ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
แฟนตาซี,ผจญภัย,แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
คำอธิบายจากนักเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งฟิครุ่นลูกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน
เพอร์ซีย์ แจ็กสันคือใคร เขาคือบุตรชายของโพไซดอน จากผู้เขียน ริก ไรออร์แดน
เนื้อเรื่องนิยายนั้นทำให้นักเขียนชอบเรื่องนี้มากๆจนเอามาแต่งแฟนฟิคเกี่ยวกับรุ่นลูกต่อ
แต่นิยายแฟนฟิคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกอย่างเดียว แต่อาจจะมีเอาตัวละครจากนิยายมาใช้กันเพื่อ
ประกอบเนื้อเรื่อง และมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นและนำมาปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องของนิยาย
---------------------------------------------------------------------
บทนำของเรื่อง
ชีวิตที่โหดร้ายกำลังจะจบลงเมื่อสาวน้อยมีนามว่า โพรทาเลีย แจ็กสัน ได้หนีออกจากเกาะที่ขังเธอเอาไว้นานถึง 8 กว่าปี เธอได้หนีออกมาได้แล้วแต่ก็ต้องหนีจากการตามล่าของอมนุษย์ที่ตามมาด้วยคำสั่งของคคคนที่่ขังเธอ แซเทิร์น เทพฝาแฝดของโคนอส [ปล.ในประวัติศาสตร์กรีกไม่ใช่แบบนั้น แซเทิร์นคือร่างโรมันของโคนอส จำไว้นะจ้ะ แต่ในเรื่องแบ่งออกมาเป็นฝาแฝดของแซเทิร์นก็เหมือนเงามืดของโคนอสนั้นเอง]
เธอจะหนีรอดหรือไหม? แล้วเธอจะได้กลับไปเจอครอบครัวไหม? เรื่องร้ายๆจะจบลงไหม? ชีวิตของเธอจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?
------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเวทมนตร์ในนิยายแฟนฟิคของเราอย่างเรื่อง
เด็กหญิงที่เหลือรอด นะคะไปติดตามกันได้นะ
------------------------------------------------------------------------
กำหนดการการลงนิยาย
ลงทุกๆวัน เสาร์ เวลา 17:00น.
------------------------------------------------------------------------
ปล.1 สวัสดีทุกคนที่เคยติดตามงานของยูกิโคโค่นะคะ ขอโทษทีลบอันเก่าออกไป เพราะอยากเปลี่ยนใหม่หมดให้จบจริงๆ เพราะตอนแรกมันตันนะคะ ครั้งนี้เลยอยากให้จบจริงๆเลยล่ะคะ ใครที่ยังติดตามทางนี้อยู่ไปตลอด ก็ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนใครที่มาใหม่ โปรดเข้าใจว่านี้เป็นนิยายฟิคนิยายจากเรื่อง เพอร์ซีย์แจ็กสัน ส่วนอันนี้เป็นนิยายรุ่นลูกนะคะ แต่งฟิคเล่นๆสนุกๆจนให้จบแน่ๆค่ะ
ปล.2 นิยายฟรีๆให้อ่านสนุกนะคะ อิอิ
ตอนที่ 129 เหล่าเทพตามหา
บทสนทนาของเหล่ามนุษย์กึ่งเทพรอบบ้านพักต่างพูดถึงบางอย่างเกี่ยวกับพวกพ่อว่าออกไปไหนมา ทำให้เธอสงสัยเลยว่าพ่อของเธอออกไปไหนมาแล้วกำลังตามหาอะไร โพรทาเลียหันไปมองโฟกัสว่าก่อนออกมาจากค่ายมีเรื่องอะไรก่อนหน้าไหม แต่น้องสาวกับบอกว่าไม่มีเรื่องอะไรก่อนหน้าเลยแถมยังไม่มีการตามหาอะไรด้วยซ้ำ โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็สงสัยแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า เพราะยิ่งสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป เธอกลัวว่าแซเทิร์นจะเล่นกับกาลเวลา
พวกเพอร์ซีย์มายืนตรงหน้าของเหล่าทวยเทพที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ส่วนตัวของพวกเขาที่โผล่มาจากพื้น เพอร์ซีย์จ้องมองพวกเทพตรงหน้าอย่างไม่ชอบใจที่พวกนี้มาทำให้การพักผ่อนของพวกเขาเหลือน้อยลง การหาใครสักคนทำไมต้องมาเดือดร้อนเขาจนสายตาของเพอร์ซีย์ปะทะกับคนเป็นพ่อที่ใช้สายตาบอกว่าอย่าทำอะไรที่ไร้ความคิดเด็ดขาด เขาโคตรอยากทำเรามันน่าจะทำให้เทพตรงหน้าของเขากลับไปได้แต่เขาจะยอมอยู่นิ่ง ๆ เพื่อตัวเองและแฟนสาว
“พวกเราออกตามหาทั้งค่ายแล้ว แต่ไม่เจอเธอ”
“พูดจริงเหรอ?” ซุสเอ่ยถามอย่างสงสัย
โพรทาเลียได้ยินคำพูดว่าเธอก็สงสัยว่าพ่อหมายถึงใคร ยิ่งทำให้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นและใครเป็นบุคคลที่พ่อกล่าวออกมาก่อนที่หญิงสาวอีกคนจะพูดขึ้นมา
“ถามนะ พวกเราแบ่งกันออกตามหาทั่วทั้งค่าย แค่เด็กคนเดียวหาไม่เจอไม่ได้หรือไงกัน?”
แคลรีสเอ่ยถามออกมาอย่างขุ่นเคืองใจที่ต้องมาตามหาเด็กที่เธอไม่ค่อยชอบหน้าสุด ๆ ยิ่งเห็นหน้ายิ่งรู้สึกคล้ายเพอร์ซีย์จนนึกว่าพี่น้องแต่ก็คล้ายไปทางแอนนาเบ็ธเช่นกันยิ่งเคืองใจมากกว่าเดิม
“แคลรีส!!”
น้ำเสียงอันดุดันของชายร่างกำยำ แคลรีสสะดุ้งเหมือนโดนเสียงใหญ่นั้นตะโกนเรียกชื่อจนเธอค่อย ๆ เงยหน้ามองผู้เป็นพ่อ ชายที่ใส่ชุดหนังอย่างกับพวกไบค์เกอร์ที่ชอบใส่ชุดหนังเงาแววกับบิ๊กไบค์ไปด้วย
“สงบปากของเจ้าหน่อยก็ดีนะ!!”
“ค่ะ...” แคลรีสถึงกับก้มหัวหงอยไปเลย
“เลิกพูดอะไรที่มันน่ารำคาญเสียที!! ออกไปตามหาใหม่!! จากคำกล่าวของไดโอนีซุสว่านางไม่ได้ออกไปไหนเลย แปลว่านางยังอยู่ที่นี่”
โฟกัสฟังทุกคำพูดของซุสก็รับรู้เลยว่าเขาไม่ถึงใครกันแน่ จนเธอมองพี่สาวที่มองมาทางเธออย่างรู้ว่าเขาหมายถึงใครกันแน่ ถ้าไม่ใช่ตัวโพรทาเลียที่อยู่ข้างนอกก็เป็นโฟกัสที่อยู่ในค่ายตอนแรก
“รู้สึกพวกนั้นตามหาเธอนะ~”
“หนูขอโทษค่ะ...พี่...”
“ช่างเถอะ ไม่ใช่ความผิดเธอโฟกัส...ถึงพี่อยู่ที่นี่แทนเทพเฮงซวยนั้นก็ต้องมาอยู่ดี”
“จุกเลยนะ...เรียกซุสว่าเทพเฮงซวยนะ” เจสันกล่าวด้วยความรู้สึกจุกแทนซุสที่โดนด่าแบบนี้
“ทำไม? พ่อนายทำตัวเองนี่น่า”
“ก็จริง...”
เจสันเห็นด้วยกับคำพูดของโพรทาเลีย เขามองสถานการณ์ตรงหน้าที่เพอร์ซีย์เจอ ถ้าเขาเป็นอีกฝ่ายก็คงไม่พอใจเช่นกันช่วงเวลาที่ทุกคนควรได้นอนกับต้องมาแหกขี้ตาตื่นกัน สายตาของเขามองไปชอบ ๆ ก็หันไปมองจุดหนึ่งที่มีบ้านใหญ่เล็กตกแต่งด้วยสีชมพูและม่วงพร้อมดอกไม้ตามจุดต่าง ๆ ของบ้าน แต่สายตาของเขาไปเห็นร่างของหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งกำลังกอดอกพิงเสาบ้านมองสถานการณ์เช่นเดียวกับเขาอยู่อย่างเบื่อหน่าย
‘ไพฟ์...’ เจสันคิด
ขนตางอกยาว ดวงตาหลากสีอันน่าดึงดูด ริมฝีปากสีน้ำตาลอ่อนน่าสัมผัส เขามองกี่ครั้งก็ละสายตาจากแฟนสาวไม่ได้สักครั้งยิ่งตอนนี้เขาอยู่ห่างจากเธอมากก็อยากจะเข้าไปหา โพรทาเลียกำลังฟังสถานการณ์ไปสักครู่ เธอคิดว่าตัวเองควรเลิกที่จะฟังพวกนั้นแล้วหันมาสนใจสถานการณ์ของเธอ ก่อนจะเห็นสายตาของชายหนุ่มที่จ้องมองไปที่ไกล ๆ ก่อนจะเห็นเป้าหมายของอีกฝ่าย
“เหอะ ๆ จ้องไม่ละสายตาเลยนะ เจสัน”
“อ๊ะ!!” เจสันได้ยินคำพูดอีกฝ่ายถึงกับหน้าแดงทันที “จะบ้าหรือไง? ฉัน...”
“น่า~ พวกคุณสองคนรักกันดีอยู่แล้วเดียวก็ได้กลับไปใช้ชีวิตด้วยกันล่ะนะ”
“เธอพูดอย่างกับรู้ว่าชีวิตฉันจะเป็นไงในอนาคตเลยนะ”
“ไม่รู้สินะ...แต่มีคำหนึ่งที่ฉันอยากจะบอกคุณเอาไว้ เจสัน”
“หือ?”
“จงมีชีวิตต่อไป ห้ามตายอีกเด็ดขาดนะ!!” โพรทาเลียเอ่ยออกมาด้วยสายตามุ่งมั่น
“เหอะ ๆ ฟื้นมาแบบนี้แล้ว ฉันไม่ยอมตายง่าย ๆ หรอกนะ”
“ก็ดี...แต่ฉันมีคำถามหนึ่งจะถามทุกคน...”
“มีอะไรเหรอคะ? พี่”
“ไม่รู้สึกแปลก ๆ ตั้งแต่มาถึงที่นี่เหรอ?”
“หือ?”
“แปลกหมายถึงอะไร?” เจสันขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ก่อนหน้ามันกลางวันไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ ๆ พอเราขึ้นรถคันนั้นที่เร็วจนสามารถพาเรากลับมาถึงที่นี่น่าจะได้สัก 10 หรือ 20 นาที แต่ทำไมพอเราถึงมาที่นี่ถึงกลายเป็นกลางคืนไปได้ล่ะ?”
คำอธิบายของโพรทาเลียทำให้ทั้งสองคนมองหน้าเธออย่างตกใจก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าที่กลายเป็นสีน้ำเงินอย่างที่พวกเขาไม่คิด จนพวกเขานึกได้ว่าก่อนหน้ามันยังสว่างอยู่นี่น่าจนสงสัยว่าอะไรทำให้พวกเธอคล้อยตามสถานการณ์ตรงหน้ากัน โฟกัสตบหน้าอย่างแรงจนเธอจำได้ว่าก่อนหน้ามันกลางวัน แต่หลังจากขึ้นรถก็กลายเป็นกลางคืนไปแล้ว
“จริงของพี่ หนูจำได้แล้วพวกเรายังอยู่ช่วงกลางวันอยู่เลย แต่พอลงจากรถหนูนึกว่ารถขับช้าจนกว่าจะไปถึงค่ายก็ใช้เวลานานสุด ๆ”
“ฉันก็ด้วย...ตอนนั้นเหมือนโดนมนต์สะกดยังไงชอบกล...”
“ฉันว่าไม่ใช่มนต์อะไรนอกจากภาพลวงตาที่ทำให้เราสับสนบวกการเร่งเวลาของเทพองค์หนึ่ง”
“เทพองค์ไหนกัน?” เจสันเอ่ยถามอย่างสงสัยว่ามีเทพองค์ไหนจะมาวุ่นวายกับการทำภารกิจของมนุษย์กึ่งเทพกัน
“มีอยู่สององค์ที่ทำได้ แต่...คนที่ฉันมั่นใจที่สุดคือ แซเทิร์น...อนุชาของโครนอส”
“อนุชา...หมายถึงน้องชายนะเหรอ? เดียวนะ แซเทิร์นเป็นร่างแยกโรมันของโครนอสนะ!!”
“ในประวัติศาสตร์เป็นแบบนั้น แต่เบื้องลึกเบื้องหลังพวกคุณไม่รู้ว่าสองเทพนี้เป็นพี่น้องกัน”
“ว่าไงนะ!?”
เจสันได้รับข้อมูลใหม่จนเขานั้นรู้สึกปวดหัวยิ่งกว่าเดิมว่าบางอย่างไม่เป็นอย่างในประวัติศาสตร์ที่เขาได้เรียนรู้เลยสักนิด
“ไม่ต้องห่วงสักวันนายจะเข้าใจที่ฉันพูด เจสัน”
“คงจะยาวนั้นล่ะ...”
“พี่ค่ะ...เราจะเอาไงดี...”
“อืม...พี่ก็ไม่แน่ใจนะ...”
โพรทาเลียไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอย่างใด แต่รู้เพียงอย่างเดียวว่าตัวเองควรจะหาทางกลับบ้านก่อนจะหมดเวลาทำภารกิจ แต่ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเสียงของเพอร์ซีย์ก็ดังขึ้นมา
“ถ้าเราตามหาไม่เจอแล้ว งั้นเชิญพวกท่านกลับออกไปจากที่นี่ซะ!!”
“ว่าไงนะ!?”
“พวกคุณมาตามหาสิ่งใดก็ไปหาสิ่งนั้นเอง พวกเราไม่ทำแล้ว!!”
“เจ้ากล้าขึ้นเสียงใส่ข้างั้นฤๅ?”
“ทำไม? ถ้าท่านทำตัวน่าเคารพ ฉันก็คงไม่ขึ้นเสียงหรอกนะ!! สงสารเด็ก ๆ คนอื่นที่ต้องแหกขี้ตากันรอเวลาที่พวกท่านตามหาเด็กคนนั้น!! ไอ้เทพเฮงซวย- อ๊ะ!!”
เพอร์ซีย์เผลอปล่อยไปตามอารมณ์จนเขาหลุดปากด่าอีกฝ่ายไป โพไซดอนเห็นว่าลูกของตนนั้นด่าเทพซุสไปเต็ม ๆ แต่ว่าทุกทีพวกเขาด่าลับหลังกันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ด่าต่อหน้าทำเอาเขามองน้องชายของตนเองว่าจะทำอะไรไหม ก่อนที่อีกฝ่ายจะลุกพรวดพราดพร้อมกับยกสายฟ้าขึ้นมาชี้หน้าเด็กตรงหน้า
“บังอาจ! พวกเจ้าอดทนกันไม่เป็นฤๅไงกัน!! อยู่หามรุ่งหามค่ำยังอยู่กันได้!!”
เพอร์ซีย์เห็นอีกฝ่ายยกสายฟ้ามาชี้หน้าเขาก็ไม่พอใจเช่นกันนั้นล่ะ “พวกเรามีงานกันอีกนะ!! พรุ่งนี้วันครีษมายัน!! พวกเราต้องเตรียมงานกันอีกนะ!!”
โพรทาเลียได้ยินก็สงสัยว่าพรุ่งนี้วันครีษมายันเป็นวันอะไรกัน เพราะเคยได้ยินบ่อย ๆ จากแซเทิร์น โฟกัสถึงกับตาโตว่าพรุ่งนี้เป็นวันที่พวกเธอไม่คาดคิดจริง ๆ ไม่นึกว่ามันจะตรงแบบนี้
“วันเกิด...”
“หือ?”
“วันจันทร์ที่สามก่อนรุ่งสาง...ไม่นึกเลย...มันจะตรงกับวันเกิดพวกเรา!”
“หมายความว่าไง?”
“อาจารย์ไครอนบอกว่ามีคำพยากรณ์หนึ่งกล่าวว่า แสงสว่างเจิดจ้าของดวงดาราทั้งสองตกสู่พื้นธรา สองในหนึ่งต้องค้นหาและผู้ค้นหาต้องนำสิ่งที่ค้นหากลับมาก่อนรุ่งสางของจันทร์ที่สาม ไม่งั้นจะแก้ไขอะไรไม่ได้”
“คำพยากรณ์เหรอ?”
“หนูดัดแปลงคำพูดของไครอนออกมาอธิบายให้เข้าใจจากที่คิด หนึ่งแสงสว่างคือพวกเรา สองในหนึ่งที่ต้องค้นหาคือพี่ แล้วพี่ต้องพาเจสันกลับมา แล้วเขาก็พาเข้ากลับมาแล้ว ทุกอย่างน่าจะจบลงแล้ว แต่ว่า...”
“แต่ว่า?”
“เรายังไม่ได้หาทางกลับเลยนะ แล้วไม่รู้ว่าพอถึงพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นเหลือเวลาเท่าไหร่จะถึงพรุ่งนี้”
โพรทาเลียครุ่นคิดกับคำพูดน้องสาวก่อนจะเงยหน้าขึ้น
“ตอนนี้กี่โมงแล้วล่ะ?”
“หนูมีนาฬิกานะ แต่เวลาต่างกันสุด ๆ เลยนะ...”
“ฉันก็ไม่มีนะ มือถือก็ไม่รู้หายไปไหน?”
โพรทาเลียฟังทั้งสองคนพูดก็ครุ่นคิดเลยว่าตนเองจะทำยังไงดีจะหาใครบอกเวลาได้มั้งว่าตอนนี้กี่โมงก่อนที่จะได้ยินเสียงดังมาจากสนามหญ้าที่พวกเทพอยู่ เธอเห็นพ่อกับซุสกำลังทะเลาะกันอย่างรุนแรง ทุกเขาอยากจะให้ทุกคนและตัวเขากลับไปพักสำหรับพรุ่งนี้ แต่ซุสไม่ยอมและต้องการให้พวกมนุษย์กึ่งเทพทุกคนออกไปหา เพื่อให้ความคิดของเขาถูกต้องว่าถ้าสองคนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าเป็นบุคคลอันตรายเขาก็จะได้จัดการ โพรทาเลียเห็นท่าทางของซุสที่อยากทำหน้าที่ผู้ทรงพลังสามารถตัดสินชะตาคนอื่นได้ แต่เธอไม่ได้คิดแบบนั้นก่อนจะมองหน้าทางว่าจะดูเวลายังไงจนเห็นหนึ่งในกลุ่มเด็กตรงหน้าที่อยู่ไม่ห่างมีนาฬิกาข้อมืออยู่ทำให้โพรทาเลียค่อย ๆ เดินไปอย่างช้า ๆ
“พี่ไปไหนนะ?”
“เดี๋ยวมา!!”
โพรทาเลียกล่าวแบบนั้นก็เดินเข้าไปฝูงเหล่ามนุษย์กึ่งเทพแทรกตัวเขาไปในกลุ่มสักพักก็เจอเป้าหมายที่ยืนดูสักพักก่อนจะพินิจและจดจำคำพูดของคนข้าง ๆ อีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่คล้ายคลึงกับคนข้างอีกฝ่าย
“ตอนนี้กี่โมงแล้วนะ”
“ตอนนี้ 23:05 นาที”
“ขอบใจ”
“ไม่เป็นไร...หือ?” ชายหนุ่มหันไปหาคนข้าง ๆ ทันที “เมื่อกี้นายถามเวลาฉันเหรอ?”
“เปล่า...”
“นายไม่ถามแล้วใครถามกัน?”
ชายหนุ่มสองคนต่างถกเถียงกันโดยไม่รู้สาเหตุ แต่ตัวต้นเหตุอย่างโพรทาเลียก็เดินกลับไปหาพวกโฟกัสอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่โพรทาเลียไปโฟกัสก็กังวลว่าพี่สาวจะโดนจำได้ แต่ความสามารถอันล้นเหลือของพี่สาวก็สามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย
“พี่ไปทำอะไรนะ?”
“ถามเวลานะสิ!”
“แค่ถามเวลาต้องลงทุนลงไปขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ทำไงได้ล่ะ...”
“แล้วตอนนี้กี่โมงแล้วล่ะ” เจสันเอ่ยถามออกมาทันที
“เมื่อกี้ถามไป 23 : 05 นาที...เดินมาเมื่อกี้น่าจะใกล้ 7 นาทีล่ะ”
“เหลือเวลาอีกไม่มาที่จะเที่ยงคืน...” โฟกัสได้ยินพี่สาวกล่าวแบบนั้นเธอก็ตามหากุญแจของเธอทันที
พอเห็นน้องสาวกำลังหากุญแจเธอก็ตามหามั้งตามตัวของเธอ การค้นหาของพวกเธอก็ทำให้ชายหนุ่มต้องหันหนี เพราะพวกเธอค้นหาตามหาร่างกายอย่างไม่เกรงใจท่าทางในการล้วงเลยสักนิด พวกเธอค้นหากุญแจที่จะเปิดประตูของโครนอสก็สามารถพวกเธอกลับไปยังโลกเดิม แต่ว่าถ้าหาไม่เจอจะไม่สามารถเปิดได้แบบนี้พวกเธอจะไม่ติดอยู่ที่นี่งั้นเหรอ ไม่นานนักโพรทาเลียก็เจอของเธอที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของเธอ เหลือแค่โฟกัสที่ค้นหาจนจะเปิดเสื้ออยู่แล้วแต่ก็หาไม่เจอ
“หนูหาของตัวเองไม่เจอ!!”
“ว่าไงนะ!? แล้วก่อนหาเธอเอาไว้ไหน?”
“หนูจำไม่ได้ตอนตกลงมาก็สลบไปหลังจากนั้นก็สนแต่การพบปะกับพวกคุณพ่อ หลังจากนั้นก็...” โฟกัสดึงความทรงจำของเธอก่อนหน้าก่อนจะนึกถึงช่วงหนึ่งพอดี “หรือว่า...อยู่ในกระเป๋าเป้...”
“แล้วกระเป๋าไปไหน?”
“ฝากไว้กับคุณวิล...”
ได้ยินแบบนั้นทุกคนต่างหันไปมองทิศทางที่กลุ่มของพวกเพอร์ซีย์อยู่ก็เห็นวิลกำลังยืนฮ้าวอย่างง่วงนอนสุด ๆ แต่บนตัวของเขาไม่มีสิ่งไหนที่เป็นกระเป๋าเป้ของโฟกัสเลยจนสงสัยว่าอีกฝ่ายเอากระเป๋าน้องสาวไปไว้ไหนกัน
“แปลว่าเขาไม่ได้ถือกระเป๋าเป้เธอไว้ตอนนี้...แล้วเขาเอาไปไว้ไหนกัน?”
“ลองติดต่อเขาไหมล่ะ?” เจสันย่อตัวลงเขาเริ่มเมื่อยจากการยืนแล้ว
“แล้วจะติดต่อยังไง?”
“เธอมีสายเลือดขอโพไซดอนก็ติดต่อผ่านเพอร์ซีย์สิ ฉันเคยได้ยินหมอนั้นบอกว่าสายเลือดเดียวกันสามารถโทรจิตหากันได้นะ”
“ว่าไงนะ!! จะบ้าเหรอ? ระหว่างโทรจิต พ่- เอ๊ย เพอร์ซีย์ทำท่าทางมีพิรุธจะทำไง” โฟกัสเอ่ยตอบอีกฝ่ายแต่ตัวเธอเกือบหลุดปากเรียกเพอร์ซีย์ว่าพ่อเสียแล้ว
“ไม่ลองก็ไม่รู้นะ พวกเธอเหลือเวลาไม่มากแล้วนะ~”
เจสันกระตุ้นให้สองสาวครุ่นคิดถึงสถานการณ์ตอนนี้ที่เหลือเวลาไม่มากนักจนโพรทาเลียหันไปทางบ้านพักก็หลับตาลง เธอไม่มีวิธีอื่นแล้วเหมือนกัน เพราะธีเอมัสก็บอกว่าไม่มีวิธีไหนที่จะสามารถสื่อจิตได้เหมือนพวกบ้านโพไซดอนอยู่แล้ว โพรทาเลียสงบจิตก่อนจะจูนคลื่นของเธอให้ตรงกับพ่อวัยรุ่นก่อนจะตรงจุดเธอก็เอ่ยเรียกอีกฝ่าย
‘เพอร์ซีย์’
‘หือ?’
เพอร์ซีย์ได้ยินใครบางคนในหัวของเขา ทำให้เขาหันหน้าซ้ายกว่าอย่างสงสัยว่าใครเรียกชื่อเขา แอนนาเบ็ธหันมามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าสงสัยว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร ก่อนที่โพรทาเลียจะพูดต่อ
‘เพอร์ซีย์ แจ็กสัน จงหยุดมองซ้ายมองขวาซะ ฉันไม่ได้อยู่ในรัศมีของนายตอนนี้’
‘เธอเป็นใครกัน?’
‘เป็นใครไม่สำคัญ ฉันอยากให้นายช่วย?’
‘ช่วยอะไร?’
‘ช่วยถามวิล โซเลสให้หน่อยว่ากระเป๋าของโฟกัสอยู่ไหน หมายถึงกระเป๋าเป้นะ!’
‘โฟกัส...หมายถึงเด็กที่ตกลงมาจากท้องฟ้านะเหรอ?’
‘ใช่!’
‘เดียวเธอเกี่ยวกับเด็กคนนั้น...รู้บางไหมพวกเรากำลังลำบาก เพราะเด็กคนนั้นนะ!!’
‘อย่ามาโทษน้องสาวฉัน!!’
‘น้องสาว...หรือว่าเธอคือแสงสว่างอีกดวงที่ตกไปอีกทาง’
‘ช่างเถอะ ช่วยถามวิล โซเลสให้เรา ตอนนี้เหลือเวลาไม่มากที่เราจะทำภารกิจ!!’
‘ฉันจะเชื่อได้ไงว่าเธอไม่ใช่ศัตรู?’
‘เจ้าหมอนี้!!’
‘เพอร์ซีย์ ได้โปรดเราไม่ใช่ศัตรูของคุณ!!’ โฟกัสเข้ามาขัดพร้อมกับพูดต่อ ’เรากำลังรีบเพื่อออกจากที่นี่ ถ้าเราไปแล้วพวกคุณจะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติ เหมือนไม่เคยเกิดเรื่องนี้อีกเลย’
‘ใช่!!’
‘เดี๋ยวนะ!! ยัยเด็กบ้า เธออยู่ไหนกัน!! แต่ว่า...เธอโทรจิตกับฉันได้ไง!?’
‘หยุดถามอะไรสักที!! เรากำลังรีบนะ!!’
‘รีบ ๆ ถามวิล โซเลสด่วน!!’
‘ดุชิบ!!’
เพอร์ซีย์สะดุ้งกับน้ำเสียงของทั้งสองคนที่ดุใส่เขาเหมือนแฟนสาวที่อยู่ข้าง ๆ ไม่มีผิด เพอร์ซีย์หันไปคุยกับวิลไม่กี่นาทีเขาก็โทรจิตกลับมา
‘วิลบอกว่าเอากระเป๋าของโฟกัสไว้ที่บ้านของเขานะ’
‘บ้านไหน?’
‘บ้านหมายเลข 7 ตรงนั้นนะ’
เพอร์ซีย์ตอบพร้อมกับหันหน้าบ้านพักหมายเลขเจ็ด โพรทาเลียเห็นก็รับรู้เลยว่าตัวเองต้องรีบไปที่นั่น แต่ว่าต้องมีคนเป็นตัวล่อให้พวกเทพสนใจ เจสันมองเด็ก ๆ ที่เงียบไปสักระยะก่อนที่เขาจะรู้สึกถึงสถานการณ์ตรงหน้าก่อนที่เขาจะคิดบางอย่างออกมา เขาลุกขึ้นพร้อมกับเดินไปตามทาง โพรทาเลียมองอีกฝ่ายที่เดินออกไป
“เจสันไปไหน!!”
“ไปทำหน้าที่ของฉันไง~”
“อะไรนะ!!”
“พ่อใครก็ต้องจัดการเองล่ะนะ!!”
จบตอนที่ 129 โปรดติดตามตอนที่ 130 ต่อไป