ถ้าหมอนข้างน้องกระต่ายขาดแบบนี้ คืนนี้จะนอนกอดอะไรล่ะ คุณช่างซ่อมตุ๊กตา... เอ๋ ทำไมถึงได้น่ารักจังเลยนะ?

ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี - ตอนที่ 18 หมีรับฟัง โดย ดังใจ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,feel good,slice of life,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

feel good,slice of life,#BL

รายละเอียด

ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี โดย ดังใจ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ถ้าหมอนข้างน้องกระต่ายขาดแบบนี้ คืนนี้จะนอนกอดอะไรล่ะ คุณช่างซ่อมตุ๊กตา... เอ๋ ทำไมถึงได้น่ารักจังเลยนะ?

ผู้แต่ง

ดังใจ

เรื่องย่อ

สารบัญ

ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 1 หมีทำขาด,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 2 หมีพร่ำเพ้อ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 3 หมีให้นะ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 4 หมีว้าวุ่น,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 5 หมีตัวดื้อ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 6 หมีเปิดเผย,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 7 หมีออกงาน,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 8 หมีอยากหล่อ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 9 หมีก็เขิน,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 10 หมีเป็นห่วง,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 11 หมีเฝ้าไข้,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 12 หมีปลอบใจ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 13 หมีเร่งรีบ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 14 หมีโดนแซว,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 15 หมีมีจุ๋น,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 16 หมีประกาศ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 17 หมีรับมือ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 18 หมีรับฟัง,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 19 หมีออกเดท,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 20 หมีเติมใจ [จบ]

เนื้อหา

ตอนที่ 18 หมีรับฟัง



อาจเป็นเพราะที่นอนมันไม่สบายนักหรือเพราะต้องนอนในที่ๆ ไม่คุ้นเคย หมีจึงตื่นเช้าขึ้นมากว่าปกติแล้วอาสาไปซื้อโจ๊กกับปาท่องโก๋มาให้สองแม่ลูก ตอบแทนที่ให้สถานที่พักผ่อนเมื่อคืน ทีแรกจุ๋นยังเป็นห่วงอยู่จึงอยากจะไปช่วยถือ แต่พอดีกับที่มีคนมากดกริ่งที่บ้าน จึงออกไปด้วยไม่ได้

“นี่น้องทองคำเสร็จแล้วครับ เช็กดูได้เลย”

จุ๋นยื่นตุ๊กตาแมวส้มในมือให้กับสองแม่ลูกซึ่งเป็นลูกค้ามารับตุ๊กตาที่ซ่อมเสร็จแล้ว เด็กสาววัยประมาณประถมต้นดีใจจนกระโดดโลดเต้นที่ได้รับตุ๊กตาตัวโปรดของเธอกลับบ้าน ทำเอาคนซ่อมยิ้มอย่างดีใจไปด้วย

“เนี้ยบเหมือนเคยนะคะน้องจุ๋น”

ผู้เป็นแม่พลิกตัวตุ๊กตาดูแล้วจึงส่งให้ลูกสาวของเธอที่คอยรอรับ และทั้งที่ตุ๊กตาเสร็จแล้ว ลูกสาวดีใจขนาดนั้น สีหน้าของคุณแม่ยังสาวกลับดูกังวล

“มีอะไรรึเปล่าครับพี่”

“เมื่อคืนพี่เห็นในเพจ ดีใจกับแบรนด์ด้วยนะคะ ชื่อจากจิณ?”

“ใช่ครับ คิดไม่ออกก็เอาชื่อตัวเองแล้วกัน ผมชื่อจิณณพัต เลยย่อเป็นจากจิณน่ะครับ”

“อย่างนี้นี่เอง นี่พี่ให้ลูกดูอยู่กะว่าจะสั่งเหมือนกัน แต่ว่า.. ก็กลัวว่าน้องจุ๋นจะเลิกซ่อมตุ๊กตาแล้วรึเปล่า”

ลูกสาวตัวเล็กได้ยินคำว่าเลิกซ่อมจากปากของแม่ ถึงเธอจะไม่ได้ตั้งใจฟังที่ผู้ใหญ่คุยกันเมื่อครู่ แต่ได้ยินแล้วก็ทั้งสงสัยและตกใจจนเดินเข้ามาตรงหน้าจุ๋น

“พี่จุ๋นจะไม่รักษาน้องให้แล้วเหรอคะ”

ใจคนฟังอ่อนยวบ เขาลูบหัวเด็กน้อยด้วยความเอ็นดูก่อนจะส่ายหน้า ย่อขาคุกเข่าให้อยู่ระดับเดียวกัน

“ไม่เลิกหรอกครับ พี่จุ๋นยังคอยรักษาตุ๊กตาให้เหมือนเดิมนะ แต่อาจจะช้าลงนิดนึง รอพี่ได้รึเปล่าครับ”

เด็กสาวพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ ซึ่งพอจุ๋นเห็นสีหน้าโล่งใจของทั้งสองแม่ลูกนี้แล้วก็พลอยสบายใจไปด้วย เพราะมีลูกค้าน่ารักๆ อย่างนี้ ถึงแม้จะต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้น แต่เขาก็ยังตัดใจจากงานซ่อมตุ๊กตาไม่ได้อยู่ดี

ถึงอย่างนั้น พอสองแม่ลูกกลับไปแล้วก็กลุ้มขึ้นมาเหมือนกัน ตุ๊กตาสิบตัวแรกที่ต้องเย็บเอง คัสตอมต่างๆ ในตัวตุ๊กตา ชุดตุ๊กตาอีก นี่มีคนทักเข้ามาแล้วเหมือนกันว่าชุดตุ๊กตานี่ทำขายทั่วไปได้มั้ย เผื่อจะได้ให้ตุ๊กตาอื่นๆ ที่ลูกค้ามีอยู่แล้วใส่ด้วย และแน่นอนว่างานหลักอย่างงานซ่อมตุ๊กตา อ่า.. สิ่งที่ต้องทำช่างเยอะเหลือเกิน

“ขมวดคิ้วอะไรแต่เช้า” คุณแม่จ๋าที่เพิ่งเข้าบ้านหลังจากออกไปรดน้ำต้นไม้ริวรั้วเอ่ยถามลูกชายของเธอที่นั่งทำหน้านิ่วคิ้วหมวดอยู่บนโซฟา

“งานจุ๋นเยอะมากเลยแม่”

ถึงจะอายุเลย25แต่ลูกก็คือลูก ในเวลาแบบนี้จุ๋นไม่ลังเลเลยที่จะเอนตัวซบไหล่ผู้เป็นแม่ที่ลงมานั่งข้างๆ เสียงสองอันแสนออดอ้อนถูกปล่อยออกมาระบายความงานยุ่งของตน

“เอ๊า แล้วจุ๋นมีแม่เป็นใครเนี่ย”

“หือ?” พอบ่นจนจบแม่ก็ถามขึ้นมาอย่างนั้น จุ๋นยังไม่เข้าใจเลยว่าที่แม่พูดเกี่ยวกับที่เขาบ่นตรงไหน

“แม่เป็นช่างเย็บผ้านะลูก จะเขียนแพตเทิร์นหรือเย็บชุดก็สบ๊ายย”

“หมายความว่า แม่จะช่วยจุ๋นเย็บชุดตุ๊กตาเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ ของไข่ตุ๋นสิบตัวแรกเดี๋ยวแม่ทำให้หมด แล้วเราค่อยมาแบ่งของตัวที่เหลือ ทยอยทำระหว่างรอโรงงานผลิตไงลูก จุ๋นจะได้ไม่งานเยอะเกินไป”

“แต่แม่ก็มีงานของแม่…”

ผู้เป็นแม่ยิ้มอย่างอ่อนใจ ลูกชายของเธอพอเป็นเรื่องงานแล้วคิดมากเสมอ “งานแม่ไม่ได้เยอะขนาดนั้น มีเวลาช่วยจุ๋นสบายเลย ไม่ต้องเป็นห่วงนะ หรือว่าไม่เชื่อมือแม่ฮึ”

“ใครจะไม่เชื่อมือแม่เล่า”

คุณแม่จ๋ารู้นิสัยลูกชายดี ว่าถ้าพูดอย่างนี้แล้วจะต้องยอมให้ช่วย ซึ่งก็เป็นไปตามคาด จุ๋นที่เห็นความเก่งกาจในการเย็บผ้าของแม่มาตั้งแต่เด็กย่อมไม่กล้าที่จะไม่เชื่อมือแม่แน่ ส่วนเรื่องชุดตุ๊กตาคัสตอมอื่นๆ ที่มีคนขอเข้ามา อันนี้คุณแม่แนะนำว่าอย่าเพิ่งใจอ่อนกับคนเรียกร้อง เอางานหลักของเราให้นิ่งก่อน เดี๋ยวป่วยแล้วทำงานไม่ทันเหมือนครั้งนั้น ซึ่งจุ๋นก็ไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว

“กลับมาแล้วครับ”

ได้เติมพลังงานจากแม่แล้ว ก็ต้องเติมพลังงานจากแฟนสักหน่อย จุ๋นไม่รีรอที่จะวิ่งไปเปิดประตูมุ้งลวดให้หมีที่ถือถุงโจ๊กพะรุงพะรัง ถึงจะไม่ได้ลำบากขนาดเปิดประตูเองไม่ได้ก็เถอะ แต่ก็อยากมารับนี่นา

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย”

“ก็แบบ ขนมครกก็น่ากิน กล้วยทอดก็น่ากิน..”

และไม่ได้มีแค่นั้น ในเมื่อจุ๋นที่วิ่งมารับของไปวางที่โต๊ะนั้นเห็นทั้งขนมจีบ โรตีสายไหมอีก กินพร้อมกันนี่คาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลคงได้จุกเต็มกระเพาะไปหมด คนดูแลสุขภาพอย่างจุ๋นจึงค่อนข้างหวั่นใจ ในเมื่อของพวกนี้ส่วนใหญ่ต้องกินตอนร้อนๆ ถึงจะอร่อยเสียด้วย

“ถือว่าฉลองที่ขายไข่ตุ๋นได้ ก็ดีนะ นานๆ ทีกินแบบนี้ก็สนุกดี” คุณแม่จ๋าเดินมาดูแล้วหยิบของออกจากถุง เธอเห็นหน้าลูกชายก็รู้แล้วว่าคิดอะไรอยู่

“เอ่อ.. จุ๋นไม่โอเคใช่มั้ย” และหมีก็รู้เหมือนกันเมื่อจุ๋นแสดงสีหน้าออกชัดเสียขนาดนั้น จากที่ยิ้มร่าวิ่งมารับแต่พอเห็นของแล้วหลุบตาหน้านิ่วทันที

“ก็ เราคิดว่ามันเยอะไปหน่อยน่ะ มีแต่แป้งด้วย ทีหลังซื้อมาเท่าที่กินกันพอดีๆ ดีกว่าเนอะ แต่วันนี้ก็อย่างแม่ว่าแหละ มาฉลองกันดีกว่า”

อันที่จริงจุ๋นก็คิดหนักอยู่เหมือนกัน หมีเพิ่งผ่านเหตุการณ์น่าเศร้าใจมาจะติจะว่าอะไรก็กลัวกระทบจิตใจ แต่ในเมื่อพวกเขาต้องเรียนรู้กันไป แทนที่จะทำเหมือนไม่เป็นไรแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายซื้อของมาเยอะๆ บ่อยๆ แบบที่ตัวเองไม่ชอบใจ ก็คงจะไม่ดีกับทั้งสองฝ่าย

หมีเองก็แสนจะเข้าใจง่าย พอโดนบอกแบบนั้นมาก็บอกว่าจะรับผิดชอบส่วนใหญ่เอง ถ้าไม่หมดแล้วต้องอุ่นยังไงก็ไว้ทีหลัง แต่ถ้าอ้วนขึ้นมาจุ๋นต้องพาไปออกกำลังกายด้วย พลอยให้ฝั่งเจ้าของบ้านคิดขึ้นมาได้ว่าพวกเขายังไม่เคยได้ไปออกกำลังกายด้วยกันเลย ไปวิ่งตอนเย็นๆ ด้วยกันคงจะมีความสุขน่าดู

พอพูดคุยกันเข้าใจก็มีแต่รอยยิ้ม รวมถึงคุณแม่จ๋าที่ใช้ดวงตาของคนผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนมองคู่รักมือใหม่ด้วยความเอ็นดู เดี๋ยวเด็กๆ ก็รู้ว่ามีเรื่องต้องคุย ต้องเถียงกันขนาดไหนกว่าจะปรับตัวเข้ากันได้ล่ะนะ





แต่ถึงคุณแม่จ๋าจะคิดอย่างนั้น สองคนนี้ก็ไม่ได้มีเวลาปรับตัวกันเท่าไรหรอก เพราะถึงแม้จะคบกันมาได้เดือนกว่าแล้ว ชีวิตก็มีแต่งาน งาน และงาน

จุ๋นเพิ่งส่งตุ๊กตาแฮนด์เมดไปไม่นาน กว่าตุ๊กตาฝั่งโรงงานจะได้ก็อีกเดือนกว่าก็จริง แต่ก็ต้องเร่งตัดชุดตุ๊กตา40กว่าตัวนั้นให้ทัน เพื่อที่พอได้รับตุ๊กตามาจะได้มาปักสัญลักษณ์ตามรีเควสอีก บวกกับงานซ่อมตุ๊กตาที่แม้จะรับน้อยลงแล้วก็ยังมีอยู่ดี ทำให้ยุ่งจนหัวหมุน

สำหรับหมีแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ในเมื่อการ์ตูนหลักมียอดเข้าชมและยอดซื้อในอินเทอร์เน็ตน้อยลง เล่มแปดที่เพิ่งให้เปิดพรีออเดอร์ไปก็ยอดน้อยลงเช่นกัน หมียิ่งต้องรับงานอื่นเพิ่มขึ้น พอรับงานเพิ่มก็ต้องคุยกับลูกค้าจำนวนมากขึ้น ใช้เวลาทำงานเยอะขึ้นไปอีก จนบางวันก็นอนดึกกว่าที่ตัวเองตั้งไว้เสียอีก

ถึงจะนั่งอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่ได้คุยกันแค่ตอนกินข้าวเท่านั้นเอง…

“ก๊อกๆ”

เสียงใสนี้ไม่ใช่คุณแม่จ๋า แต่เป็นพี่อิ้งค์ที่ทั้งสองคนไม่ได้พบหน้ามานานพอสมควร คุณหมอคนสวยเห็นน้องชายสองคนหันหน้ามาตามเสียงเรียกก็ตกใจ ในเมื่อใบหน้าของคนที่เด็กกว่าหลายปีนั้นช่างหม่นหมองเสียเหลือเกิน ถ้าการทำงานที่ชอบแล้วยังดูทรุดโทรมได้ขนาดนี้ ก็แปลว่าเหนื่อยเกินไปแล้ว

“แฟนพี่ซื้อขนมจากญี่ปุ่นมาฝาก จะกินกับน้าจ๋าแล้วมาร่วมวงกันเร็ว”

“กินก่อนเลยพี่ เดี๋ยวสัก.. ห้าโมงพวกผมไป” จุ๋นตอบรับในขณะที่หมีเองก็พยักหน้า พวกเขาเพียงเงยหน้าขึ้นมาทักทายพี่สาวแวบเดียวแล้วก็จมจ่อมกับงานของตนต่อ

ใจของพี่อิ้งค์อยากจะดึงทั้งสองคนให้ลุกขึ้นมาพัก แต่เห็นตั้งใจกันขนาดนั้นเลยไม่กล้าไปขวาง สุดท้ายก็เดินออกมานั่งกินขนมกับคุณแม่จ๋ากันสองคน

“เนี่ย น้าก็เป็นห่วง ตอนกินข้าวคุยกันก็จริงแต่ก็รีบกินรีบกลับไปทำงาน อยู่ด้วยกันบางทีก็ทั้งวันแท้ๆ แต่ไม่ค่อยยอมพักกันเลย”

“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ..”

อิ้งค์ฟังแล้วนึกเป็นห่วงตาม เธอคบกับแฟนตั้งแต่ยังทำงานอยู่ในโรงพยาบาล งานหนักกว่านี้เยอะ ในขณะที่แฟนเป็นพนักงานออฟฟิศ เวลาไม่ตรงกันเท่าไรแต่ก็หาเวลามาเจอกันได้ มีไปเที่ยวกันอยู่บ้าง ดูจะหวานกว่าสองคนนี้เสียอีก

“ไม่เคยไปเดทกันด้วยซ้ำ เดินด้วยกันแค่ตลาดตรงนี้เอง”

“ไปเดินด้วยกันนี่ ในวันหยุดเหรอคะ?”

คุณแม่จ๋าส่ายหน้า “ใช้ไปซื้อข้าวเย็นนี่ล่ะ เดือนนี้สองคนนั้นไม่หยุดสักวันเลย นั่งอยู่ที่โต๊ะทั้งวัน ไม่ออกกำลังกายด้วย”

“หา!”

ในฐานะที่เป็นหมอและยังเคยรักษาทั้งสองคนมา เรื่องนี้อิ้งค์รับไม่ได้เลย ทั้งที่ร่างกายเคยเจ็บปวดขนาดนั้นแค่ก็ยังกลับมาหักโหมอยู่อีก โดยเฉพาะเจ้าน้องชายตัวดีที่เคยพักไปตั้งหลายเดือนจนซึมเศร้า ไม่เข็ดหรือยังไง

“ทำไมคุณน้าไม่บอกน้องเขาหน่อยล่ะคะ”

“เขาเถียงว่าลุกมายืดเส้นยืดสายตลอด กินอาหารที่มีประโยชน์ ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร น้าก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วเนี่ย”

คุณหมออิ้งค์กุมขมับ โอเค สองคนนี้ก็เข็ดอยู่บ้างล่ะเรื่องร่างกาย แต่ก็ยังไม่ดีเท่าไร ดูจากสีหน้าเมื่อกี้ก็รู้แล้วว่าข้างในคงจะเหนื่อยกันมากๆ แล้วยิ่งเป็นคนมีความมุ่งมั่นทั้งคู่ คงจะไม่รู้ตัวกันหรอกว่ากำลังเหนื่อยอยู่ เธอเป็นคนนอกก็จริง แต่ดูท่าจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ทั้งที่ตั้งใจจะเอาขนมมาฝากเฉยๆ แท้ๆ

เธอเดินไปหยิบชามใส่ขนมส่วนหนึ่ง เดินกลับเข้าห้องทำงานนั้นไป วางขนมไว้บนโต๊ะแล้วเรียกให้ทั้งสองคนหันมาฟัง

“คุยกับพี่สักนิดได้มั้ย ขอห้านาที”

พอสองคนหันมอง เธอจึงพูดต่อ “ได้ข่าวว่าไม่พักกันมาเดือนนึงแล้วเหรอ”

“แม่ก็พูดเกินไป พวกผมก็ลุกกันทุกชั่วโมงนะ”

“ครับพี่อิ้งค์ ผมก็ไม่ปวดหลังแล้วนะ” พูดแล้วหมียังลุกขึ้นมาบิดเอวซ้ายขวาให้ดูว่าร่างกายเขายังไหวอยู่ แต่อิ้งค์ก็ส่ายหน้า

“ไม่พอๆ ยังไงการออกไปเดินข้างนอกก็สำคัญนะ”

“พวกเราก็ไปตลาดกันนะ”

เอาล่ะ เข้าใจแล้วว่าทำไมคุณน้าถึงจนใจที่จะพูด…

“งั้นถามหน่อย ที่ตอนนี้เร่งทำกันขนาดนี้ เพราะงานจะไม่ทันเหรอ หรือทำไม ฮึจุ๋น”

“ทันแหละ รอบนี้ตั้งเวลาไว้นานพอสมควรเลย”

“แล้วทำไมต้องรีบ”

“ทำตรงนี้เสร็จ จุ๋นจะได้ทำงานถัดไปเร็วขึ้นไง”

อิ้งค์ถอนหายใจ เธอค่อยๆ จับมือที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของน้องชายโดยระวังไม่ให้ตัวเองโดนเข็มตำไปด้วย จุ๋นเองพอพี่สาวกุมมือไว้ก็ไม่สะบัดไปไหน กลับปล่อยเข็มแล้วให้เธอกุมได้อย่างเต็มๆ ใบหน้าเหนื่อยล้าเงยมองอีกคนอย่างสงสัย พวกเขาไม่ใช่คู่พี่น้องอ่อนโยนที่จะมากุมมือให้กำลังใจกันสักหน่อย

“จุ๋นจำตอนที่พี่เป็นลมตอนเป็นอินเทิร์นได้มั้ย”

น้องชายพยักหน้า ทำไมจะจำไม่ได้ ตอนเป็นอินเทิร์นอิ้งค์อยู่จังหวัดที่ต้องขับรถไปเกือบสองช่วโมง ในโรงพยาบาลของอำเภอที่มีหมออยู่น้อย

แค่นั้นจุ๋นก็เป็นห่วงแล้ว เพราะตลอดเวลาที่เขารับส่งอิ้งค์มา ยิ่งปีสูงยิ่งเรียนหนักจนใบหน้าสดใสของพี่สาวเหนื่อยโทรม ขึ้นรถมาก็หลับเป็นตาย บ่อยครั้งที่ใช้เวลาปลุกนานกว่าจะลงจากรถได้ เพราะงั้นเขาจึงเป็นห่วงมาก น่าจะห่วงพอๆ กับพ่อแม่ของเจ้าตัวตอนที่รู้ว่าเด็กสาวคนนี้ต้องไปอยู่ไกล

แล้วเรื่องก็เกิดขึ้นจริงๆ หลังจากเป็นอินเทิร์นได้เพียงหนึ่งเดือน พ่อแม่ของอิ้งค์ที่ติดธุระที่อื่นโทรหาจุ๋นว่าให้ไปดูลูกสาวของคนให้หน่อย แล้วจะตามไปในภายหลัง ตอนนั้นจุ๋นร้อนใจมากจนพ่อต้องมาขับรถให้ เพราะกลัวลูกชายที่ใจร้อนจะเร่งรีบจนเกิดอุบัติเหตุ

ภายอิ้งค์ที่นอนอยู่ด้วยใบหน้าเหนื่อยล้าทำจุ๋นใจสลาย พี่สาวที่แข็งแรงสดใสเสมอมาของเขา ขนาดเรียนเหนื่อยแทบตายยังยิ้มแล้วบอกว่าพี่สบายมาก มาถึงวันที่นอนหลับปักสายน้ำเกลือเนี่ยนะ นี่มาเป็นหมอ หรือมาเป็นผู้ป่วยกันแน่

จุ๋นนั่งลงข้างเตียง กุมมือพี่สาวไว้ น้ำตาพาลจะไหลออกมาให้ได้ และสงสัยว่าคุณหมอจะรู้สึกถึงแรงบีบมือ ไม่นานเธอถึงได้ตื่นขึ้นมา เห็นหน้าเป็นห่วงของน้องชายก็ได้แต่ฝืนยิ้ม แล้วบอกว่าพี่สบายมาก

เท่านั้นล่ะ น้ำตาของจุ๋นถึงได้พรั่งพรูออกมา เขาซบหน้ากับแขนพี่สาว ปล่อยโฮออกมาดังๆ พร้อมกับบอกว่าไม่เอาแล้ว ไม่ให้ทำแล้ว กลับบ้านเรากันเถอะ จนกลายเป็นว่าอิ้งค์ต้องลุกขึ้นมาปลอบน้องชายแทนเสียอย่างนั้น และด้วยภาระหน้าที่ที่ทิ้งไม่ได้ ทำให้สุดท้ายอิ้งค์ก็ต้องทนทำต่อไปจนกระทั่งครบวาระ

เทียบกับจุ๋นตอนนี้ ชายหนุ่มมีทางเลือกที่จะไม่ปล่อยให้ร่างกายทรุดโทรมเสียด้วยซ้ำ แต่เขากำลังเดินตามเส้นทางนั้น ทั้งที่ก็เคยประสบกับความเจ็บปวดมาแล้วครั้งหนึ่ง

เข้าใจแล้ว…

“อื้อ ถ้าให้พี่มาห่วงอย่างนี้ ก็คงต้องพักแล้วล่ะ”

คำตอบของน้องชายทำเอาอิ้งค์ดีใจจนแทบจะก้มลงไปจุ๊บหัว แต่เธอก็รู้ดีว่าทำแบบนั้นคงไม่ดี ยิ่งพวกเขาที่ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ โตกันขนาดนี้แถมยังมีแฟนของน้องชายนั่งจ้องอยู่ด้วย บางทีหมีอาจจะงงว่าทำไมแค่คุยกันประโยคเดียวจุ๋นถึงยอม อิ้งค์จึงไปคุยกับหมีด้วย

“แล้วหมีล่ะ รีบขนาดนี้ทำไมเหรอ”

“ยอดขายผมน้อยลงน่ะครับ ก็เลยเครียดๆ แล้วก็วาดโน่นนี่ไม่ได้ดั่งใจ มันก็เลยต้องแก้บ่อยหน่อย”

“ปกติถ้าเป็นแบบนี้หมีทำยังไงเหรอ”

“ก็พัก แต่…” เขาเหลือบมองไปทางจุ๋น “ก็คิดเหมือนจุ๋นว่าแค่ลุกไปเข้าห้องน้ำ ไปเดินตลาดก็คงพอน่ะครับ ยิ่งอยากอยู่กับงานนานๆ ด้วยเลยไม่กล้าพักนาน”

“แล้วนี่หมีกำลังวาดอะไรอยู่เหรอ” อิ้งค์ยื่นหน้าเข้าไปดูไอแพดที่หมีกำลังวาดอยู่ ทั้งที่ในสายตาเธอก็ดูสวยงามแล้วแต่คนวาดกลับดูไม่พอใจเท่าไรนัก

“มีงานวาดปกนิยายพีเรียดครับ ฉากหลังเป็นเจดีย์เลยละเอียดมากเลย เสิร์ชรูปดูก็วาดไม่ได้ดี แก้ไปเยอะเลยล่ะครับ”

“อืม..” อิ้งค์พยักหน้ารับ แล้วเธอก็ปิ๊งอะไรขึ้นมาได้ “งั้นพวกเธอก็ไปเที่ยววัดกันจริงๆ เลยสิ”

น้องชายสองคนร้องเอ๋ขึ้นมาทันที พวกเขากับวัดเนี่ยนะ ไม่ได้อินศาสนาหรือศรัทธาอะไรสักหน่อย เวลาไปร่วมงานบุญที่ไหนยังนั่งสัปหงกเวลาฟังสวดกันอยู่เลยด้วยซ้ำ

พอเห็นน้องชายทั้งสองดูมีสีหน้าลังเล เธอจึงเสริมขึ้นมาอีก “ไปเดินเล่นดูวิวก็ได้ ได้เที่ยวด้วยได้งานด้วยดีจะตาย”

จุ๋นหันมามองหน้าคนตรงข้าม ถามเบาๆ ว่าจะเอายังไง ซึ่งคนที่กำลังมีงานเกี่ยวกับเรื่องนี้พอดีก็คิดว่าดีเหมือนกันที่จะได้ไปเห็นสถานที่จริง ได้ถ่ายรูปมาเป็นตัวอย่างได้

แถมยังเป็นการเดทกับจุ๋นด้วย...

“งั้นวันจันทร์หน้าดีมั้ยจุ๋น”

“อื้อ ดีเหมือนกันนะ”

ถึงจะเป็นเดทแรกที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ก็ชักตื่นเต้นอยู่เหมือนกันแฮะ