รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) - เรื่องที่ 21 ผีอีเปรี้ยว โดย ท่าเพชร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ลึกลับ,เรื่องสั้น,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ย้อนยุค,ผึ,สยองขวัญ,ผี,ดราม่า,ลึกลับ,ย้อนยุค,ชนบท,วัด,เรื่องเล่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ,เรื่องสั้น,ระทึกขวัญ,ดราม่า,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผึ,สยองขวัญ,ผี,ดราม่า,ลึกลับ,ย้อนยุค,ชนบท,วัด,เรื่องเล่า

รายละเอียด

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club)  โดย ท่าเพชร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รวมเรื่องสั้นสยองขวัญ ถวิลหาอดีต คิดถึงปัจจุบัน หลอนไปในอนาคต เพราะความตายมิใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสยองขวัญ

ผู้แต่ง

ท่าเพชร

เรื่องย่อ

ผีมีจริงหรือไม่?

          คนเราตายแล้วไปไหน?

            สโมสรหลังเมรุ(Cemetery Club) มีจุดกำเนิดจากการได้รับแรงบันดาลใจจากได้ฟังเรื่องผี เรื่องวิญญาณ ทว่าจุดเริ่มต้นที่แท้จริงเกิดจากพระภิกษุกลุ่มหนึ่งสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องเร้นลับทั้งประสบพบเจอเอง ได้ยินได้ฟังมาในระหว่างรอสวดมาติกาบังสุกุลศพในช่วงบ่ายและระหว่างรอสวดพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ในงานพิธีศพ บางคนอาจจะมองว่าการฟัง การอ่าน การชมเรื่องผีเป็นเพียงแค่ความบันเทิงเท่านั้น สำหรับผมเรื่องผีเป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ชวนน่าหลงใหล มีคุณค่าอยู่ในตัวของมันเอง เราอยากจะรู้ว่าประเทศนั้นประเทศนี้มีความเชื่อค่านิยม วัฒนธรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์ตัวตนของประเทศนั้นๆ ผ่านการศึกษาเรื่องผี ผ่านคติความเชื่อในโลกหลังความตายได้ เรื่องผีบางเรื่องมีคติสอนใจซ่อนอยู่ มนุษย์ที่ตายไปแล้วไปสู่ภพภูมิที่ตนเองควรไป ยังวนเวียนอยู่กับมนุษย์เพราะความต้องการของเขา เธอทั้งหลายยังไม่บรรลุ ไม่ว่าจะเป็นการทวงความยุติธรรมให้แก่ตน การสั่งเสียอำลาคนที่เรารัก การใช้ตนเองเป็นธรรมทาน หรือแม้กระทั่งเป็นประจักษ์พยานในการแสดงผลของการทำความดีและผลของการทำชั่ว เรื่องผีบางเรื่องสะท้อนสภาพสังคมในแต่ละยุคอย่างเรื่อง นางนวล สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมไทยในสมัยรัชกาลที่ 7 ที่มีความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นปกครองกับชนชั้นสามัญชนคนธรรมดา แม้จะมีการเลิกทาสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่ผู้คนมากมายก็ยังคงตกเป็นทาสของอำนาจเงิน อย่าง ซ่องเจ๊เนาและซุ้มยาดองยายนี สะท้อนสภาพบ้านเมืองของอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานีในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 

สารบัญ

สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 1 ไปสวดศพ(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 1 ไปสวดศพ(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 2 วิวาห์ผี,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 3 วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 3 วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 4 หอปรารถนาดี,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 5 โรงเรียนสยองขวัญ,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 6 ซ่องเจ๊เนา(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 6 ซ่องเจ๊เนา(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 1),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 7 นางนวล(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 8 ไปหาดใหญ่คราวนั้นฉันยังจดจำ,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 9 โค้งเขาท่าเพชร,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 10 อย่านึกถึงฉัน,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 11 รวมเรื่องเล่าในโรงพยาบาล,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 1),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 12 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 13 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 4),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 14 นางเบ็ด(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 14 นางเบ็ด(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 15 ดงพญาไฟ,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 16 ยายฉิมเก็บเห็ด,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 17 ปลายฝนต้นหนาว,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 18 พี่สุดสวยแห่งหอใน,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 19 นอนกลางขวัญผวา,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 20 บีผู้เจอผีระดับบอส,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 21 ผีอีเปรี้ยว,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 22 เพื่อนผู้จากไป,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 23 ปริศนาชายเสื้อลายแห่งห้อง 52xx,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -เรื่องที่ 24 โค้งเขาท่าเพชร(อีกแล้ว),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -25 อย่านึกถึงฉัน,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -26 รวมเรื่องเล่าในโรงพยาบาล,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -27 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 1),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -28 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -29 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -30 เพื่อนตายถ่ายแทนชีวาอาตม์(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -31 สามเณรใจสิงห์(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -32 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -33 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -34 สามเณรใจสิงห์(ตอนที่ 4),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -35 นางเบ็ด(ตอนแรก),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -36 นางเบ็ด(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -37 ดงพญาไฟ,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -38 ยายฉิมเก็บเห็ด,สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -39 ซุ้มยาดองยายนี(ตอนที่ 1),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -40 ซุ้มยาดองยายนี(ตอนที่ 2),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -41 ซุ้มยาดองยายนี(ตอนที่ 3),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -42 ซุ้มยาดองยายนี(ตอนที่ 4),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -43 ซุ้มยาดองยายนี(ตอนที่ 5),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -44 ซุ้มยาดองยายนี(ตอนจบ),สโมสรหลังเมรุ (The Cemetery Club) -45 ปอบงามล่มเมือง ตอนที่ 1

เนื้อหา

เรื่องที่ 21 ผีอีเปรี้ยว


ส่วนอีกเรื่องที่เล่าลือกัน ตอนผมเรียนปีสาม ดาวเพื่อนผมย้ายเข้ามาหอในอยู่เพราะมีเรื่องขัดแย้งกับเพื่อนอีกคน ดาวพักอยู่หอสองได้พบเจอกับเรื่องประหลาดที่ชัดแย้งกับความเชื่อของศาสนาที่ตนนับถือ

“ความเชื่อของศาสนาอิสลาม โลกใบนี้นอกจากจะเป็นถิ่นที่อยู่ของมนุษย์และสรรพสัตว์นานาชนิดแล้ว ยังมีเผ่าพันธุ์ที่ถูกเรียกว่า ญิน ซึ่งมนุษย์มองไม่เห็นอาศัยอยู่ด้วย ตามคัมภีร์กุรอาน ญินถูกส่งมาอยู่ในโลกนี้ร่วมกับอาดัมและฮาวา (อีฟ) บรรพบุรุษของมนุษยชาติ เพียงแต่ว่ามนุษย์ไม่สามารถมองเห็นมันเท่านั้น แต่มันสามารถมองเห็นมนุษย์ ทั้งนี้เพราะญินถูกสร้างมาจากไฟ ในขณะที่มนุษย์ถูกสร้างมาจากดิน การมองสิ่งใดไม่เห็นมิได้หมายความว่าสิ่งนั้นไม่มี เพราะสิ่งที่มีอยู่ไม่จำเป็นต้องมองเห็น ความเชื่อในการมีอยู่จริงของสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นเป็นพื้นฐานคำสอนของทุกศาสดา มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นวิญญาณได้ แต่มนุษย์ก็เชื่อว่าตัวเองมีวิญญาณอยู่ ไม่มีมนุษย์คนใดเคยไปเห็นนรกและสวรรค์มาก่อน แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ก็เชื่อว่านรกและสวรรค์มีจริง ด้วยเหตุนี้การปฏิเสธว่าพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของนรกและสวรรค์ไม่มีอยู่จริงเพียงเพราะมองไม่เห็น จึงเป็นเรื่องที่ขัดกับตรรกะของเหตุผล เนื่องจากโลกของญิน มิใช่โลกวัตถุ เราจึงไม่สามารถหาความรู้เรื่องญินจากตำราทางวิทยาศาสตร์ได้ แต่ทราบจากคัมภีร์กุรอานว่า ญินเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีชีวิตอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้าก่อนที่พระองค์จะทรงสร้างอาดัมเสียอีก เมื่อพระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างอาดัมขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้อาดัมเป็นตัวแทนของพระองค์บนโลกใบนี้ และได้ประทานความรู้ความสามารถแก่อาดัมแล้ว พระองค์ก็บัญชาให้ทุกสรรพสิ่งในอาณาจักรของพระองค์กราบสยบนบนอบต่ออาดัม ทุกสรรพสิ่งยอมทำตามคำบัญชาของพระองค์ แต่อิบลีสหรือซานตานของศาสนาอิสลามผู้เป็นหัวหน้าญินปฏิเสธ เมื่อถูกถามถึงเหตุผล มันตอบว่าอาดัมถูกสร้างมาจากดิน แต่มันถูกสร้างมาจากไฟ เรื่องอะไรที่มันจะต้องก้มกราบอาดัม ด้วยความทะนงในต้นกำเนิดจนถึงกับโอหังปฏิเสธคำบัญชาของพระเจ้าผู้สร้างมันขึ้นมา มันจึงต้องถูกลงโทษ แต่ก่อนที่พระองค์จะทรงลงโทษมัน อิบลีสได้ขอให้พระองค์ประวิงเวลาออกไปจนถึงวันสิ้นโลกเพื่อที่มันจะพิสูจน์ให้พระองค์เห็นว่ามนุษย์ผู้เป็นลูกหลานของอาดัมที่พระองค์ทรงยกย่องนั้นมีน้อยคนนักที่จะกตัญญูต่อพระองค์ หลังจากอิบลีสได้รับการประวิงเวลาลงโทษโดยการถูกเนรเทศออกจากอาณาจักรของพระเจ้ามายังโลกนี้แล้วมันก็ทำหน้าที่ของมันเรื่อยมา ดังนั้น เผ่าพันธุ์ญินจึงถูกเนรเทศมาอยู่ยังโลกนี้ก่อนที่อาดัมและฮาวา (อีฟ) จะถูกส่งมา หลังจากอาดัมและฮาวาพลาดท่าเสียทีให้แก่การหลอกลวงของอิบลีสเพื่อเป็นบทเรียนแล้ว พระเจ้าจึงได้ส่งอาดัมมายังโลกใบนี้โดยได้บอกอาดัมว่า นับแต่นี้ต่อไปอิบลีสจะเป็นศัตรูกับเขาและลูกหลานของเขาตราบถึงวันสิ้นโลก ถ้าลูกหลานของเขาคนใดคล้อยตามหรือหลงเชื่อมัน มันก็จะพาคนผู้นั้นกลับไปยังต้นกำเนิดที่มาของมันนั่นคือ ไฟ เผ่าพันธุ์ญินที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ มีทั้งญินที่ศรัทธาและปฏิเสธพระเจ้า” ดาวเล่าเรื่องราวของญินให้ผมฟังอย่างละเอียดถี่ยิบ สรุปคือญินคือญิน ไม่ใช่วิญญาณของคนที่ตายจากไปแล้ว เพราะวิญญาณของคนที่ตายไปแล้วจะไปอยู่ในดินแดนคนละภาคส่วนกับญินเพื่อรอคำพิพากษาในวันวันพิพากษา

“แล้วยังไงแกไปเจออะไรมารึ?” ผมถาม

“ฉันมักจะได้ยินเสียงคนเล่นดนตรีไทยในช่วงใกล้รุ่ง ฉันต้องตื่นมาละหมาดแต่ได้ยินเสียงอ่ออี้อ่อ ใครไม่รู้สีซอดังน่ากลัวจะตาย”

“เฮ้ย! จริงดิ น่ากลัวตายเลย แกโดนดีเขาให้แล้วแหละ” ผมใช้วิจารณญาณส่วนตัวแสดงความคิดเห็น “แล้วมีคนอื่นได้ยินบ้างไหม?”

“ไม่รู้เหมือนกันนะ เราไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง อิสลามจะมาเล่าเรื่องผีก็ใช่ที่” ดาวตอบและจบการสนทนาเรื่องผีไว้เท่านี้ และเป็นเรื่องที่ยังค้างคาใจผม โดยปกติผมเป็นคนมีสาระ...สาระแนจึงแอบไปเมาท์มอยเล่าเรื่องนี้ไปเผื่อว่าจะมีคำตอบสำหรับเรื่องปริศนาขนหัวลุกที่ดาวประสบมา จนกระทั่งผมไปเล่าเรื่องนี้ให้ฝันเพื่อนสายรหัสผมที่พักอยู่หอเดียวกันกับดาว

“ไม่มีอะไรหรอก” ฝันพูดแล้วยิ้มหัวเราะหลังจากฟังผมเล่าเรื่องของดาวจบ “คือเรื่องจริงๆ มันเป็นอย่างนี้นะ น้องเปรี้ยวรุ่นน้องสาขาวจก. ที่หน้าหมวยๆ ใส่แว่นมันมักจะตื่นมาสีซออู้ต่อเพลงช่วงเวลานั้นพอดี คนในหอส่วนใหญ่ก็รู้กัน แรกๆ ก็มีคนกลัวนะแต่พักหลังก็ชินกันหมด”

“อ้าว! คดีพลิกซะงั้น จากผีดนตรีไทยกลายเป็นผีอีเปรี้ยว” ผมได้แต่ยิ้มแก้เก้อ แหม! ทำไปได้ สีซออู้ตอนเช้ามืดนี่นะ กลางวันมีเวลาว่างก็ไม่เล่น เอาเข้าไป แหกๆๆ ทั้งหน้าคนมาเล่าทั้งหน้าตัวต้นเหตุ แต่เรื่องผีอีเปรี้ยวยังไม่จบนะสิ เพราะผ่านไปเป็นเดือน ผีอีเปรี้ยวไม่ออกอาละวาดสีซออู้อ่ออี้อ่อตอนใกล้รุ่งอีก จนดาวมาบอกผมผู้มีสาระ (แน) ต้องออกโรงสอบถามเพื่อคลายความสงสัย

ผีอีเปรี้ยวยังหลอกอยู่ไหม” ผมถามฝันระหว่างทำเวิร์คช๊อปในระหว่างเรียนวิชาวิจัยทางการตลาด

“มันหยุดหลอกไปนานแล้ว มันไปเจอตอเข้าให้เลยหยุด” ฝันตอบ

“ตออะไรวะ” ผมถาม

“มันเจอผีหลอกจริงๆ เลยจนมันเลิกสีซอไปเลย” ฝันตอบ

“ยังไงเล่ามา” ผมหยุดทำงานแล้วจ้องเขม็งมองฝันพร้อมจะฟังเรื่องผีจากปากของเธอ

“ช่วงนั้นหยุดยาว ใครๆ ก็กลับบ้านกัน เปรี้ยวไม่ได้กลับบ้านเพราะบ้านอยู่ไกลจึงได้อยู่ห้องคนเดียว ความที่มันไม่มีอะไรทำมันก็สีซอ เล่นเพลงไปหลายเพลงเช่น มยุราภิรมย์ ระบำสุโขทัย ระบำศรีวิชัย เล่นจนเบื่อและเป็นเวลาดึกมากแล้วจึงอาบน้ำเข้านอน เปรี้ยวมันนอนไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ มันฝันไปว่ามันเดินลงจากหอไปตามถนนลงเขาเพียงคนเดียวเหมือนจะไปเรียนเพราะมันใส่ชุดนักศึกษา เปรี้ยวแหงนหน้าดูฟ้าเป็นเวลาโพล้เพล้เห็นแดดมุ้งมิ้งอยู่รำไร มันเดินมาถึงตรงสามแยกอาคารโรงแรมซ้ายมือเป็นศาลาจานบิน ขวามือเป็นถนนไปอาคารโรงแรม มันได้ยินเสียงดนตรีไทยแว่วลอยมาแล้วค่อยชัดขึ้นเรื่อยๆ เปรี้ยวมองไปสุดถนนเห็นว่ามีขบวนเสลี่ยงคานหามกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ๆ ตนเอง เธอตั้งใจมองอย่างละเอียดเห็นว่า ขบวนเสลี่ยงคานหามมีชายนุ่งผ้าเตี่ยวยกรั้งสีน้ำตาลตุ่นๆ เปลือยอกร่างกายสูงใหญ่กำยำผิวคล้ำสี่คนแบกคานหามซ้ายขวาหน้าหลัง เหนือเสลี่ยงเป็นซุ้มเรือนแก้วประดับผ้าม่านทองทึบปิดมิดชิดไม่อาจมองเห็นว่ามีใครอยู่ข้างในเรือแก้วนั้น เปรี้ยวยังคงมองขบวนเสลี่ยงอย่างไม่ละสายตาจนขบวนเสลี่ยงเคลื่อนเข้ามาใกล้ บังเกิดลมสลาตันโหมพัดสู่ขบวนเสลี่ยง ม่านทองปิดเรือนแก้วเผยอเผยเห็นว่าคนที่นั่งในเรือนแก้วเป็นสตรีแต่งอาภรณ์โบราณนุ่งผ้าไหมยกทองจีบหน้านาง รัดอกด้วยผ้าคาดอกสีแดงสด ทรงเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ล้วนเป็นทองงนพคุณอร่ามเหลืองฝังอัญมณีนพเก้าเจียระไนยรับแสงสะท้อนวาววาม ทุกอย่างแลงดงามยกเว้นร่างอิสตรีอันงามดั่งทองทาไม่มีเศียร เปรี้ยวตกใจเหรอหราหันรีหันขวาง แล้วชายฉกรรจ์หามเสลี่ยงทั้งก็กลับกลายเป็นไม่มีศีรษะเช่นเดียวกันกับร่างสตรีในเรือนแก้วเหนือคานหามนั้น มันน่าจะจบตรงที่เปรี้ยวตกใจตื่นใช่ไหมล่ะ แต่มันไม่ใช่ เปรี้ยวลืมตามาได้ยินเสียงคนหัวเราะหึๆ ข้างหู หันหน้าไปดู โอ๊ย! แทบจะหัวใจวายตาย” ฝันเล่ามาแล้วหยุดพักคลายเหนื่อย

“เวอร์ซะเชียว” ผมแซว

“เราก็เล่าไปตามที่เปรี้ยวเล่าให้ฟังแหละ เราก็แซวน้องมันแบบนี้ น้องมันก็บอกกว่าใครไม่เจอกับตัวก็ไม่รู้หรอก เข้าเรื่องต่อเลยนะ เปรี้ยวเห็นหัวผู้หญิงตั้งอยู่บนโต๊ะหนังสือ ผู้หญิงคนนั้นผมยาวมาก ผมยาวจนระพื้นห้อง ผู้หญิงคนนั้นหน้าขาวซีด หน้าคมเข้มสวยมากแต่สวยแบบน่ากลัวๆ ฉีกยิ้มให้ เห็นว่าฟันผีผู้หญิงมีเขี้ยวยาวน่ากลัวเปรี้ยวมันจะร้องโวยวายแต่ร้องออกมาไม่มีเสียง ร่างกายตั้งแต่ลำตัวต่ำกว่าคอจนถึงเท้าขยับไม่ได้ เปรี้ยวมันสวดมนต์ผิดๆ ถูกๆ แต่ยังขยับตัวไม่ได้ เสียงดนตรีไทยดังมา เปรี้ยวแหงนดูหาที่มาของเสียงแต่เห็นว่ามีร่างนางรำกำลังร่ายรำตั้งวงจีบไม้จีบมือกรีดกรายแต่นางรำนางนั้นไม่มีหัว เปรี้ยวไม่รู้จะจัดการกับความกลัวนั้นอย่างไรเลยพูดอยู่ในใจว่าใครก็ได้ช่วยเปรี้ยวที สิ้นคำขอ ประตูห้องเปิดดังปัง เปรี้ยวเห็นพี่สุดสวยลอยเข้ามาในห้อง ถีบร่างนางรำนั้นจนนางรำเซถลาล้มแล้วหายไป แล้วพูดไล่ผีออกไปให้หมดแล้วหยิบหัวผีผู้หญิงเขวี้ยงออกไปทางหลังห้อง แล้วพูดกับเปรี้ยวว่า อย่าสีซอตอนกลางคืนอีก มันไม่ดีเหมือนเรียกผีมาฟัง พี่สุดสวยพูดจบก็ลอยออกจากห้องไปแล้วประตู เรื่องก็มีเท่านี้แหละ” ฝันเล่าจบลงพวกเราก็ทำงานกลุ่มต่อจนเสร็จแล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย เรื่องราวก็น่าจะจบลงเพียงเท่านี้ หลังจากนั้นมาอีกหลายวัน ระหว่างรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกัน ดาวก็พูดถึงผีอีเปรี้ยวอีก

“ผีอีเปรี้ยวก็ยังเล่นดนตรีไทยอยู่เหมือนเดิม” ดาวบอกกับผมระหว่างรับประทานข้าวเที่ยงด้วยกัน

“เฮ้ย! มันหยุดไปนานแล้วนะ ฝันมันเล่าให้ฟังว่า เปรี้ยวโดนผีหลอกแล้วพี่สุดสวยมาช่วยและขอให้เปรี้ยวหยุดสีซอตอนกลางคืน” ผมบอก

“เหรอ? แกกำลังบอกว่าฉันโดนผีจริงๆ หลอกแล้วล่ะซี เออ... ว่าทำไมมันแปลกๆ เพราะไม่ได้ยินแค่เสียงซอแต่ฉันได้ยินทั้งวงดนตรีเลย” ดาวทำหน้าตกใจเพราะรู้สึกตนเองโดนดีแล้วจริงๆ ผมก็เล่าเรื่องของเปรี้ยวที่ได้ยินมาจากฝันทั้งหมดให้ดาวฟัง ดาวตกใจเพราะรู้แจ้งชัดเจนกระจ่างแก่ใจว่าตนเองโดนผีหลอกเข้าให้แล้ว นับจากนั้นเสียงดนตรีมาหลอกหลอนโสตประสาทดาวไม่มากไม่บ่อยแต่ไม่หายจนกลายเป็นความชินชาไป