุดของโรงเรียน อย่างน้อยเธอก็อยากรู้ว่าคังเยนาเป็นยังไงบ้าง ที่ห้องสมุดคงเป็นที่เดียวที่เธอจะนึกถึงได้ในตอนนี้ แต่ไม่ทันได้ก้าวลงจากเตียง ผู้เป็นป้าก็เปิดประตูเข้ามาในห้องเสียก่อน
“ตื่นแล้วเหรอ เดี๋ยวป้าจะออกไปข้างนอกนะ เมื่อกี๊ซูฮวาพึ่งโทรมาบอกว่าจะกลับบ้านช่วงเที่ยงๆ ยังไงป้าก็ฝากทำมื้อเที่ยงให้พี่เขาหน่อยนะ”
“ได้ค่ะ เอ่อ…ป้าคะ เมื่อคืนป้าหลับสบายดีมั้ย" เด็กสาวอยากรู้ว่าผู้เป็นป้าของเธอจะทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนหรือไม่
“จ้า หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ตื่นมาอีกทีก็เช้าแล้ว นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้หลับสบายแบบนี้ ว่าแต่หนูมีอะไรหรือเปล่า”
"เปล่าค่ะ งั้นเดินทางปลอดภัยนะคะ” เด็กสาวยิ้มรับอย่างโล่งใจ อย่างน้อยป้าของเธอก็ปลอดภัยอย่างที่ชาฮีจูพูดเอาไว้จริงๆ
คังยูรียังคงกังวลเรื่องของเยนา เด็กสาวมองดูเวลาที่หัวเตียงก็ครุ่นคิดสักครู่ ถ้าเธอออกไปหาคังเยนาที่ห้องสมุดตอนนี้ก็คงกลับมาทันได้ทำมื้อเที่ยงให้ชินซูฮวา ยังไงเธอต้องเห็นด้วยตาตัวเองว่าคังเยนาปลอดภัยดี
“จะไปไหน” เสียงชาฮีจูเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวกำลังจะออกไปนอกห้อง
“ดีใจจังที่คุณมา เยนาเป็นยังไงบ้าง” คังยูรียิ้มออกทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มปรากฏตัว เธอไม่รีรอที่เอ่ยถามถึงคังเยา
“เยนาไม่เป็นอะไรแล้ว พักอีกหน่อยก็คงฟื้น ว่าแต่…เธอรู้มั้ยว่าทำไมเยนาถึงออกจากห้องสมุดได้”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าจะถามคุณอยู่ ตอนเห็นเธอครั้งแรกฉันก็ตกใจมากเหมือนกัน แล้วเมื่อคืนคุณพาฉันมานอนที่ห้องใช่มั้ย ฉันจำได้ว่าจู่ๆ ก็หน้ามืดและล้มลงไป พอตื่นมาก็มานอนอยู่ที่เตียงแล้ว”
“อืม ฉันเห็นเธอนอนอยู่หน้าบ้านเลยพาเธอมานอนที่นี่ แต่เธอไม่เป็นอะไรแล้วแน่นะ”
“ไม่เป็นไรแล้ว แถมยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากกว่าเดิมอีก ขอบใจคุณมากนะที่ช่วยฉันไว้ ถ้าไม่ได้คุณฉันกับเยนาไม่รู้จะเป็นไงบ้าง”
“สร้อยผลึกล่ะ เธอได้ใส่มันไว้มั้ย”
“ยังเลย สร้อยนั้นยังอยู่กับพี่แทอีอยู่เลย”
“อะไรนะ! นี่กี่วันแล้วยังซ่อมไม่เสร็จอีกเหรอ เขาจงใจไม่ให้เธอหรือเปล่า บางทีถ้าเธอใส่สร้อยนั้นไว้เรื่องเมื่อคืนอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้”
“คุณเชื่อจริงๆ เหรอว่าสร้อยของพี่จีโฮจะเป็นเครื่องรางคุ้มกันฉันได้จริงๆ”
“ก็แบบนี้ไงถึงต้องพิสูจน์ รีบเอาสร้อยนั้นกลับคืนมาเลยนะ อย่างน้อยมันก็เป็นสร้อยจากนัมจีโฮไม่ใช่เหรอ”
“ได้ แต่เหมือนคุณจะไม่ค่อยชอบพี่แทอีเลยนะ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับพี่แทอีมาหรือเปล่า”
“เธอคิดมาก ฉันจะไปหยั่งรู้ขนาดนั้นได้ยังไง เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว งั้นฉันไปนะ จะไปดูว่าเยนาเป็นยังไงบ้าง” ชายหนุ่มบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถาม แววตาดูเลิ่กลั่กเล็กน้อย
“ชาฮีจู ฉันขออะไรคุณอย่างหนึ่งสิ”
“ขออะไร” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นแววตาที่จริงจังของเด็กสาว
“อย่าช่วยฉันถ้ามันทำให้คุณเป็นอันตราย ชีวิตของคุณมีค่ามากเกินกว่าจะเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงเพื่อฉัน อย่างน้อยถ้าคุณอยู่ คุณก็ยังได้ช่วยเหลือความหวังครั้งสุดท้ายของคนที่กำลังจะจากไป รับปากฉันสิ ว่าคุณจะไม่ทำอะไรที่เสี่ยงกับตัวเองเพื่อฉัน”
“อยู่ๆ ก็มาโหมดซึ้ง พูดจาไร้สาระ พักผ่อนเถอะ ฉันไปล่ะ”
ชายหนุ่มไม่ได้รับปากในสิ่งที่เด็กสาวขอ เขารู้ว่าคังยูรีเป็นห่วงไม่อยากให้เขาทำเกินหน้าที่ของตัวเอง แต่บางเรื่องเขาก็ทำด้วยความเต็มใจและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าวันหนึ่งดวงจิตสุดท้ายเขาจะดับสลายไป นั่นก็เป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง
_________________________
วันต่อมา ห้องสมุดโรงเรียนมัธยมปลายยองคัง
คังยูรีเข้ามานั่งเล่นที่ห้องสมุดเมื่อมีเวลาว่างจากตารางเรียน เด็กสาวเฝ้าคิดถึงคังเยนาที่ยังคงพักฟื้นพลังวิญญาณอยู่ ในห้องสมุดที่ไม่มีคังเยนาสำหรับเธอก็ดูจะเงียบเหงาเป็นอย่างมาก
เหตุการณ์ที่ผ่านมามันชวนขนหัวลุกอย่างน่าใจหาย เธอเองก็เป็นแค่คนธรรมดาแต่กลับเข้าไปเกี่ยวข้องในโลกวิญญาณที่มีแต่เรื่องอันตรายรายล้อม เด็กสาวไม่เคยเตรียมใจมาก่อนว่าการที่เธอช่วยเหลือคังเยนาต้องพบเจอกับเรื่องน่ากลัวเช่นนี้
ถึงเป็นอย่างนั้นแต่คังยูรีก็ไม่ได้กลัวว่าตัวเธอจะได้รับอันตราย แต่เธอกลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถช่วยคังเยนาให้กลับคืนสู่ร่างได้ต่างหาก นึกย้อนกลับไปถ้าคังเยนาไม่เข้ามาช่วยเธอไว้ ตอนนี้ก็คงเป็นเธอที่นอนไม่ได้สติอยู่ ความเสียสละของคังเยนานี้เด็กสาวไม่มีวันลืม คังยูรีสัญญากับตัวเองว่าเธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยคังเยนาให้ได้มากที่สุด
“มานั่งทำอะไรคนเดียว” แทอีเดินเข้ามาทักทายเด็กสาวก่อนจะนั่งลงที่ข้างๆ เธอ
“มานั่งผ่อนคลายเล่นค่ะ”
“เป็นอะไรมั้ย วันนี้ดูเหงาๆ ซึมๆ นะ”
“ฉันแค่คิดถึงเพื่อนที่โรงเรียนเก่า ไม่ได้เจอกันเลยไม่รู้เป็นไงบ้าง” คังยูรีบ่ายเบี่ยงคำตอบเพื่อตัดบทสนทนา เพราะต่อให้เธอเล่าเรื่องคังเยนาให้ฟัง ชายหนุ่มก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี
“งั้น…เลิกเรียนไปหาของอร่อยๆ กินมั้ย ออกไปเที่ยวเล่นบ้าง”
“ขอโทษนะพี่แทอี วันนี้ฉันต้องรีบกลับบ้านจริงๆ ไว้วันหลังได้มั้ยคะ แล้ว…สร้อยของฉันล่ะ วันนี้พี่เอามาด้วยมั้ย”
“เธอถามเรื่องสร้อยทุกวันเลยนะ ทำไมกลัวจะไม่ได้คืนเหรอ คิดถึงสร้อยหรือคนที่ให้สร้อยกันแน่” ชายหนุ่มรู้สึกน้อยใจที่พอเจอหน้าเด็กสาวก็ถามถึงแต่เรื่องสร้อย
“อย่าโกรธเลยนะคะ” เด็กสาวยิ้มอ้อน
“พี่ไม่โกรธหรอก อ๊ะ…พี่เอามาให้เธอแล้ว สร้อยพี่ก็คืนให้แล้ว งั้นพี่ขออะไรเธออย่างได้มั้ย” ชายหนุ่มยื่นสร้อยที่ล้วงออกจากกระเป๋าเสื้อให้กับเด็กสาวที่นั่งอยู่
“อะไรคะ?”
“ถ้าเราตกลงที่จะคบกันแล้ว งั้นสร้อยนี้เธอไม่ใส่ได้มั้ย เธอยังไม่ลืมเขาพี่ก็ไม่ว่า แต่ถ้าเธอยังใส่ของที่เขาให้ไว้แบบนี้มันทำให้พี่รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่”
คังยูรีคิดหนักทันทีเมื่อชายหนุ่มเอ่ยขอเรื่องนี้กับเธอ เด็กสาวก็พึ่งรับปากกับชาฮีจูไปเองว่าจะใส่สร้อยเส้นดังกล่าวติดตัวไว้ตลอด พอมาเจอแทอีขอแบบนี้เลยลำบากใจเป็นอย่างมาก ความจริงเธอก็เข้าใจแทอีเหมือนกัน ในเมื่อเธอเลือกคบกับเขาแล้วก็เป็นเรื่องปกติที่ชายหนุ่มจะไม่ชอบถ้าเธอยังเก็บของคนในอดีตเอาไว้แบบนี้
“ก็ได้ค่ะ”
คังยูรียิ้มรับเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะตอบตกลงในสิ่งที่ชายหนุ่มได้ร้องขอแต่ก็ยังรู้สึกกังวลอยู่ดี เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับชาฮีจูยังไง
ช่วงเย็นของวัน
คังยูรีหลังจากเลิกเรียนก็รีบกลับบ้านตามที่ตั้งใจเอาไว้ เด็กสาวขึ้นมาที่ห้องนอนก็หยิบสร้อยผลึกที่นัมจีโฮให้ไว้ขึ้นมาดู เธอมองสร้อยดังกล่าวอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดใจเก็บสร้อยนั้นไว้ที่ลิ้นชักตรงหัวเตียง เด็กสาวถอนใจด้วยความกังวล เธอไม่รู้ว่าทำแบบนี้มันสมควรมั้ย ถ้าสร้อยดังกล่าวคุ้มครองเธอได้จริงๆ อย่างที่ชาฮีจูกล่าวเอาไว้ล่ะ ยิ่งคิดเด็กสาวก็ยิ่งฟุ้งซ่าน
ช่วงกลางดึกเงียบสงัด
คังยูรีที่กำลังนอนหลับสนิทต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกได้ถึงใครบางคนที่กำลังจ้องมาที่เธอ เด็กสาวลืมตาขึ้นมาก็เห็นคังเยนานั่งยิ้มอยู่บนเตียงนอนข้างๆ เธอ ได้เห็นหน้าคังเยนาอีกครั้งทำให้เด็กสาวดีใจมาก
“เยนา เธอมานี่ได้ยังไง”
“เบาๆ สิ เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหรอก”
คังเยนารีบใช้นิ้วจุปากของตัวเองเพื่อบอกให้คังยูรีอย่ากระโตกกระตากจนเกินไป หญิงสาวไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นพวกวิญญาณอาฆาตร้ายหรือแม้แต่กระทั่งชาฮีจูก็ตาม การมาหาคังยูรีของเธอครั้งนี้จึงเป็นความลับ
“เธอหายดีแล้วเหรอ แล้วชาฮีจูปล่อยให้เธอออกมาได้ยังไง”
“ชาฮีจูไม่อยู่ เขาไปทำหน้าที่ของเขาน่ะ ที่ฉันออกมาหาเธอก็เพราะมีเรื่องจะขอร้อง และต้องเป็นเธอเท่านั้นที่ช่วยได้”
“เรื่องอะไร แล้วทำไมเธอถึงออกจากห้องสมุดนั่นได้ เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่”
“ยูรี ฉันว่าความทรงจำของฉันเริ่มกลับมาแล้วล่ะ ส่วนเรื่องที่ฉันออกจากห้องสมุดได้ยังไงไว้ฉันอธิบายให้ฟัง แต่ตอนนี้เธอต้องช่วยฉันก่อน ไม่งั้นถ้าฮีจูกลับมาเป็นเรื่องแน่”
“ทำไมถึงให้เขารู้ไม่ได้ มันเรื่องอะไรกันแน่” คังยูรีแคลงใจยิ่งนัก ยิ่งเห็นท่าทีร้อนรนของหญิงสาวแล้ว ก็ยิ่งทำให้เธออดเป็นกังวลไม่ได้ ไหนจะเรื่องที่ต้องปิดชาฮีจูไว้อีก
คังเยนาเล่าเรื่องทุกอย่างให้คังยูรีฟังในสิ่งที่เธอต้องการความช่วยเหลือ พร้อมกับบอกเหตุผลอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้คังยูรียอมตกลงที่จะทำตามคำขอของเธอ คังยูรีเองก็ยอมตกลงแต่โดยดี เพราะอะไรที่เป็นการช่วยเหลือคังเยนาได้เธอก็พร้อมจะร่วมมือ
ชาฮีจูซึ่งกำลังทำหน้าที่ในฐานะผู้ส่งสารให้กับบางดวงวิญญาณอยู่ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติจากที่พำนักของตัวเอง ชายหนุ่มรู้ได้ในทันทีว่าคังเยนาฟื้นแล้ว และตอนนี้เธอก็ไม่ได้อยู่ที่พำนักของเขาด้วย แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เลยทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถไปหาหญิงสาวได้ในทันที แต่ถึงเป็นอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวเลยวางใจไปได้
หลังจากที่ชาฮีจูเสร็จจากภารกิจหน้าที่ผู้ส่งสาร ชายหนุ่มก็รีบกลับมายังที่พำนักของตัวเองและก็เป็นไปอย่างที่คาดไว้ เพราะตอนนี้คังเยนาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วจริงๆ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจไปหาคังยูรีแทน เพราะเขาสัมผัสได้ว่าหญิงสาวนั้นไปหาคังยูรีมาเหมือนกัน
ชาฮีจูพอมาถึงห้องนอนของคังยูรีก็เห็นว่าเด็กสาวกำลังหลับอยู่ ชายหนุ่มค่อยๆ เดินเข้าไปนั่งข้างๆ เธอ จ้องมองใบหน้านั้นด้วยความเอ็นดู ก่อนจะละสายตามองไปรอบๆ ห้องแทน
“ชาฮีจูเหรอ”
คังยูรีค่อยๆ ก็ลืมตาขึ้นมา เด็กสาวจับแขนเสื้อของชายหนุ่มเอาไว้ ก่อนจะดึงแขนเสื้อชายหนุ่มเพื่อพยุงให้ตัวเองลุกนั่งที่เตียงได้อย่างสะดวก
“เธอยังไม่ได้หลับเหรอ”
“ยังเลย คุณมีอะไรหรือเปล่าถึงมาหาฉันกลางดึกแบบนี้”
“เยนาอยู่ที่ไหน” ชายหนุ่มถามอย่างไม่อ้อมค้อม
“ทำไมถึงมาถามฉันล่ะ เรื่องเยนาคุณน่าจะเป็นคนรู้ที่สุดไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ว่าเธอกับเยนากำลังคิดจะทำอะไรอยู่ ฉันขอให้หยุดทุกอย่าง ฉันจริงจังนะ”
“คุณก็จริงจังทุกเรื่องนั่นแหละ มีแค่เรื่องฉันที่คุณไม่จริงจัง”
“เธอหมายความว่าไง” ชาฮีจูขมวดคิ้ว จ้องไปที่เด็กสาวเพื่อรอคำตอบ
“ฉันรู้ความลับของคุณแล้ว เยนาบอกทุกอย่างให้ฉันฟังหมดแล้ว ชาฮีจู…คุณชอบฉันใช่มั้ย”
คำถามของคังยูรีทำให้ชาฮีจูตกใจเป็นอย่างมาก เขาทั้งกังวลและสับสนในสิ่งที่ได้ยินจากปากของเด็กสาว ชาฮีจูจ้องไปที่ดวงตากลมโตของคังยูรีด้วยอาการสั่นไหว ก่อนจะเบิกตากว้างและตกใจมากกว่าเดิมเมื่อถูกเด็กสาวจู่โจมขโมยจุมพิตโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัว