ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
แฟนตาซี,ผจญภัย,แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
คำอธิบายจากนักเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งฟิครุ่นลูกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน
เพอร์ซีย์ แจ็กสันคือใคร เขาคือบุตรชายของโพไซดอน จากผู้เขียน ริก ไรออร์แดน
เนื้อเรื่องนิยายนั้นทำให้นักเขียนชอบเรื่องนี้มากๆจนเอามาแต่งแฟนฟิคเกี่ยวกับรุ่นลูกต่อ
แต่นิยายแฟนฟิคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกอย่างเดียว แต่อาจจะมีเอาตัวละครจากนิยายมาใช้กันเพื่อ
ประกอบเนื้อเรื่อง และมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นและนำมาปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องของนิยาย
---------------------------------------------------------------------
บทนำของเรื่อง
ชีวิตที่โหดร้ายกำลังจะจบลงเมื่อสาวน้อยมีนามว่า โพรทาเลีย แจ็กสัน ได้หนีออกจากเกาะที่ขังเธอเอาไว้นานถึง 8 กว่าปี เธอได้หนีออกมาได้แล้วแต่ก็ต้องหนีจากการตามล่าของอมนุษย์ที่ตามมาด้วยคำสั่งของคคคนที่่ขังเธอ แซเทิร์น เทพฝาแฝดของโคนอส [ปล.ในประวัติศาสตร์กรีกไม่ใช่แบบนั้น แซเทิร์นคือร่างโรมันของโคนอส จำไว้นะจ้ะ แต่ในเรื่องแบ่งออกมาเป็นฝาแฝดของแซเทิร์นก็เหมือนเงามืดของโคนอสนั้นเอง]
เธอจะหนีรอดหรือไหม? แล้วเธอจะได้กลับไปเจอครอบครัวไหม? เรื่องร้ายๆจะจบลงไหม? ชีวิตของเธอจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?
------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเวทมนตร์ในนิยายแฟนฟิคของเราอย่างเรื่อง
เด็กหญิงที่เหลือรอด นะคะไปติดตามกันได้นะ
------------------------------------------------------------------------
กำหนดการการลงนิยาย
ลงทุกๆวัน เสาร์ เวลา 17:00น.
------------------------------------------------------------------------
ปล.1 สวัสดีทุกคนที่เคยติดตามงานของยูกิโคโค่นะคะ ขอโทษทีลบอันเก่าออกไป เพราะอยากเปลี่ยนใหม่หมดให้จบจริงๆ เพราะตอนแรกมันตันนะคะ ครั้งนี้เลยอยากให้จบจริงๆเลยล่ะคะ ใครที่ยังติดตามทางนี้อยู่ไปตลอด ก็ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนใครที่มาใหม่ โปรดเข้าใจว่านี้เป็นนิยายฟิคนิยายจากเรื่อง เพอร์ซีย์แจ็กสัน ส่วนอันนี้เป็นนิยายรุ่นลูกนะคะ แต่งฟิคเล่นๆสนุกๆจนให้จบแน่ๆค่ะ
ปล.2 นิยายฟรีๆให้อ่านสนุกนะคะ อิอิ
ตอนที่ 131 ได้กลับมาอย่างปลอดภัย
แรงกดดันอันทรงพลังได้จางหายไปจนทุกคนหลุดพ้นจากพันธะการที่ตึงร่างกายพวกเขาลงกับพื้น มนุษย์กึ่งเทพบางคนถึงกับสลบไปเรียบร้อย แต่บางคนยังพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมา พวกเพอร์ซีย์มองทุกคนที่กำลังพยายามลุกขึ้นมา พวกเขาต้องขอบคุณโฟกัสที่ปกป้องพวกเขาจากแรงกดดันนั้น โฟกัสยกเลิกบาเรียที่ตนกางเอาไว้ แต่ว่าการสร้างบาเรียไม่ได้ทำให้เธอเหนื่อยแต่อย่างใด แต่แรงกดดันของพี่สาวทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยล้าไปทั้งร่างกาย เธอมองทุกคนที่เดินไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่อยู่ไม่ไกลมากหนัก เพอร์ซีย์เห็นชายที่หันหลังให้ตนก็ตกใจจนดวงตาเบิกกว้างออกมา
โฟกัสมองสถานการณ์ตรงหน้าเธอรู้สึกภาพเลือนรางไปหมดจนเธอนั้นกำลังจะล้มหงายหลังไป แอนนาเบ็ธที่กำลังเดินมาอยู่ข้างแฟนหนุ่มเห็นอีกฝ่ายกำลังจะล้ม เธอก็รีบพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ทว่ามีอีกคนที่เข้ามาช่วย เธอมองมือที่คล้ายกับมือของเธอประคองหลังของโฟกัส เธอเงยหน้าขึ้นมามองคนที่มาช่วยนั้นก็ทำให้เธอต้องตะลึงจนดวงตาเบิกกว้างจนดวงตาสีเทาหดลง
“คุณ...คุณคือ...”
หญิงสาวเห็นอีกฝ่ายจะพูดบางอย่างก่อนจะยกนิ้วขึ้นมาแตะริมฝีปากของตนเองเพื่อบ่งบอกให้อีกฝ่ายอย่าส่งเสียงอันใด ก่อนที่เธอจะพยายามอุ้มโฟกัสไว้ในอ้อมกอดของเธอ ก่อนจะเดินหันหลังกลับไปยังประตู แอนนาเบ็ธเห็นก็ยังตะลึงจนพูดไม่ออก เธอหันกลับไปหาเพอร์ซีย์ก่อนจะเห็นพวกนั้นกำลังจ้องมองสถานการณ์ของพวกทวยเทพที่เพอร์ซีย์ผู้ใหญ่กำลังจ้องมองพวกเขาที่สงสัยถึงสิ่งที่เขาพูด
“เฮ้อ...คุณนี่มันน่ารำคาญแต่ไหนแต่ไรจริง ๆ ก็อย่าที่บอกพวกคุณต้องขอบคุณผมที่ช่วยพวกคุณ ไม่งั้นคุณคงโดนเด็กคนนี้ฆ่าตายไปแล้ว”
“แค่มนุษย์กึ่งเทพคนหนึ่งเนี่ยนะ!?”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เพอร์ซีย์หัวเราะออกมาเป็นจังหวะ ก่อนจะทำสีหน้าเบื่อหน่าย “พวกคุณมันก็แค่ลิงที่ยังไม่เจอเพชรของตนเองจริง ๆ อยากให้พวกคุณถึงช่วงที่พวกคุณจะเจอเพชรเม็ดงามนี้จริง ๆ อยากเห็นสีหน้าว่าพวกท่านเสียเม็ดนี้ไปเพราะการกระทำของตนเองในอดีตจริง ๆ”
“หึ!! เจ้าคิดว่าพวกเราจะสนใจหรือไง!?”
“ข้าสนนะ!!”
“เราก็ด้วย!!”
“อีกอย่างพวกเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ซุสและแอรีสทำ!!”
“พวกเจ้า!!” ซุสหันไปมองพวกเทพองค์ต่าง ๆ ที่ไม่เข้าข้างเขาเลยสักนิด
เทพแต่ละคนต่างหันหน้าหนีและพยายามลุกขึ้นมายืนกัน พวกเขาบางคนถึงกับซุกลงไปอย่างง่ายดายเกินไป แต่บางคนรู้สึกว่าพลังของเด็กสาวมันคุ้นเคยชอบกล
“น่าว่ามีคนเดียวที่เป็นลิงสินะ!!”
“เจ้า!!” ซุสหันขวับมามองเขาตอนนี้เขาก็ยิ่งโกรธที่ยังอยู่สถานที่ไม่สามารถลุกขึ้นได้
เพอร์ซีย์ได้แต่หัวเราะในลำคอ อีกฝ่ายช่างน่าเวทนาในยุคนี้จริง ๆ ก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งเรียกสติเขาให้ออกจากที่นี่
“เพอร์ซีย์!!”
น้ำเสียงอันอ่อนนุ่มของหญิงสาวทำให้เพอร์ซีย์สองคนหันไปมองทิศของเสียงที่มีหญิงสาวผมบลอนด์กำลังอุ้มเด็กสาวผมบลอนด์ไว้อยู่ ทุกคนเห็นหญิงผู้นั้นก็ตะลึงกันเพราะคนคนนั้นคือ แอนนาเบ็ธ เชล แฟนสาวของเพอร์ซีย์ แต่คนที่อยู่ตรงนั้นดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอีกคนที่ยังอึ้งอยู่ เพอร์ซีย์ก็ตะลึงกับความสวยของแฟนสาวที่พอโตขึ้นเธอก็งดงามกว่าตอนเป็นวัยรุ่นทำเอาแฟนสาวหยิกเขาหนึ่งครั้งให้ตื่นขึ้น เสียงฮือฮายังดังไปทั้งบริเวณโดยรอบ แอนนาเบ็ธผู้ใหญ่ขยับหัวบ่งบอกสามีว่าตัวเองกำลังจะเข้าไปข้างในก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปภายในประตูแล้วหายไป เพอร์ซีย์เห็นแบบนั้นก็โล่งใจที่อีกฝ่ายพาลูกอีกคนกลับไปอย่างปลอดภัย เขาหันมองลูกอีกคนที่เขากำลังอุ้มความคิดอย่างเดียวตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องกลับ
“หมดเวลาเล่นลิ้นกับพวกคุณล่ะ ไว้เจอกันในอนาคตละกัน!” เพอร์ซีย์กล่าวจบก็เดินหันหลังให้เหล่าเทพ
ซุสเห็นแบบนั้นก็พยายามลุกขึ้นตามอีกฝ่ายไปในทันใด “หยุดเดี๋ยวนี่!! เจ้าจะพานางไปไม่ได้!! นางบังอาจมาทำร้ายข้า นางจะต้องโดนลงโทษ-”
เพอร์ซีย์ได้ยินแบบนั้นมันก็รู้สึกเคืองข้างในจิตใจของเขามาก ๆ ก่อนที่เขาจะตวัดตัวไปพร้อมกับอาวุธหอกยาวที่ปลายหอกเป็นหอกสามง่ามจ่อไปที่ใบหน้าของซุส เฉือนจมูกของเขาไปเพียงแค่นิดเดียว เจ้าตัวถึงกับยืนอึ้งที่ชายตรงหน้ากล้าเอาอาวุธมาจ่อหน้าตนแบบนี้
“อย่ามาหยุดกับลูกสาวของฉัน!!ซุส ถ้าท่านยังไม่อยากเห็นโลกนี้พังพินาศ!!”
ซุสฟังประโยคนั้นพร้อมกับดวงตาอันอาฆาตว่าถ้าตนยังยุ่งกับลูกของอีกฝ่าย เขาจะโดนหมายหัวมันยิ่งทำให้เขาไม่พอใจเช่นเดียวกันก่อนที่จะโดนคนเป็นพี่ชายอย่างงโพไซดอนขัดเสียงก่อน
“พอได้แล้ว! ซุส”
“โพไซดอน!! ดูลูกเจ้า!!”
โพไซดอนส่ายหัวเบา ๆ อย่างเบื่อหน่ายกับอารมณ์ของน้องชาย ก่อนที่เขาจะจับไหล่น้องชายให้หลบไปข้างหลังก่อนที่เขาจะหันไปมองลูกชายที่โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะจนเขาไม่คิดว่าจะได้เห็นลูกชายที่โตขนาดนี้
“เจ้าไปซะ...เพอร์ซีย์...”
เพอร์ซีย์ได้ยินแบบนั้นก็ต้องขอบคุณอีกฝ่ายทำให้เขาหลุดพ้นจากเทพบ้านั้น “ขอบคุณครับ...พ่อ...”
เพอร์ซีย์กล่าวจบก็กล่าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาประคองลูกจนมาถึงจุดที่พวกของเขาตอนวัยรุ่นยืนอยู่ เขาเดินกำลังจะเดินผ่านพวกนั้นก่อนที่จะพูดประโยคบางอย่างกับตัวเขาตอนเป็นวัยรุ่น
“จงระวังตัวไว้...สักวันนายจะเสียใจกับเรื่องที่นายไม่สามารถทำอะไรได้...”
“เอ๊ะ!?”
เพอร์ซีย์วัยรุ่นได้ยินคำพูดของตัวเขาเอ่ยออกมามันทำให้เขางุนงงว่ามันหมายความว่าอะไร เพอร์ซีย์ผู้ใหญ่เดินจนมาถึงปากทางเข้าประตูบานใหญ่กำลังเชื่อมอดีตกับอนาคต เขาหยุดชะงักชั่วคราวก่อนที่จะหันกลับไปหาพวกทวยเทพเขามองไปที่ซุสก่อนที่จะยกมือขึ้นมาชูนิ้วกลางให้อีกฝ่ายพร้อมกับแลบลิ้นใส่ ซุสที่เห็นแบบนั้นก็ปรี๊ดแตกเข้าไปอีก ก่อนที่เขาจะเรียกสายฟ้าออกมา เพอร์ซีย์เห็นแบบนั้นก็กระโดดถอยหลังเข้าไปในประตูอย่างไม่สนใจอะไร แต่พอนึกย้อนกลับไปตัวเขาตอนนี้ก็แสบและกวนประสาทพวกเทพได้อยู่จริง ๆ เขากระโดดเข้ามาประตูข้างในประตูก็ปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์ทุกอย่างจบลงแล้ว ลูกสาวทั้งสองที่เขาตามหามานานเกือบหนึ่งเดือนที่ลูกทั้งสองเขาหายไป ตอนแรกโครนอสบอกเพียงว่าเด็กทั้งสองเดียวก็กลับมา แต่เพราะความร้อนใจของเขาทำทุกวิถีทางเพื่อหาลูก ๆ ให้เจอ แต่ก็ไร้ผลจนมาครั้งนี้ที่โครนอสบอกบางอย่างกับเขา ระหว่างที่กำลังจมอยู่ในความคิดนั้นเสียงของอีกฝ่ายก็เอ่ยพูดขึ้นมา
“กลับมาสักทีนะ~ หลานข้า~”
เพอร์ซีย์หันไปมองเจ้าของเสียงที่ทำให้เขาสามารถพาลูกสาวกลับมาได้แต่เขาก็ยังไม่เคยไว้ใจอีกฝ่ายอยู่ดี แต่ครั้งนี้ต้องขอบคุณอีกฝ่าย
“ขอบคุณที่ให้ผมใช้ประตูนั้นไปหาลูกสาว”
“ข้าไม่ได้ช่วยอะไร...มันเป็นคำปรารถนาของเจ้า...ข้าแค่เรียกเจ้าให้มาหาข้า เพราะคนเดียวที่จะพาพวกนางกลับมาได้มีเพียงผู้ให้กำเนิดเท่านั้น”
“แต่ก็ขอบคุณ...ถ้าคุณไม่เรียกผม...ป่านนี้ลูกสาวผมคง...”
“คงโดนเทพสั่งลงโทษและจำคุกอยู่ในเขาโอลิมปัสอีกยาวนาน...”
“!!” เพอร์ซีย์ตะลึงกับสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวออกมา
“นั้นคือโทษของผู้ที่ทำร้ายเทพ...หลานชาย...”
เพอร์ซีย์กำหมัดแน่นถ้าเขาไม่ฟังอีกฝ่ายและไม่ช่วยลูกทั้งสองตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง เขามองลูกสาวตัวน้อยของเขาที่สลบไปเพราะเขาสกัดไม่ให้เธอทำร้ายเทพเพื่อตัวของเธอ
“จงระวังไว้...”
“ครับ...?”
“พรุ่งนี้ทุกคนอาจจะปวดหัวสักหน่อย เตรียมยากินหน่อยก็แล้วกัน” โครนอสกล่าวและยกแก้วขึ้นมาจิมต่อ
“ว่าไงนะ?” เพอร์ซีย์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
เรอาออกมาจากมุมใดมุมหนึ่งของห้อง แล้วเดินตรงมาพร้อมกับขวดยาบางอย่าง เธอยื่นสิ่งนั้นให้แก่เพอร์ซีย์ด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นสูตรยาของข้านะ หลานชาย”
“ยา...ยาอะไร?”
“แก้ปวดหัวจ๊ะ ตามที่ปู่เจ้ากล่าวพรุ่งนี้พวกเจ้าหลายคนน่าจะปวดหัวน่าดู เอาไปผสมน้ำและดื่มสักหน่อยนะ”
“ปวดหัวจาก?”
“พรุ่งนี้ก็รู้เอง...ตอนนี้พวกเจ้ายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ...อย่างเช่น...สงครามที่แซเทิร์นกำลังก่อขึ้นมันกำลังจะปะทุมากขึ้น หลานชาย”
สงครามเป็นอะไรที่เพอร์ซีย์เกลียดที่สุด เพราะมันทำให้พวกเขาสูญเสียทุกอย่างแต่เขาจะไม่ยอมให้เป็นแน่ ตลอดหลายสัปดาห์มานี้เขาปกป้องและต่อสู้กับพวกปีศาจมากมายที่จะบุกมายังค่ายตลอดและเขาส่งคนออกไปตามมนุษย์กึ่งเทพที่อยู่นอกค่ายเพื่อปกป้องพวกเขาเช่นกัน เพราะพวกเขาอยู่ภายนอกไม่น่าจะเกี่ยวกับพวกเขาที่อยู่ในค่าย แต่ว่าดูเหมือนเป้าหมายของแซเทิร์นจะเปลี่ยนไป เขาคงอยากล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์กึ่งเทพให้ตายไปให้หมด แล้วเหลือเพียงเทพเจ้าที่เขาสามารถต่อกรได้
“เพอร์ซีย์...” แอนนาเบ็ธเดินเข้ามาเกาะแขนอีกฝ่าย
เพอร์ซีย์มองภรรยาแสนสวยของเขาที่กำลังทำหน้ากังวลใจที่ตัวเขากำลังทำสีหน้าไม่ดีอยู่ตรงนี้ เพอร์ซีย์ยกยิ้มให้อีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนจะยื่นขวดยาให้อีกฝ่าย
“ฉันไม่เป็นไร...”
“แน่นะ...?”
“อืม...แล้วโฟกัสล่ะ...?”
“พวกโอราอุสอุ้มเธอกลับบ้านไปแล้วนะ...ฉันรอเธอกลับมา...ฉันกังวลนะ...ว่าถ้าประตูปิดไปก่อนหรือ...พวกเทพทำอะไรนายขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่ต้องห่วง ถ้าตอนนั้นพวกนั้นจะเล่นงานอะไรฉัน ตอนนั้นล่ะฉันจะทำให้ทั้งค่ายในปีนั้นน้ำท่วมจนไม่มีที่จะให้พวกเขายืนเลยล่ะ”
“ดีไม่เกิดอะไรขึ้น...คิดสภาพแล้ววันนั้นพวกเขาคงต้องสั่งให้นายไล่น้ำออกแน่ ๆ”
“เหอะ ๆ”
เพอร์ซีย์หัวเราะอย่างเบื่อหน่ายยิ่งในช่วงนั้นเขาเป็นบุตรคนเดียวของโพไซดอนเขาคงทำงานหนักขึ้นแน่ ๆ แต่ว่าเขาจำได้ว่าหลังจากที่เขามีลูกนี้สิ เซอร์ไพรส์ก็มาเต็ม ๆ มีเด็กอายุหกขวบสองสามคนที่เป็นลูกของโพไซดอนโผล่มาทำให้เขารู้ว่าพ่อเขาไปทำให้ผู้ใหญ่ท้องและในปีนั้นไม่ใช่แค่ของโพไซดอนยังมีเทพอีกหลายคนที่สร้างภาระเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปีจนเขาอยากฆ่าพวกนี้ให้ตายจริง ๆ เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“พวกผมไม่รบกวนแล้ว ขอตัวกลับนะครับ”
“ตามสบาย เจ้าหนู”
“เดินทางปลอดภัยนะ~” เรอาโบกมือลาเด็กทั้งสองคน
เพอร์ซีย์โค้งให้ทั้งสองคนเล็กน้อยระหว่างที่ยังอุ้มลูกสาวของเขา แต่เขาพึ่งสังเกตว่าโพรทาเลียตัวหนักขนาดนี้เลยเหรอ ครั้งล่าสุดที่เขาได้อุ้มลูกก็ตอนที่ลูกอายุหกขวบ มันทำให้เขานึกถึงคำพูดตัวเองที่พูดกับตัวเขาวัยรุ่น มันช่างน่าเจ็บปวดที่เขาไม่สามารถปกป้องลูกคนเดียวไว้ได้ เขากอดลูกไว้พร้อมกับคิดในใจ
‘พ่อขอโทษนะ...โพรทาเลีย...’
สองสามีภรรยาตรงดิ่งกลับบ้านของพวกเขาทุกคนที่ต่างรอการกลับมาขออีกคนก็ต้องดีใจที่น้องอีกคนได้กลับมาอย่างปลอดภัยถึงจะยังไม่ได้สติพวกเขาก็ดีใจแถมสองตัวน้อยที่เห็นแม่กลับมาก็ยิ่งดีใจ คนเป็นพ่อก็ดีใจที่ทุกคนต่างคิดถึงเด็กทั้งสอง เพราะทั้งสองคนหายตัวไปเกือบเดือนมีหรือใครจะไม่คิดถึงกัน พวกพี่น้องเห็นน้องสาวกลับมาอย่างปลอดภัยก็ได้แต่ดีใจกันยกใจ ก่อนที่พวกเขาจะพาโพรทาเลียกลับไปพักที่ห้องของตนเอง ทุกอย่างนั้นกลับมาสงบสุขอีกครั้งก่อนจะมีสัญญาณเตือนเกิดขึ้น พวกเขาทุกคนต่างมองหน้ากันก่อนจะพุ่งตัวออกจากบ้านไป เพอร์ซีย์ที่วิ่งไปตามทางคิดเพียงอย่างเดียววันไหนจะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติโดยไม่ต้องมาวุ่นวายกับพวกบ้านี่อีก
หลังจากจบคลื่นรอบใหม่ทุกคนก็กลับไปพักผ่อนกันอย่างสงบสุข เพอร์ซีย์ยังคงเป็นห่วงลูกทั้งสองคนอีกคนยังเหนื่อยอีกคงเขาเป็นคนทำให้สลบ คนที่เขาทำให้สลบน่าเป็นห่วงสุดนั้นล่ะว่าลูกตื่นมาจะมาฆ่าเขาไหมที่ทำให้เจ็บตรวจ แอนนาเบ็ธมาหาเพอร์ซีย์เพื่อพาเขาไปพักผ่อน เขายอมที่ไปนอนพักผ่อนกับภรรยาของเขาและสิ่งที่แซเทิร์นเตือนไว้ก็บันดาลขึ้นกับเหล่าผู้ใหญ่ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อยี่สิบเอ็ดปีก่อน
“!!!” เพอร์ซีย์สะดุ้งตัวสุดกำลังเขาปวดหัวถึงขั้นสุดความทรงจำในตอนนั้นกำลังไหลเข้ามาในหัวของเขา “อึ้กกกกกกกกก!!”
“อ๊ากกกก นี่มันอะไรกัน!!” แอนนาเบ็ธยกมือขึ้นมาจับข้างศีรษะของตน มันทั้งปวดและจี้ไปทั้งหัว
“นี่เป็นสิ่งที่โครนอสเตือนสินะ บ้าชิบ!!”
เพอร์ซีย์เอ่ยพูดอย่างไม่ชอบใจเขาต้องลุกขึ้นไปทำยาแก้ปวดหัว แต่แล้วก็มีแก้วน้ำมาอยู่ตรงหน้าของเขา เพอร์ซีย์เงยหน้าขึ้นมามองก็เห็นดวงตาสีเขียวจ้องมองเขา
“โอราอุส...”
“ลิซ่าบอกว่าพวกพ่อจะมีอาการปวดหัวตอนเช้า พวกผมเลยเอาขวดยาที่พวกพ่อเอากลับมาไปผสมน้ำให้ครับ...”
“ทำไมรู้ว่าต้องผสมน้ำ?”
“พอดีลิซ่าบอกว่าพ่อแม่เตือนเธอไว้นะว่าให้ดูอาการพวกพ่อเลยบอกว่าเอายาให้พวกพ่อไว้ด้วยนะ”
“เหอะ...ขอบใจ...” เพอร์ซีย์รับแก้วน้ำจากลูกชาย
โอราอุสก็เดินไปหาแม่พร้อมกับประคองตัวแม่ขึ้นมา เธอพยายามลุกขึ้นพร้อมกับดื่มน้ำในแก้วนั้น
“ช่วย...” เพอร์ซีย์กำลังจะเอาพูดบางอย่าง
“ผมให้น้อง ๆ นำตัวยาไปให้แต่ละบ้านที่เป็นผู้ใหญ่เรียบร้อยครับ”
เพอร์ซีย์ถึงกับอึ้งไปเลยที่ลูกคนโตดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นทุกวัน “ลูกพึ่งพาได้ตลอดจริง ๆ โอราอุส”
โอราอุสได้ยินแบบนั้นก็ดีใจที่พ่อชมเขาแบบนั้น ตลอดทั้งเช้าทุกคนต่างพาพวกผู้ใหญ่ที่สถานพยาบาลเพื่อดูอาการที่ปวดหัวขึ้นมาอย่างกะทันหันกันและไม่เว้นแต่ไครอนที่กำลังนั่งปวดหัวทำความเข้าใจกับความจริงที่ความทรงจำของเขาหายไปช่วงหนึ่งรวมไปถึงพวกเพอร์ซีย์ที่มารวมตัวกันที่บ้านเพอร์ซีย์ ทุกคนมาคุยกันถึงสถานการณ์ตอนนี้ก็ครบหนึ่งเดือนเต็มแล้ว แต่ระหว่างบ่นก็บ่นถึงอาการปวดหัวกันไปเรื่อย ๆ
“บ้าชิบ...โคตรปวดหัว...!!” วิลกล่าวเขาจำภาพทุกอย่างได้จนเขานึกถึงกระเป๋าใบหนึ่งที่มันตกอยู่ในบ้านเขาและเขาเก็บมันมานานอย่างสงสัยว่ามันคืออะไร “เพอร์ซีย์!! ลูกนายทำให้เราลืมช่วงเวลาต่าง ๆ ไหมเนี่ย?”
“ฉันจะรู้ไหม? ขอล่ะ...อย่าพูดมาก ยิ่งพูดมันยิ่งปวดหัวนะ...”
“ยาก็เริ่มได้ผล...แต่...โคตรปวดไปหมดเลย...บอกลูกนายมาเอากระเป๋าคืนด้วยล่ะ”
“ห๊า กระเป๋า? หมายความว่าไง?”
“ตอนนั้นฉันเอากระเป๋าโฟกัสเป็นตัวประกัน เพราะเห็นภาพครอบครัวนาย ฉันถึงเอาเป็นตัวประกันตอนนั้นนะ”
“ว่าไงนะ!! ไอ้บ้าถึงว่าตอนนั้นนายทำไมถึงอยู่ได้คนเดียว!!” เพอร์ซีย์เข้าไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายทันที
“อ๊ากกก อย่าทำฉันนะ!! ฉันยังมีลูกมีเมียที่น่ารักต้องดูแลนะ!!”
“หุบปากไปเลย!! เจ้าบ้า!!” เพอร์ซีย์เขย่าคอเสื้ออีกฝ่าย
“พูดถึงเมีย...นิโคเป็นไงมั้งนะ? วิล”
“ฉันติดต่อไปแล้วนะ ตอนนี้สบายดีแล้วนะ ตอนแรกก็ปวดหัวนิดหน่อย เขาบอกว่าเดี๋ยวจะกลับมาช่วยอีกแรก...” แต่พอวิลนึกถึงนิโคก็รู้สึกคิดถึงกว่าเดิม "อ๊ากกกกกกก ยิ่งพูดยิ่งคิดถึงโวย!!”
“งั้นก็ตามเมียนายไปออกภารกิจไปสิ!!ไม่ต้องกลับมา!!” เพอร์ซีย์จิ้มแก้มอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ
“ว่าไงนะ!!”
แคลรีสฟังเสียงพวกผู้ชายแล้วรำคาญมาก ๆ ก่อนที่เธอจะพูดกับเพอร์ซีย์ “ฉันอยากฆ่าลูกนาย แจ็กสัน...ทำฉันไว้แสบมาก...”
เพอร์ซีย์หันหน้าไปหาแคลรีสทันใด “เธอเล่นงานลูกฉัน...แคลรีส เธอตายแน่!!”
“ก็เอาสิ!!”
แอนนาเบ็ธส่ายหน้าเบา ๆ ทุกคนช่างเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนทะเลาะกันได้ตลอด เสียงบางอย่างดังขึ้นพอดี เธอก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงไปห้องครัวผ่านไปสักระยะก็มีบางอย่างออกมาจากห้องครัวทันใด นั้นก็คือบราวนี่อบใหม่ร้อน ๆ มาวางตรงหน้าของทุกคน
“เลิกทะเลาะกันแล้วกินของหวานทำให้อาการดีขึ้นดีกว่านะ”
ทุกคนต่างหันมาสนใจพร้อมกันหยิบบราวนี่คนละชิ้นสองชิ้นทันใด ก่อนที่ทุกคนจะกล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณมาก แอนนาเบ็ธ”
แอนนาเบ็ธยิ้มอย่างพอใจก่อนจะไปหาสามีพร้อมกับวางจานที่มีบราวนี่สีฟ้า “ของคุณค่ะ”
“ขอบคุณ...แล้วคุณไม่เป็นอะไรเหรอ?” เพอร์ซีย์เอ่ยถามพร้อมกับกอดภรรยาอย่างรักใคร่
“อืม ยังปวดเล็กน้อยนะ...แต่ก็ทนได้นะ”
“เป็นอะไรบอกฉันนะ”
“ค่ะ แต่ขอพูดบางอย่างได้ไหม?”
“อะไรเหรอ?”
“คุณตอนนั้นเท่มากเลยล่ะนะ” แอนนาเบ็ธเอ่ยถึงอีกฝ่ายตอนที่ไปช่วยลูก
เพอร์ซีย์โดนคำชมของภรรยาพร้อมกับใบหน้าอันยิ้มแย้มหวานจนเขานั้นรู้สึกร่างกายจะละลายตรงนั้นไปเลยก่อนที่เขานั้นจะแสดงความรักกับเธอจนเพื่อน ๆ ที่อยู่ตรงนั้นเหม็นกับความรักของทั้งสอง ก่อนที่พวกเขาจะยกจานขนมหนีสองคู่รักที่มีลูกถึงแปดคนแล้วยังจะหวานกันต่อหน้าคนอื่นอีก
เวลาผ่านไปไม่นานโฟกัสได้ยินเสียงปิดประตูดังจนเข้าโซนประสาทของเธอนั้นทำให้ปวดหัวสุด ๆ แค่ร่างกายก็ปวดจนไม่อยากลุกไปไหน แต่ความนุ่มของเตียงช่างทำให้เธอไม่อยากตื่นแต่เธอกับนึกถึงได้ว่าเมื่อวานเธอทำอะไรอยู่กันแน่ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอเห็นสภาพแวดล้อมก็จำได้ว่าข้างหน้านี้คือห้องนอนของเธอ แต่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ไงก่อนที่จะจำได้ว่าพ่อเข้ามาช่วยพี่ก็แปลว่าตอนนี้เธออยู่บ้านอยู่ในยุคของเธอแล้ว นั้นทำให้เธอลุกออกจากเตียงวิ่งลงไปข้างล่างในทันใด เพอร์ซีย์ที่กำลังแสดงความรักกับภรรยาอยู่นั้นถึงกับตกใจเสียงคนวิ่งมาข้างล่างแต่แล้วก็เห็นร่างบางร่างวิ่งผ่านไปก่อนจะย้อนกลับมา โฟกัสก็เห็นชายหญิงที่เธอคุ้นเคย
“แม่...พ่อ...”
“โฟกัส”
“ลูกแม่...ฟื้นแล้วเหรอ?”
พวกผู้ใหญ่ต่างดีใจที่ลูกสาวฟื้นแล้ว แต่โฟกัสไม่ตอบอะไรข้างในในส่วนลึกกำลังถามว่านี่เรื่องจริงใช่ไหม เธอกลับมายังช่วงเวลาของเธอแล้วใช่ไหม ทุกอย่างมันถาโถมเข้ามาหาเธอทั้งเรื่องต่อกรกับทวยเทพทั้งพี่สาวที่ระเบิดแรงกดดันออกมาจนทำให้เธอรู้สึกเพลียและเหนื่อยล้าสุด ๆ ตอนนี้ตรงหน้าของเธอมีพ่อแม่ที่เธอคิดถึงและอยากขอคำปรึกษามาตลอด ดวงตาสีเทาของเธอกำลังมีน้ำตาที่กำลังเอ่อไหลลงอาบข้ามแก้มคนเป็นพ่อแม่ถึงกับตกใจจนรีบเดินมาดู
“โฟกัส!! ลูกเป็นอะไร บาดเจ็บตรงไหนเหรอ!?”
“จริงด้วย...หรือว่าลูกบาดเจ็บก่อนหน้านั้น”
พ่อแม่รีบมาดูลูกสาวที่จู่ ๆ มีน้ำตาไหลออกมาจนพวกเขานึกว่าลูกเป็นอะไรไป
โฟกัสรีบเช็ดน้ำตาของตนเองก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ “ไม่ค่ะ...หนูไม่ได้เป็นอะไร...”
“งั้นลูกร้องไห้ทำไม? ถ้าลูกไม่เป็นอะไรทำไมถึงร้องไห้กัน!!”
“ที่หนูร้องไห้...ก็เพราะดีใจค่ะ...”
“ดีใจ...?” สองสามีภรรยามองหน้ากันอย่างงุนงง
โฟกัสโผเข้ากอดผู้เป็นพ่อแม่อย่างคิดถึง “หนูคิดถึงพ่อกับแม่!!ดีใจจริง ๆ ที่พ่อแม่ยังอยู่...”
ทั้งสองคนได้ยินลูกพูดแบบนั้นก็สงสัยเลยว่าลูกไปเจออะไรมาจนทั้งสองคนกอดลูกเบา ๆ พร้อมกับถามเหตุการณ์ก่อนหน้าว่าเกิดอะไรขึ้น โฟกัสพยักหน้าที่จะบอกพวกเขาว่าเจออะไรมามั้ง แต่เธอสงสัยว่าพี่สาวของเธอตอนนี้อยู่ไหนจนพ่อแม่บอกว่าโพรทาเลียยังไม่ตื่นยังนอนอยู่ข้างบนห้องของเธอ ยิ่งทำให้เธอเป็นห่วงพี่สาวเข้าไปอีกว่าตอนนี้จะเป็นยังไงมั้ง เพราะพ่อบอกว่าใช้สันมือน็อคพี่สาวให้สลบไปยิ่งน่าเป็นห่วงคูณสองอีก
ลึกเข้าไปยังภายใต้ความเงียบสงัด โพรทาเลียกำลังเดินไปตามทางอย่างไม่รู้จุดหมายปลายทางแต่อย่างใด เธอเห็นแต่รอบ ๆ ที่เป็นสีดำมีเพียงร่างกายของเธอที่ส่องสว่าง เธอสงสัยว่าตัวเองจะเดินไปไกลแค่ไหนแล้วกำลังตามหาอะไรจนรู้สึกแปลก ๆ ว่าทำไมตัวเธอถึงสว่างกันหรือว่าเพราะพลังของธีเอมัส แต่ก็มานึกสิ่งที่เธอกำลังตามหานั้นอยู่ไม่ไกลไม่สิอยู่ภายในร่างกายนี้ของเธอ
“ฮาลอน...”
น้ำเสียงอันแหบแห้งเอ่ยเรียกอีกฝ่ายก็สิ่งบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นต่อหน้าโพรทาเลีย ดวงตาที่ลู่ลงค่อย ๆ ลืมขึ้นมามองชายตรงหน้าที่จ้องมองเธอด้วยสายตาอันไม่ชอบใจ
“นายแสบมากเลยนะ”
“ข้าทำอะไรเจ้ากัน?”
“แฝงความรู้สึกของนายลงที่ฉันนะ”
“เหอะ! ใช่ฤๅ?”
“แล้วฉันจะมีปัญหาของซุสและแอรีสทำไม?”
“ฮ่า ๆ” ฮาลอนหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ “ใช่ ข้าเองล่ะที่ทำให้เจ้ามีอารมณ์ร่วมกับข้าที่อยากจะฆ่าพวกมัน!!”
“แต่เขาเป็นพ่อและพี่ชายของนายนะ?”
“พวกมันไม่ใช่!!พ่อที่ไหนฟังลูกชายคนโต โดยไม่ฟังเหตุผลและทฤษฎีตรงหน้าว่าข้านั้นคือบุตรของเขา!!ข้ากับน้องสาว!!”
“นาย...โกรธแค่เพียงเท่านั้นเหรอ?”
“ลองเจ้าเป็นข้า เจ้าจะเข้าใจ...ไม่สิ...เจ้านะเป็นข้า...เป็นแค่ร่างเปลือยเปล่าของพวกเราทุกคนที่ได้มาเกิดใหม่!!”
“หือ? ร่างเปลือยเปล่า?”
“เจ้าไม่เข้าใจว่าเป็นร่างจุติคืออะไรงั้นเหรอ?”
“ก็...เป็นร่างสถิติให้ทุกคนนี้?”
“ไม่ใช่แค่นั้น...เจ้านะเป็นร่างเปลือยเปล่าของพวกเราทุกคน ร่างที่ตายแล้วตายเหล่าแล้วมาเกิดใหม่ ไม่งั้นเจ้าจะถูกเรียกว่าร่างจุติงั้นเหรอ?”
“นายจะ...สื่ออะไร?” โพรทาเลียจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังสื่ออะไรบางอย่างที่เธอไม่ชอบใจเท่าไหร่
“รู้ไหมว่ามีเทพองค์หนึ่งรอให้เธอตายอยู่”
“ใคร...แซเทิร์นงั้นเหรอ? หึ ฉันไม่มีวันตายนายน่าจะรู้”
“ใช่...พวกเราก็เช่นกัน แต่ว่ามีวันเดียวเท่านั้นที่พวกเราจะตายคือวันเกิดอายุครบรอบ 16 ปีของเรา!!”
“!!”
โพรทาเลียมีสีหน้าตกใจจนฮาลอนยกยิ้มอย่างชอบใจก่อนจะเขยิบเข้าไปกระซิบอีกฝ่าย
“อีกไม่ช้าอีกแค่ไม่กี่วัน เจ้าจะอายุครบ 16 ปีเช่นกัน!”
“ฉันไม่เข้าใจที่นายเอ่ยออกมา!!”
ฮาลอนหัวเราะในลำคอกับปฏิกิริยาของอีกฝ่าย “มาหาข้าสิ...”
โพรทาเลียจ้องมองอีกฝ่าย เธอรู้สึกไม่ชอบใจกับคำเอ่ยนั้นเหมือนเธอกำลังโดยอีกฝ่ายล่อลวงไปยังที่ที่เธอไม่รู้ว่าที่ไหน “แล้วที่ไหนล่ะ?”
ฮาลอนถอยหลังไปเล็กน้อยก่อนจะเดินถอยหลังไปเรื่อย ๆ ก่อนจะอ้าแขนกว้างจนรอบข้างแปลงเปลี่ยนเป็นอีกสถานที่แห่งหนึ่ง เธอรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ โคลอสเซียมแต่เป็นของที่นี่หนึ่งที่ไม่ใช่ค่ายฮาล์ฟบลัด
“จงมาหาข้าที่นี่ แล้วข้าจะบอกให้ว่าใครกำลังรอให้เจ้ากับน้องสาวต้องตาย”
โพรทาเลียมองสถานที่ตรงหน้าเธอก้มหน้ามองบนพร้อมกับสีหน้าไม่ชอบใจ “เขาโอลิมปัส...”
จบตอนที่ 131 โปรดติดตามตอนที่ 132 ต่อไป