ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
แฟนตาซี,ผจญภัย,แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
คำอธิบายจากนักเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งฟิครุ่นลูกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน
เพอร์ซีย์ แจ็กสันคือใคร เขาคือบุตรชายของโพไซดอน จากผู้เขียน ริก ไรออร์แดน
เนื้อเรื่องนิยายนั้นทำให้นักเขียนชอบเรื่องนี้มากๆจนเอามาแต่งแฟนฟิคเกี่ยวกับรุ่นลูกต่อ
แต่นิยายแฟนฟิคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกอย่างเดียว แต่อาจจะมีเอาตัวละครจากนิยายมาใช้กันเพื่อ
ประกอบเนื้อเรื่อง และมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นและนำมาปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องของนิยาย
---------------------------------------------------------------------
บทนำของเรื่อง
ชีวิตที่โหดร้ายกำลังจะจบลงเมื่อสาวน้อยมีนามว่า โพรทาเลีย แจ็กสัน ได้หนีออกจากเกาะที่ขังเธอเอาไว้นานถึง 8 กว่าปี เธอได้หนีออกมาได้แล้วแต่ก็ต้องหนีจากการตามล่าของอมนุษย์ที่ตามมาด้วยคำสั่งของคคคนที่่ขังเธอ แซเทิร์น เทพฝาแฝดของโคนอส [ปล.ในประวัติศาสตร์กรีกไม่ใช่แบบนั้น แซเทิร์นคือร่างโรมันของโคนอส จำไว้นะจ้ะ แต่ในเรื่องแบ่งออกมาเป็นฝาแฝดของแซเทิร์นก็เหมือนเงามืดของโคนอสนั้นเอง]
เธอจะหนีรอดหรือไหม? แล้วเธอจะได้กลับไปเจอครอบครัวไหม? เรื่องร้ายๆจะจบลงไหม? ชีวิตของเธอจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?
------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเวทมนตร์ในนิยายแฟนฟิคของเราอย่างเรื่อง
เด็กหญิงที่เหลือรอด นะคะไปติดตามกันได้นะ
------------------------------------------------------------------------
กำหนดการการลงนิยาย
ลงทุกๆวัน เสาร์ เวลา 17:00น.
------------------------------------------------------------------------
ปล.1 สวัสดีทุกคนที่เคยติดตามงานของยูกิโคโค่นะคะ ขอโทษทีลบอันเก่าออกไป เพราะอยากเปลี่ยนใหม่หมดให้จบจริงๆ เพราะตอนแรกมันตันนะคะ ครั้งนี้เลยอยากให้จบจริงๆเลยล่ะคะ ใครที่ยังติดตามทางนี้อยู่ไปตลอด ก็ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนใครที่มาใหม่ โปรดเข้าใจว่านี้เป็นนิยายฟิคนิยายจากเรื่อง เพอร์ซีย์แจ็กสัน ส่วนอันนี้เป็นนิยายรุ่นลูกนะคะ แต่งฟิคเล่นๆสนุกๆจนให้จบแน่ๆค่ะ
ปล.2 นิยายฟรีๆให้อ่านสนุกนะคะ อิอิ
ตอนที่ 130 แรงกดดันของเทพตัวน้อย
เสียงฟ้าผ่าคำรามอย่างไม่ปรานีจนสว่างวาบไปตามท้องฟ้าอันมืดมิด เหล่ามนุษย์กึ่งเทพทั้งหลายต่างเงยหน้ามองกันอย่างตกใจว่าเหนือบ้านพักของพวกเขามีเสียงท้องฟ้าคำรามอย่างกับเตือนภัยถึงสิ่งบางอย่างที่กำลังจะตามหา แต่พวกเขาคิดว่านี้อาจจะเป็นฝีมือของเทพที่กำลังโกรธเกรี้ยว แต่ทว่าเหล่าทวยเทพต่างหันไปมองมหาเทพที่เป็นเจ้าของพลังนั้น แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธและสับสนว่าตนเองไม่ได้ทำอันใดทั้งนั้น ก่อนที่จะคิดว่าเป็นฝีมือใครถึงกล้ามาใช้พลัง
“ใครกันที่เรียกสายฟ้าเมื่อกี้!! ธาเลียเจ้างั้นฤๅ!?”
ธิดาที่ถูกเอ่ยนามถึงกับสะดุ้งกับน้ำเสียงอีกฝ่าย เธอกำลังยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าพรานหญิงของเธอ เธอสะบัดใบหน้าอย่างรุนแรงก่อนจะตอบออกไป
“เปล่านะ ฉันไม่ได้ทำ-”
“ใช่! พี่เขาไม่ใช่คนทำ!! แต่เป็นผมเอง!!”
เสียงทุ้มเอ่ยพูดขึ้นจนทุกคนหันไปตามทิศทางของน้ำเสียง เหล่ามนุษย์กึ่งเทพจำนวนหนึ่งหลบทางให้แก่เจ้าของเสียง พวกเขาอย่างเกรงกลัวต่ออีกฝ่ายเพียงเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นน่าจะตายไปแล้วหลังจากที่พวกเขาได้ยินข่าวจากไพเพอร์ว่าอีกฝ่ายตายไปแล้ว ผมสีทอง ดวงตาสีฟ้า ทำให้ผู้เป็นพี่สาวถึงกับตะลึงจนหายใจไม่ออก ข้างในมันสั่นไปทั้งร่างกายตอนที่เธอได้ยินข่าวของน้องชายว่าเสียชีวิต ใจของเธอเหมือนแตกสลายไปหมด ตอนนี้เธอได้เห็นน้องชายข้างในมันกำลังจะทะลักออกมา
“เจ...เจสัน...”
“นาย…”
เพอร์ซีย์จำใบหน้าของชายตรงหน้าได้ถึงหลังจากสงครามมากมายที่พวกเขาเจอมากัน เขาก็ไม่เคยลืมไปหน้าของชายที่เขาคิดว่าอีกฝ่ายคือมิตรและคู่แข่งของเขา
“เกรซ!!”
“โอ๊ส แจ็กสัน~”
“โอ๊สบ้าอะไรกัน!! นาย...ไพเพอร์บอกว่า...”
“ฉันตกจากหลังม้าหลังจากโดนโจมตี...ใช่...ตามที่ไพฟ์บอก...แต่ว่าฉันอยู่ตรงนี้...อยู่ต่อหน้าทุกคนในตอนนี้แล้ว...ก็แปลว่ายังไม่ตายล่ะนะ~”
พวกโพรทาเลียเห็นว่าอีกฝ่ายออกไปเรียกความสนใจจากทุกคนได้ เธอก็หันไปหาน้องสาวแล้วเตรียมตัวกันวิ่งไปตามทางเพื่อตรงไปยังบ้านอะพอลโลอย่างเร่งรีบกัน จากเวลาที่เธอกำหนดในกำไลข้อมือเหลือเวลาไม่มากที่จะเปิดประตูแล้วหนีออกไปจากที่นี่ เหลือเวลาแค่ยี่สิบหน้านาทีเท่านั้นที่พวกเธอจะต้องตรงดิ่งไปที่บ้านอะพอลโล เจสันใช้แค่หางตามองไปทิศบ้านอะพอลโลเขาหวังว่าเด็กสาวทั้งสองคนจะจัดการเรื่องของตัวเองจบ ก่อนที่คนเป็นพ่อจะตะโกนออกมา
“เจสัน!!”
เจสันหันไปมองผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้ทำตัวได้น่ารำคาญกว่าแต่ก่อนสุด ๆ ถึงจะเป็นพ่อในร่างกรีก แต่เขาก็ไม่ชอบใจอยู่ดี พอ ๆ กับภรรยาของพ่ออย่างเทพีเฮร่าที่จ้องเขาอย่างไม่พอใจที่เขายังอยู่ คงเพราะเขาเป็นลูกชู้นั้นล่ะถึงไม่ชอบขี้หน้าเขาเท่าไหร่ แต่เขาจะแคร์เหรอ
“ไง พ่อ ไม่ได้เจอกันนานรู้สึกว่าทำตัวน่ารำคาญขึ้นนะ”
“เจ้าว่าไงนะ?”
“ก็อย่างที่ได้ยินมันน่ารำคาญอย่างที่แจ็กสันพูด รบกวนการนอนของพวกเด็ก ๆ ไม่ว่าเปล่า ยังมาตามหาเด็กสองคนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าอีก”
“หือ?”
ซุสได้ยินคำพูดของบุตรชายก็ตาเบิกกว้างอย่างสงสัยว่าที่อีกฝ่ายหมายถึงอะไร แต่เขารู้ว่าตอนที่แสงสว่างตกลงมาไม่ได้มีแค่แสงเดียว แต่มีถึงสองที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
“เจ้ารู้ได้ไง?”
“รู้หรือไม่รู้ มันก็เรื่องของผมล่ะนะ เดี๋ยวนะพ่อเป็นเทพน่าจะรู้มากกว่าผมว่ารู้ได้ไง?”
“แล้วข้าจะรู้ได้ไงว่าเจ้ารู้มาจากไหน!!”
“ก็ชอบทำตัวเป็นฉลาดไม่ใช่หรือไง? ไม่หาคำตอบเองล่ะ!!” เจสันเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เน้นคำพูดทุกอย่างใบหน้าของเขาเหมือนมีเส้นเลือดปูดขึ้นมา
“เจ้า!!” ซุสชี้หน้าไปทางบุตรชายอย่างโกรธเกรี้ยวที่อีกฝ่ายกล่าวแบบนั้นกับตนเอง
“ทำไม~” เจสันกอดอกอย่างคนมีชัยที่ทำให้พ่อโกรธ “เป็นเทพแท้ ๆ แต่ไม่มีมือมีเท้าตามหาเองว่างั้น? ถึงมาใช่พวกเรา?”
“กล้าพูดเยี่ยงนี้เจ้าพร้อมจะตายใช่ไหม? เจสัน!!” ซุสเรียกสายฟ้าขึ้นมาไว้ในมือ
เจสันเตรียมที่จะต่อสู้กับอีกฝ่ายแต่ทว่าก็มีหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งเข้ามาขวางตรงหน้าของเขา เขามองอีกฝ่ายที่มาบังตัวเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครถึงทรงผมจะสั้นกว่าตอนที่เขาเจอล่าสุดก็ตามที แต่กลิ่นอายของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกสบายใจมาก ๆ ยิ่งกว่าอะไร
“ตัวเล็กซะเปล่าจะปกป้องฉันเหรอ? ไพฟ์”
หญิงสาวได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายเธอก็สะบัดตัวหมุนมองอีกฝ่ายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ อีกฝ่ายนั้นไม่เปลี่ยนไปจากที่เธอเจอล่าสุด ยิ่งมองอีกฝ่ายภายในใจที่รู้สึกถึงตราบาปที่ช่วยอีกฝ่ายไม่ได้มันฝังลึกอยู่ในใจของเธอ
“ก็...ฉันนะ...มีแต่นายปกป้อง...ครั้งนี้ฉันจะปกป้องนายมั้ง...” ไพเพอร์พูดพร้อมน้ำตาที่กำลังไหลออกมา
เจสันเห็นก็ไม่อยากคิดเลยว่าการตายของเขาทิ้งอะไรไว้ให้หญิงสาวตรงหน้า ก่อนที่เขานั้นจะยืดมือออกไปจับหลังศีรษะอีกฝ่ายแล้วดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดเบา ๆ
“ถึงเธอพูดแบบนั้นฉันก็ยังจะต้องปกป้องเธอก่อนอยู่นี่นั้นล่ะ”
“เจสัน...”
ไพเพอร์ได้ยินแบบนั้นดวงตาของเธอยิ่งมีน้ำตาหลั่งไหลออกมาเธอกอดอีกฝ่ายที่คิดถึงมาตลอด เธอไม่คาดฝันว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ เจสันเงยหน้าขึ้นมามองคนเป็นพ่อก่อนที่เขาจะเรียกดาบของตนเองออกมา
“รู้สึกว่าแฟนผมทำให้บรรยากาศเศร้าไปเล็กน้อย...แต่ว่า...เรื่องของท่านที่ก่อกวนที่นี่ยังไม่จบไปนะ พ่อ”
“ว่าไงนะ!!”
พวกเพอร์ซีย์รีบมายืนข้างเจสันพวกเขาเตรียมต่อสู้กับเทพเช่นเดียวกัน ถึงจะเป็นมหาเทพทั้งสิบก็ตามที แต่พวกเขากำลังล้ำเส้นของค่ายฮาล์ฟบลัด
“พวกเจ้า!!”
“ถ้าท่านโจมตีพวกเรา!! สงครามระหว่างทวยเทพและมนุษย์กึ่งเทพอาจจะเกิดขึ้นเหมือนทุกทีก็ได้นะ ซุส”
“เพอร์ซีย์ อย่าทำอะไรบ้า ๆ เด็ดขาด!!” โพไซดอนเห็นบุตรชายชักดาบออกมาเตรียมการโจมตีจากทวยเทพ
“ขอโทษ พ่อ แต่ว่าถ้าซุสเริ่ม…พวกผมก็คงไม่ยอมเช่นกัน ถ้าอยากไม่ให้มีเรื่องก็ขอเชิญกลับไป”
“เจ้าว่าไงนะ! บุตรแห่งโพไซดอน”
“ก็อย่างที่ได้ยินนั้นล่ะ!!”
สิ้นประโยคสุดท้ายของเพอร์ซีย์ก็เกิดแสงสว่างเจิดจ้าออกมาจากบ้านพักหมายเลขเจ็ด นั้นก็คือบ้านของเหล่าลูกอะพอลโลทุกคนต่างมองกันว่าบ้านของตนเองทำไมถึงมีแสงสว่างเจิดจ้าออกมา เจสันที่เห็นแบบนั้นก็คิดว่ายัยหนูทั้งสองคนกำลังจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้วใช่ไหม แต่ทว่าทวยเทพต่างมองอย่างสับสนว่าเกิดอันใด แต่มีหนึ่งคนที่สนใจแสงสว่างนั้นมันทั้งทรงพลังและมีพลังอันคุ้นเคยกำลังเอ้อล้นออกมา นั้นทำให้เขาถูกดึงดูดให้เข้าไปจัดการสิ่งนั้น เขาหายวับไปจากตรงนั้นสู่ภายในบ้านพักหมายเลขเจ็ด
แสงอันเจิดจ้าออกมาจากการที่พวกโพรทาเลียนำกุญแจทั้งสองมาเชื่อมต่อกันมันก็ส่องแสงสว่างเจิดจ้าออกมาอย่างไม่ให้ลืมตาขึ้นมาเลย ยิ่งสว่างมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเชื่อมกลับได้เร็ว พวกเธอไม่รู้เลยว่าแสงสว่างนี้ออกไปสู่ภายนอกจนกลายเป็นจุดสนใจ แต่ทว่าโพรทาเลียกับรู้สึกถึงบางอย่างที่พุ่งตรงมาทางนี้พร้อมกับโผล่มาเหนือหัวพวกเธอ เธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นชายในชุดหนังโผล่มาแล้วยกดาบฟาดฟันมาทางพวกเธอ โพรทาเลียรีบลุกขึ้นพร้อมกับชักดาบของตนเองออกมาแล้วเหวี่ยงรับการโจมตีนั้นอย่างรวดเร็ว
“ใช้ได้นี่ แต่ว่าเป็นแค่มนุษย์กึ่งเทพที่โง่เขลาที่จะมาต่อสู้กับเทพแห่งสงครามอย่างข้า!!”
โพรทาเลียจ้องมองอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ว่าภายในใจของเธอกับคุ้นเคยยิ่งกว่าอะไร คุ้นเคยอย่างโกรธเคืองเหมือนสิ่งบางอย่างกำลังดึงเธอจมสู่ความทรงจำอันดำมืด แต่เธอตั้งสติได้ก็มีใบหน้าที่ย่นอย่างไม่พอใจ
“แอรีส!!”
“ใช่!!ข้า แอรีส เทพแห่งสงคราม!!”
แอรีสกล่าวแบบนั้นพร้อมกับฟาดฟันใส่โพรทาเลียไม่ยั้ง แต่ทว่าเธอรับการโจมตีทุกท่วงท่าอีกฝ่ายได้หมด แอรีสรู้สึกร่างกายสูบฉีดไปหมดเขาไม่เคยคิดว่าบนโลกนี้จะมีมนุษย์กึ่งเทพที่แข็งแกร่งแบบนี้ ยิ่งต่อกรกับเขาได้ก็ยิ่งชอบใจเขาอยากปะทะอีกฝ่ายจนร่างขาดสะบั้น โพรทาเลียหาจังหวะเหมาะที่อีกฝ่ายไม่ได้ระวังยกขาขึ้นพร้อมกับถีบอีกฝ่ายไปอีกฝั่งจนลอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว เธอก็หันไปหาน้องสาว
“โฟกัส หนีออกไป!!”
“ว่าไงนะ? แล้วพี่ล่ะ!!”
“พี่จะต่อกรกับแอรีสให้ เหลือเวลาไม่มาแล้วนะ-”
โพรทาเลียยังไม่ทันพูดจบก็โดนแอรีสพุ่งเข้ามาชนแล้วดันตัวเธอออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วจะทะลุออกนอกบ้านไป
“พี่ค่ะ!!”
พวกมนุษย์กึ่งเทพที่ได้ยินเสียงครึกโครมภายในก็ทำการหลบออกจากบ้านหลังนั้นก่อนที่จะมีเสียงดังขึ้นก็มีสองคนที่ทะลุออกมาจากบ้านจนเด็ดบ้านอะพอลโลเห็นถึงกับตะลึง
“บ้านเรา!!!”
“บ้านลูกข้า!!” อะพอลโลเห็นถึงกับตะลึงที่มีคนพังบ้านของตนที่ลูก ๆ อยู่
โพรทาเลียจำตัวอีกฝ่ายที่ผลักดันเธอให้ไปข้างหลัง เธอจำพร้อมกับปล่อยเปลวเพลิงอันรุนแรงออกมา แอรีสเห็นแบบนั้นก็จับอีกฝ่ายกระชากแล้วผลักออกไป ตัวเธอรู้สึกแรงนั้นก็หมุนตัวอย่างรวดเร็วก่อนจะตั้งท่าลงจนตัวเธอคร่อมพื้นเหมือนกิ้งก่าคลานบนพื้น เธอเงยหน้ามองชายที่ผลักเธอออกมาจากบ้าน ร่างกายของเธอมีเปลวเพลิงปะทุตามร่างกาย ดวงตาสีเขียวกลายเป็นสีแดงในเสี้ยววิ ก่อนที่เธอจะสะบัดมันออกไป
“ดูเหมือนจะกลัวไฟนะ แอรีส!!”
“หึ ข้าแค่ไม่อยากให้เสื้อตัวเก่งไหม้ก็เท่านั้น”
“เหรอ...” โพรทาเลียมองอีกฝ่ายที่กำลังยิ้มเยาะอย่างพอใจ
“แอรีส!!”
เสียงตะโกนของซุสดังลั่นขึ้น จนเจ้าตัวได้ยินก็หันไปมองผู้เป็นบิดาเอ่ยเรียกเขา โพรทาเลียที่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายก็หันไปมอง ตอนที่อยู่ไกล ๆ เธอไม่คิดอะไรกับอีกฝ่าย แต่ทว่าพอมาอยู่ใกล้ ๆ ความรู้สึกที่ขุ่นเคืองและโกรธเกรี้ยวมันกำลังปะทุขึ้นมา
“ท่านพ่อ...เรียกข้าทำไม?”
“เจ้ากำลังทำอะไร!? ทำไมถึงเข้าไปปะทะกับมนุษย์กึ่งเทพ”
“หึ สมองท่านคงถอยหลังสินะ ถึงไม่เข้าใจสถานการณ์ เจ้าเด็กตรงหน้าข้าคือคนที่แสงสว่างที่ท่านตามหาไม่ใช่หรือไง?”
“ว่าไงนะ!!” ซุสได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองเขาได้ยินจากไดโอนีซุสว่าแสงสว่างที่ว่านั้นมีผมสีบลอนด์ไม่ใช่หรือไง “นางไม่ใช่คนผมสีบลอนด์ตามที่ไดโอนีซุสบอกไม่ใช่หรือไง?”
“หือ? อ๋อ ถ้าผมบลอนด์ข้าเห็นแวบ ๆ”
แอรีสหันไปข้างหลังก็เห็นอีกคนกำลังวิ่งออกมาจากบ้านพัก เธอชะงักเมื่อทุกคนหันมามองเธอ ทุกคนมองเธอที่เป็นต้นตอของการมาของทวยเทพ เพอร์ซีย์มองอีกฝ่ายเขาไม่โทษเธอที่ทวยเทพมา แต่ต้องโทษพวกทวยเทพที่มากันอย่างไม่บอกกล่าวและไม่เกรงใจพวกเขา ระหว่างที่ทุกคนกำลังจ้องมองไปทางโฟกัส กำไลข้อมือของโพรทาเลียก็ดังขึ้นมาเสียงแจ้งเตือนหมดเวลาดังขึ้น ทำให้ดวงตาของโพรทาเลียเบิกกว้างขึ้นมา ทุกคนต่างมองกันว่าเสียงเตือนนั้นมาจากไหน ซุสมองไปที่กำไลข้อมือของเด็กหญิงตรงหน้า
“เสียงนั้นคืออะไร? เจ้ากำลังทำอะไร”
“ทำอะไร?” โพรทาเลียเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เสียงนั้น...บ่งบอกว่า...ฉันหมดเวลา...ที่จะกลับบ้าน...”
“กลับบ้าน?”
โพรทาเลียกัดฟันจนเสียงขบฟันดังไปในบริเวณ “ใช่!! ถ้าไม่ใช่เพราะพวกแกมาตามหาเรา!!ป่านนี้เราคงได้กลับบ้านไปหาครอบครัวหมดแล้ว ไอ้เหล่าทวยเทพเส็งเคร็ง!!”
พวกเทพที่ได้ยินคำพูดนั้นถึงกับตะลึงที่โดนมนุษย์กึ่งเทพด่าอีกแล้ว วันนี้พวกเขาโดนอย่างหนักทุกอย่าง แล้วนี่มีโดนเด็กแปลกหน้าด่าอีกจนซุสนั้นถึงกับกำหมัดแน่น
“เส็งเคร็งงั้นเหรอ? เจ้ารู้ไหมว่าเราเป็นใคร!!”
ซุสกำลังตรงดิ่งมาทางโพรทาเลีย โฟกัสเห็นท่าทีไม่ดีเธอรีบวิ่งไปทางพวกเจสันที่อยู่ตรงหน้า เพอร์ซีย์เห็นโฟกัสวิ่งมาอย่างเร่งรีบก่อนจะมาถึงตัวพวกเขา เธอก็กางอาณาเขตบางอย่างขึ้นเพื่อปกป้องทุกคน แต่ไม่ทันได้อะไรโพรทาเลียก็เปล่าออร่าอันรุนแรงกว่าของโฟกัสออกมาจนทำให้มนุษย์กึ่งเทพทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ทรุดลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว พวกเพอร์ซีย์เห็นแบบนั้นก็นึกถึงช่วงที่พวกเขานั้นโดนโฟกัสกดด้วยพลังออร่านั้น ทำให้พวกเขาขอบคุณโฟกัสที่เข้ามากางอาณาเขตบางอย่าง แต่ทว่าพวกเขาเห็นโฟกัสกำลังตัวสั่น เพราะแรงกดดันของพี่มันรุนแรงกว่าที่เธอคิด ก่อนที่เพอร์ซีย์กับเจสันจะมาช่วยประคองเธอ โฟกัสหันไปมองทั้งสองคนที่เข้ามาช่วยเธอ
“พี่เพอร์ซีย์ คุณเจสัน...”
“เธอเหมือนจะทนกับแรงนั้นไม่ได้เลย ฉันแค่ช่วยประคองก็เท่านั้น!!”
“ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนล่ะ เรารับแรงกดดันนี้ได้ แค่รับไม่ได้ก็แค่สลบเท่านั้นล่ะ”
“ขอบคุณทั้งสองคน...แต่หนูยังไหว...แค่ไม่นึกว่าพลังของพี่...จะแข็งแกร่งแบบนี้...แรงกดดันพวกนี้...กำลังประสานกับอีกหนึ่ง...มันกำลังแข็งแกร่งขึ้น...”
“ประสาน...”
“อดีตชาติ...คนสุดท้าย...”
โฟกัสกล่าวแบบนั้นทำให้เพอร์ซีย์ฟังไม่เข้าใจ แต่ว่าเจสันเข้าใจเขาเงยหน้ามองคนตรงหน้าที่กำลังปล่อยออร่าหลากสีออกมาและมีสีหนึ่งเด่นชัดสีทองคำ พวกทวยเทพโดนออร่านั้นกดทับจนเกือบทรุดลงกับพื้น เทพีบางคนถึงกับทรุดลงไปด้วยความเจ็บปวด พวกนางไม่เคยเจอแบบนี้ ซุสพยายามหายใจอยู่หลายรอบ เขาไม่คิดว่าตัวเองนั้นจะมาโดยอะไรแบบนี้ก่อนที่มืออันเรียวเล็กจะจับปลายคางของเขาให้เงยหน้าขึ้นมองตนเอง
“เจ้า!!”
“คำถามเมื่อกี้...ท่านถามว่าตนเองเป็นใคร...มีหรือใครจะไม่รู้ ซุส เทพแห่งสายฟ้า หนึ่งในสามมหาเทพ แต่มันควรเป็นคำถามของเรามากกว่า” โพรทาเลียเดินเข้ามาใกล้มาเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ทวยเทพค่อย ๆ ทรุดลงช้า ๆ
“เจ้า...เจ้ามัน...”
“ตัวอันตรายใช่ไหมล่ะ?” โพรทาเลียเอ่ยถามออกมา “ใช่...ตัวข้านั้นมันตัวอันตรายในสายตาของท่านมาแต่ไหนแต่ไร...”
โพรทาเลียจับจ้องมองอีกฝ่ายไม่ใช่แค่เทพ แต่เป็นบิดาอันน่าชิงชังของตนเอง บิดาที่ตนเองอีกคนเกลียดชัง ความรู้สึกที่อยากจะบีบคออีกฝ่ายให้ตาย
“เหมือนชาติที่แล้วก็ข้า ท่านเห็นข้ากับน้องสาวเป็นเพียงลูกชู้จากคำให้การของผู้เป็นพี่ชายของข้า!!”
ซุสได้ยินก็เงยหน้ามองเด็กหญิงตรงหน้าที่จ้องมองเขาด้วยสายตาเฉยชา “เจ้าเป็นใครกัน”
คำถามนั้นเป็นคำถามที่น่าชิงชังดวงตาของโพรทาเลียที่มีหลากสีกลายเป็นสีฟ้าชั่วขณะ ซุสเห็นดวงตาสีฟ้านั้นทำให้เขารู้สึกว่าเขากำลังเล่นผิดคนและเขารู้สึกถึงตราบาปที่ตนเองเคยก่อขึ้นเมื่อนานมาแล้วกับสายเลือดของตนเอง
“เจ้า...ไม่จริง...เจ้า...”
“หึ มารู้ตัวตอนนี้ก็สายเกินไป..” โพรทาเลียลุกขึ้นมือข้างขวากำลังยกดาบขึ้นเหนือหัวของเธอพร้อมกับรอยยิ้มอันบ้าคลั่ง “ข้ารอโอกาสจะฆ่าท่านมานานแล้ว!! ซุส”
ทุกสายตามองเหตุการณ์ตรงหน้ากันอย่างตกตะลึง โฟกัสเห็นก็ตะโกนเสียงห้ามคนเป็นพี่ แสงสว่างจากข้างหลังก็เจิดจ้าใจกลางของสนามหญ้ามีประตูใหญ่กำลังเปิดออก โฟกัสหันไปมองก็ตะลึงที่ประตูที่น่าจะปิดไปตามคำพยากรณ์ว่าถ้าพ้นรุ่งสางจะไม่สามารถแก้อะไรได้ พวกเธออาจจะติดอยู่ที่นี่ ประตูบานใหญ่นั้นเปิดออกพร้อมกับสิ่งบางอย่างที่วิ่งออกมาอย่างรวดเร็วตกไปที่โพรทาเลีย โฟกัสเห็นก็ตะลึง
“พ่อ!!”
โฟกัสเอ่ยเรียกบุคคลที่วิ่งตรงไปทางพี่สาวจนทุกคนมองอย่างสงสัยว่าคนนั้นเป็นใคร เสียงวิ่งที่ตรงมาทางนี้ทำให้โพรทาเลียที่ตั้งใจจะฆ่าคนตรงหน้ากลับหันไปมองก็เห็นบุคคลปริศนาที่วิ่งเข้ามาอยู่ในระยะประชิด เธอกำลังจะเอ่ยปากแต่อีกฝ่ายก็ง้างมืออย่างแรงกระแทกลงกับต้นคอของโพรทาเลีย เธอถึงกับรู้สึกวูบลงไปจนร่างกายทุกอย่างหยุดลง แรงกดดันหายไปหมด ทุกคนกลับมาหาใจได้ปกติ ซุสหอบหายใจอยู่สักพักก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้น
“ขอบใจ...เจ้า...ที่เข้ามาร่วมพวกเรา เจ้า-”
“ฉันไม่ได้มาช่วยท่าน!!” เสียงนั้นเอ่ยพูดขึ้นพร้อมกับประคองร่างของโพรทาเลียขึ้นมาอุ้มเอาไว้อ้อมแขน ก่อนจะหันไปมองเหล่าเทพตรงหน้า “ฉันแค่มาช่วยลูกของฉัน ซุส”
“เจ้า!! มัน...เพอร์ซีย์ แจ็กสัน!!”
เหล่าเทพมองชายร่างสูงใหญ่ที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าตัวเขาในตอนนี้เป็นอย่างมาก เพอร์ซีย์ผู้ใหญ่ยกยิ้มที่มุมปากอย่างขบขันก่อนจะเอ่ยพูดออกไป
“ดูพวกท่านสิ...น่าสมเพชจริง ๆ แต่เมื่อกี้...ต้องขอบคุณฉันนะ...ไม่งั้นพวกท่านได้ตายคามือเด็กคนนี้แน่ ๆ”
“เจ้าว่าไงนะ!!”
จบตอนที่ 130 โปรดติดตามตอนที่ 131 ต่อไป