รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ
แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ
ลึกลับ,เรื่องสั้น,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ย้อนยุค,ผึ,สยองขวัญ,ผี,ดราม่า,ลึกลับ,ย้อนยุค,ชนบท,วัด,เรื่องเล่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ส่วนอีกเรื่องที่เล่าลือกัน ตอนผมเรียนปีสาม ดาวเพื่อนผมย้ายเข้ามาหอในอยู่เพราะมีเรื่องขัดแย้งกับเพื่อนอีกคน ดาวพักอยู่หอสองได้พบเจอกับเรื่องประหลาดที่ชัดแย้งกับความเชื่อของศาสนาที่ตนนับถือ
“ความเชื่อของศาสนาอิสลาม โลกใบนี้นอกจากจะเป็นถิ่นที่อยู่ของมนุษย์และสรรพสัตว์นานาชนิดแล้ว ยังมีเผ่าพันธุ์ที่ถูกเรียกว่า ญิน ซึ่งมนุษย์มองไม่เห็นอาศัยอยู่ด้วย ตามคัมภีร์กุรอาน ญินถูกส่งมาอยู่ในโลกนี้ร่วมกับอาดัมและฮาวา (อีฟ) บรรพบุรุษของมนุษยชาติ เพียงแต่ว่ามนุษย์ไม่สามารถมองเห็นมันเท่านั้น แต่มันสามารถมองเห็นมนุษย์ ทั้งนี้เพราะญินถูกสร้างมาจากไฟ ในขณะที่มนุษย์ถูกสร้างมาจากดิน การมองสิ่งใดไม่เห็นมิได้หมายความว่าสิ่งนั้นไม่มี เพราะสิ่งที่มีอยู่ไม่จำเป็นต้องมองเห็น ความเชื่อในการมีอยู่จริงของสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นเป็นพื้นฐานคำสอนของทุกศาสดา มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นวิญญาณได้ แต่มนุษย์ก็เชื่อว่าตัวเองมีวิญญาณอยู่ ไม่มีมนุษย์คนใดเคยไปเห็นนรกและสวรรค์มาก่อน แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ก็เชื่อว่านรกและสวรรค์มีจริง ด้วยเหตุนี้การปฏิเสธว่าพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของนรกและสวรรค์ไม่มีอยู่จริงเพียงเพราะมองไม่เห็น จึงเป็นเรื่องที่ขัดกับตรรกะของเหตุผล เนื่องจากโลกของญิน มิใช่โลกวัตถุ เราจึงไม่สามารถหาความรู้เรื่องญินจากตำราทางวิทยาศาสตร์ได้ แต่ทราบจากคัมภีร์กุรอานว่า ญินเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีชีวิตอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้าก่อนที่พระองค์จะทรงสร้างอาดัมเสียอีก เมื่อพระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างอาดัมขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้อาดัมเป็นตัวแทนของพระองค์บนโลกใบนี้ และได้ประทานความรู้ความสามารถแก่อาดัมแล้ว พระองค์ก็บัญชาให้ทุกสรรพสิ่งในอาณาจักรของพระองค์กราบสยบนบนอบต่ออาดัม ทุกสรรพสิ่งยอมทำตามคำบัญชาของพระองค์ แต่อิบลีสหรือซานตานของศาสนาอิสลามผู้เป็นหัวหน้าญินปฏิเสธ เมื่อถูกถามถึงเหตุผล มันตอบว่าอาดัมถูกสร้างมาจากดิน แต่มันถูกสร้างมาจากไฟ เรื่องอะไรที่มันจะต้องก้มกราบอาดัม ด้วยความทะนงในต้นกำเนิดจนถึงกับโอหังปฏิเสธคำบัญชาของพระเจ้าผู้สร้างมันขึ้นมา มันจึงต้องถูกลงโทษ แต่ก่อนที่พระองค์จะทรงลงโทษมัน อิบลีสได้ขอให้พระองค์ประวิงเวลาออกไปจนถึงวันสิ้นโลกเพื่อที่มันจะพิสูจน์ให้พระองค์เห็นว่ามนุษย์ผู้เป็นลูกหลานของอาดัมที่พระองค์ทรงยกย่องนั้นมีน้อยคนนักที่จะกตัญญูต่อพระองค์ หลังจากอิบลีสได้รับการประวิงเวลาลงโทษโดยการถูกเนรเทศออกจากอาณาจักรของพระเจ้ามายังโลกนี้แล้วมันก็ทำหน้าที่ของมันเรื่อยมา ดังนั้น เผ่าพันธุ์ญินจึงถูกเนรเทศมาอยู่ยังโลกนี้ก่อนที่อาดัมและฮาวา (อีฟ) จะถูกส่งมา หลังจากอาดัมและฮาวาพลาดท่าเสียทีให้แก่การหลอกลวงของอิบลีสเพื่อเป็นบทเรียนแล้ว พระเจ้าจึงได้ส่งอาดัมมายังโลกใบนี้โดยได้บอกอาดัมว่า นับแต่นี้ต่อไปอิบลีสจะเป็นศัตรูกับเขาและลูกหลานของเขาตราบถึงวันสิ้นโลก ถ้าลูกหลานของเขาคนใดคล้อยตามหรือหลงเชื่อมัน มันก็จะพาคนผู้นั้นกลับไปยังต้นกำเนิดที่มาของมันนั่นคือ ไฟ เผ่าพันธุ์ญินที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ มีทั้งญินที่ศรัทธาและปฏิเสธพระเจ้า” ดาวเล่าเรื่องราวของญินให้ผมฟังอย่างละเอียดถี่ยิบ สรุปคือญินคือญิน ไม่ใช่วิญญาณของคนที่ตายจากไปแล้ว เพราะวิญญาณของคนที่ตายไปแล้วจะไปอยู่ในดินแดนคนละภาคส่วนกับญินเพื่อรอคำพิพากษาในวันวันพิพากษา
“แล้วยังไงแกไปเจออะไรมารึ?” ผมถาม
“ฉันมักจะได้ยินเสียงคนเล่นดนตรีไทยในช่วงใกล้รุ่ง ฉันต้องตื่นมาละหมาดแต่ได้ยินเสียงอ่ออี้อ่อ ใครไม่รู้สีซอดังน่ากลัวจะตาย”
“เฮ้ย! จริงดิ น่ากลัวตายเลย แกโดนดีเขาให้แล้วแหละ” ผมใช้วิจารณญาณส่วนตัวแสดงความคิดเห็น “แล้วมีคนอื่นได้ยินบ้างไหม?”
“ไม่รู้เหมือนกันนะ เราไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง อิสลามจะมาเล่าเรื่องผีก็ใช่ที่” ดาวตอบและจบการสนทนาเรื่องผีไว้เท่านี้ และเป็นเรื่องที่ยังค้างคาใจผม โดยปกติผมเป็นคนมีสาระ...สาระแนจึงแอบไปเมาท์มอยเล่าเรื่องนี้ไปเผื่อว่าจะมีคำตอบสำหรับเรื่องปริศนาขนหัวลุกที่ดาวประสบมา จนกระทั่งผมไปเล่าเรื่องนี้ให้ฝันเพื่อนสายรหัสผมที่พักอยู่หอเดียวกันกับดาว
“ไม่มีอะไรหรอก” ฝันพูดแล้วยิ้มหัวเราะหลังจากฟังผมเล่าเรื่องของดาวจบ “คือเรื่องจริงๆ มันเป็นอย่างนี้นะ น้องเปรี้ยวรุ่นน้องสาขาวจก. ที่หน้าหมวยๆ ใส่แว่นมันมักจะตื่นมาสีซออู้ต่อเพลงช่วงเวลานั้นพอดี คนในหอส่วนใหญ่ก็รู้กัน แรกๆ ก็มีคนกลัวนะแต่พักหลังก็ชินกันหมด”
“อ้าว! คดีพลิกซะงั้น จากผีดนตรีไทยกลายเป็นผีอีเปรี้ยว” ผมได้แต่ยิ้มแก้เก้อ แหม! ทำไปได้ สีซออู้ตอนเช้ามืดนี่นะ กลางวันมีเวลาว่างก็ไม่เล่น เอาเข้าไป แหกๆๆ ทั้งหน้าคนมาเล่าทั้งหน้าตัวต้นเหตุ แต่เรื่องผีอีเปรี้ยวยังไม่จบนะสิ เพราะผ่านไปเป็นเดือน ผีอีเปรี้ยวไม่ออกอาละวาดสีซออู้อ่ออี้อ่อตอนใกล้รุ่งอีก จนดาวมาบอกผมผู้มีสาระ (แน) ต้องออกโรงสอบถามเพื่อคลายความสงสัย
ผีอีเปรี้ยวยังหลอกอยู่ไหม” ผมถามฝันระหว่างทำเวิร์คช๊อปในระหว่างเรียนวิชาวิจัยทางการตลาด
“มันหยุดหลอกไปนานแล้ว มันไปเจอตอเข้าให้เลยหยุด” ฝันตอบ
“ตออะไรวะ” ผมถาม
“มันเจอผีหลอกจริงๆ เลยจนมันเลิกสีซอไปเลย” ฝันตอบ
“ยังไงเล่ามา” ผมหยุดทำงานแล้วจ้องเขม็งมองฝันพร้อมจะฟังเรื่องผีจากปากของเธอ
“ช่วงนั้นหยุดยาว ใครๆ ก็กลับบ้านกัน เปรี้ยวไม่ได้กลับบ้านเพราะบ้านอยู่ไกลจึงได้อยู่ห้องคนเดียว ความที่มันไม่มีอะไรทำมันก็สีซอ เล่นเพลงไปหลายเพลงเช่น มยุราภิรมย์ ระบำสุโขทัย ระบำศรีวิชัย เล่นจนเบื่อและเป็นเวลาดึกมากแล้วจึงอาบน้ำเข้านอน เปรี้ยวมันนอนไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ มันฝันไปว่ามันเดินลงจากหอไปตามถนนลงเขาเพียงคนเดียวเหมือนจะไปเรียนเพราะมันใส่ชุดนักศึกษา เปรี้ยวแหงนหน้าดูฟ้าเป็นเวลาโพล้เพล้เห็นแดดมุ้งมิ้งอยู่รำไร มันเดินมาถึงตรงสามแยกอาคารโรงแรมซ้ายมือเป็นศาลาจานบิน ขวามือเป็นถนนไปอาคารโรงแรม มันได้ยินเสียงดนตรีไทยแว่วลอยมาแล้วค่อยชัดขึ้นเรื่อยๆ เปรี้ยวมองไปสุดถนนเห็นว่ามีขบวนเสลี่ยงคานหามกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ๆ ตนเอง เธอตั้งใจมองอย่างละเอียดเห็นว่า ขบวนเสลี่ยงคานหามมีชายนุ่งผ้าเตี่ยวยกรั้งสีน้ำตาลตุ่นๆ เปลือยอกร่างกายสูงใหญ่กำยำผิวคล้ำสี่คนแบกคานหามซ้ายขวาหน้าหลัง เหนือเสลี่ยงเป็นซุ้มเรือนแก้วประดับผ้าม่านทองทึบปิดมิดชิดไม่อาจมองเห็นว่ามีใครอยู่ข้างในเรือแก้วนั้น เปรี้ยวยังคงมองขบวนเสลี่ยงอย่างไม่ละสายตาจนขบวนเสลี่ยงเคลื่อนเข้ามาใกล้ บังเกิดลมสลาตันโหมพัดสู่ขบวนเสลี่ยง ม่านทองปิดเรือนแก้วเผยอเผยเห็นว่าคนที่นั่งในเรือนแก้วเป็นสตรีแต่งอาภรณ์โบราณนุ่งผ้าไหมยกทองจีบหน้านาง รัดอกด้วยผ้าคาดอกสีแดงสด ทรงเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ล้วนเป็นทองงนพคุณอร่ามเหลืองฝังอัญมณีนพเก้าเจียระไนยรับแสงสะท้อนวาววาม ทุกอย่างแลงดงามยกเว้นร่างอิสตรีอันงามดั่งทองทาไม่มีเศียร เปรี้ยวตกใจเหรอหราหันรีหันขวาง แล้วชายฉกรรจ์หามเสลี่ยงทั้งก็กลับกลายเป็นไม่มีศีรษะเช่นเดียวกันกับร่างสตรีในเรือนแก้วเหนือคานหามนั้น มันน่าจะจบตรงที่เปรี้ยวตกใจตื่นใช่ไหมล่ะ แต่มันไม่ใช่ เปรี้ยวลืมตามาได้ยินเสียงคนหัวเราะหึๆ ข้างหู หันหน้าไปดู โอ๊ย! แทบจะหัวใจวายตาย” ฝันเล่ามาแล้วหยุดพักคลายเหนื่อย
“เวอร์ซะเชียว” ผมแซว
“เราก็เล่าไปตามที่เปรี้ยวเล่าให้ฟังแหละ เราก็แซวน้องมันแบบนี้ น้องมันก็บอกกว่าใครไม่เจอกับตัวก็ไม่รู้หรอก เข้าเรื่องต่อเลยนะ เปรี้ยวเห็นหัวผู้หญิงตั้งอยู่บนโต๊ะหนังสือ ผู้หญิงคนนั้นผมยาวมาก ผมยาวจนระพื้นห้อง ผู้หญิงคนนั้นหน้าขาวซีด หน้าคมเข้มสวยมากแต่สวยแบบน่ากลัวๆ ฉีกยิ้มให้ เห็นว่าฟันผีผู้หญิงมีเขี้ยวยาวน่ากลัวเปรี้ยวมันจะร้องโวยวายแต่ร้องออกมาไม่มีเสียง ร่างกายตั้งแต่ลำตัวต่ำกว่าคอจนถึงเท้าขยับไม่ได้ เปรี้ยวมันสวดมนต์ผิดๆ ถูกๆ แต่ยังขยับตัวไม่ได้ เสียงดนตรีไทยดังมา เปรี้ยวแหงนดูหาที่มาของเสียงแต่เห็นว่ามีร่างนางรำกำลังร่ายรำตั้งวงจีบไม้จีบมือกรีดกรายแต่นางรำนางนั้นไม่มีหัว เปรี้ยวไม่รู้จะจัดการกับความกลัวนั้นอย่างไรเลยพูดอยู่ในใจว่าใครก็ได้ช่วยเปรี้ยวที สิ้นคำขอ ประตูห้องเปิดดังปัง เปรี้ยวเห็นพี่สุดสวยลอยเข้ามาในห้อง ถีบร่างนางรำนั้นจนนางรำเซถลาล้มแล้วหายไป แล้วพูดไล่ผีออกไปให้หมดแล้วหยิบหัวผีผู้หญิงเขวี้ยงออกไปทางหลังห้อง แล้วพูดกับเปรี้ยวว่า อย่าสีซอตอนกลางคืนอีก มันไม่ดีเหมือนเรียกผีมาฟัง พี่สุดสวยพูดจบก็ลอยออกจากห้องไปแล้วประตู เรื่องก็มีเท่านี้แหละ” ฝันเล่าจบลงพวกเราก็ทำงานกลุ่มต่อจนเสร็จแล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย เรื่องราวก็น่าจะจบลงเพียงเท่านี้ หลังจากนั้นมาอีกหลายวัน ระหว่างรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกัน ดาวก็พูดถึงผีอีเปรี้ยวอีก
“ผีอีเปรี้ยวก็ยังเล่นดนตรีไทยอยู่เหมือนเดิม” ดาวบอกกับผมระหว่างรับประทานข้าวเที่ยงด้วยกัน
“เฮ้ย! มันหยุดไปนานแล้วนะ ฝันมันเล่าให้ฟังว่า เปรี้ยวโดนผีหลอกแล้วพี่สุดสวยมาช่วยและขอให้เปรี้ยวหยุดสีซอตอนกลางคืน” ผมบอก
“เหรอ? แกกำลังบอกว่าฉันโดนผีจริงๆ หลอกแล้วล่ะซี เออ... ว่าทำไมมันแปลกๆ เพราะไม่ได้ยินแค่เสียงซอแต่ฉันได้ยินทั้งวงดนตรีเลย” ดาวทำหน้าตกใจเพราะรู้สึกตนเองโดนดีแล้วจริงๆ ผมก็เล่าเรื่องของเปรี้ยวที่ได้ยินมาจากฝันทั้งหมดให้ดาวฟัง ดาวตกใจเพราะรู้แจ้งชัดเจนกระจ่างแก่ใจว่าตนเองโดนผีหลอกเข้าให้แล้ว นับจากนั้นเสียงดนตรีมาหลอกหลอนโสตประสาทดาวไม่มากไม่บ่อยแต่ไม่หายจนกลายเป็นความชินชาไป