ถ้าหมอนข้างน้องกระต่ายขาดแบบนี้ คืนนี้จะนอนกอดอะไรล่ะ คุณช่างซ่อมตุ๊กตา... เอ๋ ทำไมถึงได้น่ารักจังเลยนะ?
ชาย-ชาย,รัก,ไทย,feel good,slice of life,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมีถ้าหมอนข้างน้องกระต่ายขาดแบบนี้ คืนนี้จะนอนกอดอะไรล่ะ คุณช่างซ่อมตุ๊กตา... เอ๋ ทำไมถึงได้น่ารักจังเลยนะ?
การฉลองสถานะใหม่เป็นไปอย่างเรียบง่ายด้วยกล้วยบวชชีจากเพื่อนบ้านที่ฝากคุณแม่จ๋ากลับมา อิ่มเอมกันถ้วนหน้าทั้งจากขนมและจากความรู้สึก ยิ่งตอนที่หมีขออนุญาตวิดีโอคอลกับที่บ้านเพื่อนอวดจุ๋น คำอวยพรจากพ่อแม่ที่แม้จะยังตกใจแต่ก็ดีใจกับพวกเขาทั้งคู่ยิ่งทำให้ใจฟูเข้าไปใหญ่
“ไปเดทกันก่อนมั้ยลูก งานไว้ทำวันหลัง”
คุณแม่จ๋าถามขึ้นหลังจากที่เด็กๆ เก็บถ้วยขนมไปวางที่ซิงค์ล้างจานกันเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่ายังมีงานที่ต้องทำ แต่เธอก็เห็นว่านี่เป็นวันพิเศษ พักนิดพักหน่อยคงไม่เป็นไร
“ไม่ได้หรอกแม่ ฤกษ์ดีขนาดนี้จุ๋นยิ่งมีแรง”
ยืนยันกับแม่เสร็จก็ชวนหมีกลับเข้าห้องทำงาน ขยับเม้าส์ให้หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ดับไปฉายรูปโปสเตอร์ไข่ตุ๋นขึ้นมาใหม่
“ต้องแก้ตรงไหนมั้ยหมี”
ด้วยความสามารถทางศิลปะที่ไม่มากเท่าไร ทำให้จุ๋นทำใจไว้อยู่แล้วว่าจะต้องขอความช่วยเหลือจากหมี เพื่อให้งานออกมาดีจึงพยายามที่จะยับยั้งความอยากทำ100%ของตัวเองแล้วรู้จักพึ่งพาคนอื่นบ้าง
แล้วตอนนี้หมีก็ไม่ใช่คนอื่นซะด้วยสิ…
“รายละเอียดโอเคแล้วแหละ พวกวิธีการจองนี่เดี๋ยวเขียนเอาในโพสใช่มั้ย”
“ใช่ๆ”
“อืม.. คือว่า ขอแก้สีนิดนึงได้มั้ย” หมีเอ่ยขออย่างไม่มั่นใจนัก แต่พอจุ๋นยิ้มกับพยักหน้าให้ก็สบายใจขึ้น รู้สึกดีใจอยู่เหมือนกันที่อีกฝ่ายไว้ใจให้ตนช่วยแล้ว
“โห สวยขึ้นมาเลยอะ”
“ไม่ดิ จุ๋นทำสวยอยู่แล้ว เราแค่ทำให้ไข่ตุ๋นเด่นขึ้นมาเฉยๆ”
เพราะทีแรกไข่ตุ๋นสีครีมกับแบ็กกราวด์สีอ่อนทำให้ดูกลืนกัน พอหมีปรับให้เป็นโทนน้ำตาลเข้มขึ้นกับตัดขอบที่ตัวไข่ตุ๋น เจ้าตุ๊กตาสุดน่ารักที่จุ๋นทั้งเย็บและถ่ายรูปเองก็เด่นชัดเพิ่มมากขึ้น
“แล้วนี่จุ๋นจะโพสวันนี้เลยใช่มั้ย”
“ใช่ ช่วงค่ำๆ น่ะ เห็นว่าพวกยอดเอนเกจตอนกลางคืนน่าจะดีกว่าใช่เปล่า”
“จากที่เราลงการ์ตูนส่วนใหญ่ก็แบบนั้นนะ หลังสามทุ่ม งั้นเดี๋ยวเราขอรูปด้วยได้เปล่า เดี๋ยวโปรโมตให้อีกทาง บอกว่าเจ้าของเดียวกับคนที่เย็บต้นกล้าก็น่าจะกระแสดีนะ”
“แต่ว่าแบบนั้น…” จุ๋นซึมลงนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “จะมีคนมาบอกว่าตอนนั้นเราก็ส่งต้นกล้าช้า ตอนนี้เราจะส่งช้ารึเปล่ามั้ยนะ”
ไม่ทันได้คิดเรื่องนั้นเลย…
คนปากไม่ดีก็คงมีบ้าง แต่หลังจากที่หลายคนได้รับต้นกล้าไปก็มีเสียงชมเชยกลับมาเหมือนกัน เพราะงั้นหมีคิดว่าความเห็นคงไปในทิศทางดีมากกว่าไม่ดี
“จะบอกให้จุ๋นไม่สนใจคงจะยาก งั้นมานั่งอ่านคอมเมนต์พร้อมเรานะ ถ้าเศร้าเดี๋ยวเราปลอบเอง”
“แต่จะลงช่วงดึกๆ นี่นา ตอนนั้นหมีก็กลับห้องไปแล้วนะ”
จริงด้วย ถ้าอย่างนั้น… “วันนี้เรากลับดึกหน่อยก็ได้”
“ไม่ค้างเหรอ”
อันที่จริงนั่นก็เป็นความคิดหนึ่งที่แล่นเข้ามาในหัวล่ะนะ แถมใช่ว่าจะไม่เคยค้างด้วยกันมาก่อนหน้านี้ แต่ตอนนั้นทำงานหนักเลยหลับเป็นตายลืมสิ้นซึ่งความเขิน ต่างกับวันนี้ลิบลับ ถ้านอนค้างด้วยกันหมีคงตื่นเต้นจนตาสว่างยันเช้าแน่
ไม่สิ เตียงของจุ๋นเป็นเตียง3.5ฟุต นอนได้คนเดียวนี่นา ถ้าหมีนอนพื้นก็คงจะไม่เป็นไร
เอ๊ะแต่ มานอนด้วยกันตั้งแต่วันแรกที่เป็นแฟนกันแบบนี้ ถึงคุณแม่จ๋าจะเปิดใจให้แต่จะคิดว่าพวกเราใจเร็วไปมั้ยนะ ถ้าผู้ใหญ่คิดว่าเราจะค้างเพื่อทำ.. อะไรๆ … จะทำไงดี ทั้งที่ไม่ได้มีเจตนานั้นสักหน่อย
“ไม่เป็นไรหมี วันหลังก็ได้”
ยังไม่ทันที่หมีจะตอบอะไร จุ๋นก็พูดขึ้นพลางยกมือมาคลึงที่หว่างคิ้วของคนตรงหน้า ที่เจ้าตัวยังไม่รู้เลยว่าเผลอขมวดคิ้วไปตั้งแต่เมื่อไร
“ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากค้างนะ แต่…”
“พอเข้าใจอยู่หรอก เราก็ตื่นเต้นเหมือนกัน ถ้านอนกอดหมีคงใจเต้นจนนอนไม่หลับแน่เลย”
หมีไม่รู้หรอกว่าที่จุ๋นบอกว่าจะนอนกอดตนนั้นจะนอนยังไง เบียดกันบนเตียง3.5ฟุตหรือย้ายกันมานอนที่พื้น แต่แค่นึกภาพนอนกอดกันหัวใจของเขาก็สูบฉีดเลือดเสียแรงจนแทบทะลุออกมาอยู่แล้ว
จะรวบรวมสติทำงานต่อไปยังไงดีเนี่ย…
ช่วงเย็น พวกเขาถกเถียงกันเล็กน้อยเรื่องที่ว่าจะโพสโปสเตอร์พร้อมรายละเอียดการสั่งจองน้องไข่ตุ๋นเมื่อไรดี ระหว่างสองทุ่มแปดนาทีกับสามทุ่มเก้านาที พวกเขาไม่ใช่สายมูกันทั้งคู่ แต่ก็พอรู้บ้างว่าสองเลขนี้นั้นค่อนข้างมงคล
สุดท้าย808ก็ชนะไปจากคำประกาศิตของคุณแม่จ๋า บอกว่าหากหมีจะกลับไปนอนที่ห้องนั้นรีบโพสให้ไม่ดึกนักแล้วรีบอ่านคอมเมนต์กันจะดีกว่า ไม่งั้นหมีได้นอนดึกแล้วเดี๋ยวจะส่งผลกับการทำงานในวันต่อไป ยิ่งตอนนี้กำลังเร่งเขียนเรื่องต้นกล้าลงอินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเนื้อเรื่องกำลังเข้มข้นเสียด้วย
ใจของจุ๋นไม่ได้เต้นแรงขนาดนี้มานานเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ ถ้าไม่นับการที่ใจเต้นแรงเพราะความรัก แต่ครั้งนี้ทั้งตื่นเต้น ประหม่า และกลัวไปพร้อมๆ กัน เขาจับมือหมีแน่นขณะนั่งรอโพสที่ตั้งเวลาเอาไว้กำลังจะออกสู่สาธารณะในไม่กี่นาที
3
2
1
ทั้งเพจร้านของคุณแม่จ๋า ช่องทางโซเชียลต่างๆ ของหมีและโซเชียลเปิดใหม่ของจุ๋นต่างส่งโพสในเวลาเดียวกัน พวกเขายังคงนั่งจับมือกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเสียงแจ้งเตือนเริ่มดังขึ้น แน่นอนว่ามาจากเพจเปิดมานานอย่างร้านจารุณีเย็บปักกับโซเชียลของหมีเสียมากกว่า
แต่ถึงอย่างนั้นโซเชียลต่างๆ ของจุ๋นที่ใช้ชื่อว่าตุ๊กตาจากจิณก็เริ่มมีการขยับของผู้ติดตาม จากที่มีผู้ติดตามเล็กน้อยตั้งแต่เริ่มเปิดเพจโดยแจ้งว่าเป็นแบรนด์ที่ต่อยอดมาจากจารุณีเย็บปัก แต่พอเพจของหมีโฆษณาร่วมด้วย เลขที่เคยขึ้นวันละหลักหน่วยก็ขึ้นอีกหลักสิบในเวลาไม่กี่นาที
“มีคนถามว่าตุ๊กตานี่เย็บหน้าตาด้วยได้มั้ย เช่นอยากให้เป็นขยิบตางี้”
“ไม่ได้นะ เราอยากให้หน้าเหมือนกัน แต่ถ้าลงสัญลักษณ์หรือปักชื่ออะไรนอกเหนือจากนั้นได้หมดเลย”
หมีพยักหน้าแล้วพิมพ์ตอบคนที่สอบถามเข้ามา ไม่ลืมที่จะแก้โพสแล้วเพิ่มเติมข้อมูลว่าแก้ไขหน้าตาของหมีไม่ได้ด้วยจากที่ในรายละเอียดตอนแรกบอกแค่สามารถปักข้อความหรือสัญลักษณ์บนตัวหมีได้
“หมี มีคนกรอกฟอร์มมาแล้ว”
จุ๋นเขย่ามือคนข้างๆ อย่างตื่นเต้น ก่อนที่จะปล่อยออกเพื่อเช็กข้อมูลในกูเกิ้ลฟอร์มที่เปิดให้คนกรอกเข้ามาเพื่อจองตุ๊กตา มีสองแบบฟอร์ม เป็นแบบฟอร์มสำหรับตุ๊กตาทำมือสิบตัวแรก กับตุ๊กตาที่จะถูกผลิตจากโรงงาน จริงอยู่ว่าจุ๋นมีเครดิตพอสมควรจากการดูแลร้านของแม่บวกกับที่เคยเย็บตุ๊กตาต้นกล้า แต่พอมีคนโอนเงินจองเข้ามาให้กับแบรนด์ตุ๊กตาเปิดใหม่ก็ยังทำให้ดีใจอย่างท่วมท้น
“จะถึงสิบตัวมั้ยนะ…”
“ถึงสิ อาจจะร้อยตัวก็ได้นะ”
พอหมีฉีดยาเกินเหตุแบบนั้นจุ๋นก็หัวเราะออกมาเบาๆ ส่ายหัวอย่างไม่เชื่อ “ไม่เอาน่าหมี เราไม่อยากคาดหวังขนาดนั้น”
เป็นอีกเรื่องที่พวกเขาคิดและแสดงออกต่างกัน จุ๋นเคยผิดหวังกับงานเลยไม่อยากคาดหวังอะไรมากเกินไป หวังน้อยๆ ให้ทำได้แล้วดีใจจะดีกว่า ในขณะที่หมีชอบฝันไกลๆ และไม่กลัวผิดหวัง อย่างที่เคยบอกจุ๋นว่าฝันอยากขายการ์ตูนได้เยอะเหมือนโคนันนั่นล่ะ
หมีเคารพความเป็นจุ๋นอยู่แล้ว แต่คิดว่าถ้ามั่นใจขึ้นมาอีกนิดนึงก็น่าจะดีกับตัวอีกฝ่ายนะ
ถึงอย่างนั้นก็เข้าใจว่าความมั่นใจมันสร้างได้ยากแค่ไหน ไม่เป็นไร ยังไงเขาก็คอยเสริมแรงใจให้จุ๋นเอง
“ดูสิจุ๋น แปดคนแล้ว” ระหว่างที่คอยตอบคนที่ถามคำถามต่างๆ เข้ามา รวมถึงคนที่บอกว่าขอเก็บเงินก่อนแล้วจะมาสั่ง หมีก็ไปรีเฟรชหน้ากูเกิ้ลฟอร์มเพื่อดูยอดที่กำลังอัปเดต ใช้เวลาไม่เท่าไรก็ใกล้เป้าหมายแรกแล้วแบบนี้ เห็นแล้วก็ใจชื้น แต่เทียบไม่ได้เลยกับจุ๋นที่นั่งไหว้แบบฟอร์ม พูดพึมพำขอบคุณลูกค้าไม่หยุด
ระหว่างนั่งดูจุ๋นที่กำลังดีใจ คอมเมนต์ใหม่ก็ไหลมาในเพจเฟซบุ๊กของหมี เป็นข้อความสั้นๆ ที่อ่านเพียงไม่กี่วินาทีแต่กลับทำให้หมีชะงักที่จะตอบ
‘เจ้าของแบรนด์คือเพื่อนที่มาช่วยบูธรอบก่อนใช่มั้ยคะ’
อ่า…
ไม่ใช่เพื่อนน่ะสิ
ในใจนั้นตอบได้ง่ายดายแต่กลับพิมพ์ออกไปได้ยากเย็น หมีมองจำนวนผู้ติดตาม คิดว่าจากทั้งหมดนี้มีกี่คนที่คิดว่าเขาเป็นผู้ชายแท้ๆ แล้วในหมู่คนที่คิดแบบนั้น จะมีกี่คนที่รับได้ว่าเขาเป็นเกย์
เขานึกถึงเพื่อนๆ ที่ยังติดต่อกันอยู่ตั้งแต่ชั้นมัธยม กลุ่มคนที่แม้บางครั้งจะเล่นมุกเหยียดเพศ แซวสาวไม่มีกาละเทศะ แต่สำหรับเพื่อนอย่างเขา เวลาเดือดเนื้อร้อนใจมีปัญหาอะไรทุกคนพร้อมช่วยเหลืออยู่เสมอ แม้จะไม่ได้เจอกันบ่อยเท่าไรก็ตาม ถ้าบอกออกไปแล้วเพื่อนรับไม่ได้ เลิกคบกันไป หมีคิดว่าคงเจ็บปวดใจน่าดู
“หมี สิบคนแล้ว!”
จุ๋นดีใจจนแทบกระโดดเหยงออกมาจากเก้าอี้ ใบหน้าสดใสมีแต่รอยยิ้ม ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่หมีได้รู้สึกตัวว่าเผลอยิ้มตาม ความสุขของจุ๋นทำให้ใบหน้าที่เคยเคร่งเครียดเริ่มกลับมาสดใสได้
“อื้อ ดีใจด้วยมากๆ เลยจุ๋น”
หมีคิดอีกครั้ง เขามีใครบ้างนะ มีพ่อแม่ มีปั้น มีคุณแม่จ๋า ที่สำคัญ เขามีจุ๋น เหล่าคนสำคัญของเขา ไม่ใช่ว่าอยากตัดใครออกไป ไม่ใช่ว่าเพื่อนๆ หรือผู้ติดตามทั้งหลายไม่สำคัญ เพียงแต่นอกจากหมีจะคิดถึงผู้คนที่รับรู้เรื่องราวและอยู่เคียงข้างกันแล้ว เขายังคิดถึงตัวเองอีกด้วย
คำตอบที่เลือกจะเอ่ยออกไป ควรเป็นสิ่งที่เขาเป็นอย่างแท้จริงไม่ใช่หรือไงกัน
‘ไม่ใช่เพื่อนครับ ตอนนี้เป็นแฟนกันแล้ว:) ’