ถ้าหมอนข้างน้องกระต่ายขาดแบบนี้ คืนนี้จะนอนกอดอะไรล่ะ คุณช่างซ่อมตุ๊กตา... เอ๋ ทำไมถึงได้น่ารักจังเลยนะ?

ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี - ตอนที่ 20 หมีเติมใจ [จบ] โดย ดังใจ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,feel good,slice of life,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

feel good,slice of life,#BL

รายละเอียด

ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี โดย ดังใจ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ถ้าหมอนข้างน้องกระต่ายขาดแบบนี้ คืนนี้จะนอนกอดอะไรล่ะ คุณช่างซ่อมตุ๊กตา... เอ๋ ทำไมถึงได้น่ารักจังเลยนะ?

ผู้แต่ง

ดังใจ

เรื่องย่อ

สารบัญ

ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 1 หมีทำขาด,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 2 หมีพร่ำเพ้อ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 3 หมีให้นะ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 4 หมีว้าวุ่น,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 5 หมีตัวดื้อ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 6 หมีเปิดเผย,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 7 หมีออกงาน,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 8 หมีอยากหล่อ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 9 หมีก็เขิน,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 10 หมีเป็นห่วง,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 11 หมีเฝ้าไข้,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 12 หมีปลอบใจ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 13 หมีเร่งรีบ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 14 หมีโดนแซว,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 15 หมีมีจุ๋น,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 16 หมีประกาศ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 17 หมีรับมือ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 18 หมีรับฟัง,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 19 หมีออกเดท,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 20 หมีเติมใจ [จบ]

เนื้อหา

ตอนที่ 20 หมีเติมใจ [จบ]



เข้าหน้าฝนอย่างเป็นทางการแล้ว…


เมฆครึ้มกับฝนที่ตกพรำๆ ทำให้รู้สึกเป็นลางไม่ดียังไงก็ไม่รู้ แม้จะคิดอย่างนั้นแต่หมีก็ยังขนของขึ้นรถอย่างแข็งขัน เป็นวันนี้แล้วที่เขาจะได้ไปออกบูธอีกครั้ง ทั้งที่เป็นกิจวัตรแสนธรรมดา แต่ก็ยอมรับว่าตื่นเต้นกว่าทุกครั้ง


“ไม่ลืมอะไรใช่มั้ยหมี”


“อื้ม ครบแล้ว”


หมีขีดฆ่าจำนวนสินค้าและสิ่งของจำเป็นที่เขียนไว้บนกระดาษจนครบ จึงปิดท้ายรถของจุ๋นแล้วเดินไปนั่งที่ข้างคนขับ ซึ่งกลายเป็นที่นั่งประจำของเขามาได้สักพักแล้ว


เมื่อรถออกตัว ก็เข้าใกล้ความจริงเข้าไปทุกที หมีมองหน้าจุ๋นที่ขับรถไปร้องคลอเพลงที่เปิดจากวิทยุอย่างสบายใจ แล้วหันมองฟ้าจากกระจกหน้าอีกครั้ง


สายฝนไม่ได้ทำให้หม่นหมองอีกต่อไปแล้ว


อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดล่ะนะ


ปกติแล้วนักวาดส่วนใหญ่เป็นอินโทรเวิร์ต และถึงแม้ว่าคนเป็นอินโทรเวิร์ตจะไม่ได้เป็นคนโสดเสมอไป แต่ใช่ นักวาดส่วนใหญ่ที่หมีรู้จักนั้นโสด ทำให้มีหลายสายตาจับจ้องยามทั้งสองเดินเข้าสถานที่จัดงาน บ้างก็อมยิ้มแซวแทนคำทักทายปกติ


“มีใครทำน้ำตาลหกแถวนี้ปะเนี่ย”


น้องชายนักวาดการ์ตูนคนหนึ่งเดินมาแซวทันทีที่ทั้งสองคนเดินมาถึงบูธ คนนี้ก็เป็นนักวาดสายบู๊เหมือนกัน รู้จักกันมานานจนหมีสามารถเตะขาอีกฝ่ายไปพร้อมหัวเราะได้


“จัดเสร็จแล้วเหรอถึงมากวน”


“อีกตั้งนานกว่างานจะเริ่ม หวัดดีครับพี่” เขายกมือสวัสดีจุ๋นอย่างสุภาพขัดกับการหยอกล้อกับหมีเมื่อครู่ ยังไงซะก็เป็นคนขี้อาย ถึงจะกล้าแซวพี่ชายคนสนิทแต่ก็เกร็งกับผู้มาใหม่อยู่ดี


“หวัดดีครับ เราใช่คนที่วาดชิวาว่าปะ”


“ใช่ครับ รู้จักด้วยเหรอ”


พอพูดถึงผลงานของอีกฝ่ายที่เป็นเนื้อเรื่องเกี่ยวกับชิวาว่าตัวจิ๋วผู้ถือว่าตัวเองเป็นฮีโร่ประจำเมือง การสนทนาก็ไหลลื่น แล้วจะไม่ให้หมีชมอยู่เสมอว่าจุ๋นน่ารักได้ยังไง ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้เพียงแค่เข้ามาสู่โลกของเขาเพียงแค่การ์ตูนของเขาเอง แต่ยังไปหาอ่านเรื่องของเพื่อนๆ นักวาดที่หมีเล่าให้ฟังด้วย


ถึงจะมาบ่นว่าหมีชอบหาการ์ตูนสนุกมาให้อ่าน จนตัวเองได้นอนดึกบ่อยๆ ก็เถอะ


“คุยนาน จัดบูธเสร็จยังล่ะน่ะ”


“เออว่ะ งั้นเดี๋ยวไปก่อน พี่จุ๋นอย่าลืมแวะมาเอาพวงกุญแจนะ”


พอเห็นจุ๋นตอบรับพร้อมโบกมือบ๊ายบายด้วยรอยยิ้มแบบนั้น ความรู้สึกแปลกๆ ก็ทิ่มเข้ามาในใจของหมีอีกแล้ว อันที่จริงความรู้สึกนั้นเข้ามาตั้งแต่เห็นสองคนเริ่มคุยกันคล่องแล้วนั่นแหละ


ก็จุ๋นอยู่กับเขาทุกวัน ถึงจะคุยกับเพื่อนบ้างแต่หมีก็ไม่เคยเห็นหน้าอีกฝ่าย แต่เมื่อกี้… ทั้งที่ทั้งสองคนคุยเรื่องการ์ตูนกันแท้ๆ …


“น้องเค้าคุยสนุกดีนะหมี”


“เหรอ”


หมีเรียงสินค้าเงียบๆ ขณะครุ่นคิดถึงความรู้สึกในใจนั้น อันที่จริง เขาไม่ใช่คนเป็นห่วงคนขนาดจะบอกให้อีกฝ่ายกลับไปจัดบูธเพราะกลัวไม่ทันเริ่มงานด้วยซ้ำ มันแน่ชัดแล้วว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร แต่ว่า จริงเหรอ?


“หึงเราเหรอ”


คนรู้ทันยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมอมยิ้ม ดูก็รู้แล้วว่าอยากแหย่เต็มที่ หมีเองก็ไม่ค่อยอยากจะยอมรับเท่าไรว่าอีกฝ่ายคิดถูกแล้ว เลยได้แต่ทำหน้านิ่งๆ


“เปล่านี่”


“แหนะ” จุ๋นยื่นมือไปจิ้มข้างแก้มคนปากแข็ง “ไม่หึงก็ยิ้มให้เราหน่อยดิ”


“อุ๊ย”


เสียงอุทานเมื่อครู่ไม่ใช่ของทั้งสองคน แต่เป็นสาวน้อยคนหนึ่งที่เพิ่งเดินมาเห็นภาพความหวานพอดี เธอสวัสดีทั้งสองคนพร้อมสายตาวิบวับ น่าเสียดายที่เธอเด็กกว่าหลายปีซ้ำยังเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่ได้สนิทขนาดนั้น หมีจึงเตะเธอเหมือนที่ทำกับน้องชายคนก่อนหน้าไม่ได้


“มาแซวอีกคนเหรอ”


“เปล่าค่ะ หนูเอาโดจินมาให้เฉยๆ แต่เห็นแล้วก็อยากแซวนะ” เธอพูดแล้วหัวเราะน้อยๆ ขณะยื่นโดจินเล่มบางให้ หน้าปกเด่นชัดว่าเป็นต้นกล้าXพายุ สองตัวละครของหมีนั่นเอง


“ไม่ยอมแพ้เลยนะ”


“แหงอยู่แล้ว หนูเป็นชิปเปอร์นี่นา แต่หนูเข้าใจนะว่าเรื่องจริงเป็นไง พี่หมีไม่ว่าใช่เปล่าคะ”


“ไม่ว่าหรอก พี่ไม่เคยว่านี่”


พอหมีเอ่ยพร้อมรอยยิ้มแบบนั้น เด็กสาวก็ยิ้มอย่างโล่งใจ ซึ่งอันที่จริงเธอไม่ต้องกังวลอะไรด้วยซ้ำ เพราะเป็นหมีเองที่ติดตามการ์ตูนของเธอ พอเห็นวาดโดจินก็ทักไปขอบคุณเพราะดีใจที่มีคนชอบงานของตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยมุมมองไหนก็ตาม


“แล้วก็ พี่…”


“จุ๋นครับ” จุ๋นแนะนำตัวเองเมื่อเด็กสาวดูจะยังไม่รู้ชื่อเขาและลังเลที่จะเรียก พอเธอได้ยินอย่างนั้นก็ทวนชื่อเรียกพี่จุ๋นเสียงใสก่อนจะหยิบของออกมาจากกระเป๋าใบใหญ่ ซึ่งจุ๋นก็สงสัยตั้งแต่ต้นแล้วว่าเธอพกมาทำไม


“แถ่นแท้น”


เจ้าไข่ตุ๋นในชุดสูทสีดำพร้อมแว่นกรอบหนาปรากฏตัวขึ้น ทั้งสองคนร้องเฮ้ยอย่างตกใจเมื่อไม่คิดว่าจะเห็นตุ๊กตาหัวแก้วหัวแหวนของพวกตนที่นี่ เพราะล็อตจากโรงงานยังไม่ได้ส่งออกไปเลย คนที่จะมีเจ้าไข่ตุ๋นนี่…


“นี่น้องเป็นหนึ่งในสิบคนแรกเหรอเนี่ย…”


จุ๋นพูดออกมาอย่างประทับใจ ถึงแม้ว่าจะลงแบบฟอร์มของทั้งแบบทำมือและโรงงานพร้อมกัน แต่แบบฟอร์มของทำมือก็เต็มก่อนที่จะมีคนกรอกของโรงงานด้วยซ้ำ ทำให้จุ๋นรู้ได้ทันทีว่าเธอคนนี้เป็นคนแรกๆ ที่สั่ง แม้แต่หมีเองก็อึ้งเพราะไม่คิดว่าคนใกล้ตัวจะสั่งตุ๊กตาของจุ๋นด้วย


“ใช่แล้วค่ะ เห็นพี่หมีลงปุ๊บหนูกดสั่งเลย”


“ทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่การ์ตูนของหมีน่ะนะ”


“ก็แหม ถึงหนูจะวาดออริบ้างแต่โดจินเรื่องพี่หมีก็สร้างงานสร้างอาชีพให้หนูเหมือนกัน เพราะงั้นพี่หมีจะขายอะไร ถ้าซื้อไหวก็ซื้อหมดแหละค่ะ ดูสิคะพี่จุ๋น น่ารักมั้ย”


“อื้อ น่ารักมาก” ตุ๊กตาที่หมีออกแบบก็น่ารักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บวกกับสูทที่แม่จ๋าตัด กับแว่นและวิกผมสีดำเข้าทรงที่น้องหามาเติมให้ ยิ่งทำให้ทั้งน่ารักและมีเอกลักษณ์มาก


“เจ้าของแบรนด์แอฟพรูพหนูก็พอใจค่ะ”


“แต่ว่า.. น้องรู้ใช่มั้ยครับว่าหมีเป็นคนออกแบบ”


“เอ๋?”


พอเห็นแววตาของเด็กสาวว่างเปล่าแล้วทั้งสองคนจึงตกใจไปด้วย ก็ในโปสเตอร์ที่จุ๋นทำเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าหมีเป็นคนออกแบบ ไม่คิดว่าจะมีคนไม่เห็น โดยเฉพาะแฟนคลับของหมี นั่นหมายความว่าเธอซื้อทั้งที่คิดว่าไม่ใช่ผลงานของหมีด้วยซ้ำอย่างนั้นสินะ ถึงจะตัดสินใจซื้อเพราะเห็นโพสจากหมี แต่จุ๋นก็ดีใจอยู่ดีที่มีคนตัดสินใจซื้อผลงานที่คิดว่าเป็นของเขาทั้งหมด


“น้องขายอะไรบ้างนะ เดี๋ยวพี่ไปซื้อหมดเลยครับ”


“จุ๋นใจเย็นนะ” หมีดึงแขนจุ๋นที่ทำท่าจะเดินเข้าไปใกล้เด็กสาวเบาๆ พร้อมหัวเราะออกมา ก็คงเพราะดีใจมากนั่นล่ะจุ๋นถึงได้อยากอุดหนุนอีกฝั่งกลับขนาดนี้


“เอ๊ะ ถ้าอย่างนั้น” เหมือนน้องจะคิดอะไรได้ จากแววตาว่างเปล่าจึงกลายเป็นซุกซนขึ้นมา มองหน้าจุ๋นทีหมีที “นี่ก็ธุรกิจครอบครัวรึเปล่าคะ”


ชะงักกันเลยทีเดียว จากที่เมื่อครู่ยังยิ้มกันอยู่ดีๆ และเป็นจุ๋นที่ได้สติก่อนจึงตอบชัดถ้อยชัดคำว่าใช่ครับ จนสาววายตัวน้อยยกมือขึ้นมากัดเพื่อสกัดกลั้นเสียงหวีดร้อง ไม่ต้องพูดถึงหมีเลย รายนั้นก็โดนแอทแทกด้วยคำสั้นๆ จนทั้งหน้าทั้งหูแดงไปหมด


“งั้นหนูไม่ขัดเวลาครอบครัวแล้วค่ะพี่ ถ้าจะมาที่บูธก็มาได้เสมอเลยนะคะ”


โบกมือลาเด็กสาวไปก็ได้เวลาจัดบูธที่เหลืออีกนิดต่อ แต่ก่อนหน้านั้น พอเห็นสีหน้าของหมีที่ขึ้นสีพร้อมรอยยิ้มแบบนั้น จุ๋นจึงเข้าไปควงแขน ถามคำถามที่จริงๆ หมีก็ลืมไปแล้ว


“ไม่หึงเราแล้วใช่มั้ย”


“ใครจะไปหึงจุ๋นได้ล่ะ” ก็เขาได้รับคำว่าครอบครัวมาแล้วนี่นา ครอบครัวเชียวนะ ต่อให้ใครมาคุยกับจุ๋นก็คงไปหึงไม่ได้แล้วล่ะ


เพื่อนร่วมสายงานออกไปไม่นาน ก็ถึงเวลาของความจริง เพราะตั้งแต่เปิดตัวนี่คนรู้จักสายผลิตด้วยกันนั้นไม่มีปัญหากับเพศสภาพของหมีอยู่แล้ว ทำให้ตั้งแต่เข้ามาในงานเขาก็ได้รับกำลังใจมากมาย


แต่ลูกค้านี่สิ…


เมื่อครู่นี้หมีก็เพิ่งสบตากับลูกค้าขาประจำคนหนึ่ง แค่วินาทีเดียวเท่านั้นอีกฝั่งก็เมินเหมือนไม่เห็นกัน เจอแบบนี้ มันก็เจ็บอยู่เหมือนกันนะ


ดีแล้วที่ชวนจุ๋นมาด้วย เพราะอย่างน้อยเวลารู้สึกไม่ดีขึ้นมาก็มีคนให้ยิ้มให้ คอยจับมือให้กำลังใจอยู่แบบนี้


“ไม่ซื้อต้นกล้าแล้วเหรอมึง”


“ไม่เอาว่ะ กลัวติดสายเหลือง”


คนที่เมินไปก็มี แต่คนที่พูดแบบนี้ก็มีเหมือนกัน เดินผ่านบูธแล้วพูดเสียงดังแบบจงใจให้คนเฝ้าได้ยิน ซึ่งแบบนี้… อืม.. ว่ากันตามตรงแล้วเจ็บน้อยกว่าเยอะเลย ก็เขาทำตัวแย่ใส่อย่างนี้ จะไปอาวรณ์ให้เขากลับมาอุดหนุนอีกทำไมกัน


โฟกัสกับคนที่ตั้งใจจะเข้ามาซื้อดีกว่า ก็พอมีบ้างที่เข้ามาซื้อการ์ตูน รวมถึงของกระจุกกระจิกด้วย หลายคนก็เป็นคนที่หมีไม่คุ้นหน้า และบอกว่ามาให้กำลังใจ ก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย


“เอ่อ…”


คนคุ้นหน้าเดินเข้ามาทำเอาหมีกลั้นหายใจ ก็คนนี้เป็นหนึ่งในคนที่บอกจะเลิกติดตามในเฟซบุ๊ก ไม่รู้เลยว่าที่มาหากันจะมีคำอะไรมาต่อว่าหรือเปล่า แต่ดูจากท่าทางก็ดูจะไม่ได้มีอะไร และหมีก็หวังว่าตนจะคิดถูก


“สวัสดีครับ”


“สวัสดีครับ ขอเล่ม8เล่มนึงนะครับ”


“เอ๊ะ.. คะ ครับ” ผิดคาดเสียจนน่าตกใจ แต่ได้ยินอย่างนั้นแล้วจึงรีบหยิบการ์ตูนใส่ถุงกระดาษสกรีนลายตัวละครสำหรับผู้ซื้อหนังสือการ์ตูนเท่านั้นแล้วยื่นให้


“แสกนจ่ายนะครับ”


“ครับ เชิญเลยครับ” หมียื่นป้ายQR Codeให้อีกฝ่ายแสกนได้ง่าย และเผลอพูดออกไปอีกว่า “ขอบคุณที่ยังกลับมาอุดหนุนนะครับ”


“ก็นะ..” คนตรงหน้าถอนหายใจเล็กน้อย “มาคิดดูดีๆ ยังไงผมก็อยากอ่านการ์ตูนของหมีต่อน่ะ ถึงพอมาเห็นจริงๆ แล้ว ผมก็ยังดูไม่ออกว่าพวกคุณรักกันยังไง ไม่เข้าใจเลย แต่มันก็คนละเรื่องกับการ์ตูนล่ะนะ”


“ครับ ยังไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่เปิดใจแล้วกลับมาคุยกันนี่ผมก็ดีใจมากแล้วล่ะครับ”


“เอ้อ แล้วอย่างที่คุณบอกในเพจ ถ้าจะเขียนวายบอกกันก่อนนะ ผมอ่านไม่ไหวแฮะ”


“แน่นอนเลยครับ”


โล่งใจ คำๆ นี้ดังก้องขึ้นมาในหัว เป็นครั้งแรกที่หมีเห็นความเป็นไปได้ของคนที่บอกว่าจะลากันไปแล้วสุดท้ายก็กลับมา หวังว่าถ้าในอนาคตมีคนเปิดใจเพิ่มขึ้นก็คงดี


“ดีจังเลยนะหมี”


“อื้อ”


เมื่อได้รับกำลังใจเพิ่มอีกหนึ่งระดับ ประกายความสดใสยิ่งส่งต่อไปได้จากแววตา ถึงแม้ว่าโดยรวมแล้วในวันนี้จะมีคนมาซื้อน้อยลงจริงๆ แต่หมีก็คิดในแง่ดีว่าเพราะเป็นแบบนั้นเขาถึงได้คุยกับผู้ซื้อเยอะขึ้น


ยังไงก็เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ …


เกือบสี่ทุ่มกว่าจุ๋นจะขับรถพากันกลับมาที่บ้าน เป็นวันอันยาวนานจนอยากล้มตัวนอน ดีที่เตรียมของมานอนบ้านจุ๋นไว้แล้ว จึงไม่ต้องเสียเวลาให้คนขับรถเป็นวนไปส่งหมีที่อะพาร์ตเมนต์


ตอนนี้หมีก็เริ่มคิดแล้วว่า ไปเรียนขับรถบ้างจะดีมั้ยนะ


เพราะก่อนหน้านี้ถ้ามีติดต่องานข้างนอกหมีก็นั่งรถสาธารณะไป หรือถ้าต้องขนของก็อาศัยปั้น ด้วยการนั้นก็เลยเคยตัวว่าไม่ต้องขับรถได้ก็ไม่เป็นไร


จะว่าเขาไม่เห็นใจปั้นก็ได้ แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นจุ๋นแล้วอยากขับรถให้อีกฝ่ายนั่งสบายๆ ดูบ้าง


“กลับมาแล้วครับ”


เด็กสองคนเอ่ยทักทายคุณแม่จ๋าที่รอลูกกลับบ้านอยู่หน้าทีวี พอแม่หันมาก็ทำตาโตกับข้าวของที่ทั้งสองคนหอบเข้ามา


“อันนี้อะไร ไม่ใช่งานของหมีนี่ลูก”


“แหะๆ นานๆ ได้ไปห้างใหญ่ทีเลยซื้อขนมมาเยอะเลยครับ” หมีตอบพลางชูถุงกระดาษหลากสีให้คนตรงหน้าดู


“จุ๋นไม่บ่นแย่เหรอหมี”


“พวกนี้จุ๋นซื้อเองทั้งนั้นเลยครับ”


“เอ๋” คุณแม่จ๋าอุทานพลางมองหน้าลูกชายอย่างไม่เชื่อสายตา จุ๋นเนี่ยนะจะซื้อขนมเข้าบ้านเยอะอย่างนั้น ตัวเองเคยเป็นคนดุหมีเสียเองด้วยซ้ำ


“มันมีแต่หน้าตาสวยๆ ทั้งนั้นเลยครับแม่ จุ๋นเลยเผลอ…”


จริงๆ จะเรียกว่าเผลอก็ไม่เต็มปากเท่าไร เมื่อตอนที่จุ๋นใช้ช่วงพักไปเดินสำรวจห้างสรรพสินค้าที่ไม่ค่อยได้มา เจอนั่นนี่น่าอร่อยก็คิดถึงหน้าหมีตอนเคี้ยวแก้มตุ่ยยิ้มขึ้นมาทันที ยิ่งเป็นวันที่น่าดีใจหลายๆ อย่างด้วย เลยอยากให้หมีกินของอร่อย ไปๆ มาๆ ก็ซื้อมาหลายถุง ถึงจะน้อยกว่าตอนที่หมีขนมาจากตลาดคราวนั้นก็เถอะ


“เอ้า งั้นก็กินกันไป แม่ไปนอนแล้วนะ”


“แม่ไม่กินด้วยเหรอ ซื้อมาตั้งเยอะ”


“ไม่เอาๆ กินตอนนี้ท้องก็อืดแย่สิ มีแต่พวกครีมๆ ใช่มั้ย เด็กๆ น่ะกินกันไปเลย ฝันดีนะลูกๆ”


คุณแม่จ๋าเดินมากอดหมีแล้วค่อยไปหอมแก้มจุ๋นหนึ่งทีก่อนจะขึ้นไปนอน ปล่อยสองหนุ่มเลือกกันว่าคืนนี้จะฉลองด้วยการกินอะไรดี แต่ก็คงไม่เยอะนัก เพราะอย่างที่คุณแม่จ๋าว่า กินขนมตอนดึกเดี๋ยวก็นอนไม่ได้พอดี


“กินเรดเวลเวดอันนี้มั้ยจุ๋น”


“เอาสิ แล้วก็ชูครีม ไม่กล้าทิ้งไว้พรุ่งนี้แฮะ”


“แล้วก็น้ำแอปเปิ้ล” หมีเอ่ยอย่าร่าเริงขณะเทน้ำแอปเปิ้ลที่มีอยู่แล้วในตู้เย็นใส่แก้วสองใบ นำมาวางที่โต๊ะอาหารให้ทั้งตัวเองและคนตรงข้าม ก่อนจะเปิดงานฉลองเล็กๆ ด้วยการชนแก้ว


และเมื่อความหวานไหลลงสู่ลำคอ จู่ๆ จุ๋นก็นึกขึ้นได้ “พวกเรา ไม่มีใครดื่มเลยเนอะ”


“จุ๋นไม่กินเหล้าเหรอ นานๆ ทีเรากินนะ เวลาไปกับเพื่อน”


“ถ้ากับเพื่อนก็กิน แต่ถ้าอยู่บ้านก็ไม่กินตั้งแต่ช่วงที่เป็นซึมเศร้าแน่ะ พยายามตัดช่วงนั้นแล้วก็ขาดเลย”


“เก่งจัง เราแค่ไม่กินเพราะรู้สึกลงพุง ยิ่งไม่ได้ออกกำลังกายด้วย”


“จะว่าไป พวกเราไม่ได้ไปออกกำลังกายด้วยกันเลยนะ”


ทั้งที่คิดตั้งแต่หมีเจ็บหลังแล้วแท้ๆ ว่าถ้าหายจะชวนไปวิ่ง แต่สุดท้ายตัวจุ๋นเองก็จมกับงานจนได้แค่ยืดเหยียดง่ายๆ ยามอยู่บ้านด้วยซ้ำ ละเลยเรื่องสุขภาพไปเยอะเลย


“แต่ว่าจะมีเวลาเหรอ เดี๋ยวไข่ตุ๋นโรงงานก็มาแล้วนี่”


“ก็จริง แต่เราจะพยายามบาลานซ์นะ นี่เย็บชุดเหลือแค่ของไม่กี่ตัวเอง ไข่ตุ๋นมาก็เหลือแค่ปักตามรีเควสแล้ว”


“ให้จริงนะจุ๋น”


“ต้องจริงสิ ตกเย็นหมีดึงเราลุกจากเก้าอี้เลยนะถ้าเราดื้อน่ะ”


หมีพยักหน้า ถึงแม้จะไม่รู้ว่าจะดึงจุ๋นไหวรึเปล่า เพราะถึงหมีจะตัวใหญ่กว่านิดหน่อย แต่ด้านสุขภาพแล้วน่าจะปวกเปียกกว่าจุ๋นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว และพออีกฝ่ายพูดเรื่องวิ่งมา เขาก็คิดว่าต้องจริงจังกับเรื่องสุขภาพบ้างแล้วสินะ


“งั้นถ้าเรากินอะไรเยอะไป จุ๋นดุเราได้เหมือนกันนะ”


“วันนี้ก็คงโดนดุทั้งคู่รึเปล่า” พูดแล้วก็พากันหัวเราะเบาๆ ออกมาเมื่อเห็นเค้กหนึ่งกับชูครีมห้าชิ้นยังอยู่บนโต๊ะอาหาร


“วันนี้ไม่ดุ แต่ต่อไปเราต้องช่วยดูแลกันนะ ทั้งเรื่องงาน เรื่องสุขภาพ โอเคนะจุ๋น”


นิ้วก้อยของหมีถูกยื่นออกมา และจุ๋นก็ไม่ลังเลเลยที่จะเกี่ยวเอาไว้ “อื้อ ช่วยดูแลเราด้วยนะ ดูแลกันไปนานๆ เลย”


พวกเขายิ้มให้กัน พลางนึกถึงอนาคตที่มีร่วมกัน ทั้งการทำงาน และเรื่องส่วนตัว


จะดูแลไปให้นานที่สุดเลย




END