ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
แฟนตาซี,ผจญภัย,แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
คำอธิบายจากนักเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งฟิครุ่นลูกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน
เพอร์ซีย์ แจ็กสันคือใคร เขาคือบุตรชายของโพไซดอน จากผู้เขียน ริก ไรออร์แดน
เนื้อเรื่องนิยายนั้นทำให้นักเขียนชอบเรื่องนี้มากๆจนเอามาแต่งแฟนฟิคเกี่ยวกับรุ่นลูกต่อ
แต่นิยายแฟนฟิคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกอย่างเดียว แต่อาจจะมีเอาตัวละครจากนิยายมาใช้กันเพื่อ
ประกอบเนื้อเรื่อง และมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นและนำมาปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องของนิยาย
---------------------------------------------------------------------
บทนำของเรื่อง
ชีวิตที่โหดร้ายกำลังจะจบลงเมื่อสาวน้อยมีนามว่า โพรทาเลีย แจ็กสัน ได้หนีออกจากเกาะที่ขังเธอเอาไว้นานถึง 8 กว่าปี เธอได้หนีออกมาได้แล้วแต่ก็ต้องหนีจากการตามล่าของอมนุษย์ที่ตามมาด้วยคำสั่งของคคคนที่่ขังเธอ แซเทิร์น เทพฝาแฝดของโคนอส [ปล.ในประวัติศาสตร์กรีกไม่ใช่แบบนั้น แซเทิร์นคือร่างโรมันของโคนอส จำไว้นะจ้ะ แต่ในเรื่องแบ่งออกมาเป็นฝาแฝดของแซเทิร์นก็เหมือนเงามืดของโคนอสนั้นเอง]
เธอจะหนีรอดหรือไหม? แล้วเธอจะได้กลับไปเจอครอบครัวไหม? เรื่องร้ายๆจะจบลงไหม? ชีวิตของเธอจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?
------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเวทมนตร์ในนิยายแฟนฟิคของเราอย่างเรื่อง
เด็กหญิงที่เหลือรอด นะคะไปติดตามกันได้นะ
------------------------------------------------------------------------
กำหนดการการลงนิยาย
ลงทุกๆวัน เสาร์ เวลา 17:00น.
------------------------------------------------------------------------
ปล.1 สวัสดีทุกคนที่เคยติดตามงานของยูกิโคโค่นะคะ ขอโทษทีลบอันเก่าออกไป เพราะอยากเปลี่ยนใหม่หมดให้จบจริงๆ เพราะตอนแรกมันตันนะคะ ครั้งนี้เลยอยากให้จบจริงๆเลยล่ะคะ ใครที่ยังติดตามทางนี้อยู่ไปตลอด ก็ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนใครที่มาใหม่ โปรดเข้าใจว่านี้เป็นนิยายฟิคนิยายจากเรื่อง เพอร์ซีย์แจ็กสัน ส่วนอันนี้เป็นนิยายรุ่นลูกนะคะ แต่งฟิคเล่นๆสนุกๆจนให้จบแน่ๆค่ะ
ปล.2 นิยายฟรีๆให้อ่านสนุกนะคะ อิอิ
ตอนที่ 136 พ่อจะไปเสี่ยงไม่ได้นะ
ความตึงเครียดภายในค่ายทำให้เหล่าวัยรุ่นและเด็ก ๆ รับรู้ได้ว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่ ๆ เหล่าผู้ใหญ่และวัยรุ่นจำนวนหนึ่งกำลังค้นอาวุธและอุปกรณ์มากมายข้ามไปยังประตูมิติไปยังเขาโอลิมปัสกันทำให้รู้ว่าอีกไม่นานจะเกิดเหตุไม่คาดคิดภายในค่ายเช่นกัน แต่ตอนนี้เขาโอลิมปัสกำลังมีการโจมตีเกิดขึ้นทำเหล่าผู้ใหญ่และวัยรุ่นเกือบหกสิบเปอร์เซ็นต์ต้องไปฝั่งนั้นกันหมด เด็กน้อยสองคนมองครอบครัวของพวกเขากำลังบอกลาและอวยพรให้ปลอดภัย นั้นทำให้หนึ่งในสองมองอย่างไม่ชอบใจ ถ้าเกิดอะไรกับครอบครัวที่เขารัก ตอนนี้พวกเขาโดนอยู่ภายในบ้านพักหมายเลขสามเพื่อความปลอดภัย แต่ว่าเขาไม่ชอบที่ต้องอยู่แต่ในบ้านแบบนี้นั้นทำให้เขาต้องหาทางออกจากตรงนี้ ดีที่บ้านโพไซดอนแต่ละคนกำลังยุ่งวุ่นวายกับการรับมือการโจมตีที่จะตรงดิ่งมาที่ค่ายนี้เช่นกัน เขาเลยพาน้องสาวแอบออกมาจากบ้านพักได้อย่างง่ายดาย น้องสาวก็ไม่สนใจอะไรและตามพี่ชายไปอย่างชอบใจเช่นกัน
“เราหนีออกมาแบบนี้พวกบ้านโพไซดอนจะไม่ตามหาเหรอ?”
“ไม่มีทาง ตอนนี้ทุกคนกำลังวุ่นวายก็ถึงตาเราที่จะออกทำภารกิจมั้ง”
“ภารกิจอะไรกัน?”
“จัดการพวกปีศาจที่กำลังบุกมาโจมตีที่นี่ไง!!”
“ครั้งก่อนแอบออกไปยังไม่เข็ดหรือไง?”
“พูดอะไรนะ?” เดวิคทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“อย่ามาทำหน้าแบบนั้นนะ ครั้งก่อนพี่กินยาทำให้โตแล้วออกไปต่อสู้กับพวกปีศาจที่บุกมาโจมตีเรานี่น่า จนพ่อจับได้ตอนที่จบการต่อสู้นะ”
“อ๊ะ...”
เดวิคนึกถึงเรื่องก่อนหน้านั้นที่พวกปีศาจบุกมาแล้วเขานั้นรู้สึกอยากสู้มาก ๆ จนต้องกินยาที่เหลือสองขวดสุดท้ายมาดื่ม แล้วออกไปโจมตีพวกปีศาจที่บุกมาแล้วนั้นเด็ดจนพ่อบอกว่านิสัยแม่เป็นไงลูกก็เป็นแบบนั้น เขาโดนดุต่อหน้าพวกพี่ ๆ หลายคนทำเอาอายสุด ๆ แต่ทำไงได้เลือดภายในมันร้อนไปหมด ถ้าไม่ออกมาทำอะไรแบบนี้เขาคงอกแตกตายแน่ ๆ คาเร็นน่ามองพี่ชายที่นับวันสติเกินความเป็นเด็กวัยหกขวบไปทุกที แต่ก็ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เธอก็เหมือนกันต่อหน้าแม่ก็เป็นเด็กน้อยแต่ตอนอยู่กับพี่สองคนเธอกับพี่เหมือนเด็กยที่มีสติปัญญาเกินอายุ
“ช่างเรื่องนั้นละกัน แล้ว...เราจะไปโจมตีที่ไหนดี?”
“ต้องตรวจสอบว่าตอนนี้เหลือกี่จุด ระหว่างที่แม่อยู่เขาโอลิมปัสที่ตอนนี้กำลังมีการโจมตี ถ้าทำให้ตรงนี้ไม่เหลืออะไรเราค่อยไปช่วยแม่ต่อ”
“พี่นี่น่า...คิดการณ์ไกลเกินเด็กจริง ๆ”
“เธอคิดว่าเราเป็นเด็กหรือไง?”
“ไม่ได้คิดมาตั้งแต่อายุสามขวบแล้วล่ะ”
“หึ ๆ” เดวิคยิ้มอย่างชอบใจก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาแล้วพูดบางอย่างกับน้องสาว “เธอคิดใหม่ได้นะ...”
“เรื่องอะไร?”
“เรื่องนั้น...ที่คุณแองเจิลพูดนะ...”
คาเร็นน่ามองพี่ชายที่ไม่ได้มองเธอเลยสักนิด นั้นทำให้เธอยกมือขึ้นแล้วตีหลังอีกฝ่ายทันที
“อ๊าก!!”
“จะให้ฉันคิดใหม่ทำไม? ฉันพูดไปตอนนั้นแล้วนะ...ว่าถ้าทำก็ต้องทำด้วยกัน...เพื่อช่วยแม่กับน้าโฟกัส!!”
“คาเร็นน่า...”
“พี่จะทำด้วยกันฉันไม่ใช่เหรอ?” คาเร็นน่ายกยิ้มให้พี่ชายด้วยใบหน้าที่ดูใส่ซื่อแต่ภายใต้ใบหน้านั้นกลับมีความเป็นผู้ใหญ่อยู่
เดวิคที่มองน้องสาวที่มีการตัดสินใจเด็ดขาดมากกว่าเขา นั้นทำให้เขานับถือเธอสุด ๆ “แน่นอน...พี่จะอยู่ข้าง ๆ เธอตลอดไป”
“อืม...รีบไปก่อนเถอะ เดียวพวกผู้ใหญ่จะตามเรามาได้นะ” คาเร็นน่ากำลังเดินนำไปข้างหน้าทันที
“เดี๋ยวสิ อยู่ในร่างนี้มันลำบากนะ!!” เดวิคยกมือขึ้นมาห้ามอีกฝ่ายให้หยุดก่อน
“เอ๊ะ!?” คาเร็นน่าหยุดมองพี่ชายที่พูดแบบนั้นก็ทำให้ลางสังหรณ์มันผุดขึ้นมาว่าพี่ชายจะทำอะไร
เดวิคยิ้มมุมปากแล้วยกขวดยาขวดหนึ่งขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว คาเร็นน่าเห็นขวดยานั้นก็นึกแล้วว่าใช่อย่างที่เธอคิด ก่อนที่ร่างกายของเด็กชายวัยหกขวบจะค่อย ๆ ขยับใหญ่ขึ้นพร้อมกับเสื้อผ้าที่เปลี่ยนไปด้วย คาเร็นน่ามองพี่ชายที่ตอนนี้กลายเป็นชายหนุ่มวัยสิบแปดปี ใบหน้าของเขากำลังยกยิ้มอย่างชอบใจที่ได้อยู่ในร่างนี้ทำเอาเธอส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนที่เขาจะถามเธอถึงสภาพเขาตอนนี้
“ฉันเป็นไงล่ะ?”
“ก็...งั้น ๆ นะ...สำหรับเด็กชายวัยหกขวบ”
“เธอหมายความว่าไง?” เดวิคเท้าเอวก้มมองน้องสาวที่ตอนนี้ตัวเล็กกว่าเขาจนน่ารักมาก ๆ
คาเร็นน่าหยิบขวดยาบางอย่างขึ้นมาบ้าง เธอยกมันขึ้นมาดื่มเช่นเดียวกับอีกฝ่าย แล้วร่างกายของเธอค่อย ๆ ขยายใหญ่มากขึ้น จนเดวิคค่อย ๆ ถอยหนี เขาจ้องมองรูปลักษณ์ของน้องสาวที่กลายเป็นหญิงสาววัยสิบหกหรือไม่ก็สิบเจ็ดปี ทรงผมสีทองลอนยาวสลวย ดวงตาสีเขียวคล้ายผู้เป็นแม่ กำลังจ้องมองพี่ชายด้วยสายตาหยิ่ง ๆ ใส่
“เพราะว่าฉันก็ทำได้เหมือนกันไงล่ะ~”
“เดี๋ยว!!ทำไมเธอถึงมียานั้น แม่สร้างสูตรสุดท้ายก่อนที่แม่จะเผาพวกยาทั้งหมดแล้วไม่ใช่เหรอ?!”
“พี่คิดว่าฉันอยู่แต่ในลูกแก้วมาสองสามปีเฉย ๆ หรือไง?”
“นี่!!” เดวิคมองน้องสาวก่อนจะแบมือของบางอย่าง "มีอีกไหม?"
“เสียใจฉันไม่ให้พี่ง่าย ๆ หรอกนะ!!”
“เธอ!!”
“พี่น่าจะรู้นะว่าการกินยานี้บ่อย ๆ มีสิทธิ์ที่จะติดอยู่ในร่างนั้นไปยาว ๆ นะ แม่เคยเตือนไม่ใช่เหรอ?”
“ก็...” เดวิคหงอยทันทีที่น้องสาวเริ่มดุใส่เขา
“ไปเถอะ เราจะต้องจัดการอีกเยอะ แต่ว่าก่อนที่จะจัดการจะต้องไปตรวจสอบก่อนนะว่ามีกี่จุดแล้วจะทำไง?”
“ไปดูที่บ้านใหญ่กัน!!คุณปู่น่าจะเก็บข้อมูลต่าง ๆ ไว้ที่โซนประชุม”
“งั้นไปกันเลย!!”
ทั้งสองก้าวไปข้างหน้ากันอย่างรวดเร็วเพื่อตรงดิ่งไปยังบ้านใหญ่เพื่อหาข้อมูลการโจมตีพวกปีศาจที่อยู่รอบค่าย ถ้าจัดการพวกมันได้อย่างรวดเร็วในตอนนี้อาจจะสามารถช่วยทุกคนที่อยู่ที่นี่ไปสมทบกับคนที่อยู่ในเขาโอลิมปัสได้ ลางสังหรณ์ของทั้งสองกำลังบอกว่าแม่ของพวกเขากำลังลำบาก ถ้าพวกเขาไม่รีบทำอะไร ทั้งสองก้าวตรงไปยังบ้านใหญ่จนกระทั่งเจอกลุ่มคนที่รู้จักทั้งสองจึงรีบหาที่ซ่อนทันที ทั้งสองคนหลบหลังต้นไม้ใหญ่พร้อมกับแอบฟังสิ่งที่พวกเขากำลังคุยกัน แต่ประโยคแรกที่ได้ยินก็คือการเสนอของเด็กบ้านเฮเฟตัสถึงสิ่งประดิษฐ์ที่ไปสอดแนมแทนมนุษย์ได้ ตอนนี้กำลังพลของค่ายมีอยู่แค่สี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่ชายตรงหน้าเด็กบ้านเฮเฟตัสกำลังตัดสินใจที่จะออกไปจัดการปีศาจด้วยตัวเองเช่นกัน จนสองแฝดหันมองก็เห็นว่าคนที่ตัดสินใจแบบนั้นคือพ่อของตนเอง
“ขอโทษนะแบบนั้นจะเสียเวลากว่าที่พวกเราออกไปอีกนะ ฉันยอมไปเสี่ยงเพื่อที่จะจัดการกับพวกมันให้จบ ๆ”
“แต่ว่าเรายังไม่รู้เลยนะว่าตอนนี้จำนวนมันมีเพิ่มขึ้นหรือเปล่านะ ถ้าพวกนายไปแล้วคุณแอนนาเบ็ธรู้มีสายฮ่ากันแน่ ๆ”
“ก็อย่าบอกก็เท่านั้น พวกนายจะไปบอกคุณนายแจ็กสันหรือไง?”
“ถ้าบอกก็ดีสินายจะได้โดนบ่นง่าย ๆ อย่าลืมนะนายเป็นลูกเขยบางเขา ถ้าเกิดลูกเขยเป็นอะไรขึ้นมาทำไง แล้วนายอย่าลืมว่าตัวเองนั้นมีลูกแล้วสองคน ถ้าลูก ๆ มาได้ยินว่าพ่อกำลังจะไปเสี่ยงตายข้างนอก เด็ก ๆ จะคิดไง?”
พออีกฝ่ายพูดถึงลูกทั้งสองของเขาที่ทั้งน่ารักและฉลาดมาก ๆ จนเขานั้นไม่สามารถปกปิดอะไรได้เลยสักอย่าง เพราะเหมือนเด็ก ๆ จะรู้หมดว่าเขาจะทำอะไร แต่ครั้งนี้บอกไม่ได้และต้องรีบออกไป
“ขอโทษนะ...ฉันรู้ว่าฉันทำอะไร แต่อย่าบอกลูกฉันได้ไหม? เบ็น”
“จริงของฟีนีอุสนะ เบ็น นายช่วยเก็บเงียบก็จบแล้ว!!” โคลเดินออกมาโอบไหล่ฟีนีอุส แต่ก็โดนเจ้าตัวปัดทิ้ง
“พวกนายจะบ้าหรือไง?” เบ็นตะโกนใส่ทั้งสองคนที่กำลังให้เขาเงียบปากของตนเอง “การที่พวกนายจะออกไปกันสิบกว่าคนคิดเหรอว่าคุณนายแจ็กสันจะไม่รู้!!”
“ก็วุ่นวายแบบนี้ไม่มีใครรู้หรอก”
“ใช่ ๆ”
“ถ้าไม่มีคนพูดก็จบแล้ว!!”
“เห็นไหม? ทุกคนเห็นด้วยกันหมด!!” โคลมองไปหาทุกคนที่จะไปกับพวกเขาที่จะไปจัดการพวกปีศาจด้วยกัน
“นี่ฟังกันหน่อย!! ฟีนีอุส!! ถ้าเกิดพวกนายเสียท่าไม่ได้กลับมาล่ะ!!”
“คงไม่มีหรอก...ถ้ามี...ฉันรอที่จะโดนด่าอย่างเดียว...”
คำพูดของฟีนีอุสที่พูดแบบนั้นทำเอาเด็กหนึ่งได้ยินถึงกับรู้สึกฟิวส์ขาด ผู้เป็นพี่ชายส่ายหน้าอย่างไม่ชอบใจที่พ่อของเขานั้นพูดแบบนั้นออกมา ก่อนที่จะเห็นว่าน้องสาวของเขากำลังเดินออกไป
“เห้ย!!คาเร็นน่า!!” เดวิคตาตื่นทันใดที่น้องสาวกำลังตรงดิ่งอย่างไม่สนใจอะไรเลย
“ถ้าอยากโดนด่าก่อนออกไปทำเรื่องเสี่ยงตายก็ได้นะ!!” คาเร็นน่าตะโกนออกไป
เสียงอันแหลมสูงของหญิงสาวทำเอาหนุ่ม ๆ ที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันมามองพวกเขาก็ต้องชะงักกับความงามของหญิงสาวที่กำลังเดินตรงมาหาพวกเขาด้วยสีหน้าอันฉุนเฉียว แต่ฟีนีอุสที่เห็นแวบแรกว่าหญิงสาวนั้นมีใบหน้าที่คล้ายเขามาก ๆ และมีดวงตาสีเขียวคล้ายกับแฟนสาวเขาจนเขารู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้านั้นคล้ายลูกสาวคนเล็กของเขา ก่อนที่เธอจะหันมาทางเขาอย่างรวดเร็ว
“คิดว่าออกไปจัดการพวกปีศาจกันแค่นี้แล้วจะจบเรื่องง่าย ๆ ไม่เตรียมตัวไม่ตรวจสอบอะไรสักอย่าง!!ว่าปีศาจมีกี่ตน ถ้าไปกันแค่นี้แล้วปีศาจมีกันเป็นร้อยหรือพันกว่าตนจะเกิดอะไรขึ้น!!”
“ใช่!!” เบ็นเสริมคำพูดของหญิงสาวทันที
“เอ่อ...”
“แล้วนายหน่อยคนที่ยุยงกันนั้น พวกนายมีความสามารถพอที่จะจัดการกับปีศาจนับพันได้งั้นเหรอ? ถ้าโดนตลบหลังขึ้นมาทำไง!? ไม่ได้ใช้ความคิดก่อนจะออกไปทำภารกิจยังกล้ายุยงคนอื่น ๆ อีก คิดอะไรกันอยู่!!”
“ใช่!!” เบ็นเสริมและพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ฟีนีอุสเกาหัวอย่างสงสัยว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นใครถึงกำลังสั่งสอนพวกเขากัน ทำเอาโคลที่อยู่ตรงนั้นอย่างจัดการหญิงสาวจริง ๆ แต่ฟีนีอุสห้ามแล้วพูดต่อทันที
“ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นใครนะ แต่ฉันทำเพื่อค่ายและทุกคนที่อยู่ที่นี่จะได้ปลอดภัย ฉันถึงหาอาสาที่จะออกไปโจมตีพวกมัน!!”
“แค่สิบคนเดียวนะ!! ครั้งก่อนก็เสี่ยงตายเกือบไม่รอดแล้วนะ!! พ่อคิดว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องเล่นหรือไง!!”
“พ่อ?” ฟีนีอุสถึงกับอ้ำอึ้งที่อีกฝ่ายมาเรียกเขาว่าพ่อ
ทุกคนที่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกฟีนีอุสว่าพ่อก็ได้แต่ซุบซิบก่อนที่โคลจะแซวอีกฝ่ายเรื่องของหญิงสาวตรงหน้า
“นี่นายมีลูกอายุราวคราวเดียวกันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“จะบ้าหรือไง!! ฉันมีแต่ลูกสองแฝดเว้ย!!” ฟีนีอุสตะโกนใส่เพื่อนที่พูดแซวเขา ก่อนที่จะหันไปหาหญิงสาวอีกครั้ง “นี่เธอเป็นใครกัน!?”
คาเร็นน่าเท้าเอวมองอีกฝ่ายที่เอ่ยถามแบบนั้นกับเธอ ทำให้เธออยากเอาดาบมาฟันคนเป็นพ่อที่มองไม่ออกเลยว่าตรงหน้าของตนเองคือใครก่อนที่ลูกชายคนโตจะวิ่งออกมาจากที่ซ่อน
“พ่อครับ!!” เดวิครีบออกมาจากที่ซ่อนเพื่อไม่ให้เรื่องมันวุ่นวายและไปช่วยเก็บอารมณ์น้องสาวที่ดูจะพุ่งได้ตลอดเวลา
ฟีนีอุสได้ยินเสียงคุ้นเคยก็หันไปมองก็เห็นลูกชายในร่างวัยรุ่นกำลังเดินมาหาเขา นั้นทำให้เขาเท้าเอวมองอย่างไม่ชอบใจ
“นี่ลูกอยู่ในร่างนี้อีกแล้วเหรอ!?”
“อ๊ะ!!” เดวิคเห็นท่าทางของพ่อก็สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะห้ามอีกฝ่ายไม่ให้ดุเขา “ใจเย็นก่อนนะ ผมไม่รู้จะห้ามใครก่อนเลย! จะห้ามพ่อหรือน้องดี!!”
“น้อง? คาเร็นน่าอยู่แถวนี้เหรอ?” ฟีนีอุสมองหาลูกสาวว่าอยู่ไหน
เดวิคมองพ่อก่อนจะเอามือตบหน้าผากอีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนที่เขาจะขยับมือไปทางหญิงสาวตรงหน้าของผู้เป็นพ่อ
“ถ้าพ่อยังอยากโดนน้องด่าต่อ ผมก็จะหลบให้นะ...”
“หือ!?” ฟีนีอุสมองลูกชายก่อนจะมองหญิงสาวตรงหน้า เขาตั้งสติไม่กี่นาทีก็ต้องตกใจ “ว่าไงนะ!คาเร็นน่าเหรอ!?”
“ดู ๆ เธอทำพ่อนึกไม่ออกเลยนะว่าลูกสาวตอนโตจะมีหน้าตายังไงนะ แต่ว่าคาเร็นน่าเธอก็ไม่ควรพูดแบบนั้นกับพ่อเขานะ”
“เป็นพี่ไม่โกรธหรือไง!? พ่อกำลังจะพาตัวเองไปสู่เส้นทางความตายนะ!!” คาเร็นน่าหันไปเท้าเอวให้พี่ชายดวงตาสายตาดุดัน
เดวิคมองแล้วนึกถึงยายแอนนาเบ็ธขึ้นมาทันที ก่อนจะปลอบน้องสาว “น่า ๆ พ่อเขาเก่งจะตายไปนะ พี่เคยเห็นพ่อต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วนเลยนะ”
“เหรอ!? หนูเชื่อตายล่ะ! ครั้งก่อนที่พี่ไปร่วมต่อสู้ก็กลับมาด้วยสภาพอันสะบักสะบอมแบบนั้นเนี่ยนะ!!”
“อ๊ะ!!”
เดวิคไม่กล้าเถียงน้องสาวเลย เพราะหลักฐานมันอยู่ตรงหน้ามาหลายรอบ เขาค่อย ๆ หันไปหาพ่อเพื่อช่วยเขาในการห้ามน้องสาวหน่อย เขาไม่ค่อยได้รับมืออารมณ์โกรธน้องสาวเท่าไหร่
“พ่อ...ช่วยพูดอะไรหน่อยสิ...” เดวิคกระซิบเบา ๆ แต่รู้สึกเหมือนคนเป็นพ่อไม่ตอบสนองอะไรเขาเลยสักอย่าง “พ่อ...ได้ยินผมไหม?”
เดวิคมองพ่อที่ไม่ตอบสนองก็เห็นสายตาของพ่อกำลังจ้องมองน้องสาวไม่วางตา ทำเอาคนเป็นน้องสาวหันไปมองเช่นกันว่าพ่อของเธอเป็นอะไรไป สายตาที่จ้องมองเธอไม่วางตาจนเธอเป็นห่วงพ่อขึ้นมา
“พ่อค่ะ...เป็นอะไรนะ?” คาเร็นน่ายกมือขึ้นมาโบกมือตรงหน้าของตนเป็นพ่อ
ฟีนีอุสสะดุ้งเล็กน้อยที่ลูกสาวเตือนสติของเขาก่อนที่สายตาของเขาจะหันไปมองเจ้าพวกเพื่อนบ้าที่กำลังจ้องมองลูกสาวเขาตาเป็นมัน ยิ่งบางคนถึงกับซุบซิบว่าลูกสาวเขาโตมาสวยสุด ๆ ทำเอาเลือดขึ้นหน้าสุด ๆ เขาหันไปหยิบของบางอย่างในกระเป๋าก่อนจะดึงออกมาคลุมตัวลูกสาวทันที
“อ๊ะ! พ่อทำอะไรนะคะ!?”
“ยกเลิกแผนทั้งหมดซะ!!”
“ห๊า!?”
พวกกลุ่มเพื่อนที่เตรียมตัวจะออกไปโจมตีพวกปีศาจต่างมองกันอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรไปถึงยกเลิกแผนทั้งหมดอย่างง่ายดาย
“เดี๋ยวสิ!! ถ้าไม่ออกไปตอนนี้พวกมันอาจจะบุกมาก็ได้นะ!!”
“ไม่ได้ยินที่พูดหรือไงยกเลิกแผนทั้งหมด!! เบ็น!!”
“ว่า!!”
“ใช้แผนนายรีบส่งสิ่งประดิษฐ์ของนายออกไปโดยด่วน ฉันให้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง!!”
“แจ่มเลย!! จัดไปอย่าให้เสีย! งั้นฉันขอตัวก่อนล่ะ!! ทุกคนไปเร็ว!!”
เบ็นรีบพาสมาชิกบ้านของเขากลับไปที่บ้านเพื่อไปเอาสิ่งประดิษฐ์ที่ว่าทันที ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นยังสงสัยว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นอะไรถึงห้ามออกไป ก่อนที่เจ้าตัวจะหันมามองพวกเขาด้วยสายตาอาฆาต
“มองอะไรไม่ทราบ!! ไม่รีบตามพวกเบ็นไปหรือไง!?”
“ครับ!!”
สายตาของฟีนีอุสทำเอาพวกผู้ชายตรงนั้นต่างพากันขนลุกไปตาม ๆ กัน ก่อนที่พวกนั้นจะพากันรีบตามเบ็นไปอย่างรวดเร็ว ถึงไม่บอกว่าตามไปทำไมถ้าอยากรู้ว่าพวกปีศาจมีกี่ตนก็ต้องสอบถามจากพวกเบ็นที่ส่งสิ่งประดิษฐ์ไปสอดแนมแทนนั้นล่ะ โคลที่อยู่ตรงนั้นถึงกับส่ายหน้าเบา ๆ เขารู้ว่าเพื่อนของเขาเป็นอะไรก่อนจะแซวเบา ๆ
“ไอ้หวงลูกสาว!!”
“หุบปากไปเลย โคล!!” ฟีนีอุสกล่าวออกมาใส่อีกฝ่าย “นายไม่เข้าใจหรอก ขอให้นายมีลูกสาวมั้งจะเข้าใจ”
“แหม ๆ สำหรับฉันน่าจะยากนะ...” โคลกล่าวแบบนั้นก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้น
พอไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้วเหลือแค่สามพ่อลูก ฟีนีอุสก็ดึงผ้าออกจากตัวลูกสาวที่พอดึงผ้าออกผมของเธอก็ยุ่งเล็กน้อย ทำเอาคนเป็นพ่อที่เห็นก็เกิดขำนิดหน่อย
“ครืน!!! ดูผมลูกสิ...”
“เพราะใครละคะ!?” คาเร็นน่ารู้สึกมุมปากกระตุกอย่างเคือง ๆ พ่อของเธอ
“พ่อขอโทษนะ...แต่ลูกทั้งสองคนทำไมอยู่ร่างนี้กัน...?”
“อ๊ะ...!!”
ทั้งสองคนโดนยิงคำถามก็มานึกได้ว่าพวกเธอก็มีแผนที่จะออกไปจัดการกับปีศาจนี่น่า แต่คาเร็นน่าดันว่าของเธอไปเป็นชุด ถ้าเธอกับพี่ชายออกไปอีกกลุ่มคงโดนด่าแน่ ๆ
“คือว่า...” เดวิคไม่รู้ว่าจะอธิบายให้พ่อฟังยังไง
“พวกเราคงมีความคิดคล้ายกันนะคะ...” คาเร็นน่าพูดดอกมาทันที เพราะรู้ว่าถ้าโกหกก็โดนเหมือนกัน
“หือ? ความคิดเหมือนกัน!?” ฟีนีอุสคิดคำพูดของลูกสาวก่อนจะคิดว่าก่อนหน้าเขาจะทำอะไร ก่อนจะตาโตมองลูกทั้งสองคน "เดียวนะ!! ลูกสองคนคิดจะออกไปข้างนอกเหรอ!?”
“คาเร็นน่าพูดทำไมนะ!!”
“พี่คิดว่าพ่อจะไม่รู้เหรอ!? ถ้าเราออกไปเองก็โดนบ่นอยู่ดี”
“เธอนี่มัน!!”
“หยุดทั้งสองคนเลย!! ตอบคำถามพ่อก่อน!! คิดจะออกไปจัดการพวกปีศาจเหรอ!?”
“ครับ/ค่ะ”
ฟีนีอุสถึงกับปวดหัวเลยถ้าไม่ใช่เขาจะออกไปก่อน แล้วลูกมาห้ามเขาก็คงได้เห็นลูกสองคนตามไปด้วยแน่ ๆ ดีที่เกิดเหตุเมื่อกี้ก่อนไป เขาเข้าไปจับตัวลูกสาวทันที
“ดีที่ลูกโกรธพ่อ คาเร็นน่าไม่งั้นพ่อคงได้เห็นสิ่งที่ไม่คาดฝันแน่ ๆ”
“สิ่งไม่คาดฝัน...?”
ฟีนีอุสมองลูกสาวคนเขายกมือขึ้นมาลูบใบหน้าของเดวิคเช่นกัน เขาเกือบเสียลูกชาย เขาจะไม่ยอมให้มีเหตุการณ์ครั้งที่สองเด็ดขาด
“พ่อจะไม่ยอมให้ลูกเป็นอะไรเด็ดขาด...พ่อไม่ยอมเสียทั้งสองคนไปแน่ ๆ”
สีหน้าของทั้งสองนิ่งไปชั่วขณะ คำพูดของผู้เป็นพ่อทำให้ทั้งสองคนรู้สึกภายในหน้าอกมันอึดอัดไปหมดเหมือนถ้าเกิดอะไรขึ้นคนเป็นพ่อจะโทษตัวเองก่อนแน่ ๆ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา คาเร็นน่ามีสีหน้าที่อมทุกข์เล็กน้อยเธออยากเข้าไปกอดคนเป็นพ่อแต่ทว่าก็มีสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้น
ตู้ม!!
ทั้งสามคนต่างหันไปมองก็เห็นควันลอยมาจากบริเวณบ้านพักทำให้พวกเขามองอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่ทั้งสามคนจะรีบวิ่งกันไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ถามอะไรเลยว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาวิ่งจนมาถึงแถวบ้านพักพวกเบ็นที่กำลังวิ่งตรงมาก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมีระเบิดเกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่งนั้นก็คือบ้านเฮเฟตัส เบ็นเห็นแบบนั้นก็ตกใจก่อนที่จะมีเด็กบางคนรีบวิ่งออกมา ดีที่บ้านเฮเฟตัสแต่ละคนมีความทนทานเรื่องไฟกันหมด แต่ทว่าก็มีวัยรุ่นคนหนึ่งกระเด็นออกมาจากบ้าน เบ็นเห็นก็รีบวิ่งเข้าไปรับอีกฝ่ายทันที
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม!?”
“พี่เบ็น...” เด็กชายมองอีกฝ่ายที่เข้ามาประคองเขา ก่อนที่เขาจะชี้ไปทางบ้านพัก “ระวัง...หมอนั้น...โผล่มาทาง...เงา...”
“ว่าไงนะ!?” เบ็นหันไปมองไม่เห็นอะไรแต่ทว่าไม่มีคนออกมาจากบ้าน
เสี้ยววินั้นเองก็มีบางอย่างขึ้นมาจากเงาของเบ็นจากด้านหลังพร้อมกับดาบที่กำลังยกขึ้นมาฟาด เบ็นรีบหันไปอย่างรวดเร็วแต่เข้าไม่มีการป้องกันอะไร เสียงเหล็กปะทะก็ดังขึ้น เย็นจ้องมองลูกชายของฟีนีอุสที่เข้ามาป้องกันการโจมตีจากชายปริศนา แต่เดวิคนั้นกับชายตรงหน้าได้ ชายตรงหน้าที่มีผิวกลายสีขาวและผมขาวไปต่างจากร่างเดิมมาก ชายคนนั้นมองเด็กชายด้วยสายตาไม่พอใจ
“เดวิค!!”
“ไม่ได้เจอกันสักพักใหญ่เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ พี่ดีแลน!!”
จบตอนที่ 136 โปรดติดตามตอนที่ 137 ต่อไป