ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
แฟนตาซี,ผจญภัย,แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
คำอธิบายจากนักเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งฟิครุ่นลูกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน
เพอร์ซีย์ แจ็กสันคือใคร เขาคือบุตรชายของโพไซดอน จากผู้เขียน ริก ไรออร์แดน
เนื้อเรื่องนิยายนั้นทำให้นักเขียนชอบเรื่องนี้มากๆจนเอามาแต่งแฟนฟิคเกี่ยวกับรุ่นลูกต่อ
แต่นิยายแฟนฟิคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกอย่างเดียว แต่อาจจะมีเอาตัวละครจากนิยายมาใช้กันเพื่อ
ประกอบเนื้อเรื่อง และมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นและนำมาปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องของนิยาย
---------------------------------------------------------------------
บทนำของเรื่อง
ชีวิตที่โหดร้ายกำลังจะจบลงเมื่อสาวน้อยมีนามว่า โพรทาเลีย แจ็กสัน ได้หนีออกจากเกาะที่ขังเธอเอาไว้นานถึง 8 กว่าปี เธอได้หนีออกมาได้แล้วแต่ก็ต้องหนีจากการตามล่าของอมนุษย์ที่ตามมาด้วยคำสั่งของคคคนที่่ขังเธอ แซเทิร์น เทพฝาแฝดของโคนอส [ปล.ในประวัติศาสตร์กรีกไม่ใช่แบบนั้น แซเทิร์นคือร่างโรมันของโคนอส จำไว้นะจ้ะ แต่ในเรื่องแบ่งออกมาเป็นฝาแฝดของแซเทิร์นก็เหมือนเงามืดของโคนอสนั้นเอง]
เธอจะหนีรอดหรือไหม? แล้วเธอจะได้กลับไปเจอครอบครัวไหม? เรื่องร้ายๆจะจบลงไหม? ชีวิตของเธอจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?
------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเวทมนตร์ในนิยายแฟนฟิคของเราอย่างเรื่อง
เด็กหญิงที่เหลือรอด นะคะไปติดตามกันได้นะ
------------------------------------------------------------------------
กำหนดการการลงนิยาย
ลงทุกๆวัน เสาร์ เวลา 17:00น.
------------------------------------------------------------------------
ปล.1 สวัสดีทุกคนที่เคยติดตามงานของยูกิโคโค่นะคะ ขอโทษทีลบอันเก่าออกไป เพราะอยากเปลี่ยนใหม่หมดให้จบจริงๆ เพราะตอนแรกมันตันนะคะ ครั้งนี้เลยอยากให้จบจริงๆเลยล่ะคะ ใครที่ยังติดตามทางนี้อยู่ไปตลอด ก็ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนใครที่มาใหม่ โปรดเข้าใจว่านี้เป็นนิยายฟิคนิยายจากเรื่อง เพอร์ซีย์แจ็กสัน ส่วนอันนี้เป็นนิยายรุ่นลูกนะคะ แต่งฟิคเล่นๆสนุกๆจนให้จบแน่ๆค่ะ
ปล.2 นิยายฟรีๆให้อ่านสนุกนะคะ อิอิ
ตอนที่ 128 นำทางสายเลือดจูปิเตอร์กลับค่าย
ย้อนกลับไปยังยุคสงครามโลกครั้งที่สอง หญิงสาวคนหนึ่งต้องบอกลาสามีของตนให้กับสงครามที่ยาวนานมาถึงสองปี แล้วตอนนี้มีการเกณฑ์ทหารเพิ่มขึ้นอีก สามีของเธอยังอายุน้อยอยู่ก็ต้องออกไปร่วมรบด้วยเธอที่มีลูกน้อยถึงสามคนก็ยิ่งเป็นห่วงสามี เด็กน้อยทั้งสามก็กอดคนเป็นพ่ออย่างโศกเศร้าที่พ่อจะต้องไปร่วมสงครามแต่ไม่ใช่แค่ลูก ๆ เธอก็เช่นกันเธอกลัวสงครามนี้จะพรากสามีของเธอไป แต่เขาก็กล่าวบอกเธอว่าไม่มีอะไรทำเขาได้ถ้าอีกฝ่ายจำได้ว่าเขานั้นเป็นอะไร เธอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรแต่เธอก็กลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำไง ทุกค่ำคืนเธอภาวนาทุกคืนต่อเทพอะพอลโล บิดาของสามี เธอภาวนาของให้สามีปลอดภัยกลับมา แต่วันเวลาผ่านไปเธอได้เพียงจดหมายจากสามีว่าตอนนี้ยังปลอดภัยและรอที่กลับไปหาเธอยิ่งคะนึงหามากกว่าเดิมจนลูกคนโตจะเดินเข้ามาหาเธอ
“แม่ครับ...”
“จ๊ะ เอ็ดมัน...” ชาล็อตเช็ดน้ำตามก่อนจะยิ้มให้ลูกชายที่เดินมาหา
“พ่อต้องกลับมาแน่ ๆ ครับ พ่อส่งจดหมายหาพวกเราตลอดนี่น่า แม่ต้องเข้มแข็งนะ”
คำพูดของลูกชายที่ตอนนี้อายุเพียงหกขวบพูดกับเธอยิ่งทำให้เธอรู้สึกเศร้ากว่าเดิมแต่ก็ฝืนยิ้มให้ลูกน้อยต่อไป
“จ๊ะ แม่จะเข้มแข็งนะ”
เธอพยายามให้ลูกไม่คิดมากเรื่องเธอ แต่ว่าเธอก็กลัวหลังจากวันนั้นก็เห็นศพเหล่าทหารใส่โลงกลับมาหาครอบครัวเสียงร่ำไห้ทำให้เธอกลัวสุด ๆ ว่าวันใดวันหนึ่งเกิดต้องรับศพสามีกลับมา วันเวลาผ่านไปเธอยิ่งอมทุกข์กับช่วงเวลาที่รอคอยจนวันหนึ่งเธออ้อนวอนด้วยพวกใจที่กำลังจะแตกสลาย
“ได้โปรดใครก็ได้...โปรดปกป้องสามีของลูกด้วย ให้เขากลับมาอย่างปลอดภัย…”
“อยากให้สามีปลอดภัยแบบนั้นเลยเหรอ?” เสียงสุขุมเอ่ยพูดขึ้น
หญิงสาวหันไปมองอย่างตกใจว่าเสียงใครกันที่มาพูดภายในบ้านของเธอจนเห็นชายที่ทั้งร่างกายเป็นสีดำไปหมดยกเว้นผิวกายที่เป็นสีขาวซีดและดวงตาสีขาวจ้องมองเธอ ชาล็อตมองอย่างสงสัยก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่ายไป
“คุณเป็นใคร!?”
“เป็นคนที่จะรับฟังคำขอของเธอไงล่ะ?”
“คำขอ...คุณช่วยสามีฉันได้เหรอ?”
“ได้ ถ้าเจ้าสัญญาว่าจะยอมแลกสิ่งบางอย่างกับข้า”
“ได้โปรดฉันยอมหมด!! ขอแค่สามีกลับมาก็พอ”
“ได้ข้าจะช่วยพาสามีขากลับมา ชาล็อต!!”
อีกฝ่ายเอ่ยเรียกชื่อเธอโดยที่เธอยังไม่เคยแนะนำตัวกลับอีกฝ่าย แต่เธอกับรู้สึกร่างกายหนักอึ้งไปหมดจนภาพทุกอย่างตัดไปอย่างไม่บอกกล่าวก่อนที่จะมีน้ำเสียงอันคุ้นเคยเรียกเธอด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ชา...ล็อต...ชาล็อต...”
ชาล็อตได้ยินเสียงนั้นดวงตาก็เปิดกว้างขึ้นจนเธอเห็นสีเสื้ออันคุ้นเคยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาช้า ๆ ก็เห็นชายผิวสีตรงหน้า ชายที่เธอคิดถึงมาเนิ่นนาน แต่ใบหน้าเขาโดนดินเลอะตามใบหน้า แต่ว่าข้างริมฝีปากกลับมีเลือดสีแดงกำลังไหลออกมา เธอเห็นก็ตาลุกวาวอย่างตกใจ
“ธี...เอ...ไม่นะ ธีเอ...คุณ...ไม่เป็นไรนะ!?”
ชาล็อตยกมือขึ้นแต่ก็ต้องเห็นมือของเธอมีเลือดเต็มมือ ก่อนที่เธอจะก้มมองมือของเธอที่จับอาวุธมีดที่ปัดเข้าที่กลางหน้าอกของสามีอยู่ เธอเห็นถึงกับตกใจ
“ไม่นะ...ธีเอ ฉัน!!”
“ชู่ววววว...ไม่ใช่ความผิดเธอ...”
“แต่ว่า..คุณ...คุณกำลังเลือดออกแล้วก็...เลือด...เลือดสีไม่เหมือนตอนนั้นนี่มันเลือดคนนะ...ธีเอ”
“ใช่...ฉันเป็น...เทพ...ตัวน้อย...แต่...ไม่รู้ทำไม...เลือดถึง...” ธีเอเอ่ยออกมาเบา ๆ แต่ว่าเขาเสียเลือดมานานเขากำลังจะทรุดลงกับพื้นอย่างช้า ๆ
“ธีเอ!!” ชาล็อตรีบพยุงตัวของสามีจนเธอนั่งลงกับพื้นตามอีกฝ่าย “ไม่นะ...ไม่นะ คุณบอกว่าจะอยู่กับฉันไง!!”
“ขอ...ขอโทษ...ที่...ไม่ได้อยู่...กับเธอและก็-”
ธีเอพูดยังไม่ทันจบตัวเขาก็สิ้นใจตรงนั้นและนั้นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ชาล็อตได้รู้ว่าตนเองนั้นพลาดสามีและพ่อของลูกไปเสียแล้วนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่รับรู้ว่าคำอ้อนวอนของเธอนั้นเป็นเหมือนตราบาปที่เธอจะไม่ขออะไร แต่ขอเพียงได้สามีกลับมาอีกครั้ง ย้อนกลับมายังปัจจุบันชาล็อตจ้องมองสามีที่จ้องมองเธอด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง
“คุณจำเรื่องตอนนั้นไม่ได้สินะ...” เธอเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิดที่มีต่อสามี “แต่คุณก็รู้แล้ว...คุณคงเกลียดฉันมากใช่ไหมคะ”
ชาล็อตกล่าวพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาช้า ๆ ธีเอมัสเห็นภรรยาที่กำลังร้องไห้ออกมา ยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
“ที่รัก...”
พวกลูกทั้งสามต่างพากันหยิบผ้าออกมาให้แม่ของตนเองซับน้ำตา พวกลูก ๆ ไม่คิดว่าผู้เป็นแม่จะมีความลับที่ปิดมานานแบบนี้ มันเป็นตราบาปที่ติดตัวและตามหลอนหลอกแม่ของพวกเขาไปตลอดแน่ ๆ ก่อนที่ลูกสาวคนกลางจะเข้ามากอดแม่ของเธอ
“แม่...ทำไมแม่ไม่เคยบอกเรา...?”
“จริงด้วย แม่เก็บมันเป็นตราบาปจนวันตายหรือไง?”
“ใช่...ถ้าไม่มีเรื่องนี้แม่ก็คงเก็บมันลงโรงไปด้วย...เพราะการอ้อนวอนของแม่ที่มีต่อพ่อของลูก...ทำไมให้แม่พรากพ่อไป...พรากคนสำคัญของพวกเราไป...”
ธีเอมัสยิ่งได้ยินน้ำเสียงภรรยาที่ทุกข์ใจกับการตายของเขา มันก็ยิ่งเจ็บปวดจนเขานั้นต้องลุกขึ้นมาแล้วคลานไปหาอีกฝ่ายทันที โพรทาเลียเกือบตั้งตัวไม่ทันที่อีกฝ่ายลุกออกไปอย่างไม่บอกกล่าว ธีเอมัสมาถึงตัวภรรยาเขาก็สัมผัสใบหน้าอันเหี่ยวย่นอย่างไม่รังเกียจแต่อย่างใด
“ไม่เอาที่รัก อย่าร้องไห้แบบนี้เลยนะ...”
ชาล็อตมองอีกฝ่ายที่เข้ามาใกล้เธออย่างไม่รังเกียจเธอที่ไปร่วมมือกับเทพองค์นั้น จนเธอนั้นเริ่มมีน้ำตาไหลออกมามากขึ้น
“ไม่ร้องไห้ได้ไง...ทำไมคุณคิดสั้นแบบนั้นถึงไปร่วมมือกับชายคนนั้นกัน...คุณเป็นเทพนะ คุณน่าจะรู้ทุกอย่างไม่ใช่เหรอ? ว่าไม่ควรไปเข้าร่วมกับเขา เพราะเขาเป็นคนควบคุมฉันให้ไปฆ่าคุณนะ!!...ทำไม...ทำไมคุณถึง...”
ธีเอมัสฟังคำพูดของภรรยาก็ยิ่งทำให้เขาคิดว่าตนเองนั้นทำไมจำก่อนหน้านั้นไม่ได้เลยสักนิด เขาจำไม่ได้ว่าภรรยาโดนควบคุมเขารู้เพียงว่าอีกฝ่ายฆ่าเขา ถ้ารู้ว่าเทพองค์นั้นควบคุมภรรยาของเขา ป่านนี้เขาคงไม่มาถูกหลอกง่าย ๆ หรอก ธีเอมัสยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาภรรยาเบา ๆ ผู้เป็นลูกทั้งสามมองแม่ของตนเองที่ร้องไห้ไม่หยุดเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นแม่ร้องไห้หนักแบบนี้ก่อนจะเริ่มบ่นผู้เป็นพ่อที่ทำให้แม่เป็นแบบนี้
“พ่อทำแม่ร้องไห้อย่างเดียวเลย!! นิสัยไม่ดีสุด ๆ”
“จริงด้วย!! พ่อไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย!!”
“เลวมาก ๆ”
“อ้าว!! นี่พวกตัวแสบก็ว่าพ่อไม่ได้นะ!!” ธีเอมัสตกใจที่ลูกทั้งสามคนที่แก่เกือบเป็นพ่อแม่เขาได้กำลังด่าทอเขาที่ทำภรรยาร้องไหน “พวกเราลองมาเป็นพ่อไหม!!”
“ถ้าเราเป็นพ่อไม่ยอมให้แม่เจ็บปวดแน่ ๆ”
“ใช่ ๆ”
บรรยากาศภายในครอบครัวเป็นมีสีสันขึ้นมาในทันใด โพรทาเลียจ้องมองการสนทนาของพวกเขา ถ้าตอนนี้ธีเอมัสยังอยู่ ก็คงได้มีความสุขกับครอบครัวจนถึงทุกวันนี้ ยิ่งนึกถึงเทพสองตนนั้นเทพสองพ่อลูกที่พังทลายชีวิตของอดีตชาติทุกคนของเธอ มันรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าอะไร แต่ทว่าเธอก็ก้มมองสิ่งที่กำลังกอดรัดเธอแน่นนั้นก็คือเหลน ๆ บ้านธีเอมัสที่ตอนนี้กอดไม่ปล่อยเลย แต่ใบหน้าแต่ละคนนั้นเธอรู้สึกคุ้นหูคุ้นตาชอบกล ก่อนจะกระซิบน้องสาวเบา ๆ
“โฟกัส...”
“จ้า...”
“เด็กพวกนี้น่าจะเป็นสมาชิกบ้านอะพอลโลป่ะ?”
“หมายความว่าไง?” เจสันได้ยินก็เอ่ยถามออกมาอย่างสงสัยเมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน
“เอ่อ...” โพรทาเลียไม่รู้ว่าจะตอบยังไง
โฟกัสพูดขัดขึ้นมา “ก็ไม่แน่นะคะ ถ้าต้องรอดูอนาคตนะ”
“งั้นเหรอ...” โพรทาเลียมองน้องสาวที่พูดแบบนั้นออกมา
‘พวกเขาเป็นเด็กในบ้านอะพอลโลค่ะ พี่’ โฟกัสโทรจิตกับพี่สาว
‘อ๊ะ...ลืมเลยแฮะว่าเราโทรจิตกันได้นี่น่า...’ โพรทาเลียโทรจิตตอบ
‘คงเพราะคุยกันบ่อย ๆ จนลืมนั้นล่ะ’
‘ก็นะ...เกือบหลุดปากเรื่องในอนาคตเสียแล้ว’
‘เหอะ ๆ พี่...หลุดคงไม่เป็นไร...แต่หนูนี่สิ...’
‘ทำไมเหรอ?’
‘คือ...มีบางคนที่ค่าย...รู้แล้วว่าหนูเป็นลูกของพ่อนะ...’
“ว่าไงนะ!!”
โพรทาเลียตะโกนออกมาอย่างตกใจที่ได้ยินน้องสาวโทรจิตบอกแบบนั้น เธอไม่คิดว่าน้องสาวจะทำพลาดให้คนรู้ได้ เจสันที่ได้ยินเสียงตะโกนอีกฝ่ายก็ตกใจพอกับเด็ก ๆ ที่กอดอยู่ก็เงยหน้ามองกันอย่างสงสัย โฟกัสรีบเอามือปิดปากพี่ทันที
“เบา ๆ สิ เดี๋ยวเด็ก ๆ ตกใจ”
“อ๊ะ!!” โพรทาเลียมองเด็ก ๆ ที่จ้องเธอด้วยสายตาตกใจ “โทษทีนะ...”
“พี่สาวเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“จริงด้วย ๆ”
“ไม่มีอะไรหรอกนะ...” โพรทาเลียลูบหัวเด็ก ๆ
“นี่ทุกคนกลับเข้าบ้านได้แล้ว!!” เสียงชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาดูเหมือนจะเป็นพ่อของหนึ่งในเด็กกลุ่มนี้ “ขอโทษด้วยนะ...ดูเหมือนเด็ก ๆ จะติดเธอยังไงชอบกล”
“ฮ่า ๆ ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ...ฉันก็มีลูกชายลูกสาวรุ่นราวเท่านี้เลยล่ะ” โพรทาเลียมองทั้งสี่คนที่อายุไล่ ๆ กันประมาณสี่ถึงหกขวบ “ทำให้คิดเหมือนกันว่าตอนนี้เป็นไงมั้ง...?”
“เห็นคุณปู่ทวดบอกว่าคนแบบพวกคุณต้องออกมาทำภารกิจกัน...ถ้าแบบนี้พวกผมบางคนถ้าเป็นแบบพวกคุณก็ต้องเจอเรื่องอันตรายเหมือนกันเหรอครับ?”
โพรทาเลียฟังคำถามนั้นก็ไม่สามารถปฏิเสธได้จริง ๆ “ค่ะ ถ้าพวกคุณจะมีพลังก็ต้องส่งพวกเขาไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกว่าค่ายฮาล์ฟบลัดมันเป็นสถานที่สำหรับมนุษย์กึ่งเทพ”
“ได้ยินจากคุณ...และเห็นสิ่งที่คุณแสดงออกมามันช่าง...เกินคำว่าภาพลวงตาสุด ๆ”
โพรทาเลียได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายมองเห็นเธอใช้พลังด้วยงั้นเหรอ “คุณเห็นอะไรตอนฉันใช้พลัง?”
“อ๊ะ...ผม...เห็นลูกธนูนับสิบกำลังตรงมาทางพวกเรา และคุณกำลังใช้น้ำสร้างเป็นกำแพงสูงปกป้องพวกเรา ตอนนั้นต้องขอบคุณมาก ๆ เลยนะครับ”
โพรทาเลียรู้สึกว่าไม่ดีแน่ ๆ ที่อีกฝ่ายเห็นพลังของเธอแบบนี้ยิ่งอีกฝ่ายน่าจะเป็นลูกหลานของธีเอมัสยิ่งแย่เขาไปอีก เธอหันไปหาเจสันทันที
“เจสัน...”
“อะไรเหรอ?”
โพรทาเลียหยิบกระดาษใบหนึ่งออกมาเธอเขียนบางอย่างให้เจสันและชายหนุ่มตรงหน้า เธอเขียนให้เจสันว่าช่วงปกป้องบ้านมิลเลอร์บ้านเลขที่ตามบ้านของชาล็อต กับเขียนให้ชายหนุ่มตรงหน้าว่าถ้ามีปัญหาเช่นปีศาจไล่ล่าให้โทรหาเพอร์ซีย์ แจ็กสัน เธอยื่นทั้งสองใบหน้าให้ทั้งสองคน
“คุณถ้าเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดโปรดโทรหาเบอร์นี้ คนนี้จะส่งคนมาช่วยคุณ ส่วนนายเจสันทำตามที่ฉันเขียนนะ ช่วยปกป้องพวกเขาหน่อย”
“ได้...แล้วทำไม...”
“พวกเขายังไม่แสดงพลังของตนเองออกมา...ฉันว่าสักวัน...พลังของเทพที่อยู่ในตัวพวกเขาอาจจะแสดงพลังมาก็ได้...นายคงไม่ลืมนะสำหรับพวกปีศาจเลือดของมนุษย์กึ่งเทพมันโอชะเพียงใด”
เจสันได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่กลืนน้ำลายเท่านั้น เพราะเขาเคยเจอพวกปีศาจพวกนั้นที่กระหายเลือดพวกเขามานานนับหลายทศวรรษ
“ปีศาจ?”
“เอ่อ...ใช่...ปีศาจหรืออีกชื่ออมนุษย์ตั้งแต่พวกยักษ์ไซคลอปส์ ยักษ์ไททัน เมดูซ่า หรือไม่ก็ไซเรน”
“ฟังแต่ละชื่อแล้ว...ไม่น่าเข้าไปยุ่งสักนิด...”
“พี่สาวมีเรื่องสนุก ๆ ให้ฟังไหมนะครับ?” เด็กคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น
“ลูกคนนี้จู่ ๆ ก็ถามอะไรก็ไม่รู้!!”
ชายหนุ่มพูดแบบนั้นอย่างไม่ชอบใจที่ลูกเขารบกวนเด็กหญิงตรงหน้าก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปอุ้มลูกกับหลานอีกคน ก่อนจะมีชายอีกคนมาช่วยอุ้มอีกสองคน
“ขอโทษที่ลูก ๆ ฉันรบกวนอีกทีละกัน”
เขากล่าวแบบนั้นก่อนจะเดินกลับไปที่บ้าน เด็ก ๆ ก็โวยวายอย่างไม่ชอบใจ โพรทาเลียเข้าใจเด็ก ๆ ที่เจออะไรน่าสนใจก็อยากฟังและอยากรู้อยากเห็นตลอด เธอมองครอบครัวนี้อยู่สักระยะก่อนจะคิดบางอย่างเธอเดินตรงไปหาธีเอมัสอย่างไม่พูดอะไรจนเงาของเธอบังแสงแดดจนธีเอมัสรู้สึกแปลก ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง
“แจ็กสัน...”
“ฉันให้เวลานาย 1 ชั่วโมง”
“...” ธีเอมัสได้ยินแบบนั้นก็นิ่งไปชั่วขณะก่อนจะคิดต่อรอง “ฉันขอ...”
“ไม่ได้! ได้แค่ 1 ชั่วโมง เมื่อกี้นายก่อปัญหาทำให้เวลาที่ฉันตั้งให้ 2 ชั่วโมงหมดไปแล้ว!!”
ธีเอมัสได้ยินแบบนั้นก็คอตกเลยที่ตัวเองก่อปัญหาไม่คาดคิดออกไปแบบนั้น ทำให้เวลาที่จะอยู่ครอบครัวน้อยลง ชาล็อตสงสัยว่าหญิงสาวพูดอะไรก่อนจะมองสามี
“1 ชั่วโมงอะไรกัน? ธีเอ?”
“1 ชั่วโมงที่ได้คุยเล่นกับครอบครัวไง...” ธีเอมัสตอบภรรยา
ชาล็อตมองหน้าสามีที่ตอบด้วยสีหน้าอมทุกข์ ทำให้เธอรู้สึกเศร้าใจที่เวลาอยู่กับสามีได้เพียงไม่กี่นาที แต่กลับเวลาที่รอคอยสามีกลับมานี่คงเป็นความสุขเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เธอจับมืออีกฝ่ายแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนจะพาอีกฝ่ายกลับเข้าไปในบ้านเพื่อพูดคุยกับเรื่องต่าง ๆ ที่เจอมาและเรื่องชีวิตของลูก ๆ ว่าเจออะไรมามั้งระหว่างที่อีกฝ่ายไม่อยู่มานาน พวกโพรทาเลียปล่อยให้ครอบครัวอีกฝ่ายอยู่กันอย่างสบาย ๆ ภายในบ้านพวกเธอก็นั่งรอเวลาอยู่ข้างนอก
ผ่านไปถึงชั่วโมงธีเอมัสก็ออกมาเขาอำลาครอบครัวที่เขารักที่สุด ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันมานานแสนนานเขาก็ยังรักครอบครัวนี้ โพรทาเลียเห็นอีกฝ่ายก็ลุกขึ้นเดินมาหาระหว่างรอพวกเธอก็ไปรออยู่ใต้ลมเงามันเย็นสบายดี แต่บางคนไม่เยอะด้วย เพราะอากาศก็ร้อนพอตัวเลยต้องใช้ลมช่วยถึงได้เย็นสบายนั้นล่ะ เธอเดินตรงไปหาธีเอมัสเจ้าตัวหันมามองเธอด้วยสายตาละอายใจกับสิ่งที่เขากระทำก่อนหน้า
“ก่อนหน้านี้ฉัน...”
“ช่างเถอะ...แค่นายสำนึกผิดก็พอล่ะ...ไปกันเถอะ เราเสียเวลามามากแล้วล่ะ!!”
โพรทาเลียเดินนำออกมาก่อนใครโฟกัสก็รีบตามพี่สาวไปพร้อมกับเจสันที่เดินตามไปอย่างเงียบ ๆ ธีเอมัสรู้สึกว่าอีกฝ่ายเหมือนยังไม่พอใจที่เขาไปเข้าร่วมกับชายที่เคยทำร้ายเธอมาตลอดหลายปี
“…”
ธีเอมัสหันกลับมามองบ้านของเขาก่อนจะร่ายพลังของเขาปกป้องครอบครัวไม่ให้ผู้ใดมาทำร้ายครอบครัวเขา ก่อนที่เขาจะหายไปจากตรงนั้นคนหายในบ้านได้แต่มองอย่างโศกเศร้า โพรทาเลียเดินมาหยุดที่ฟุตบาทเธอก็ยกนิ้วขึ้นมาเป่าปากสองสามครั้งก็มีแท็กซี่คันเดิมมาจอดตรงหน้า กระจกค่อย ๆ เปิดลงอย่างช้า ๆ ก็ต้องพบกับหญิงชราทั้งสามก็พบกับสามสาวชราที่กำลังยิ้มต้อนรับพวกเธออย่างเป็นมิตรสุด ๆ ครั้งนี้เธอเข้าไปข้างในพร้อมกับบอกสถานที่พวกหญิงชราทั้งสามตามยิ้มและบอกว่าสถานที่ไกลและต้องจ่ายเยอะพอ ๆ กับที่แรกที่เธอจากมา โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็นับทองคำบริสุทธิ์ออกมาวางตรงเบาะหน้าทันที พวกหญิงชราเห็นก็ตาลุกวาวทันที แต่ไม่ใช่แค่หญิงชราแต่เจสันก็อึ้งเช่นกัน
“แค่นี้พอไหม?”
“พออยู่แล้ว แต่เยอะแบบนี้ดีงั้นเหรอ? สาวน้อย”
“ไว้ครั้งหน้าฉันใช้บริการก็ได้”
“อุ๊ย~ จะมีอีกเหรอจ๊ะ~”
“ในอนาคตไม่แน่นอนนี่น่า”
“ก็จริงนะ...งั้นก็...”
“ออก เดิน ทาง สู่ ค่าย ฮาล์ฟ บลัด!!”
หญิงชราคนหนึ่งกล่าวจบคนที่อยู่ฝั่งคนขับก็ออกตัวอย่างรวดเร็วจนพวกโพรทาเลียที่นั่งอยู่ยังไม่คุ้นชินกับการเดินทางแบบนี้สักครั้ง นั่งไปสักระยะโพรทาเลียรู้สึกว่าที่มือมันรู้สึกแปลก ๆ จนเธอยกฝ่ามือขึ้นมาก็มีตราของอะพอลโลประทับที่ฝ่ามือของเธอ
“นายยอมให้ฉันผ่านแล้วเหรอ? ธีเอมัส”
เอ่ยจบนั้นธีเอมัสก็ออกมานั่งอยู่ข้าง ๆ คอของโพรทาเลีย เขาทำหน้าเหงาหงอยยิ่งกว่าอะไรเธอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร เพราะหลุดพ้นจากคำเชิญชวนของแซเทิร์นอีกฝ่ายเลยกลับมารู้จักผิดชอบชั่วดีทันที โพรทาเลียยกมือขึ้นมาลูบหัวอีกฝ่ายเบา ๆ
“อ้อนฉันเลยนะเจ้าบ้า~”
“ไม่ได้อ้อนสักหน่อย...”
“เหรอ?” โพรทาเลียยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างชอบใจ
ธีเอมัสมองอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยถามบางอย่าง “ครอบครัวฉันจะปลอดภัยไหม?”
“นายร่ายพลังป้องกันแล้วนี่น่า มีหรือว่าพวกเขาจะไม่ปลอดภัย ตอนนี้ก็ขึ้นกับชะตาพวกเขาว่าจะต้องพบเจออะไรอีก”
“งั้นเหรอ...” ธีเอมัสกังวลเหลือเกินว่าลูก ๆ จะปลอดภัยในพลังของเขาไหม
“เป็นคำพูดที่ดีจริง ๆ สายเลือดโพไซดอน~”
“!!”
โพรทาเลียถึงกับสะดุ้งที่หญิงชราจะกล่าวสายเลือดของเธอออกมา ทำให้เจสันงุนงงว่าใครเป็นสายเลือดโพไซดอนเขาค่อย ๆ หันมามองโพรทาเลีย
“ช่วยอย่าเรียกแบบนั้นได้ไหม?”
“ทำไมกัน? เจ้าเป็นถึงสายเลือดของเทพติดอันดับหนึ่งในสามมหาเทพเชียวนะ พอ ๆ กับชะตาของเจ้าที่กำลังดิ่งไปสู่ความตาย”
“ว่าไงนะ?” โพรทาเลียฟังที่หญิงชราคนหนึ่งเอ่ยพูดขึ้น
“ห้ามพูดอะไรแบบนั้น!! เราไม่รู้ว่าจริงแค่ไหนมันแค่ชะตากรรมของเจ้าเท่านั้น สายเลือดโพไซดอน”
“อะแฮ่ม!!!”
“พวกข้าพูดมากไปสินะ...”
“ที่พวกท่านพูดหมายความว่าไง? ว่าชะตากรรมของฉันกำลังไปสู่ความตายคืออะไร?”
“ก็ตามที่เจ้าได้ยิน ชะตาของเจ้าเรารู้ดีกว่าใคร ว่าเจ้านั้นต้องพบเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิดมันขึ้นกับการตัดสินใจของเจ้าว่าเจ้าจะเลือกเส้นทางไหน”
“แล้วถ้าฉันเลือกผิดทางล่ะ?”
“เท่ากับความตายของเจ้า!! อย่างที่เราบอก”
ทุกคนภายในรถเงียบสงัดนอกจากหญิงชราทั้งสามที่กำลังหัวเราะคิกคัก โพรทาเลียรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องปกติ ถ้าเธอต้องตายก็ขอตายคนเดียวดีกว่าแลกกับครอบครัวที่รัก สถานภาพแวดล้อมเริ่มมืดอย่างรวดเร็วจนน่าแปลกประหลาดจนโพรทาเลียมองอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีคนสังเกตเลยว่าข้างนอกมันมืดไว้ก่อนที่เห็น พวกเขาเดินทางจนมาถึงหน้าทางเข้าฮาล์ฟบลัดพวกเธอก็ลงจากรถอย่างรวดเร็ว พวกหญิงชราต่างเปิดกระจกลงมาเอ่ยพูดกับพวกเธอ
“ขอบคุณที่มาใช้บริการของเราอีกครั้ง!!”
“เราจะรอครั้งหน้าอีก!!”
“ไว้เจอกันใหม่นะ เด็ก ๆ”
สิ้นคำพูดนั้นทุกคนก็ยืนนิ่งไปชั่วขณะก่อนที่โฟกัสก็รีบเดินมาหาพี่สาวพร้อมกับจับแขนของพี่สาว
“พี่ค่ะ!! พี่ต้องระวังนะ!! พวกนางฟ้าโชคชะตาเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ๆ เลยนะ”
“น่า ๆ ใจเย็น ๆ พวกนางแค่เตือน ยังไม่ถึงช่วงเวลานั้นเลยนะ”
“แต่ว่า...”
โฟกัสไม่ชอบใจกับคำเตือนนั้นเหมือนบ่งบอกว่าพี่สาวเธอจะตายตามชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้ โพรทาเลียมองน้องสาวก่อนจะจับไหล่น้องสาวเบา ๆ
“พี่รู้ว่าเรากลัว แต่พี่จะสู้กับชะตาตัวเองมาเยอะแล้วนะ...ถ้าพี่ตายจริง...พี่ก็ยอมถ้าทำให้ครอบครัวปลอดภัยได้นะ”
“พี่ค่ะ...”
“แต่ก็ไม่ใช่เสมอไปที่จะยอมรับมันนะ!!” เจสันกล่าวขึ้นมา “อย่าให้ชะตากรรมมากำหนดชีวิตเรา จงสู้กับมันสิ!!”
“คุณเจสัน...”
“ดูอย่างฉันสิ!!...ตอนแรกฉันยังคิดว่าตัวเองจะตายไปแล้ว...แต่ฉันยังฟื้นขึ้นมา เพราะพวกเธอช่วยเหลือต้องขอบคุณพวกเธอนะ! สายเลือดโพไซดอน”
“อ๊ะ...เรื่องสายเลือด...”
“ฉันไม่สนว่าพวกเธอเป็นใครหรอกนะ แต่ก็ขอบคุณที่ช่วยเหลือมาก ๆ เลยล่ะนะ...” เจสันเงยหน้ามองข้างหน้าของเขาที่ไม่ได้เห็นมานาน “นานแล้วนะ...ที่ไม่ได้มาที่นี่”
เจสันยิ้มเยาะอย่างชอบใจก่อนจะเดินมาอยู่ระหว่างกลางทั้งสองคนแล้วโอบไหล่พวกเธอทันที
“ไปเถอะ!! พวกเพื่อนฉันคงตกใจแน่ ๆ ที่ได้เจอฉันนะ!!” เจสันเดินพาทั้งสองคนเข้าไปข้างในทันที
“อ๊ะ!! เดี๋ยวก่อนสิ!!”
“คุณเจสัน อย่ารีบสิคะ!!” โฟกัสเตือนอีกฝ่าย
โพรทาเลียจะเตือนเรื่องเวลาที่มันผ่านไปเร็วเกินกว่าที่คิด ตอนนี้มือไปหมดรอบข้างมีแสงสว่างสลัวตามทางด้วยคบเพลิง แต่เมื่อเข้าไปข้างในโพรทาเลียกับรู้สึกถึงกลิ่นอายอันไม่ชอบมาพากล กลิ่นอายอันคุ้นเคยของทวยเทพ ทั้งสามคนเข้ามายังภายในค่ายกับไร้วี่แววของผู้คนในค่ายทำให้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นหรือว่าตอนนี้ทุกคนไปหลับหมดแล้ว แต่ถ้าเป็นตอนอยู่ค่ายถึงดึกแค่ไหนก็ยังมีคนอยู่ ทุกคนลองเดินไปตามจุดต่าง ๆ เพื่อหาผู้คน โพรทาเลียมองไปยังทิศที่เธอสัมผัสกลิ่นอายได้จนเธอนั้นรู้สึกไม่ดีสุด ๆ ก่อนที่จะวิ่งออกจากจุดที่อยู่ตรงไปยังกลิ่นอายของทวยเทพ พวกโฟกัสเห็นอีกฝ่ายวิ่งไปก็รีบตามไปทันที แต่การวิ่งของโพรทาเลียนั้นรวดเร็วเกินกว่าที่สายเลือดของโพไซดอนจะทำได้จนเจสันสงสัยว่าอีกฝ่ายใช่สายเลือดโพไซดอนจริง ๆ เหรอและยิ่งวิ่งยามดึกนี่อีก
ตามเส้นทางอันมืดมิดเสียงสายลมปะทะใบหน้าของโพรทาเลียกลิ่นอายยิ่งรุนแรงมากขึ้นเส้นทางก็ยิ่งคุ้นเคยว่าเส้นข้างหน้านั้นคือเส้นทางที่ไหน ยิ่งวิ่งในความมืดเป็นอะไรที่ในค่ายเขาไม่ให้ทำ แต่โพรทาเลียไม่สนใจจนทางข้างหน้านั้นเริ่มเห็นแสงสลัวกับทางข้างหน้า เมื่อเบรกตัวสุดขีดก็เห็นภาพที่ไม่คาดคิดเหล่าทวยเทพทั้งสิบเอ็ดมาอยู่ใจกลางบ้านพักที่มีเหล่าเด็กมนุษย์กึ่งเทพกำลังจ้องมองกันอย่างสงสัยว่าทวยเทพนั้นมาทำอะไรที่นี่ในเวลาที่ควรนอนเช่นนี้ พวกโฟกัสตามมาอย่างหอบเหนื่อยไม่คิดว่าการตามอีกฝ่ายมันจะเหนื่อยแบบนี้จนพวกเธอเห็นภาพตรงหน้าที่เหล่าเทพโอลิมปัสอยู่กันพร้อมหน้ายกเว้นองค์หนึ่งที่ไม่ได้มาด้วย
เจสันเห็นก็สงสัยว่าพวกเขามาทำอะไรกัน “นี่มันอะไรกัน? ทำไมทวยเทพถึง…”
“ไม่แน่ใจเลยว่าพวกเขามาทำอะไรกัน?”
“หรือว่ามีเหตุเกิดขึ้นในค่าย?”
“หึ!! กี่ครั้งก็ไม่เห็นพวกเขาออกมานะ โฟกัส...พวกเขาเห็นเราเป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งของพวกเขาอยู่แล้ว...”
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?”
โพรทาเลียส่ายหน้าเบา ๆ “เรารอดูสถานการณ์ไปดีกว่า...”
พวกโพรทาเลียแอบอยู่มุมมืดของบ้านที่อยู่ด้านหลังบ้านพัก พวกเธอกำลังจ้องมองกันว่าพวกนั้นมาทำอะไรกันที่นี่ เวลาผ่านไปก็มีเสียงซุบซิบกันจนกระทั่งกลุ่มหนึ่งกลับเข้ามาภายในบ้านพัก แล้วกลุ่มคนนั้นเป็นคนที่คุ้นเคยมาก ๆ แล้วหนึ่งในนั้นกำลังเดินนำมาด้วยสีหน้าไม่ชอบใจที่ต้องทำอะไรที่น่ารำคาญแบบนี้ แต่โพรทาเลียรู้ว่าคนคนนั้นคือใครจนกระทั่งเทพซุสมองชายหนุ่มที่เดินมาหาเขาด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ ก่อนที่เขาจะเอ่ยเรียก
“มาจนได้ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน!!”
จบตอนที่ 128 โปรดติดตามตอนที่ 129 ต่อไป