ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
แฟนตาซี,ผจญภัย,แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
คำอธิบายจากนักเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งฟิครุ่นลูกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน
เพอร์ซีย์ แจ็กสันคือใคร เขาคือบุตรชายของโพไซดอน จากผู้เขียน ริก ไรออร์แดน
เนื้อเรื่องนิยายนั้นทำให้นักเขียนชอบเรื่องนี้มากๆจนเอามาแต่งแฟนฟิคเกี่ยวกับรุ่นลูกต่อ
แต่นิยายแฟนฟิคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกอย่างเดียว แต่อาจจะมีเอาตัวละครจากนิยายมาใช้กันเพื่อ
ประกอบเนื้อเรื่อง และมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นและนำมาปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องของนิยาย
---------------------------------------------------------------------
บทนำของเรื่อง
ชีวิตที่โหดร้ายกำลังจะจบลงเมื่อสาวน้อยมีนามว่า โพรทาเลีย แจ็กสัน ได้หนีออกจากเกาะที่ขังเธอเอาไว้นานถึง 8 กว่าปี เธอได้หนีออกมาได้แล้วแต่ก็ต้องหนีจากการตามล่าของอมนุษย์ที่ตามมาด้วยคำสั่งของคคคนที่่ขังเธอ แซเทิร์น เทพฝาแฝดของโคนอส [ปล.ในประวัติศาสตร์กรีกไม่ใช่แบบนั้น แซเทิร์นคือร่างโรมันของโคนอส จำไว้นะจ้ะ แต่ในเรื่องแบ่งออกมาเป็นฝาแฝดของแซเทิร์นก็เหมือนเงามืดของโคนอสนั้นเอง]
เธอจะหนีรอดหรือไหม? แล้วเธอจะได้กลับไปเจอครอบครัวไหม? เรื่องร้ายๆจะจบลงไหม? ชีวิตของเธอจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?
------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเวทมนตร์ในนิยายแฟนฟิคของเราอย่างเรื่อง
เด็กหญิงที่เหลือรอด นะคะไปติดตามกันได้นะ
------------------------------------------------------------------------
กำหนดการการลงนิยาย
ลงทุกๆวัน เสาร์ เวลา 17:00น.
------------------------------------------------------------------------
ปล.1 สวัสดีทุกคนที่เคยติดตามงานของยูกิโคโค่นะคะ ขอโทษทีลบอันเก่าออกไป เพราะอยากเปลี่ยนใหม่หมดให้จบจริงๆ เพราะตอนแรกมันตันนะคะ ครั้งนี้เลยอยากให้จบจริงๆเลยล่ะคะ ใครที่ยังติดตามทางนี้อยู่ไปตลอด ก็ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนใครที่มาใหม่ โปรดเข้าใจว่านี้เป็นนิยายฟิคนิยายจากเรื่อง เพอร์ซีย์แจ็กสัน ส่วนอันนี้เป็นนิยายรุ่นลูกนะคะ แต่งฟิคเล่นๆสนุกๆจนให้จบแน่ๆค่ะ
ปล.2 นิยายฟรีๆให้อ่านสนุกนะคะ อิอิ
ตอนที่ 134 เริ่มสงคราม
ท้องอันสว่างสดใสแปรเปลี่ยนเป็นสีทมิฬจนบดบังทุกสรรพสิ่งรอบกายจนเป็นสีดำ เหล่าทวยเทพทั้งหลายต่างเงยหน้าอย่างตกใจนอกเว้นแต่เหล่าอดีตชาติที่กำลังทอดสายตาลงไปที่ร่างกายอันเล็กน้อยที่กำลังคอตกอยู่ แอรีสมองอย่างกังวลแต่เขาไม่เคยกังวลอะไรมาก่อนจนตอนนี้ความรู้สึกที่คุ้นเคย ซุสรู้สึกขนลุกขนพองไปหมดทั้งร่างกาย เขารู้สึกถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคยกำลังแผ่กระจายบริเวณโดยรอบโคลอสเซียมก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งดังมาจากทางโพรทาเลีย
“ดู ดู ดู สีหน้าแบบนั้น~ ช่างน่าขันสิ้นดี~”
“!!”
ซุสจ้องมองเด็กหญิงตรงหน้าที่มีน้ำเสียงของเด็กหนุ่มที่เขารู้จัก มือผอมบางที่มีรอยแผลเต็มมือกำลังยกขึ้นมาเสยผมของตนเองมือที่สัมผัสนั้นกำลังแปรเปลี่ยนสีผมกลายเป็นสีทองน้ำตาล พร้อมกับใบหน้าที่กำลังเงยหน้าขึ้นมาตามแรงเสกผมของตนเอง ทุกคนโดยรอบเห็นก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็นสายเลือดเทพอีกคนที่ทุกคนนึกอยู่แล้วว่าสักวันจะต้องโผล่มาเหมือนน้องสาวฝาแฝด บุตรชายแห่งซุสและเฮร่า
“ฮาลอน!!”
ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นเครื่องแต่งกายอันเหมาะสมแก่การต่อสู้ชุดของฮาลอนเป็นชุดเดียวกับในวันที่เขาโดนขับไล่ลงจากเขาโอลิมปัส ซุสเห็นเครื่องแต่งกายนั้นทำให้เขานึกถึงวันนั้นวันที่เขาขับไล่ลูกอย่างไม่ฟังเหตุผลและทฤษฎีต่าง ๆ ที่ลูกเกิดมากเลยสักนิด
“ฮาลอน...เจ้า...”
“หึ!! ดูทำหน้าเขาอย่างกับผี แต่ก็จริงนั้นล่ะ ข้ามันก็แค่ผีตอนหนึ่งที่ต้องยืมร่างของร่างจุติในการใช้งานก็เท่านั้น!!”
ฮาลอนพูดไปมือก็ขยับไปมาพร้อมกับมือบางอย่างกำลังปรากฏขึ้นมานั้นก็คือกระบองยาวที่เขาชอบใช้ในช่วงเวลาที่อยู่บนโลกมนุษย์ มันคล้ายเป็นอาวุธประจำกายอันที่สองของเขา ดวงตาสีฟ้าจับจ้องมองผู้เป็นบิดาอย่างขมขื่น ผิดหวัง โกรธเคือง ทุกอารมณ์แห่งการเคืองแค้น ฮาลอนอยากจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายที่มาทำให้เขาต้องตกนรก เขาเคยหวังให้พ่อฟังและไม่เข้าข้างแอรีสที่เป็นพี่ชาย แต่ว่าตอนนั้นอีกฝ่ายก็เข้าข้างและทำให้น้องสาวกับตัวเขาต้องตกลงจากเขาโอลิมปัสหลายร้อยเมตร แต่ตอนนั้นเขากับน้องนึกว่าตายเสียแล้ว แต่ก็ยังรอดมาได้และได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกหลายร้อยปี ฮาลอนจับไปที่กระบองยาวแล้วกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงจนเกิดประกายไฟที่ปลายสายฟ้ามากมายกำลังผ่าลงมารอบกายของฮาลอน ทุกคนเห็นก็รู้สึกผวากับความรุนแรงนี้ ร่วมถึงซุสที่ตอนนี้ข้างในลำคอของเขานั้นรู้สึกฝืดไปหมด คำพูดของเขาตอนนี้ประกาศว่าลูกชายคนเล็กไม่ใช่ลูกของตน มันกำลังพุ่งมาทำร้ายเขาว่าไหนเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเขา ตอนนั้นเด็กคนนั้นมีเลือดสีแดงชาดไหลออกมาแล้วทำไมถึงมีพลังของเขา
“ไง ซุส เห็นข้าแสดงพลังก็ตะลึงเลยงั้นเหรอ?” ฮาลอนเอ่ยถามพร้อมกับค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า “ไหนล่ะ? เด็กที่ท่านกล่าวว่าเป็นลูกชู้ของภรรยา? ไหนล่ะหลักฐานจากชายที่ท่านคิดว่าเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของท่าน!!”
ทุกคำพูดของฮาลอนทำให้ท้องฟ้ามีเสียงอันโครมครามเหมือนเสียงระเบิดดังตลอดเวลา ซุสมองลูกชายของตนเองที่กำลังมีความรู้สึกที่โกรธเคืองเขาออกมาอย่างเด่นชัดจนเขาไม่รู้จะแก้ตัวเช่นใด
“ฮาลอน...บุตรแห่งเรา...”
“ข้าไม่ใช่บุตรของท่าน!!”
ฮาลอนตะโกนดังลั่นไปทั้งบริเวณนั้นจนผู้เป็นบิดาถึงกับชะงักกับคำพูดของลูกชาย ความรู้สึกภายในเหมือนโดนกรีดแทงไม่รู้กี่ครั้ง
“ท่านเคยพูดไม่ใช่หรือไง? ข้ากับน้องสาวมันแค่ลูกชู้!!”
“ฮาลอน ตอนนั้นข้า...”
“หุบปาก!!”
ซุสถึงกับปิดปากของตนเองที่ถ้ายังพูดคงโดนสั่งให้หุบปาก เขาจ้องมองลูกชายที่ออกคำสั่งเหมือนภรรยาของตนเองไม่มีผิด สายตาของเขาแอบมองไปทางผู้ชมมองผู้เป็นภรรยาอย่างขอความช่วยเหลือ แต่ว่าเฮร่าได้แต่มองเธอกอดอกมองว่าสามีกับลูกชายอีกคนจะทำอย่างใดกับสถานการณ์นี้ เพราะเธอจะไม่ช่วยอันใดเนื่องจากความอดทนตลอดหลายร้อยปีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนนี้อีกฝ่ายต้องจัดการด้วยตนเอง
“นี่น้องชาย!!”
“ข้าไม่ใช่น้องเจ้า!!” ฮาลอนหันไปหาเจ้าของเสียง
แอรีสยืนแข็งทื่อเมื่อสายตาสีฟ้าจ้องมองเขาอย่างอาฆาต ตัวเขาหรือจะไม่รู้ว่าสายตานั้นมองเขาแบบนั้นทำไม
“ฮาลอน...”
“อย่ามาเรียกชื่อข้า!! น่าสะอิดสะเอียนที่สุด!!”
“…” แอรีสถึงกับนิ่งเงียบไปเขาไม่คิดว่าน้องชายจะพูดแบบนั้น
“เจ้าพูดแบบนั้นกับพี่เจ้าได้ไง!! ฮาลอน!!”
“พี่เหรอ?”
มุมปากของฮาลอนยกขึ้นอย่างเยาะเย้ยว่าพวกเขาสองพ่อลูกยังเห็นเขาเป็นลูกชายอีกเหรอ โดยที่ตอนนั้นทั้งสองขับไล่เขาลงจากเขาโอลิมปัสอย่างกับหมูกับหมาไม่มีผิด ฮาลอนจ้องทั้งสองชั่วครู่ก็หายไปจากตรงนั้น ทำให้ทั้งสองคนที่จ้องอยู่ตอนแรกตกใจและมองหาอีกฝ่ายว่าหายไปไหนจนกระทั่งทางด้านหลัง ซุสรู้สึกถึงจิตสังหารที่อยู่ข้างหลังเขาก็รีบหันไปมอง แต่ทว่าเขาก็โดนอีกฝ่ายใช้กระบองยาวฟาดไปที่ซุสอย่างแรงจนเขากระเด็นไปอีกทางอย่างแรงจนชนกับกำแพง
“ซุส!!” โพไซดอนรีบเดินมาดูที่ขอบสนามด้านล่างที่น้องชายของเขาโดนโจมตี
แอรีสหันไปมองพ่อของตนเองก่อนจะหันกลับมามองอีกฝ่ายก็โดนกระบองฟาดขึ้นข้างบนจนตัวลอยก่อนที่ฮาลอนจะกระโดดเตะอีกฝ่ายไปอีกทาง ทุกคนที่เห็นก็รู้สึกจุกแทนจริง ๆ คนเป็นลูกเห็นพ่อโดนแบบนั้นก็หัวเราะชอบใจสุด ๆ จนคนข้าง ๆ ตีอีกฝ่ายให้เกรงใจพ่อของตนเอง แต่พาราซอนไม่สนใจก็สมควรที่จะโดนมั้งล่ะ ฮาลอนโจมตีแอรีสก็พุ่งไปเอาตัวของซุสที่พยายามลุกขึ้นโยนไปหาแอรีสจนทั้งสองคนชนกันเอง เขาเล่นงานทั้งสองคนโดยไม่สนใจเลยว่าสภาพของพวกเขาจะเป็นไง ซุสที่สลบอยู่ที่พื้นนั้นทำให้ฮาลอนไม่อยากสนใจจนเขานั้นหันไปสนใจคนที่เป็นต้นเหตุทุกอย่างอย่างพี่ชายของเขา แอรีส แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจนั้นก็คืออีกฝ่ายไม่คิดจะโต้ตอบหรือป้องกันอะไรจนทำให้ฮาลอนเลือดขึ้นหน้าตลอด
“ทำไมไม่โจมตีเลยล่ะ เทพสงคราม!!”
แอรีสเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองอีกฝ่ายก่อนจะคายเลือดออกจากปากของตนเอง “ข้าเคยสัญญากับตนเอง...ว่าข้าจะไม่โจมตีใส่เจ้า!!”
“หึ!!” ฮาลอนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งไม่พอใจก่อนจะใช้กระบองฟาดใส่อีกฝ่ายอย่างแรงจนกลิ้งไปข้างทาง “อย่ามาหยามข้านะ เทพแห่งสงคราม!! เจ้าไม่เคยปล่อยให้ใครมาดูถูกเจ้า!! แล้วนี่อะไร!! ยอมให้ข้าทำร้ายเจ้าได้งั้นเหรอ!! น่าสมเพชสิ้นดี!!”
“อึก!!”
แอรีสได้ยินก็จุก สิ่งที่อีกฝ่ายพูดมันจริงเขารู้สึกไม่พอใจถ้ามีใครมาดูถูกเขา แต่กลับอีกฝ่ายนั้นมันต่างกันเขายอมทุกอย่างที่จะโดนอีกฝ่ายทำอะไรก็ได้ เขายื่นมือไปข้างหน้า
“ข้าไม่สนใจ...เพื่อเจ้า...ข้ายอมทิ้งทุกอย่างได้”
ประโยคนั้นของแอรีสทำให้เขานึกถึงประโยคนี้ตอนสมัยเด็กที่เขากับอีกฝ่ายยังเป็นพี่น้องที่รักกันมาก ๆ ประโยคที่เขาเชื่อใจมากตลอดเอามาใช้กับเวลานี้ทำให้ฮาลอนรู้สึกเคืองเป็นที่สุดจนท้องฟ้านั้นเริ่มเป็นสีดำอีกครั้ง พวกเทพบางตนเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศนี้ไม่น่าดีแล้วจนพวกเขาบางส่วนเริ่มลุกขึ้นและไปอยู่ด้านบนก่อนจะเปิดระบบป้องกันการฝนตกในจุดที่พวกเขานั่งจนเกิดเป็นห้องห้องหนึ่งที่สามารถนั่งได้อย่างสบายในห้องแอร์ เหล่าลูกเทพแต่ละคนชอบใจที่ได้สบาย ๆ ในห้องแอร์เหมือนตอนที่พวกเขาอยู่กับพวกโพรทาเลียตอนเด็ก ๆ ทุกคนต่างมาประจำที่ข้าง ๆ ผู้เป็นพ่อแม่ของตนเอง แล้วดูการต่อสู้กันต่อ ฟ้าร้องคำรามดังก้องไปทั้งโคลอสเซียมก่อนที่จะมีสายฝนตกลงมา สายฝนนั้นทำให้ฮาลอนนึกถึงวันที่เขาตายทันที
“นึกถึงค่ำคืนนั้นเลยนะ...คืนที่พี่บุกมากข้านะ!!”
“คืน...คืนนั้น...” แอรีสนึกถึงคืนนั้นที่เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และเขาพลาดพลั้งไป เขาฆ่าน้อง ๆ ของตนเอง “ฮาลอนตอนนั้นข้า...”
แอรีสกำลังจะอธิบายถึงตอนนั้นแต่ทว่าอีกฝ่ายก็พุ่งมาอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับถีบเข้าไปข้างหลังอย่างรวดเร็วจนเขากระเด็นไปข้างหลังจนล้ม
“ข้าไม่ได้อยากคำอธิบายอะไรจากเจ้า!!”
“แต่ว่าตอนนั้นข้านะ!!”
“ข้าอะไร? จะบอกว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจ!?”
“ไม่ใช่!! ตอนนั้นข้าไม่รู้สึกตัว!! ข้าโดนควบคุม”
“หึ!! จะบอกว่าตัวเองโดนควบคุม? เทพอย่างเจ้าเนี่ยนะ? อย่ามาตลอด!!”
“ข้าพูดจริง!!”
ฮาลอนยกมือขึ้นมาพร้อมกับมีอาวุธในมือของเขาอีกชิ้นออกมานั้นก็คือดาบที่เขาเคยใช้ตอนที่ต่อสู้กับอีกฝ่ายก่อนที่ตนเองจะตาย
“ข้าจะเชื่อเจ้าได้ไง? โดยที่เจ้ายังไม่เคยเชื่อว่าข้านั้นเป็นพี่น้องกับเจ้า?”
“ข้าเชื่อ!! เจ้าเป็นน้องข้า!! เจ้ามีความวิเศษยิ่งกว่าใคร เจ้าเป็นเทพแต่ข้าไม่รู้ทำไมตอนนั้นโลหิตของเจ้าถึงแดงชาดแบบนั้น!!”
ฮาลอนจับดาบให้ถนัดมือเขาทำท่านจะเหวี่ยงดาบไปข้างหน้าของเขา แต่ความรู้สึกของเขาก็มีปฏิกิริยากับบางสิ่งที่กำลังพุ่งมาทางเขา นั้นทำให้เขาหลบทันแล้วหันไปมองก็เห็นคนเป็นพ่อนั้นใช้สายฟ้าโจมตีใส่เขา นั้นทำให้ฮาลอนยกกระบองขึ้นมาขวางพุ่งไปหาอีกฝ่ายจนมันตึงกับเสื้ออีกฝ่ายแล้วลากอีกฝ่ายพุ่งติดกับกำแพงอย่างแรง ฮาลอนก็หันไปหาอีกฝ่ายอีกครั้งพร้อมกับสายตาที่ไม่พอใจ
“ไม่รู้ทำไมเลือดของข้าเป็นสีแดงชาด? แต่เจ้าเอามันไปบอกซุสแล้วทำเขาคิดว่าข้าเป็นลูกชู้ ท่านแม่โดนตราหน้าว่าเป็นเทพีที่ไร้ยางอายที่นอกใจสามี!! เจ้าทำให้ท่านแม่ต้องอมทุกข์ขนาดนั้นยังกล้าบอกว่าไม่รู้ว่าสิ่งที่ข้าเป็นคืออะไรเนี่ยนะ!!”
“ข้า...”
ฮาลอนจับดาบไว้อย่างแน่นก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้แล้วกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายทันที
“เจ้ามันแค่ไอ้เทพเฮงซวยไร้สมองเท่านั้น!!”
“ใช่!! ข้ามันเทพไร้สมองเท่านั้น!!เจ้าจะด่าข้าหรือจะฆ่าข้าก็ตามใจเจ้า!!”
“เจ้าพูดเองนะ!!” ฮาลอนยกดาบขึ้นไว้ระดับใบหน้าของเขาก่อนที่จะยกขึ้นสูง “ลาก่อน แอรีส!!”
มือที่จับดาบกำลังพุ่งตรงลงมาที่แอรีส เขาก็หลับตาลงอย่างจำยอมก่อนที่จะมีอีกมือเข้ามาจับมือของฮาลอนอย่างทั่วทัน ฮาลอนหันไปมองก็เห็นเจ้าของร่างเดิมที่เขากำลังใช้จับมือของเขาพร้อมผลักดันตัวเขาไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว
“อ๊ากกกกกกก!!”
“หมดเวลาแล้ว ฮาลอน”
“ข้ายังไม่ได้ฆ่ามันเลยนะ!!”
“ฆ่า? เจ้าคิดว่าตนเองฆ่าคนพวกนี้ได้เหรอ?”
“อย่ามาดูถูกข้านะ!!”
“ข้าไม่ได้ดูถูกเจ้า แต่แค่บอกว่าในใจลึก ๆ เจ้ามีความคิดที่อยากจะฆ่าพวกเขางั้นเหรอ?”
“เจ้าหมายความว่าไง?”
“ฉันว่าคำถามนั้นนะ เจ้าน่าจะรู้คำตอบอยู่ภายในใจไม่ใช่หรือไง? ไม่งั้นตอนฉันอยู่ในร่าง คงไม่ได้ยินเสียงลึก ๆ ของเจ้าหรอกนะ”
“!!” ฮาลอนถึงกับนิ่งเงียบไป
“เจ้า...ให้อภัยพวกเขาตั้งแต่ที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งหมด แต่ภายในลึก ๆ ก็ยังโกรธแค้นจนอยากระบายออกมา ว่าทำไมพ่อและพี่ชายถึงต้องทำกับตนแบบนี้”
“เป็นเจ้าจะรู้สึกยังไง!! พ่อที่เคารพรักกับมองเราเป็นตัวผิดพลาด พี่ชายก็มองอย่างกับข้าเป็นเศษสวะ!!”
แอรีสได้ยินแบบนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บภายในร่างกายของเขาที่น้องชายคิดแบบนั้น เขาพยายามที่จะลุกขึ้นมานั่ง
“ฮาลอน...”
ฮาลอนหันไปหาอีกฝ่ายที่ลุกขึ้น “…”
“อภัยต่อสิ่งที่ข้าเคยกระทำกับเจ้าได้ฤๅไหม? น้องรัก”
ฮาลอนได้ยินแบบนั้นเขาหันหน้าไปทางอื่นทันที “ฝันไปเถอะ!!”
“ฮาลอน...”
โพรทาเลียมองสถานการณ์ตรงหน้าก่อนจะกลับไปมองฮาลอนอีกครั้ง “ข้าไม่เข้าใจในสถานการณ์ของเจ้า...แต่ถ้าเป็นข้าในตอนนั้นก็คงโกรธเคืองพี่น้องที่ทำแบบนั้น โดยที่ไม่เชื่อใจครอบครัวกัน แต่ว่า...ถึงโกรธแค้นไปมันก็เป็นตราบาปต่อชีวิตเราจงมีชีวิตที่งดงามกว่าตอนนี้น่าจะดีกว่านะ”
‘จงมีชีวิตที่งดงามกว่าตอนนี้ดีกว่านะเจ้าค่ะ ท่านพี่’
ฮาลอนเบิกตากว้างประโยคเดียวกับเฮเลนตอนนี้เขานั้นอยากฆ่าพวกเทพเฮงซวยที่ขับไล่พวกเขาลงมาจากเขาโอลิมปัส ตอนนั้นน้องสาวปลอบเขาให้เขามีกำลังใจอยู่ต่อไป ตอนนั้นเขาอยากหาทุกทางเพื่อขึ้นไปเขาโอลิมปัส แต่ว่าถ้าโดนทิ้งแบบนั้นเขาก็จะไม่ขึ้นไป เจ้าจ้องมองอีกฝ่ายที่เป็นตัวเขาในปัจจุบันยิ่งมองอีกฝ่ายไม่ได้คล้ายเขาแต่คล้ายน้องสาวของเขามากกว่า ฮาลอนเงยหน้าขึ้นมองไปทางผู้ชมที่มีทุกคนอยู่ เขามองน้องสาวที่กำลังยิ้มให้ตัวเขาที่ทำร้ายพ่อกับพี่ชายไป แต่ใบหน้านั้นไม่มีคำด่าทอหรือติอะไรสักอย่างก่อนจะมีการขยับปากโดยไม่มีเสียงให้เขาอ่าน
‘ท่านพี่ยังมีข้านะเจ้าค่ะ~’ เฮเลนเอ่ยออกมา
ฮาลอนอ่านปากก็ได้แต่มองนิ่งเงียบนิ่งถึงไม่มีพ่อแม่หรือครอบครัวเขาก็ยังมีน้องสาวถึงตายก็ขอตายพร้อมน้องสาวเขาก็สบายใจ ฮาลอนหันกลับมามองโพรทาเลียที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่เธอจะยกยิ้มให้เขาอย่างไม่สนใจเลยว่าเขาจะโจมตีเธอไหมก่อนจะเท้าเอวใส่อีกฝ่ายข้างหนึ่งพร้อมกับยื่นมือไปข้างหน้าเหมือนขออะไร
“เอาล่ะ!! ตามสัญญาที่คุยกัน!!”
“หึ...ก็ได้! ข้าแพ้แล้วนี่...” ฮาลอนลุกขึ้นมาพร้อมกับสะบัดฝุ่นออกตามร่างกายของตนเอง “บททดสอบของข้า...”
ฮาลอนจับไปที่มือของอีกฝ่ายที่ยืดออกมาหาเขา โพรทาเลียจ้องมองว่าอีกฝ่ายจะลากเธอไปไหนไหม เพราะเธอโดนแบบนั้นปล่อยมาก ๆ
“เจ้าเหลือเวลาสร้างศาสตราวุธอีกไม่ช้า...”
โพรทาเลียเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่พูดแบบนั้นขึ้นมาก่อนที่แสงสว่างบางอย่างจะเปล่งประกายออกมาที่มือของเธอมีตราบางอย่างปรากฏขึ้นมา เส้นที่หยักขึ้นหยักลงเป็นรูปสายฟ้าที่แสดงถึงตราของเทพแห่งท้องนภา โพรทาเลียมองอีกฝ่ายก่อนที่เขาจะยื่นกระบองให้แก่เธอจนกระทั่งเธอรับมันไว้อย่างรวดเร็วแต่ก็สงสัยว่าอีกฝ่ายให้อาวุธกับเธอทำไม
“นางน่าจะมาแล้วล่ะ”
“ใคร?” โพรทาเลียงุนงงว่าอีกฝ่ายหมายถึงใคร
ฮาลอนหันไปมองหญิงที่เขากล่าวขึ้นมาก่อนจะเห็นเงาหนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามาที่โคลอสเซียม โพรทาเลียจ้องมองตามก่อนจะเห็นบุคคลที่เธอไม่ได้เจอมาพักให้ใหญ่ เสื้อผ้าของหญิงสาวที่คล้ายนักบุญหญิงคลุมหัว เดินเข้ามาภายในก็จับฮู้ดถอดออกจนเผลอเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างเด่นชัด
“คุณเรเชล!?”
“ดูเหมือน...ยังไม่มีการโจมตีนะ...” เรเชลเอ่ยอย่างดีใจที่ตนเองนั้นมาเร็วก่อนเวลา
“โจมตี?” โพรทาเลียยกคิ้วอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
พวกเทพที่ได้ยินคำพูดของผู้หยั่งรู้ก็ต่างสงสัย ก่อนที่เทพประจำกายของผู้หยั่งรู้จะมองไปในทิศที่เขานั้นก็ไม่นึกว่าจะมีสิ่งบางอย่างเกาะกลุ่มตรงมาทางนี้
“นั้นมันอะไร?” อะพอลโลกล่าวขึ้นมา
พวกเทพแต่ละคนต่างลุกขึ้นมองลอดออกไปยังช่องว่างที่ขาดหายของโคลอสเซียม พวกเขาเห็นกลุ่มกองหนึ่งที่กำลังตรงมาทางนี้ก่อนจะเห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดการโจมตีแรกที่กำลังพุ่งตรงมาทางนี้ พวกเทพแต่ละคนต่างพากันปกป้องลูกของตนเองบางคนที่เห็นสถานการณ์ตรงหน้าโดยไม่มีคนปกป้องก็ได้แต่มองอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร ก่อนที่การโจมตีนั้นจะเกิดกระทบกับบาเรียอย่างรุนแรงจนเขาโอลิมปัสถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งเกาะ โพรทาเลียถึงกับทรงตัวไม่ได้จนเกือบล้มแต่ฮาลอนก็ช่วยพยุง
“เกิดอะไรขึ้น?”
“การโจมตีแรกได้เริ่มแล้วไง...”
“ว่าไงนะ?” โพรทาเลียเงยหน้ามองอีกฝ่ายก่อนที่เธอจะพยายามวิ่งออกไปนอกโคลอสเซียม
เพอร์ซีย์ที่จ้องมองชายที่อยู่ห่างออกไปจากเขาหลายเมตร เขามองอีกฝ่ายที่เขาจำหน้าได้อย่างฝังลึกชายที่พรากทุกอย่างช่วงเวลาของลูกสาวเขา ช่วงเวลาเติบโต ช่วงเวลาการเรียนรู้ ช่วงเวลาอันมีความสุข ช่วงเวลาทุกอย่างที่ลูกสาวเขาจะได้มาตอนเติบโตอีกฝ่ายแย่งมันไปหมดจนเขาใช้มือยันกับขอบกำแพง
“แซเทิร์นนนนนนนนนนนนนนนนนน!!”
เสียงคำรามเรียกชื่อของเพอร์ซีย์ดังไปถึงเจ้าตัวที่โดนเรียกชื่อ แซเทิร์นที่อยู่ภายนอกนั้นได้แต่รอยยิ้มที่ฉีกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา โพรทาเลียที่เดินออกมาจากโคลอสเซียมก็เห็นชายที่เห็นไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกในเวลาแบบนี้
“ถึงเวลาที่จะจบเรื่องนี้กันแล้วสินะ!! แซเทิร์น”
จบตอนที่ 134 โปรดติดตามตอนที่ 135 ต่อไป
ข้อความจากนักเขียน
อีกไม่ช้าจะถึงตอนจบเหล่านักอ่านทั้งหลายจนรอพบกับตอนจบอันแสนรอคอยสำหรับเนื้อเรื่องที่รอมาจบมานานหลายปี ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดค่ะ