"บ้านเช่าร้างเก่าๆ หลังนี้ มีอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครรู้..." ฉันแค่สาวโรงงานคนหนึ่ง เช่าบ้านเพื่อใช้ชีวิตเรียบง่ายในเมือง แต่แล้วฉันก็พบว่า... ประตูห้องเก็บของด้านหลังบ้าน..เชื่อมต่อไปยัง 'อีกโลกหนึ่ง'
แฟนตาซี,แฟนตาซี,ผจญภัย,ต่างโลก,ระบบ,ค้าขาย,สร้างตัว,เวทมนตร์,เวทมนต์,ต่อสู้,มอนสเตอร์,ดันเจี้ยน,สโลว์ไลฟ์,ชีวิตประจำวัน,ไม่ฮาเร็ม,มิตรภาพ,ยุโรป,ยุคกลาง,พีเรียดไทย,มิติวิเศษ,ประตูมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
(จบแล้ว) บ้านเช่าของฉันมี..ประตูมิติ..เชื่อมต่อกับ..ต่างโลก (มี E-Book เล่มเดียวจบ)"บ้านเช่าร้างเก่าๆ หลังนี้ มีอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครรู้..." ฉันแค่สาวโรงงานคนหนึ่ง เช่าบ้านเพื่อใช้ชีวิตเรียบง่ายในเมือง แต่แล้วฉันก็พบว่า... ประตูห้องเก็บของด้านหลังบ้าน..เชื่อมต่อไปยัง 'อีกโลกหนึ่ง'
"บ้านเช่าร้างเก่าๆ หลังนี้ มีอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครรู้..."
ฉันแค่สาวโรงงานคนหนึ่ง เช่าบ้านเพื่อใช้ชีวิตเรียบง่ายในเมือง แต่แล้วฉันก็พบว่า...
ประตูห้องเก็บของด้านหลังบ้าน..เชื่อมต่อไปยัง 'อีกโลกหนึ่ง'
โลกที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของขนมปังสด โลกที่มีเวทมนตร์ พ่อค้า นักผจญภัย
และโอกาสมากมายที่โลกเดิมไม่เคยให้
ฉันจะใช้ประตูบานนี้เปลี่ยนชีวิตตัวเองในทั้งสองโลกให้ดีขึ้นได้ไหมนะ?
คำเตือน : นิยายแนวชีวิตประจำวัน ดำเนินเรื่องแบบเรียบง่าย แต่ชวนให้รู้สึกราวกับได้ร่วมผจญภัยเคียงข้างตัวเอก
E-Book : เล่มเดียวจบ (193,147 คำ : 1,393 หน้า : 81 ตอน)
E-Book มีวางขายบน Dek-D, Meb, PintoBook
Meb กดซื้อตรงนี้ :
ลงวันละ 1 ตอน, เวลา 19.00 น. ทุกวัน
** เปิดให้อ่านฟรี 3 วัน จากนั้นจะติดเหรียญถาวรตอนละ 3 บาท รีบอ่านก่อนปิดเหรียญกันน๊า **
เช่น
ตอนที่ 21 เปิดอ่านฟรีวันที่ 8/8 - 11/8 , จากนั้น 12/8 = ติดเหรียญถาวร 3 บาท
ตอนที่ 22 เปิดอ่านฟรีวันที่ 9/8 - 12/8 , จากนั้น 13/8 = ติดเหรียญถาวร 3 บาท
หากท่านใดไม่อยากรออ่านทุกวัน มีอีบุ๊คให้อ่านรวดเดียวได้นะคะ ขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนไรท์มาตลอดค่ะ กราบงามๆ ให้ผู้มีอุปการะคุณทุกท่านเจ้าค่ะ ^__^
บ้านหินสองชั้นกลางป่า ดูเงียบสงบและโดดเดี่ยว ผนังหินสีเทาหม่นมีเถาวัลย์เลื้อยพันบางส่วน บ่งบอกถึงกาลเวลาที่เคยผ่านเลยมา
ประตูไม้หนักแน่นที่ดูเหมือนเคยถูกใช้งานมานานหลายปี เปิดออกสู่ภายในที่แม้จะเรียบง่าย แต่แฝงด้วยกลิ่นอายของยุโรปยุคกลางอย่างชัดเจน
ชั้นล่างของบ้าน มีห้องรับแขก ห้องครัว ห้องปรุงยาและเก็บสมุนไพร ห้องเก็บอาวุธ และห้องเก็บของ
เธอเดินไปที่ด้านหลังบ้าน มีบ่อน้ำลึกพร้อมเชือกรอกสำหรับตักน้ำจากบ่อ ชานกว้างสำหรับซักล้าง ใกล้กันมีราวตากผ้า และไม่ไกลมากนักมีห้องน้ำอยู่
พื้นที่ส่วนที่เหลือของหลังบ้าน เป็นสวนผลไม้ กว้างใหญ่ มีต้นไม้หลากหลายพันธุ์ยืนต้นสูงใหญ่อย่างเป็นระเบียบ
ผลไม้บางลูกสุกคาต้นแล้ว ส่งกลิ่นหอมลอยตามลมชวนน้ำลายไหล แต่รินทร์ยังไม่กล้าเก็บมากิน เธอกลัวเจ้าของบ้านหาว่าเธอเป็นขโมย
ด้านหน้าบ้าน ฝั่งซ้ายเป็นแปลงผัก ฝั่งขวาเป็นแปลงสมุนไพรที่ขึ้นแน่นขนัด ทั้งต้นที่เธอรู้จักและต้นที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“เจ้าของบ้านคนเก่าขายสมุนไพรกับผลไม้หรือเปล่านะ ทำไมสมุนไพรกับผลไม้เยอะจัง”
แปลกนักที่ทุกอย่างดูอุดมสมบูรณ์ แต่ไม่มีวี่แววของเจ้าของบ้านเลย
แม้จะมีวัชพืชขึ้นแซมเป็นจำนวนมาก แต่สายตาของเธอสะดุดเข้ากับผลไม้สีแดงสดที่ขึ้นเป็นพุ่มงาม สตรอว์เบอร์รี่ลูกโตส่งกลิ่นหอมหวานราวกับเชื้อเชิญให้ลิ้มลอง
'ที่นี่...ไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาเลยเหรอ?'
รินทร์เพิ่งสังเกตเห็นว่า มีตะเกียงพร้อมหินสีแดงหน้าตาประหลาดตั้งอยู่ตามมุมต่างๆ ของบ้านและสวน
รั้วไม้แม้จะเก่าแต่ก็ยังดูแข็งแรง และดูเหมือนจะล้อมรอบบ้านทั้งสี่ด้าน เธอเดินไปใกล้รั้ว มองออกไป เบื้องหลังรั้วไม้คือป่าทึบ มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นแน่นขนัดจนแทบมองไม่เห็นท้องฟ้า
จากประตูรั้วหน้าบ้านมีทางเดินเล็กๆ เชื่อมไปสู่เส้นทางในป่า คล้ายกับว่าบ้านหลังนี้ ถูกซ่อนตัวจากโลกภายนอก และอาจเป็นที่พำนักของผู้ที่ไม่ต้องการให้ใครมาพบง่ายๆ
'เจ้าของบ้านไปไหนนะ?'
รินทร์ขมวดคิ้วมุ่น ความกังวลแล่นขึ้นมาจับหัวใจ
“อ๊ะ..เหลือชั้นสองลองขึ้นไปดูดีกว่า”
เธอเดินกลับเข้าไปในบ้าน แล้วขึ้นไปสำรวจชั้นบนของบ้านที่มีสี่ห้องนอน
สามห้องนอนแรก ดูเหมือนจะมีไว้สำหรับแขกที่มาพัก เพราะแม้จะมีเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า เตาผิง โต๊ะเขียนหนังสือครบครัน แต่เธอไม่เห็นเสื้อผ้าในตู้ หรือของใช้ส่วนตัวที่ควรมีเลย
ผนังด้านในของทุกห้อง ก่อจากหินผสมไม้โอ๊กให้ความแข็งแรง เตาผิงขนาดใหญ่ตั้งอยู่มุมห้องนอน มีฟืนไหม้เกรียมและเถ้าถ่านที่ยังหลงเหลืออยู่บ่งบอกว่ามีคนเคยใช้งานห้องเหล่านี้มาก่อน
แต่แล้ว.....
“กรี๊ดดดดดด....”
รินทร์ตกใจสุดขีด เพราะห้องนอนสุดท้ายที่อยู่ลึกที่สุดและดูกว้างใหญ่ว่าห้องอื่นๆ ดันมีโครงกระดูกอยู่บนเตียง
รินทร์ถอยหลังไปจนหลังชิดกับประตู หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก ดวงตากลมโตจับจ้องโครงกระดูกบนเตียงราวกับกลัวว่ามันจะขยับเขยื้อน ท่ามกลางความเงียบงันของบ้านร้าง
เสียงลมหายใจของเธอดังก้องอยู่ในโสตประสาท มือที่กำแน่นอยู่ข้างลำตัวเริ่มสั่นระริก
“ใจเย็นๆ ไอ้รินทร์... มันก็แค่โครงกระดูก...” เธอกระซิบบอกตัวเอง แม้ในใจจะหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ และขนหัวลุกอย่างห้ามไม่ได้ก็ตาม
เมื่อตั้งสติได้ รินทร์จึงเหลือบมองไปรอบห้องอีกครั้ง และสายตาก็สะดุดเข้ากับจดหมายแผ่นหนึ่งที่วางอยู่บนสมุดเก่าเล่มหนึ่งบนโต๊ะข้างเตียง
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปใกล้ ร่างบางยื่นมือที่ยังคงสั่นไหวไปหยิบจดหมายขึ้นมา ฝุ่นหนาและกระดาษที่น่าจะเคยเป็นสีขาวบัดนี้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองกรอบ บ่งบอกถึงอายุอันยาวนานของมัน
รินทร์ค่อยๆ กวาดสายตามองข้อความที่เขียนอยู่บนนั้น ทว่ามันกลับไม่ใช่ภาษาไทย และไม่ใช่ภาษาอังกฤษที่เธอคุ้นเคย
สัญลักษณ์ประหลาดเรียงรายกันเป็นตัวอักษรที่เธอไม่อาจเข้าใจ หญิงสาวขมวดคิ้วแน่น ความสงสัยก่อตัวขึ้นแทนที่ความหวาดกลัว
“นี่มัน... ภาษาอะไร?” เธอพึมพำกับตัวเอง พลิกกระดาษไปมาเผื่อว่าจะมีอะไรที่เธอพอจะอ่านออก
แต่ยิ่งพิจารณา เธอก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล ราวกับมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องเธออยู่จากที่ไหนสักแห่ง เธอหันกลับไปมองโครงกระดูกบนเตียงอีกครั้ง ก่อนจะรีบวางจดหมายกลับไปที่เดิม พนมมือขึ้นแนบอกด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ
“ฉะ...ฉันไม่ได้อยากจะมารบกวนคุณ โปรดอย่ามาหลอกหลอนกันเลยนะคะ ขอให้คุณไปสู่ที่ชอบๆ เถอะค่ะ” รินทร์พึมพำเสียงสั่น ขณะเดียวกันก็พยายามกลั้นลมหายใจไม่ให้สั่นไหว
รินทร์อยากจะช่วยเก็บโครงกระดูกไปฝังให้เหมาะสม แต่ร่างกายกลับไม่ขยับ มือไม้เย็นเฉียบ ราวกับเรี่ยวแรงทั้งหมดถูกสูบหายไป ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านจากเบื้องหลัง คล้ายเงามืดบางอย่างกำลังกระซิบอยู่ข้างหู
เธอกลั้นหายใจ นิ่งฟัง
เสียงสายลมเบานั้นราวกับกำลังพร่ำบอกอะไรบางอย่าง
"ฟิ้ว..."
แม้จะรู้ว่าน่าจะเป็นเสียงลม แต่พลังจินตนาการในแง่ร้าย ทำให้เธอเบิกตากว้าง ความกลัวพุ่งทะลุขีดจำกัดในชั่วพริบตา
รินทร์ไม่กล้ารอช้าอีกต่อไป! เธอถอยหลังออกจากห้องนอนโครงกระดูกอย่างรวดเร็ว ความกลัวเกินเหตุบวกกับพลังจินตนาการในด้านลบ ทำให้รู้สึกว่าบางสิ่งกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้
ทุกเส้นขนลุกชัน ความเย็นเกาะกุมทั่วแผ่นหลัง หญิงสาวกัดฟันหันหลังแล้ววิ่งเต็มแรงลงบันไดโดยไม่เหลียวหลัง
ทันทีที่เท้าแตะพื้นชั้นล่าง เธอพุ่งเข้าไปยังประตูในห้องรับแขก ที่เป็นจุดเชื่อมต่อกลับไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ทำสวนของโลกปัจจุบัน
ทันทีที่ประตูปิดลง
ทุกอย่างรอบตัวเงียบสงัด
รินทร์หอบหายใจแรง รู้สึกถึงผนังไม้เย็นๆ ใต้ฝ่ามือที่เธอใช้พยุงตัวเองอยู่ หัวใจเต้นกระหน่ำเหมือนเพิ่งหนีจากฝันร้าย
พอรู้สึกตัวอีกที เธอก็เดินมาถึงห้องนอนของบ้านเช่าเรียบร้อยแล้ว
"เรื่องแบบนี้ มันเป็นไปได้ยังไง…" เธอพึมพำ เสียงแหบพร่า
หญิงสาวมัวแต่ถามตัวเองในใจ เธอกลัวผีจริงๆ เหรอ? ถ้ากลัวแล้วทำไมถึงมาเช่าบ้านที่มีคนตายอยู่? หรือบางที สิ่งที่เธอกลัวอาจไม่ใช่แค่ผี
บรรยากาศในบ้านต่างโลกหลังนั้น มีอะไรบางอย่างแปลกประหลาดเกินไป
หน้าต่างผู้ใช้งานที่ปรากฎขึ้นกลางอากาศ
ช่องเก็บของที่ไม่ควรมีอยู่
ภารกิจลึกลับที่เธอไม่มั่นใจว่าจะทำสำเร็จ
ลมเย็นที่พัดผ่าน ทั้งที่ตัวเธอไม่ได้ยืนใกล้หน้าต่าง
หลายสิ่งรวมกันจนทำให้เธอขนลุกซู่
เธอนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องนอน สูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ พยายามตั้งสติ ก่อนที่คำถามมากมายจะถาโถมเข้ามาในหัว
เรื่องภารกิจสังหารมอนสเตอร์… ถ้าเป็นเรื่องจริง งั้นเธอคงต้องเตรียมตัวให้พร้อม เธอจำได้ว่าห้องเก็บของชั้นล่างในบ้านต่างโลกเต็มไปด้วยอาวุธ
และอีกห้องหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นห้องปรุงยาและสมุนไพร ห้องนั้นก็มีขวดแก้วใสบรรจุน้ำยาหลากสี พร้อมเตาปรุงยา แม้ตอนนี้จะอ่านฉลากหน้าขวดน้ำยาไม่ออกจนไม่รู้สรรพคุณของแต่ละอย่างก็เถอะ
หญิงสาวคิดว่าพอจะใช้สิ่งเหล่านั้นได้ แต่มันก็ไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่า..
เธอมีแค่ชีวิตเดียว
ถ้าพลาดไปเพียงครั้งเดียว อาจไม่ใช่แค่บาดเจ็บ แต่มันอาจหมายถึงความตาย
เธอจำเป็นต้องวางแผนให้รอบคอบก่อนจะก้าวออกไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่รออยู่
ส่วนเรื่องโครงกระดูก…หญิงสาวไม่คิดจะปล่อยทิ้งไว้แบบนั้น แต่คงต้องหาทางจัดการให้ถูกต้อง ร่างบางคิดว่าต้องลองค้นข้อมูลเกี่ยวกับพิธีฝังศพคนยุโรปยุคกลางดูก่อน
รินทร์พ่นลมหายใจออกเบาๆ พยายามระงับความตึงเครียด เธอลุกจากเตียง เดินไปที่อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ เปิดก๊อกน้ำ เสียงน้ำไหลดังคลอเบาๆ ช่วยให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
หญิงสาวตักน้ำขึ้นมาลูบหน้า แต่มือยังคงสั่นเล็กน้อย
“ตั้งสติไว้รินทร์…” เธอพึมพำกับตัวเองพยายามสงบสติอารมณ์ เพราะมีคำถามมากมายติดค้างอยู่ในหัว
เจ้าของบ้านต่างโลกเป็นใคร?
ขวดน้ำยาเหล่านั้นมีสรรพคุณอะไร?
ยังมีตำราและจดหมายฉบับนั้นอีกที่เธออยากรู้ว่ามันเขียนเกี่ยวกับอะไร?!
ถ้าทำภารกิจสำเร็จ ของรางวัลที่ได้จะเป็นอะไร?
ก่อนอื่นต้องจัดการฝังศพโครงกระดูก คิดดังนั้น รินทร์ก็เช็ดใบหน้าที่เปียกชุ่มน้ำ ด้วยผ้าขนหนู จากนั้นเดินไปนั่งลงบนเตียง แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
แม้มันจะเป็นเครื่องเก่าที่ซื้อมาในราคาไม่กี่พันบาท แต่สำหรับเธอ มันเป็นสมบัติล้ำค่า เพราะมันเชื่อมโยงเธอเข้ากับแหล่งข้อมูลมหาศาลของโลกยุคปัจจุบันใบนี้
นิ้วเรียวพิมพ์ลงบนหน้าจอ ดวงตาของเธอกวาดไปตามตัวอักษรอย่างรวดเร็ว เพราะก่อนอื่นเลยเธอสงสัยว่าต้องตายนานแค่ไหนถึงจะเหลือแต่กระดูกแบบนั้นได้
เธอพิมพ์คำถามลงไปแล้วกดค้นหา หัวใจเต้นแผ่วเบาแต่หนักอึ้ง ในขณะที่หน้าจอโทรศัพท์ค่อยๆ โหลดผลลัพธ์ บทความมากมายปรากฏขึ้น รินทร์ไล่อ่านด้วยความสนใจ แม้ในใจจะเริ่มรู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
"ระยะเวลาที่ร่างกายจะย่อยสลายจนเหลือแต่โครงกระดูก ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ ความชื้น การไหลเวียนของอากาศ และการเข้าถึงของแมลงหรือสัตว์กินซาก..."
เธอขมวดคิ้ว อ่านต่อไปอย่างตั้งใจ