ชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
แฟนตาซี,ผจญภัย,แฟนตาซี,YukiCoCo,เพอร์ซีย์,percy,สายเลือดโพไซดอนที่หายสาบสูญ,สายเลือดโพไซดอน,สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสายสูญ,สายเลือดกรีก,แฟนฟิคเพอร์ซีย์,แฟนฟิคสายเลือดเทพ,แฟนฟิค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[Fanfiction percy jacesok] สายเลือดแห่งโพไซดอนที่หายสาบสูญชีวิตของสาวน้อยที่แสนจะอันทนทุกข์ทรมานมานานแสนน่ากำลังจะหมดไป เมื่อได้หนีออกมาจากเกาะนรก โพรทาเลีย แจ็กสัน กำลังได้กลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคเข้ามาขวางเธออยู่ดี เธอจะทำไงดีล่ะเนี่ย?
คำอธิบายจากนักเขียน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่งฟิครุ่นลูกของ เพอร์ซีย์ แจ็กสัน
เพอร์ซีย์ แจ็กสันคือใคร เขาคือบุตรชายของโพไซดอน จากผู้เขียน ริก ไรออร์แดน
เนื้อเรื่องนิยายนั้นทำให้นักเขียนชอบเรื่องนี้มากๆจนเอามาแต่งแฟนฟิคเกี่ยวกับรุ่นลูกต่อ
แต่นิยายแฟนฟิคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกอย่างเดียว แต่อาจจะมีเอาตัวละครจากนิยายมาใช้กันเพื่อ
ประกอบเนื้อเรื่อง และมีตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นและนำมาปรับเนื้อเรื่องใหม่ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องของนิยาย
---------------------------------------------------------------------
บทนำของเรื่อง
ชีวิตที่โหดร้ายกำลังจะจบลงเมื่อสาวน้อยมีนามว่า โพรทาเลีย แจ็กสัน ได้หนีออกจากเกาะที่ขังเธอเอาไว้นานถึง 8 กว่าปี เธอได้หนีออกมาได้แล้วแต่ก็ต้องหนีจากการตามล่าของอมนุษย์ที่ตามมาด้วยคำสั่งของคคคนที่่ขังเธอ แซเทิร์น เทพฝาแฝดของโคนอส [ปล.ในประวัติศาสตร์กรีกไม่ใช่แบบนั้น แซเทิร์นคือร่างโรมันของโคนอส จำไว้นะจ้ะ แต่ในเรื่องแบ่งออกมาเป็นฝาแฝดของแซเทิร์นก็เหมือนเงามืดของโคนอสนั้นเอง]
เธอจะหนีรอดหรือไหม? แล้วเธอจะได้กลับไปเจอครอบครัวไหม? เรื่องร้ายๆจะจบลงไหม? ชีวิตของเธอจะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?
------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้เชื่อมโยงกับโลกเวทมนตร์ในนิยายแฟนฟิคของเราอย่างเรื่อง
เด็กหญิงที่เหลือรอด นะคะไปติดตามกันได้นะ
------------------------------------------------------------------------
กำหนดการการลงนิยาย
ลงทุกๆวัน เสาร์ เวลา 17:00น.
------------------------------------------------------------------------
ปล.1 สวัสดีทุกคนที่เคยติดตามงานของยูกิโคโค่นะคะ ขอโทษทีลบอันเก่าออกไป เพราะอยากเปลี่ยนใหม่หมดให้จบจริงๆ เพราะตอนแรกมันตันนะคะ ครั้งนี้เลยอยากให้จบจริงๆเลยล่ะคะ ใครที่ยังติดตามทางนี้อยู่ไปตลอด ก็ขอบคุณมากๆนะคะ ส่วนใครที่มาใหม่ โปรดเข้าใจว่านี้เป็นนิยายฟิคนิยายจากเรื่อง เพอร์ซีย์แจ็กสัน ส่วนอันนี้เป็นนิยายรุ่นลูกนะคะ แต่งฟิคเล่นๆสนุกๆจนให้จบแน่ๆค่ะ
ปล.2 นิยายฟรีๆให้อ่านสนุกนะคะ อิอิ
ตอนที่ 135 ถึงเวลาตามคำพยากรณ์
ความโกลาหลภายในเขาโอลิมปัสปะทุดังภูเขาไฟที่กำลังจะก่อตัวสู่ภายนอก เหล่ามนุษย์กึ่งเทพจากค่ายฮาล์ฟบลัดต่างถูกพามายังเขาโอลิมปัสเพื่อเตรียมการต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่กี่นาทีภายในโคลอสเซียมเป็นที่ตั้งฐานทัพของเหล่ามนุษย์กึ่งเทพไปเรียบร้อย ทุกอย่างที่แบ่งโซนตั้งแต่ที่ตั้งอาวุธ สถานพยาบาลและก็จุดประชุมของหัวหน้า โพรทาเลียมองสถานที่ตรงหน้าที่เปลี่ยนไปชั่ววินาที เธอมองไปเรื่อย ๆ ก็เห็นสายตาของเทพองค์หนึ่งที่จ้องมองมาทางเธอนั้น เธอหันไปเห็นแอรีสที่มองเธอด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แถมยังเขยิบตาให้เธออีก ทำเอาเธอขนลุกขึ้นมาชอบกลจนฮาลอนโผล่ออกมาพร้อมกับชูนิ้วกลางใส่พี่ชายของตนที่เขารู้เลยว่าท่าทางแบบนั้นกำลังทำอะไร
“ไอ้พี่เว้ย!! อย่ามาหว่านเสน่ห์ใส่ร่างจุติของข้านะ!!!”
“อย่าไปโวยวายมากนะ ฮาลอน นายน่าจะรู้นะว่าทำแบบนั้นแอรีสก็ยิ่งชอบใจ”
“ชิ!!”
โพรทาเลียรีบเดินออกจากตรงนั้นเพื่อตามหาใครบางคน เพราะเธอไม่เห็นอีกฝ่ายเลย เธอเห็นแต่พวกพี่กับวัยรุ่นไม่กี่คนที่มาที่นี่ คนคุ้นหน้าเยอะ แต่เธอไม่เห็นคนผมทองเลยสักคนนอกจากชายที่เธอรู้จักแค่คนเดียวนั้นทำให้เธอต้องเดินไปหาเจ้าตัวเพื่อหาคำตอบ อีกฝ่ายเห็นเธอก็ชอบใจก่อนที่เธอจะถามหาถึงลูกชายอีกฝ่ายทำให้รู้ว่า ฟีนีอุสขออยู่ที่ค่ายแทนเพราะเป็นห่วงลูกทั้งสองคน โพรทาเลียก็สบายใจที่แฟนหนุ่มทำแบบนั้น แต่ว่าก็มีสายตาอันไม่พึ่งประสงค์จ้องเธออีกแล้วทำให้เธอหันไปมองก็พบกับสายตาของพี่ชายที่อยู่ห่างไม่ไกล โพรทาเลียรู้สึกว่าตัวเองซวยล่ะ ห่วงแต่แฟนลืมเข้าหาพวกพี่ ๆ ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งไปหาพวกเขา
“พี่ ๆ มาด้วยเหรอ~ น้องไม่อยากให้พี่มาเลยนะ” โพรทาเลียทำหน้าออดอ้อนอย่างเป็นห่วงพี่ทั้งสามคน
“เหรออออออ” ทั้งสามคนต่างลากเสียงยาวพร้อมกัน
“ดูน้ำเสียงไม่เชื่อโพรหรือไง?”
“โธ่ ๆ พวกพี่เชื่อ แต่น่าเสียใจที่น้องห่วงผู้มากกว่าพี่!!”
“อึ้ก!!” โพรทาเลียมองพี่ชายคนโตที่พูดแบบนั้น “อย่าพูดแบบนั้นสิ!”
“ก็น่าคิดนะ พี่เล่นถามหาพี่ฟีนีอุสก่อนเลยนี่น่า” โฟกัสเอ่ยเสริมขึ้นมา
โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็แอบพองแก้มอย่างงอน ๆ ทำไงได้เธอห่วงว่างอีกฝ่ายนั้นจะออกมาทำภารกิจโดยไม่ห่วงลูกเลย เพราะเธออยู่ฝั่งนี้แล้วคงไม่ต้องมาห่วงอะไร เธอมองทุกคนที่กำลังเตรียมอุปกรณ์และแต่งกายเต็มยศ เธอรู้สึกว่าสงครามกำลังมาจริง ๆ แล้วที่นี่กำลังจะนองไปด้วยเลือดของผู้คน เธอกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่นั้นผู้หยั่งรู้ก็เดินตรงมาทางเธอจนทุกคนหันไปมอง โพรทาเลียก็หันไปมองเช่นกันก่อนจะโดยเอ่ยชวน
“ขอเวลาคุยด้วยหน่อยสิ”
“ค่ะ...”
โพรทาเลียเดินตามอีกฝ่ายห่างจากจุดที่อยู่ตอนนี้ทุกคนกำลังเตรียมตัวสำหรับการโจมตีอีกรอบที่ไม่มีการเคลื่อนไหวทำให้สงสัยว่าฝ่ายตรงข้ามรออะไร โพรทาเลียหยุดเดินเมื่อผู้หยั่งรู้หยุดเดินในหัวของโพรทาเลียก็มีคำถามหนึ่งเอ่ยออกไป
“คุณรู้ทุกอย่างใช่ไหม?”
“ฉันไม่สามารถพูดอะไรได้เยอะนะ แต่ก็รู้ในบางเรื่องนะ”
“’ งั้นเหรอ...น้องหนูบอกว่าตอนที่เราย้อนไปในอดีตคุณได้ช่วยเธอไว้ ขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ น้องเธอทำให้ฉันสนุกดี แต่เสียดายที่เธอไม่อยู่ด้วยนะ อาจจะสนุกกว่านี้ก็ได้นะ”
“เหอะ ๆ อย่าดีกว่า หนูอาจจะทำให้เรื่องวุ่นกว่านี้ก็ได้”
“ก็จริงนะ”
ทั้งสองหัวเราะออกมากพร้อมกับนี่คงเป็นครั้งแรกที่โพรทาเลียได้คุยกับหญิงสาวตรงหน้าอย่างตรง ๆ แต่เธอรู้สึกประมาทหน่อย ๆ
“เธออยากถามอะไรฉันใช่ไหม?”
“อ๊ะ...เอ่อ...ที่ฮาลอนพูดว่านางกำลังมา...หมายถึงคุณใช่ไหม?”
“ใช่จ้า”
“ทำไมเขาบอกว่าคุณกำลังมา แล้วคุณมาทำไม?”
“ฉันต้องการคุยกับเธอและน้องสาวจ๊ะ”
“อ๊ะ...”
โพรทาเลียได้ยินแบบนั้นก็หันไปหาน้องสาวที่กำลังใช้ชุดเกราะอยู่กับพี่ ๆ ที่ช่วยกันตรวจสอบความปลอดให้เธออยู่นั้น โฟกัสรู้สึกว่าเหมือนมีคนกำลังมองเธอนั้นทำให้เธอหันไปมองก็เห็นพี่สาวกำลังกวักมือเรียก เธอก็ก้าวขาเดินตรงไปหาพอทั้งสองคนอยู่กันครบเรเชลก็พาทั้งสองคนออกจากตรงนี้ปล่อยให้เหล่าเทพและมนุษย์กึ่งเทพคนอื่น ๆ เฝ้าดูสถานการณ์ที่ยังไม่เริ่ม พวกเขากำลังเดินตรงไปยังสถาปัตยกรรมแห่งหนึ่งที่ด้านหน้ามีตราของอะพอลโลอยู่ด้านหน้าก็ทำให้สงสัยว่าที่นี่คืออะไร ก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างในก็เห็นภาพจิตรกรรมตามฝาผนังอันหลากหลายอยู่ภายใน พวกเธอเห็นบางอันที่คุ้นเคยในโลกมนุษย์ ภาพเฮอร์คิวลิสต่อสู้กับสิงโตนีเมียน ภาพเพอร์ซีอุสกำลังถือหัวของเมดูซ่าและภาพของลูกมนุษย์กึ่งเทพคนอื่น ๆ อีกมากมายจนมาถึงภาพที่รู้สึกคุ้นเคย ภาพของอดีตชาติแต่ละคนของเธอและน้องสาว
“ที่นี่...คือ...”
“ภาพจิตรกรรมพวกนี้คือสิ่งจารึกว่ามีมนุษย์กึ่งเทพมากมายที่เคยกอบกู้โลกมากมาย พอ ๆ กับตัวของพวกเธอแต่ละคนที่เคยมีชื่อเสียงในหลายด้านที่จะถูกจารึกลงที่นี่”
“น่าตกใจนะคะ...”
โฟกัสมองภาพต่าง ๆ ของอดีตชาติของตนเองแต่ละคน ทุกคนต่างพากันออกมามองภาพจิตรกรรมของตนเอง ไม่คิดว่าสถานที่นี่จะมีภาพของพวกเขาถูกจารึกไว้เช่นกัน โพรทาเลียก็มองภาพอดีตชาติของตนเอง ทุกคนมีวีรกรรมที่ตนเองสร้างขึ้นให้ตนเองมีชื่อเสียง แต่ก็ตกลงเพราะชายคนหนึ่งตลอด
“ถ้าตอนนั้นเราไม่โดนแซเทิร์นหลอกใช้พี่ชายป่านนี้ตัวข้าคงมีอะไรมากกว่านี้” ฮาลอนกล่าวในร่างเล็ก เขากำลังนั่งอยู่บนหัวของร่างจุติ
โพรทาเลียได้ยินเสียงก็ใช้สายตามองบนว่าอีกฝ่ายนั้นอยู่บนหัวเธออย่างไม่เกรงใจ แต่เธอก็ไม่ถืออะไร
“มีแค่นี้ก็ถือว่าเก่งแล้วนะ...ตอนนั้นเจ้าอายุเท่าไหร่เอง”
“สำหรับเด็กคนหนึ่งมันก็แค่ไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น...ข้าทำให้พวกอสุรกายอย่างพวกฮาร์ปี้สงบได้เลยนะ...ตอนนั้นโคตรสนุก!”
“อืม...”
โพรทาเลียพยักหน้าเบา ๆ ก่อนที่จะคิดว่าอีกฝ่ายพาพวกเรามาที่นี่ทำไมกัน ก่อนที่เธอจะหันหน้าไปหาอีกฝ่าย
“ถ้าเธอจะถามเรื่องที่กำลังคิดจงตามเรามา เราเรียกทั้งสองมาเพื่อดูสิ่งนี้นั้นล่ะ”
“เอ๊ะ?”
ทั้งสองคนเดินตามอีกฝ่ายไปยังเส้นทางที่ไกลพอตัวมันเหมือนกำลังเข้าไปลึกเรื่อย ๆ จนมาถึงปลายทางที่มีผนังสีดำไม่มีอะไรเลยนอกจากตัวอักษรตรงกลาง ตัวอักษรสีทองถูกเขียนเหมือนคำพยากรณ์ โพรทาเลียจ้องมองก่อนจะอ่านข้อความนั้นในใจ
‘เมื่อยามสุริยันสว่างจ้า สายเลือดอันแข็งแกร่งจะบังเกิด
แต่หารู้ว่าความมืดนั้นกำลัง เข้าหาสายเลือดอันแข็งแกร่ง
จากหนึ่งต้องพลัดพราก อีกหนึ่งต้องโศกเศร้า
เมื่อยามใดต้องกลับมา จงหลอมรวมพลังแห่งเทพ
จงสรรค์สร้างแสนยานุภาพอันทรงพลัง นำมาซึ่งชัยชนะหรือพังพินาศโลกนี้’
ดวงตาของโพรทาเลียเบิกกว้างขึ้นจนดวงตาสีเขียวหดลงด้วยความตกใจที่เห็นข้อความบนผนัง ก่อนที่โฟกัสจะเอ่ยพูดขึ้น
“คำพยากรณ์นี่มัน...”
“คำพยากรณ์ที่แองเจิลเคยบอกพวกเรา...ไม่ได้ยินนานแล้วนะ”
“แปลว่าพวกเธอคงไม่ลืมว่าตัวเองต้องทำอะไรนะ?”
“ประโยคสุดท้ายนะ...ลืมไปนานแล้วนะ...” โพรทาเลียบอกตรง ๆ เพราะว่าเธอลืมคำพยากรณ์นี้ไปนานแล้ว
“โพรทาเลีย” เรเชลกอดอกมองอีกฝ่ายที่พูดแบบนั้น
“ทำไงได้ล่ะ...มีแต่เรื่องจนหนูลืมไปหมดแล้วนะ...”
“งั้นพวกเธอรู้ว่าหลังจากนี้ต้องทำอะไร พวกเธอมีเวลาแค่ 30 นาทีที่ต้องสร้างแสนยานุภาพหรืออีกคำเรียก ศาสตราวุธ”
“เดียว!! 30 นาทีเหรอ!?”
“จะบ้าหรือไง!? เวลาแค่นั้นไม่มีทางทันแน่ ๆ”
“ก็ต้องทันล่ะนะ ไม่งั้น...ทุกอย่างอาจจะพังพินาศได้ตามคำพยากรณ์”
“เวลาแบบนี้เนี่ยนะ? พี่ค่ะ...” โฟกัสหันไปมองพี่สาว
โพรทาเลียรู้สึกข้างในคอมันรู้สึกฝืดไปหมด ก่อนจะเอ่ยถามต่อ “ที่กล่าวมาว่า30 นาทีนี้...หมายถึงตอนนี้เลยหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่ หมายถึงหลังจากพวกเธอเริ่มสร้างมีเวลาที่ต้องเสร็จภายใน 30 นาที!!”
ทั้งสองคนได้ยินก็ยิ่งครุ่นคิดว่าเวลาแค่สามสิบนาทีจะสร้างอะไรได้ ทุกอย่างต้องพิถีพิถันทุกครั้งตอน โฟกัสไม่รู้ว่าควรทำยังไงเธอหันไปมองพี่สาวที่มีสีหน้าตึงเครียดไปหมด เพราะขั้นตอนต่าง ๆ ไม่ได้ยุ่งยากอะไร แต่ว่าขอที่จะนำมาตีต่างหาก ต้องใช้อะไรต้องใช้สิ่งที่ดีแค่ไหนต้องเป็นเหล็กกล้าหรือทองสัมฤทธิ์ ในหัวตอนนี้ของโพรทาเลียกับมีความคิดที่คล้ายกับเซเรน่าที่กำลังครุ่นคิดว่าจะทำยังไงกับข้อนี้ พวกอดีตชาติแต่ละคนไม่ได้รับมอบหมายให้รู้ถึงบทต่อไปหลังบททดสอบของพวกเขา แต่เหมือนมีบางคนที่รู้อย่างฮาลอน
“นี่นายจะไม่บอกฉันเลยเหรอ?”
“ขอโทษนะ...การสร้างศาสตราวุธของเจ้าก็เหมือนบททดสอบของข้า ถ้าเจ้าทำได้เราก็รอดจากภัยนี้”
“ขอให้จริงเถอะ!!”
“ทำไมไม่เชื่อฉันหรือไง!?”
“ตอนนี้นายไม่น่าเชื่อถือเยอะเลยล่ะ!!”
“อ้าว!? นี่เจ้า!!”
“ก็บอกมาสิว่าศาสตราวุธนี่ว่านี่ต้องทำไงนะ!!”
“ข้าบอกแล้วมันจะเป็นปริศนาหรือไง!?”
ทั้งสองคนตะโกนใส่กันจนฮาลอนที่ตัวจิ๋วเอาหน้ามาจนกับจมูกของโพรทาเลีย ตัวเธอก็ไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายไม่บอกใบ้อะไรให้สักอย่างจนกระทั่งคนอื่น ๆ ในร่างตัวจิ๋วต้องออกมาห้ามจน เรเชลหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยพูดบางอย่างออกมาเป็นคำใบ้
“สิ่งที่ต้องหลอมรวมอยู่กับพวกเธอทุกครั้งหลังจบบททดสอบแล้วไม่ใช่หรือไง?”
“หือ?”
โพรทาเลียทวนประโยคอีกฝ่ายในหัวระยะหนึ่งก่อนจะนึกบางอย่างได้จนเธอยกยิ้มออกมาจนเห็นรอยย่นข้างแก้มที่แสดงสีหน้าที่บอกว่าตัวเองรู้แล้วว่าสิ่งไหนต้องนำมาสร้างศาสตราวุธ เธอหันไปหาน้องสาวทันที
“โฟกัส!! ตามพี่มาเร็ว!”
“เอ๊ะ!? เราจะไปไหน!?”
“ไปสร้างศาสตราวุธไง! ขอบคุณมากค่ะ!! คุณเรเชล!!”
เรเชลยกยิ้มอย่างดีใจที่อีกฝ่ายนั้นคิดได้ว่าสิ่งใดที่ตนเองนั้นจะนำไปใช้สร้างศาสตราวุธทำร้ายแซเทิร์น แต่เธอก็แอบความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยพูดออกมา
“ขอให้เธอผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปได้นะ โพรทาเลีย...เพราะเธอจะสูญเสียบางอย่างที่เกินกว่าที่ตัวเธอจะคาดคิดเสียอีก...”
ทางด้านโคลอสเซียมเหล่ามนุษย์กึ่งเทพเตรียมชุดกำลังพลกันเรียบร้อย กองกำลังมีไม่กี่พันนายกำลังจ้องมองพวกฝ่ายศัตรูที่เอาแต่อยู่นิ่งไปขยับไปไหน ทำให้พวกเขาสงสัยว่าฝั่งนั้นต้องการอะไรถึงไม่ทำอะไรหลังจากโจมตีครั้งแรก ยิ่งเพอร์ซีย์จ้องมองอย่างสงสัย ชายที่พรากทุกอย่างในชีวิตของลูกสาวเขาไป ตอนนี้กับอยู่เฉย ๆ ไม่ขยับไปไหนเหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง ทางด้านซุสก็ออกคำสั่งเหล่าเทพให้พวกมนุษย์กึ่งเทพปกป้องเขาโอลิมปัส พวกเจสันเห็นสภาพของซุสที่สะบักสะบอมยิ่งกว่าอะไรทำให้สงสัยว่าก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขารอจบเรื่องนี้ค่อยถามหัวหน้าของพวกเขาดีกว่า เจสันเดินมาอยู่ข้างกายเพอร์ซีย์
“แล้วเราจะเอาไงต่อ? เจ้านั้นดูไม่ขยับอะไรเลยนะ? เพอร์ซีย์”
“ฉันก็กำลังคิดเหมือนกัน...ว่ามันกำลังรออะไร?” เพอร์ซีย์มองกอดอกอยู่ด้านหน้าโคลอสเซียม
"เพื่ออะไร พวกเราอยู่จนเตรียมตัวเสร็จแบบนี้เนี่ยนะ?"
“หรือว่าพวกเราอยู่ในตำแหน่งที่มันโจมตีได้ง่ายกัน?” แคลรีสเดินออกมามองเธอพิงขอบประตูอย่างสงสัย
“ก็อาจจะมีส่วน...แต่พวกเทพบอกให้ตั้งได้แค่ที่นี่เท่านั้น”
“ชิ...แต่ว่า...พ่อฉันทำไมถึงมีสภาพแบบนั้นกัน?”
“รอจบเรื่องนี้ฉันจะเราให้ฟังละกัน...ตลกดีล่ะนะ”
“ตลก!? นายหมายความว่าไง?” แคลรีสมีความสงสัยทันทีว่าพ่อของตนเองเป็นอะไร
“ก็...”
“ข้าว่าเจ้าช่วยเงียบปากหน่อยละกัน บุตรโพไซดอน!!”
ทุกคนต่างหันไปมองก็เห็นชายที่พวกเขากำลังพูดถึงเดินมาอยู่ด้านหลังพร้อมกับกอดอกมอง
“เรื่องเมื่อกี้ทั้งหมดช่วยปิดปากเงียบหน่อยก็ดี ก่อนที่ชีวิตเจ้าจะจบตรงนี้!!”
ทุกคนที่ได้ยินรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังข่มขู่เพอร์ซีย์อยู่ ทำให้เจ้าตัวรู้สึกว่าอีกฝ่ายคงจะอับอายที่เรื่องของตนเองนั้นจะไปถึงหูลูกคนอื่น ๆ ว่าตัวเองสะบักสะบอมได้เพราะใคร
“ตามใจท่าน ผมจะปิดปากเงียบอย่างดี แต่ดีนะที่มีแค่ครอบครัวผมสามคนที่รู้เรื่องนี้นะ!” เพอร์ซีย์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทำเอาแอรีสไม่ชอบใจที่มีตัวซวยรู้เรื่องการต่อสู้เมื่อกี้อยู่สามคนกับเทพอีกหลายตนที่เห็นเขานั้นยอมไม่ต่อสู้กับคนที่ทุกคนรู้จัก เขาคิดเลยว่าอีกฝ่ายหลายปีหลังจากนี้คงโดนแซวแน่ ๆ
“เอาน่า ๆ ทุกคนอย่างตึงเครียดดีกว่านะ”
อีกเสียงกำลังเดินตรงมานั้นทุกคนต่างหันไปมองอะพอลโลที่กำลังเดินตรงมาพวกเขา ลีโอเห็นอีกฝ่ายในร่างนี้ก็รู้สึกประหลาดใจที่อีกฝ่ายนั้นไม่ได้อยู่ในร่างชายรูปงามแต่เป็นตัวตนที่คล้ายกับชายหนุ่มเมื่อหลายปีก่อนที่ตัวเขานั้นโดนซุสร่ายคำสาปให้ตกลงมาที่โลกมนุษย์ แต่ร่างนี้ดูเป็นผู้ใหญ่และดูธรรมดาว่าร่างตน แอรีสยกคิ้วมองอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายนั้นอยู่ในร่างแปลงกายทำไม ก่อนที่ลีโอจะเดินออกมาหาอีกฝ่าย
“อ๊า!! เลสเตอร์!!”
“ไง เพื่อน!” อะพอลโลทักทายอีกฝ่ายที่เข้ามาหาพร้อมกับตบมือกันและกอดกันอย่างสนิท
“ไม่คิดว่าท่านจะมาอยู่ร่างนี้อีกนะ!”
“แหม ๆ ร่างไหน ๆ ของเราก็ต้องมีความสง่างามของมันอยู่แล้ว~ ไม่เหมือนเจ้านี่ ดูสิกล้ามใหญ่เกินไปหรือเปล่า?”
“หุ่นฉันอย่างงี้ดีแล้ว!! เป็นหุ่นที่สามารถปกป้องภรรยาของฉันได้นะ!!”
“เหรอ!? ข้าจำได้เลยล่ะนะ ตอนนั้นเราสะบักสะบอมกันสุด ๆ แต่เมียนายยังบาดเจ็บอีก พวกเรานี่เกือบเอาตัวไม่รอดเลยล่ะนะ”
“ถ้าตอนนั้นคุณไม่โดนลงโทษ ป่านนั้นคงช่วยพวกเราจากภัยอันตรายแล้วล่ะ”
“เงียบไปเลย!! ตอนนั้นข้าโดนซุสลงโทษอยู่นะ!!!”
“ใช่! เป็นเทพที่ไร้ประโยชน์มากเลยตอนนั้น”
“นี่นายเป็นเพื่อนข้าแน่ไหมเนี่ย?” อะพอลโลจ้องมองอีกฝ่ายที่พูดแบบนั้นเหมือนเหน็บแนบเขาชอบกล
“เป็นสิ แต่ตอนนั้นท่านตลกน่าดู สภาพพอ ๆ กับแอรีสตอนนี้”
“ไงเอาข้าเข้าไปเกี่ยวกันเจ้าลูกมนุษย์กึ่งเทพ”
“ก็มันเหมือนกันนี่นานะ~”
“ว่าไงนะ!?”
แอรีสยกคิ้วมองอย่างเคืองทั้งสองกำลังกอดอกมองหน้ากันอย่างไม่ชอบใจก็ปกติของสายเลือดแอรีสกับเฮเฟตัสถึงพวกเขาจะเป็นพี่น้องกัน แต่พ่อของลีโอประกาศสงครามกับแอรีสไปแล้วว่าตนเองนั้นจะเล่นงานแอรีสทุกวิถีทางที่มายุ่งกับของของเขาเช่น ภรรยาของเขา อะโฟร์ไดต์ นั้นเองที่ใคร ๆ ก็รู้ว่านางกำลังคบชู้กับแอรีสและชายหลายคนบนโลกนั้นล่ะ เฮเฟตัสเลยไม่ชอบใจเท่าไหร่
“พวกเจ้าช่วยหลบทางเข้าหน่อยได้ไหม!?” ชายร่างสูงเอ่ยขอทางทุกคนที่กำลังยืนบังทางเข้าโคลอสเซียมกันอย่างไม่สนใจอะไร
ทุกคนหันไปมองก็ตกใจที่เห็นร่างกำยำกำลังแบกเหล็กจะเข้าข้างใน พวกเขาต่างพากันหลบ ทุกคนมองชายร่างสูงร่างกำยำเกือบเท่าแอรีส ใบหน้าคมเข้มเหมือนคนโดนแดดเผาเหมือนลีโอ ทุกคนกำลังสงสัยว่าชายคนนี้เป็นใครหรือว่าเป็นเทพที่พวกเขาไม่รู้จักกัน ก่อนที่ชายคนนั้นจะมาอยู่ข้าง ๆ ลีโอ
“เจ้ามาช่วยข้าหน่อย ลูกข้า”
“เอ๊ะ!?” ลีโอได้ยินอีกฝ่ายเรียกตนว่าลูกก็ตกตะลึงชั่วขณะ “ลูก? ห๊า!? พ่อเหรอ!?”
“ตามมาเรียกคนอื่น ๆ มาด้วย เราต้องสร้างอาวุธอีกเยอะ!!”
“ครับ!!”
ลีโอขานตอบอีกฝ่ายก่อนจะหันไปมองทุกคนว่าพ่อเขานั้นมีรูปร่างอย่างงั้นเหรอ ทุกคนต่างส่ายหน้ากันเบา ๆ เพราะพวกเขานั้นไม่เคยเห็น เฮเฟตัสเดินเข้าไปข้างในก็ทำให้เทพีตนหนึ่งจ้องมองอย่างโหยหา แต่ตัวเขามองนางอย่างไม่ไยดี เพราะนางพังความรักของเขาไปเยอะก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปยังโรงตีของตนเองที่ก่อสร้างขึ้นมาใหม่ ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจ
“เฮเฟตัส!!”
ทุกคนรู้สึกว่าสถานการณ์ที่นี่มีแต่อะไรที่แปลกประหลาดไปหมดทุกคนก็หันกลับมาพูดคุยถึงเรื่องการตั้งรับการโจมตีที่จะมาได้ทุกเมื่อ พวกเขามีไม่กี่ร้อยคนยังไม่ถึงพันพอ ๆ กับฝั่งตรงข้ามที่มีแค่ไม่กี่สิบกว่าคน ทำให้รู้สึกว่าดูน้อยมาก ๆ จนน่าสงสัย ระหว่างที่พวกเขากำลังวิเคราะห์สถานการณ์ สายตาของเพอร์ซีย์เห็นลูกสาวทั้งสองของตนที่กำลังวิ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว เขากำลังคิดเลยว่าลูกสาวทั้งสองหายไปไหน
แซเทิร์นที่รอเวลามาเนิ่นนาน เขาเห็นเด็กสาวที่เขากำลังตามหาร่างกายอันเปราะบางจนสามารถหันได้ทุกครั้งที่เขาขยับ กลิ่นอาย เสียงกรีดร้องที่เขาอยากสัมผัสมันอีกครั้ง เขาอยากจับนางมากระชากให้พ่อมันเห็นว่าเขานั้นสามารถฆ่าลูกของชายที่พังแผนการทุกอย่างของเขามาตลอด แต่ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่คิดอยากจะได้เด็กสาวคนนั้น แต่ลูกชายของเขาก็ต้องการแบบนั้นจนเขาอยากลักพาตัวอีกฝ่ายกลับ แต่อีกฝ่ายน่าจะอยู่ในนรกทาร์ทารัสไปแล้ว แต่ทำไมถึงมาอยู่ที่แห่งนี้อีกได้
“ท่านพ่อ...ข้าอยากได้นาง...”
“เงียบปากไป!! วากาเน็ท” แซเทิร์นกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ถ้าไม่ใช่เจ้าทำงานไม่สำเร็จอีก ข้าจะขังเจ้าไปให้เห็นแสงตะวันอีก!!”
“ข้าพลาดครั้งเดียว ข้าจะฆ่าพวกทวยเทพนั้นให้หมด!!”
“ทำเป็นพูด!!” แซเทิร์นจ้องอยู่ไม่นานก็ยกมือขึ้นทันใด “เตรียมตัว!!”
เหล่าสมุนของพวกมันต่างทำตามคำสั่งพวกมันสั่งม้าเพกาซัสที่ทำจากสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ยกสิ่งของบางอย่างขึ้นมา สิ่งนั้นคล้ายปืนใหญ่อันมโหฬารกำลังถูกยกขึ้นมาเชิดชูให้ผู้คนในเขาโอลิมปัสเห็น ทุกคนต่างเห็นการเคลื่อนไหวนั้นก็ต่างมองกันอย่างตะลึงที่พวกนั้นกำลังจะโจมตีด้วยปืนใหญ่ที่น่าจะมีอนุภาคที่รุนแรงกว่าครั้งแรกแต่มีความผิดปกติบางอย่างที่เพอร์ซีย์รับรู้ ทิศของมันไม่ได้ตรงทางพวกเขาแต่ไปยังทิศที่เขานั้นคาดไม่ถึงเขาหันไปตามทิศที่พวกมันจะโจมตี ดวงตาเขาก็เปิดกว้างเพราะทิศนั้นลูกสาวทั้งสองคนของเขากำลังวิ่งมานั้นทำให้หัวใจของเพอร์ซีย์กำลังสูบฉีดอย่างรุนแรง
“โพร!! โฟกัส!! รีบวิ่ง!!”
โพรทาเลียที่กำลังวิ่งตรงไปข้างหน้าได้ยินเสียงตะโกนของพ่อก็เงยหน้ามอง เห็นพวกผู้ใหญ่กำลังทำท่าทางให้พวกเธอรีบวิ่งกัน แต่ไม่ทันได้ทำอะไรเสียงกลไกของการระเบิดก็ดังขึ้น เสียงที่กำลังพุ่งตรงมาปะทะกับบาเรียป้องกันเขาโอลิมปัสอย่างรุนแรง ทุกคนต่างรีบปิดหูของตนเองกัน โพรทาเลียรีบเข้าไปปิดหูของน้องสาว เสียงมันดังจนรู้สึกอื้อไปหมด แต่การโจมตีไม่ใช่ครั้งเดียวมันกำลังโจมตีอย่างต่อเนื่อง เพอร์ซีย์พยายามวิ่งไปหาลูกสาวทั้งสองของเขา แล้วรีบพาทั้งสองคนกลับไปยังโคลอสเซียมอย่างรวดเร็ว
การโจมตีอันรุนแรงนั้นทำให้บาเรียเริ่มมีรอยร้าวมากกว่าเดิม อะพอลโลเห็นแบบนั้นเขาชวนลูก ๆ ของตนเองขึ้นไปอยู่จุดบนที่สูงพอที่จะจัดการกับฝ่ายศัตรูได้ เขาพาลูก ๆ ของตนเองมาจุดสูงที่สุดก่อนจะเตรียมตัวการโจมตี ทุกคนต่างหยิบคันธนูของตนเองพร้อมเตรียมตั้งท่ายิง อะพอลโลยกคันธนูขึ้นสูงเหนือหัวให้ได้ทิศทางที่จะตกลงสู่ฝ่ายศัตรู ลูก ๆ ต่างทำเหมือนกันทุกคนต่างพากันง้างคันธนูพร้อมยิงก่อนที่อะพอลโลจะตะโกนดังสุดเสียงของเขา
“ยิง!!”
ลูกศรถูกปล่อยออกไปอย่างว่องไว ทิศทางพุ่งสูงแล้วตกลงไปยังทิศที่ฝ่ายศัตรูกำลังลอยอยู่ แซเทิร์นเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นลูกศรไม้กำลังตกลงมา แต่ทว่ามีลูกธศรอันหนึ่งแตกตัวออกเป็นสีทองทำให้เขารีบป้องกันการโจมตีนั้น พวกปีศาจที่หาที่หลบไม่ทันต่างพากันโดนโจมตีกันอย่างง่ายดายและตกลงจากหลังม้ากัน พวกอะพอลโลต่างยิ้มอย่างยิ่งดี ก่อนที่พวกเขาจะโจมตีต่อ ทางทิศโคลอสเซียมทางบ้านเฮเฟตัสแต่ละคนต่างหยิบอาวุธขนาดใหญ่ของตนเองออกมาเตรียมใส่เชื้อเพลิงแล้วเตรียมตั้งท่าโจมตี ทุกคนกำลังต่อสู้กันอย่างมุ่งมั่น
ทางด้านโพรทาเลียดูสถานการณ์หลังจากที่พ่อช่วยพวกเธอมายังโคลอสเซียมเธอถามหาเฮเฟตัสว่าอยู่ไหน เพอร์ซีย์ก็บอกว่าเขาอยู่ข้างในโคลอสเซียมในโรงตีเหล็กที่กำลังตีเหล็กและอาวุธออกมาอยู่ในตอนนี้ โพรทาเลียเห็นแบบนั้นก็รีบพุ่งตัวเข้าไปข้างใน เพอร์ซีย์จะห้ามแต่ทว่าเสียงคล้ายกระจกแตกก็ดังขึ้นมาทุกคนต่างหันไปมองบาเรียที่ปกป้องเขาโอลิมปัสแตกอย่างง่ายดาย พวกเทพที่เห็นแบบนั้นต่างพากันเตรียมตัวพวกเขาเคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาเยอะถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องต่อสู้ เพอร์ซีย์เห็นแบบนั้นเขายกมือขึ้นมาตรีศูลขนาดใหญ่ก็ปรากฏกายออกมา เจสันมายืนอยู่ข้าง ๆ เขาดีดเหรียญของตนเองแล้วกลายเป็นดาบยาวที่ทำจากทองสัมฤทธิ์
“ครั้งนี้...จะต้องจบ...”
“ใช่...ทุกอย่างมันจะต้องจบ...แต่จบได้จริงงั้นเหรอ? ถ้าเรายังอยู่...?”
“ท่าจะยากนะ เพื่อน!”
“ก็จริงนะ มาต่อสู้กันให้ตายไปเลย!!”
เพอร์ซีย์วิ่งออกไปตรงสู่การต่อสู้ที่กำลังมาเขาไม่รู้ว่าลูกสาวจะทำอะไร แต่เขาจะถ่วงเวลาให้จนกว่าการต่อสู้ของลูกจะเป็นคิวทันไป
จบตอนที่ 135 โปรดติดตามตอนที่ 136 ต่อไป