รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) - 42 ซุ้มยาดองยายนี(ตอนที่ 4) โดย ท่าเพชร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ลึกลับ,เรื่องสั้น,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ย้อนยุค,ผึ,สยองขวัญ,ผี,ดราม่า,ลึกลับ,ย้อนยุค,ชนบท,วัด,เรื่องเล่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ,เรื่องสั้น,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผึ,สยองขวัญ,ผี,ดราม่า,ลึกลับ,ย้อนยุค,ชนบท,วัด,เรื่องเล่า

รายละเอียด

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club)  โดย ท่าเพชร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ

ผู้แต่ง

ท่าเพชร

เรื่องย่อ

ผีมีจริงหรือไม่?

          คนเราตายแล้วไปไหน?

            สโมสรหลังเมรุ(Cemetery Club) มีจุดกำเนิดจากการได้รับแรงบันดาลใจจากได้ฟังเรื่องผี เรื่องวิญญาณ ทว่าจุดเริ่มต้นที่แท้จริงเกิดจากพระภิกษุกลุ่มหนึ่งสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องเร้นลับทั้งประสบพบเจอเอง ได้ยินได้ฟังมาในระหว่างรอสวดมาติกาบังสุกุลศพในช่วงบ่ายและระหว่างรอสวดพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ในงานพิธีศพ บางคนอาจจะมองว่าการฟัง การอ่าน การชมเรื่องผีเป็นเพียงแค่ความบันเทิงเท่านั้น สำหรับผมเรื่องผีเป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ชวนน่าหลงใหล มีคุณค่าอยู่ในตัวของมันเอง เราอยากจะรู้ว่าประเทศนั้นประเทศนี้มีความเชื่อค่านิยม วัฒนธรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์ตัวตนของประเทศนั้นๆ ผ่านการศึกษาเรื่องผี ผ่านคติความเชื่อในโลกหลังความตายได้ เรื่องผีบางเรื่องมีคติสอนใจซ่อนอยู่ มนุษย์ที่ตายไปแล้วไปสู่ภพภูมิที่ตนเองควรไป ยังวนเวียนอยู่กับมนุษย์เพราะความต้องการของเขา เธอทั้งหลายยังไม่บรรลุ ไม่ว่าจะเป็นการทวงความยุติธรรมให้แก่ตน การสั่งเสียอำลาคนที่เรารัก การใช้ตนเองเป็นธรรมทาน หรือแม้กระทั่งเป็นประจักษ์พยานในการแสดงผลของการทำความดีและผลของการทำชั่ว เรื่องผีบางเรื่องสะท้อนสภาพสังคมในแต่ละยุคอย่างเรื่อง นางนวล สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมไทยในสมัยรัชกาลที่ 7 ที่มีความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นปกครองกับชนชั้นสามัญชนคนธรรมดา แม้จะมีการเลิกทาสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่ผู้คนมากมายก็ยังคงตกเป็นทาสของอำนาจเงิน อย่าง ซ่องเจ๊เนาและซุ้มยาดองยายนี สะท้อนสภาพบ้านเมืองของอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานีในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 

สารบัญ

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 1 ไปสวดศพ(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 1 ไปสวดศพ(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 2 วิวาห์ผี,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 3 วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 3 วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 4 หอปรารถนาดี,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 5 โรงเรียนสยองขวัญ,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 6 ซ่องเจ๊เนา(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 6 ซ่องเจ๊เนา(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 1),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 8 ไปหาดใหญ่คราวนั้นฉันยังจดจำ,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 9 โค้งเขาท่าเพชร,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 10 อย่านึกถึงฉัน,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 11 รวมเรื่องเล่าในโรงพยาบาล,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 1),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 4),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 14 นางเบ็ด(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 14 นางเบ็ด(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 15 ดงพญาไฟ,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 16 ยายฉิมเก็บเห็ด,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 17 ปลายฝนต้นหนาว,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 18 พี่สุดสวยแห่งหอใน,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 19 นอนกลางขวัญผวา,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 20 บีผู้เจอผีระดับบอส,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 21 ผีอีเปรี้ยว,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 22 เพื่อนผู้จากไป,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 23 ปริศนาชายเสื้อลายแห่งห้อง 52xx,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 24 โค้งเขาท่าเพชร(อีกแล้ว),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -25 อย่านึกถึงฉัน,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -26 รวมเรื่องเล่าในโรงพยาบาล,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -27 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 1),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -28 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -29 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -30 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -31 สามเณรใจสิงห์(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -32 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -33 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -34 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 4),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -35 นางเบ็ด(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -36 นางเบ็ด(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -37 ดงพญาไฟ,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -38 ยายฉิมเก็บเห็ด,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -39 ซุ้มยาดองยายนี(ตอนที่ 1),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -40 ซุ้มยาดองยายนี(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -41 ซุ้มยาดองยายนี(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -42 ซุ้มยาดองยายนี(ตอนที่ 4),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -43 ซุ้มยาดองยายนี(ตอนที่ 5),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -44 ซุ้มยาดองยายนี(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -45 ปอบงามล่มเมือง ตอนที่ 1

เนื้อหา

42 ซุ้มยาดองยายนี(ตอนที่ 4)

ตะวันตกดิน ผู้คนว่างเว้นจากการทำงานทำการออกแสวงหาความบันเทิงเริงใจ ความบันเทิงที่เหมาะสมสำหรับทุกเพศทุกวัยคงไม่พ้นภาพยนตร์ทั้งไทยทั้งเทศ อย่างในค่ำคืนนี้ ภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง แม่นาคพระโขนง เข้าโรงฉายเป็นรอบปฐมทัศน์ ผู้คนมากมายจูงลูกเด็กแดงมาดูภาพยนตร์จนต้องเปิดขายตั๋วเสริม ทางเดินในโรงหนังตั้งเก้าอี้เหล็กพับได้ไว้บริการลูกค้า เมื่อถึงเวลาเข้าโรงหนัง ผู้คนมากมายที่มีตั๋วเข้าโรงหนัง บรรยากาศในโรงหนังเย็นเฉียบด้วยแรงลมจากเครื่องปรับอากาศพร้อมกับกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของโรงหนัง เสียงเพลงยอดนิยมของยุคดังคลอระหว่างรอให้คนเข้ามานั่งในโรงจนครบ ในระหว่างที่ผู้คนทยอยเข้าโรงยังมีแสงไฟนีออนส่องสว่างตามฝาผนังโรงหนังอยู่ เมื่อคาดว่ามีคนเข้าโรงมาเกือบหมดแล้ว ไฟส่องสว่างหรี่ดับลง ผ้าม่านกั้นจอโรงหนังถูกชักรอกเลื่อนเปิดเผยให้จอผ้าใบอย่างช้าๆ พนักงานชักเลื่อนผ้าม่านไปจนเกือบสุดขอบข้างจอซ้ายขวาแต่ก็หยุดกึกไม่อาจชักรอกต่อไปได้

“ผีๆๆ ฮือๆๆ” สิ้นเสียงเด็กคนหนึ่งร้องขึ้นมา ทำเอาเด็กเล็กเด็กโตชายหญิงคนอื่นๆ ร้องไห้ตกใจกลัวไปตามๆ กัน ทำเอาผู้หลักผู้ใหญ่ใจเสียไปด้วยต้องคอยปลอบเด็กจ้าละหวั่น ทางโรงภาพยนตร์พยายามแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการเปิดไฟในโรงภาพยนตร์ให้สว่างไสวและเปิดเพลงผ่อนคลายอารมณ์ให้คลายความน่ากลัว พนักงานแก้ไขปัญหาเรื่องผ้าม่านกันจอภาพยนตร์ด้วยปลดผ้าม่านทั้งแถบออกไป ระหว่างนั้นก็เกิดเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นจนได้ เมื่อเพลงบรรเลงที่เปิดไว้จากเพลงยอดนิยมของยุคสมัยกลับเปลี่ยนเป็นเพลงดนตรีในจังหวะโหยหวนคร่ำครวญชวนสยิวใจ เหตุการณ์วุ่นวายคลี่คลายลงเมื่อผ่านเวลาไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วมีการฉายภาพยนตร์ไปตามปกติ ทุกคนดื่มด่ำสัมผัสกับความสยองขวัญของแม่นาคพระโขนง ผีตายทั้งกลมที่เป็นตำนานโด่งดัง เป็นผีไทยอันดับหนึ่งในใจของทุกๆ คน

เช้ามา... สภากาแฟทั่วทุกแห่งพูดคุยสนทนากันถึงเรื่องราวของภาพยนตร์แม่นาคพระโขนงกันอย่างรสชาติ โดยเฉพาะร้านกาแฟข้างร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊กโหยว ที่ๆ สมาชิกสมาคมร่ำเมรัยซุ้มยาดองยายนียึดเป็นสถานที่สมาคมชั่วคราว ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานทำการตามอาชีพของตน หลังจากเกิดเหตุการณ์ผีร้ายออกอาละวาดทำลายซุ้มยาดองยายนี ชีวิตยายนีเปลี่ยนไป ยายนีหันไปประกอบอาชีพทำสวนทำไร่ที่ย่านสนามบิน

“ผมอยู่ในเหตุการณ์ด้วยครับ นึกรำคาญอยู่ไม่น้อย หนังก็ไม่ได้ฉายซะที เด็กๆ ก็ร้องไห้โยเย ไฟปิดก็เปิดใหม่ เขาจะทำให้คนดูกลัวกันถึงไหนเชียว กล้าเปิดเพลงดนตรีไทยเดิมเรียกอารมณ์ สักพักหนังก็ฉายไป หนังน่ากลัวเลยทีเดียวครับ ดูไปเสียววูบวาบๆ หลอนพิลึก นึกย้อนไปถึงผีร้ายสามตัวหลอกอาละวาดพังซุ้มยาดองยายนี ตอนที่แม่นากยื่นมือยาวๆ มาเก็บลูกมะนาวที่ใต้ถุนเรือนน่ากลัวสมจริงสมจังมากครับ คนดูร้องกรี๊ดกร๊าดวี้ดว้าย ทางโรงหนังก็แกล้งคนดู เอามือยาวๆ ลากผ่านหน้าจอหนังสนุกจริงๆ ครับ” นายชาติเล่าประสบการณ์สุดประทับใจในการชมภาพยนตร์แม่นาคพระโขนงให้แก่สมาชิกคนอื่นๆ ในสภากาแฟฟัง

“ไอ้ชาติโว้ย เอ็งโดนผีหลอกเข้าอย่างจังแล้วโว้ย” มหาฉ่ำพูด “เอ็งนี่ไม่รู้อะไรบ้างเลย เมื่อคืนมันเกิดเรื่อง เด็กๆ ที่ร้องว่าเห็นผีกัน เด็กมันว่าเห็นคนตัวดำๆ ยืนขวางแนวผ้าม่านตัวสูงใหญ่เท่าจอหนังเลย คนๆ นั้นรู้ว่ามีเด็กคนหนึ่งเห็นก็หายวับไปแล้วโผล่มายืนใหม่อีกรอบที่เพิ่มเติมคือมีตาแดงเหมือนไฟท้ายรถเครื่อง เด็กๆ หลายคนเห็นแบบนี้พากันกลัวร้องไห้ ผีตนนั้นก็หายตัวไป ส่วนเสียงเพลงดนตรีไทยเดิมนั้น ทางโรงไม่ได้จัดฉากแต่ไม่รู้ว่าจะหาที่มาได้เยี่ยงไร จู่ๆ เจ้าของโรงหนังนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้จุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง จึงต้องจุดธูปบอกกล่าว หนังจึงได้ฉายอย่างราบรื่น ส่วนมือยาวๆ นั่น เอ็งถูกผีหลอกแล้วล่ะ ใครจะลงทุนทำมือปลอมหลอกคนดูหรอกนะ”

นายชาติทำตาเบิกโพลงตระหนักได้แล้วว่าตนเองถูกผีหลอก เรื่องผีหลอกในโรงภาพยนตร์ขณะฉายภาพยนตร์เรื่องแม่นาคพระโขนงแพร่สะพรัดไปราวกับไฟลามทุ่ง คืนต่อๆ มาผู้คนมากมายมาตีตั๋วดูภาพยนตร์เพื่อพิสูจน์ผีสางว่าจะมีอย่างที่เขาลือเขาอ้างกันหรือไม่ จนแล้วจนรอดไม่มีเรื่องสยองขวัญใดๆ ในโรงภาพยนตร์อีกเลย จนภาพยนตร์แม่นาคพระโขนงออกโรงไป แต่ก็ยังมีเรื่องผีอ้ายธง อ้ายดำและอ้ายนองหลอกหลอนคนไปทั่ว และยิ่งออกอาละหลอกหลอนคนที่ใช้ชีวิตกลางคืนอย่างหนัก

“เดี๋ยวนี้กลางค่ำกลางคืน อ้ายผีสามตัวออกหลอกคนจนไม่มีใครกล้าออกมานอกบ้านเลย” ตาเทืองพูด

“ผมไม่อยากนึกถึงคืนนั้นเลย ผมยังกลัวไม่หาย คนที่กลัวหนักคงจะเป็นยายนี แม้จะมีข่าวมาว่าผีร้ายสามตัวออกอาละวาดแต่ไม่น่าจะมารบกวนพวกเราแล้วกระมัง ยายนีก็ยังไม่ยอมกลับมาเปิดซุ้มยาดอง เคยเจอแกอยู่หลายครั้งเมื่อแกมาจ่ายตลาด แกบอกปัดทุกทีถ้าถามเรื่องเปิดซุ้มยาดอง ผมรู้สึกไม่แน่ใจอะไรบางอย่างแล้วครับ เพราะหลังจากเหตุการณ์น่ากลัวที่ซุ้มยาดองยายนี ผมก็จะเห็นผีอยู่บ่อยๆ บางทีเห็นแว้บๆ แต่เมื่อคืนผมโดนผีหลอกอย่างจังอีกแล้ว”

“เขาเรียกว่าจิตเปิด เอ็งลองไปปรึกษาพระที่วัดดูเถิด บางทีท่านอาจจะมีวิธีช่วยแก้ไข คนที่เห็นผีบ่อยๆ บุญบาปว่าไป จะว่าบุญที่มีผีมาสื่อสารเพื่อขอบุญกุศล เป็นการเพิ่มพูนบุญบารมีให้แก่เราก็ดีไป จะว่าบาปก็บาปเพราะภูตผีวิญญาณดูดดึงพลังชีวิตทำให้อายุขัยของคนที่เจอผีบ่อยๆ สั้นลง” มหาฉ่ำแนะนำ

นายชาติเข้าวัดทำบุญทำทาน พระท่านให้นายชาติอาบน้ำมนต์ปัดเสนียดจัญไรให้พ้นโพยภัยทั้งหลาย นายชาติมีกำลังใจเพิ่มพูน ใช้ชีวิตตามปกติ กลางวันทำงานเลิกงานกลับเข้าบ้านไม่ออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ในยามวิกาลหลังตะวันตก แต่ข่าวคราวความดุร้ายของผีอ้ายธง ผีอ้ายดำและผีอ้ายนองไม่ได้ลดลงไปเลย เหมือนกับว่ายิ่งถูกหลอก คนยิ่งทำบุญไปให้ ยิ่งกลายเป็นเพิ่มพลังให้แก่พวกผีร้าย

ในเช้าวันหนึ่งยายสอนแม่ค้าขายผักที่ตลาดถูกพบกลายเป็นศพพบอยู่ข้างถนน สภาพศพแข็งเกร็งหน้าตาดูเหมือนหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่าง ดวงตาเบิกโพลงตายตาไม่หลับ อ้าปากค้างไม่หุบ ห่างจากตัวยายสอนไปประมาณ 200 เมตร พบว่ามีรถเข็นบรรทุกผักนานาชาติจอดกลางถนนอย่างไม่เรียบร้อย จากข้อสันนิษฐานเบื้องต้น ยายสอนหนีตกใจอะไรบางอย่างจึงวิ่งหนีไปแล้วบังเกิดอาการช็อคหัวใจวายถึงแก่ชีวิต ญาติๆ ยายสอนไม่ติดใจเอาความอะไร เพราะไม่มีหลักฐานใดๆ บ่งบอกว่าเป็นการฆาตกรรม ทรัพย์สินทองหยองติดตัวก็ยังอยู่ครบ แต่เสียงลือเสียงเล่าอ้างไปนี่สิ ทำให้ชาวบ้านทั้งหลายอยู่กันไม่เป็นสุข

“เขาลือกันแซดว่ายายสอนโดนผีสามตัวนั่นหลอกจนหัวใจวายตาย” มหาฉ่ำเล่ากระซิบๆ บอกในสภากาแฟ

“ลุงไปได้ยินมาจากไหน” นายชาติถามช้าๆ พอได้ยินชื่อผีร้ายสามตนนั้น เขารู้สึกแขยงๆ

“ข้ารับงานเป็นพิธีกรงานศพยายสอนที่วัดใหม่ ลูกยายสอนคนหนึ่งเล่าว่า ลูกๆ หลานๆ สงสัยว่ายายสอนตายเพราะอะไร จึงไปหาร่างทรงให้ช่วย ยายสอนเข้าร่างทรงพูดเรื่องต่างๆ ที่เฉพาะคนในครอบครัวรู้เรื่องเท่านั้น จนลูกๆ หลานๆ แน่ใจว่าเป็นยายสอน จึงสอบถามว่าเกิดอะไรกับยายสอนเมื่อตอนตายกันแน่ ยายสอนบอกว่าโดนผีอ้ายธงหลอก มันวิ่งกวดตามมาในสภาพอืดบวม ยายสอนวิ่งหนีตกใจหัวใจเต้นแรงแล้วเกิดอาการช็อคน้ำลายฟูมปากแล้วหมดสติไป มารู้ทีหลังว่าตัวเองตายไปแล้ว ลูกหลานรู้สึกแค้นผีร้ายเต็มกำลัง คิดค้นหาวีชำระแค้นผีร้ายให้สาสม ยายสอนแม้จะแก่ชรามากแต่ไม่ควรจะตายแบบนี้” มหาฉ่ำเล่าเรื่อง

ในค่ำคืนต่อมา... ก็เกิดเรื่องจนได้ ข่าวเรื่องยายสอนตายเป็นฝีมือของผีอ้ายธงแพร่สะพรัดไป ทำให้แขกเหรื่อมาร่วมงานศพลดน้อยลง แขกที่มาก็นั่งเกาะกลุ่มกันเป็นกลุ่มๆ ก้อนๆ พิธีการงานศพดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ในระหว่างพระ 4 รูปสวดอภิธรรมในท่าทีลุกลี้ลุกลน รีบสวดกันไฟแลบ สวดอภิธรรม 7 คัมภีร์ในระดับความเร็วมาตรฐานประมาณ 15 นาทีจบแต่พระสงฆ์ชุดนี้สวดพระอภิธรรมใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาที พอสวดจบก็เร่งให้มหาฉ่ำรวบรัดพิธีกรรม โดยมีพระรูปหนึ่งอ้างว่าปวดท้องต้องการจะไปทำธุระส่วนตัว ในขณะกำลังถวายจตุปัจจัยให้แก่พระสงฆ์ทั้ง 4 รูป ไฟฟ้าในศาลาธรรมสังเวชดับมืดลง

หึ... หึ... หึ...

เสียงหัวเราะอันเยียบเย็นและน่าหวาดกลัวดังลั่นทั่วทั้งศาลา ผู้คนทั้งหมดรวมตัวกันแนบแน่น ไม่เว้นพระสงฆ์องค์ที่เบียดตัวเป็นก้อนเช่นเดียวกัน ความมืดมิดทำให้เห็นอะไรไม่แจ่มแจ้งเท่าใดนัก ความหวาดกลัวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี

“นั่นปะไร บอกให้รีบ... บอกให้รีบ เห็นมันยืนอยู่นอกศาลาตั้งแต่ตอนสวด ก่อนจะสวดจบ มันมานั่งในศาลาแล้ว” พระรูปหนึ่งร้องขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจสั่นๆ

“ท่านเห็นใคร?” มหาฉ่ำถาม

“อ้ายธง อาตมาเห็นผีอ้ายธงในสภาพศพอืดบวม อาตมาเห็นตั้งแต่ตอนขึ้นนั่งเตรียมสวด ระหว่างสวดไปมันขยับร่างเข้ามาใกล้ศาลาเรื่อยๆ อาตมาสะกิดให้พระทุกรูปแอบดู พระทุกรูปก็เห็นเหมือนๆ กัน จึงต้องรีบสวดเพื่อรีบแยกย้ายกลับ” พระรูปที่เห็นผีอ้ายธงแต่แรกตอบ

ตึงตังๆ โพละ... เปรี้ยง...

เสียงโลงศพสั่นไหวมีแรงจากสิ่งที่มองไม่เห็นเขย่าจนโลงสั่นไหวไป จู่ๆ โลงศพร่วงกราวจากฐานที่ตั้งมากองบนพื้นจนแตกกระจาย ศพยายสอนร่วงหล่นออกมาจากในโลง

“กูจะฆ่าพวกมึงทุกคน... กูจะฆ่าพวกมึงทุกคน... หึ... หึ... หึ...” เสียงก้องกังวานดังจากผีร้าย ทำเอาทุกวิ่งหนีหายไปทั้งฆราวาสทั้งพระ ไม่สนใจไยดีว่าศพยายสอนนอนแอ้งแม้งส่งกลิ่นและนอนเหยียดอุจาดตาเพียงใด ล่วงจนเช้าจึงมีการจัดการเปลี่ยนโลงศพและบรรจุศพใหม่ และเพื่อป้องกันผีอ้ายธงตามรังควานอีก จึงเร่งจัดพิธีสวดศพช่วงเย็นตอนบ่ายสี่โมง เสร็จพิธีเกือบหกโมงเย็นก่อนตะวันตกดิน ในเวลานี้ความเกรงกลัวต่อผีร้ายชนะความคับแค้นใจ จึงต้องโอนอ่อนผ่อนตาม หากจะถูกผีร้ายฆ่าตายไปจะยิ่งเสียหายไปมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ มหาฉ่ำนำเรื่องมาเล่า ทำเอาคนในสภากาแฟขนหัวลุกชูชันพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย