ถ้าหมอนข้างน้องกระต่ายขาดแบบนี้ คืนนี้จะนอนกอดอะไรล่ะ คุณช่างซ่อมตุ๊กตา... เอ๋ ทำไมถึงได้น่ารักจังเลยนะ?
ชาย-ชาย,รัก,ไทย,feel good,slice of life,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลังจากวันนั้น ภาพที่ทั้งสองคนกอดกันวนเวียนในหัวของคุณแม่จ๋าไม่หยุด จนตอนนี้เธอคิดว่าสายตาของเธอเริ่มจะเพี้ยนไปหน่อยแล้ว เวลากินข้าวกันปกติเธอก็รู้สึกว่าทั้งสองคนมองกันอย่างมีนัยยะ รอยยิ้มก็ดูเหมือนจะพิเศษ
ที่สำคัญ เธอก็สงสัยมาตั้งนานแล้วว่าทำไมหมีถึงมาที่บ้านนี้ทุกวัน ทีแรกก็เข้าใจว่ามาตรวจเช็คตุ๊กตาตัวการ์ตูนที่จุ๋นเย็บ แต่จนวันที่ส่งของออกไปหมดแล้วก็ยังมาอยู่อีก คนเราจะติดเพื่อนกันขนาดนี้เชียวหรือ
ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากให้หมีมาที่บ้าน เพราะพอหมีเข้ามา บ้านของเธอและลูกก็มีความสดใสเพิ่มขึ้น แถมยังมีคนช่วยงานนู่นนี่อีกต่างหาก บางทีหมีก็ซื้ออะไรอร่อยๆ ติดมือมาเป็นลาภปาก ที่สำคัญคือรู้สึกได้เลยว่าลูกชายของเธอร่าเริงและยิ้มมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องที่ดี
เพียงแต่ถ้ามากกว่าเพื่อน นั่นเป็นเรื่องที่เหนือจินตนาการของเธอมากไปหน่อย
“จะว่าไป หมีไม่อยากมีแฟนเหรอลูก” หลังจากคุยเรื่องทั่วไปมาสักพักขณะทานอาหารเย็นด้วยกัน จู่ๆ คุณแม่จ๋าก็วกเข้าเรื่องนี้เอาดื้อๆ ทำเอาหมีถึงกับเคี้ยวข้าวสะดุด เธอเห็นว่าเขาหันไปมองลูกชายของเธอแวบหนึ่ง ซึ่งจุ๋นก็มองมาเหมือนกัน ถึงจะแค่ไม่กี่วินาทีแต่ก็ดูชัดเจน
“อ่า.. ยัง ไม่สิ ก็อยากมีอยู่ครับ”
“แล้วไม่มี..” จะพูดว่าสาวที่ชอบ แต่คุณแม่จ๋าก็หยุดเอาไว้ก่อน “คนที่ชอบอยู่เหรอ”
ที่ไม่พูดออกไป เพราะอยากตะล่อมถามก่อน กลัวว่าถามถึงสาวที่ชอบ แล้วหมีจะโพล่งมาเลยว่าตัวเองไม่ได้ชอบผู้หญิง ถ้าได้ยินอย่างนี้ ใจของเธอคงจะยังไม่ไหว ยังไม่ได้เตรียมใจมารับคำพูดตรงๆ ขนาดนั้น
หมีก้มหน้าลง ไม่ตอบทันที เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ แต่สุดท้ายก็ตอบออกมาด้วยเสียงเบาๆ “มีอยู่ครับ คนที่ชอบ”
คุณแม่จ๋าสังเกตหน้าของหมีไม่ได้เพราะกำลังก้มหน้า เธอเลยมองลูกของตนแทน พยายามมองด้วยหางตาเพื่อไม่ให้จุ๋นรู้ตัว ซึ่งเธอก็เห็นว่าลูกชายอมยิ้มน้อยๆ อยู่ จึงเปลี่ยนเป้าหมายไปลองตะล่อมที่จุ๋นแทน
“หมีก็ตั้งใจทำงาน ไม่เกเรอะไร คนที่หมีชอบนี่โชคดีเนอะจุ๋นเนอะ”
“เอ๊ะ เอ้อ.. เนอะ โชคดีจริงๆ แหละแม่”
พอถูกโยนไปหา ทีแรกหน้าตาก็เหลอหลาเลิกลั่ก แต่ก็บอกว่าโชคดีโดยที่ยังอมยิ้มอยู่อย่างนี้ ไม่สิ ต้องเรียกว่าจุ๋นพยายามจะดึงหน้าให้ปกติแล้ว แต่กลับหุบยิ้มน้อยๆ นั่นไม่ได้
หัวใจของคุณแม่จ๋าเต้นแรง ถ้าเธอไม่หลอกตัวเอง เด็กสองคนที่พยายามปิดบังอยู่นั่นแสดงออกได้ชัดเจนเสียเหลือเกิน ยิ่งตอนนี้ต่างคนต่างพุ้ยข้าวแต่ก็มีเหลือบตามองกันคนละจังหวะ ความชัดเจนนี้ทำให้เธอที่ทานอาหารหมดพอดีต้องขอตัวลุกขึ้นมาเก็บจาน
ดวงตาของหญิงวัยกลางคนจ้องสายน้ำที่ไหลลงถูกจานที่เธอตั้งใจแช่ ราวกับให้สายน้ำช่วยเธอทำสมาธิให้นิ่งขึ้นเพราะตอนนี้ความตกใจกัดกินใจเธอเหลือเกิน อะไรกัน เธอเป็นแม่ของจุ๋นมายี่สิบกว่าปี ไม่เคยมีสักแวบเลยหรือที่จะคิดว่าลูกของตนชอบผู้ชาย ไม่สิ จุ๋นอาจจะชอบทั้งชายและหญิงก็ได้ เธอก็ไม่แน่ใจ
“หรือจะถามไปตรงๆ เลยดีนะ”
คุณแม่จ๋าพึมพำออกมาขณะหมุนก๊อกให้น้ำหยุดไหล เธอมองผ่านหน้าต่างครัวขึ้นไปบนท้องฟ้า เอ่ยถามสามีที่ล่วงลับไปในใจ ว่าหากลูกของพวกเราทั้งคู่ชอบผู้ชาย เธอควรจะทำอย่างไรดี
“ทำไมถึงบอกไปว่ามีคนที่ชอบแล้วล่ะ”
จุ๋นถามขึ้นมาด้วยความสงสัย อันที่จริงพวกเขาไม่ค่อยโทรคุยกันนักหลังจากหมีกลับห้องไป เพราะอย่างไรก็อยู่ด้วยกันมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่ครั้งนี้สงสัยจนทนไม่ไหว
‘ขอโทษ โกรธเหรอจุ๋น’
“ไม่ๆ เราแค่สงสัย เพราะหมีก็รู้ว่าแม่เราไม่รู้ว่าเราชอบผู้ชาย ไม่กลัวโดนถามว่าเป็นใครขึ้นมารึไง”
‘ก็กลัวอยู่’ หมีพูดกลั้วหัวเราะนิดๆ ‘แต่สักวันนึงคุณน้าก็ต้องรู้ จุ๋นก็ไม่ได้คิดจะปิดบังไปตลอดใช่มั้ยล่ะ’
“ใช่ เราคิดว่าก็ต้องบอกแหละ แต่…”
แต่จุ๋นก็ไม่รู้ว่าควรจะบอกกับแม่ว่าอย่างไร เขาไม่รู้เลยว่าแม่จะต่อต้านมากขนาดไหน อันที่จริงแม่ก็ไม่ได้ไม่ชอบเกย์หรือกะเทยหรอก เวลาดูทีวีก็ว่าคนกลุ่มนี้น่ารัก เพียงแต่คนอื่นกับลูกตัวเองอย่างไรก็คงต่างกัน
ยิ่งแม่นั้นเชียร์เขากับพี่อิ้งค์มาแต่ไหนแต่ไร ถึงจะไม่พูดให้กดดันว่าพวกเขาต้องเป็นแฟนกัน แต่ตอนพี่อิ้งค์มีแฟนก็มาถามว่าจุ๋นเสียใจไหม ไม่รู้ว่าที่ตอนนั้นตอบไปว่าไม่เสียใจและคิดกับพี่อิ้งค์เพียงพี่สาว แม่ของเขาจะเชื่อมากน้อยขนาดไหน
“แม่เราน่ะคิดว่าเราชอบพี่อิ้งค์มาตลอดเลย คงไม่เคยคิดหรอกว่าชอบผู้ชาย ไม่เคยพาใครมาหาด้วย เลยไม่รู้จะบอกยังไง”
‘เราถึงได้คิดว่าจะบอกไปทีละนิดๆ น่ะ อย่างน้อยถ้าคุณน้ารู้ว่าเราชอบผู้ชาย อาจจะได้ลองเปิดใจก็ได้’
จุ๋นยังคงครุ่นคิด ถ้าแม่รู้ว่าหมีชอบผู้ชาย มีหวังได้คิดว่าที่มาหาที่บ้านทุกวันอาจจะชอบเขาก็ได้ แล้วถ้าแม่มาถามถึงเรื่องนั้น… เอาเถอะ ถ้าถึงวันนั้นยังไงก็คงต้องคุยกันให้เข้าใจนั่นแหละนะ เขาตัดสินใจแล้วว่าจะปล่อยให้ทุกอย่างไปเลยตามเลย
“อื้อ ถ้าแม่ถามอะไรฝากหมีด้วยนะ เราก็จะพยายามด้วยเหมือนกัน”
‘ได้เลย ยังไงเราก็จะจับมือกันผ่านไปอยู่แล้ว’
“พูดอย่างกับกล้าจับมือเรางั้นแหละ”
หมีที่อยู่ปลายสายนิ่งไปทันที กะจะพูดให้ซึ้งๆ แต่ดันโดนตีกลับแบบนี้ ซึ่งก็จริงของจุ๋น ตอนนี้ยังเขินอ้ำอึ้งอยู่เลย แต่ผ่านมาขนาดนี้แล้ว จะให้ยอมไปตลอดน่ะไม่ได้หรอก
‘พรุ่งนี้ก็คอยดูแล้วกัน’
แล้วก็วางสายไป
จะเรื่องของคุณแม่จ๋าก็ดี เรื่องการหาทางจับมือจุ๋นก็ดี ทุกสิ่งที่วนเวียนในหัวของหมีมาตลอดมลายหายไปตั้งแต่เขามาถึงบ้านของจุ๋น พอได้เห็นกระถางต้นไม้ที่เคยวางเรียงรายร่วงลงแตกหักอยู่บนพื้นคอนกรีตข้างบ้าน เขาก็รู้เลยว่าวันนี้คงไม่ได้นั่งทำงานสบายๆ อย่างเคยแล้ว
“ทำไมเป็นอย่างนี้ครับเนี่ย”
“เหมือนว่าแมวจรมันจะมาตีกันน่ะ ได้อีกเสียงทะเลาะแป๊บหนึ่งก็ได้ยินเสียงกระถางร่วงเลย”
บ้านของจุ๋นเป็นพื้นคอนกรีตตั้งแต่หน้าบ้านไว้จนถึงข้างบ้านฝั่งซ้าย ซึ่งเป็นที่จอดมอเตอร์ไซด์และตู้เก็บเครื่องมือช่าง ส่วนฝั่งด้านขวากับด้านหลังเป็นดิน มีการปลูกต้นไม้เล็กๆ ไว้เยอะโดยเฉพาะพืชผักสวนครัว แต่ส่วนด้านซ้ายที่เป็นคอนกรีตนั้นก็ยังมีชั้นวางกระถางที่ปลูกดอกไม้เอาไว้ ที่ตอนนี้ตกลงมาแตกหมดแล้ว
“เฮ้อ น่าจะเชื่อจุ๋นเค้า ใช้กระถางพลาสติกซะก็ดี” คุณแม่จ๋าเอ่ยอย่างเสียดายขณะหยิบชิ้นส่วนขนาดใหญ่ของกระถางดินเผาแยกออกมา เพื่อที่จะกวาดชิ้นส่วนเล็กๆ ทีหลัง
“มาผมช่วยครับ แล้วจุ๋น…” ไม่ทันถามก็ได้ยินเสียงจุ๋นออกมาจากในบ้าน เมื่อกี้ตกใจอยู่เลยไม่ทันสังเกต แต่จุ๋นกำลังคุยกับปลายสายด้วยน้ำเสียงโมโห แบบที่หมีไม่เคยได้ยินเลย
“ลูกค้าโทรมาคอมเพลนน่ะ ว่าจุ๋นเย็บไม่ดี”
“จุ๋นเนี่ยนะครับ?” หมีไม่อยากจะเชื่อ จุ๋นเย็บตุ๊กตาทุกตัวอย่างละเอียดจะตาย ยังมีคนมาว่าไม่ดีด้วยเหรอเนี่ย คงจะเป็นลูกค้าที่มาตรฐานสูงมากๆ มั้ง แต่อีกฝ่ายโมโหอย่างนั้นดูไม่ปกติเลย
“เย็บยังไงให้หลานเค้าดึงขาดได้ พอถามไปถึงรู้ว่าหลานสองคนแย่งกันสองฝั่งจนมันขาด โธ่ ยังจะว่าคนเย็บ” คุณแม่จ๋าพูดพลางส่ายหัวเบาๆ คงระอาใจเหลือเกิน
ได้ยินอย่างนั้นหมีก็ได้แต่ภาวนาให้จุ๋นเถียงชนะเค้าแล้วกัน รีบเก็บตรงนี้แล้วไปเป็นกำลังใจดีกว่า ใช่ ถ้าจับมือเป็นกำลังใจตอนนี้ทั้งเนียนทั้งสมเหตุสมผลเป็นที่สุด
“โอ๊ย”
เสียงร้องของคุณแม่จ๋ากับเสียงกระแทกพื้นดึงความสนใจของหมีทันที ชายหนุ่มรีบปรี่เข้าไปประคองหญิงวัยกลางคนที่ล้มแล้วใช้มือยันพื้น กระแทกทั้งมือและเข่าข้างหนึ่ง ที่เข่าถลอกเล็กน้อยแต่มือนี่สิ เพราะบาดกับเศษกระถางพอดีเลือดจึงไหลจนหมีตกใจ
“คุณน้าลุกไหวมั้ยครับ”
“เมื่อกี้ก้มนานไปหน่อยเลยหน้ามืด… โอยเจ็บ…”
หมีพยายามประคองให้คุณน้าลุกขึ้นไปนั่งที่มอเตอร์ไซด์ แม้จะลำบากเล็กน้อยเพราะเธอทั้งหน้ามืดและเจ็บหัวเข่า ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน หาผ้าสะอาดกับกุญแจมอเตอร์ไซด์ ไม่ทันอธิบายอะไรให้จุ๋นที่แตะไหล่พร้อมสีหน้าสงสัยได้ฟังเพราะทั้งรีบร้อนและตัวจุ๋นเองก็ติดสายอยู่ พอผละออกมาแล้วจึงรีบสตาร์ทเครื่องยนต์พาคุณแม่จ๋าไปคลินิกพี่อิ้งค์ทันที
คุณพยาบาลในคลินิกพยายามทำแผลอย่างเบามือที่สุด แต่แอลกอฮอล์ที่เช็ดรอบแผลก็ยังโดนตัวแผลนิดนึงให้รู้สึกแสบ ไม่นับความเจ็บปวดจากตัวแผลเองอีก แต่คนที่แสบที่สุดอาจจะไม่ใช่ตัวคุณแม่จ๋าเอง แต่เป็นหมีที่นั่งมองอยู่ไม่ห่างต่างหาก
เด็กคนนั้นอายุเกินครึ่งห้าสิบแล้ว เป็นผู้ชายตัวโตแท้ๆ แต่ยังทำหน้าเหยเกราวกับเป็นคนเจ็บเสียเอง ทำเอาคนมองอมยิ้ม นึกดีใจที่มีคนเป็นห่วงเธอขนาดนี้
ไม่ใช่แค่นั่งเฝ้าในตอนนี้ แต่ความเร่งรีบในการพามาคลินิก การช่วยเก็บเศษกระถางตั้งแต่แรก นี่ยังไม่นับเรื่องดีๆ ในชีวิตประจำวันที่เธอก็เคยครุ่นคิดอยู่อีก
ถ้าเธออยากให้ลูกคบกับคนที่ดี หมีก็เป็นคนๆ นั้นไม่ใช่หรือไง
“สวัสดีค่ะคุณน้า”
หมออิ้งค์เอ่ยทักเมื่อเดินมาถึงห้องทำแผล เมื่อครู่เธอคุยกับคนไข้คนอื่นอยู่ แม้รู้ว่าคุณน้าจ๋ามาแต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงดูตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นคุณน้าคนสนิทโดนพันแผลทั้งมือ เธอรีบปรี่เข้ามาประคองมือนั้นเบาๆ แล้วถามไถ่ว่าเรื่องราวไปมายังไง ตัวคนเจ็บพออธิบายทุกอย่างแล้วจึงเปลี่ยนเรื่องขึ้นมา
“น้องอิ้งค์มีคนไข้อีกมั้ยลูก น้าอยากคุยด้วยหน่อย”
“ยังไม่มีค่ะ”
พอเห็นหมออิ้งค์ คุณแม่จ๋าก็นึกได้ว่านอกจากเธอแล้วคนที่รู้จักจุ๋นดีที่สุดก็คืออิ้งค์นี่แหละ เป็นเรื่องบังเอิญที่ได้มาหา ดูท่าว่าที่ได้แผลมาจะเป็นแผลนำโชคซะแล้ว
“หมีออกไปก่อนได้มั้ยลูก”
“อ่า.. ได้ครับ”
รู้สึกผิดกับหมีเหมือนกันที่ต้องกันออกจากบทสนทนานี้ ทั้งที่ช่วยดูแลมาตลอดแท้ๆ และไม่ใช่แค่หมีที่งง แต่อิ้งค์ก็ค่อนข้างงงเหมือนกันว่าจะคุยเรื่องอะไร ในความคิดของหมอก็คิดว่าคงเป็นเรื่องของผู้หญิง แต่อาจจะซีเรียสกว่านั้นก็ได้ ในเมื่อตอนนี้คุณน้าตรงหน้าสูดหายใจลึกและทำหน้าจริงจังขึ้นมาเชียว
“น้องอิ้งค์ คิดยังไงถ้าผู้ชายเป็นแฟนกันเหรอจ๊ะ?”
เอ๊ะ?
อิ้งค์ไม่ใช่คนโกหกเก่ง เพียงแค่โดนถามแบบนั้นดวงตาก็เบิกกว้าง เผลอกลั้นหายใจ ได้แต่คิดว่าคุณน้าคงรู้เรื่องรสนิยมทางเพศของจุ๋นแล้วแน่ๆ เพราะถ้าจะถามเป็นเรื่องทั่วไป ก็คงไม่เจาะจงมาถามเธอ
“คุณน้า… ไม่โอเคเหรอคะ…”
“ก็ไม่ขนาดนั้น แต่แค่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ชายรักกันแล้วยังไงต่อ จริงๆ ก็สับสนเหมือนกันนะว่ากลัวอะไร ทั้งที่เห็นลูกคนอื่นเป็นเกย์เป็นกะเทยก็เฉยๆ แต่พอเป็นลูกตัวเอง มันก็กลัวนั่นกลัวนี่ไปหมด”
“คือว่า รู้แล้ว.. ใช่มั้ยคะ…”
“แล้วใช่มั้ยล่ะจ๊ะ”
แววตาของคุณน้าทั้งสื่อความคาดคั้นและความกังวลใจ หนักอึ้งเกินกว่าที่อิ้งค์จะฟันธงอะไรออกมา อย่างแรกคือมันไม่ใช่เรื่องของเธอโดยตรง เธอจึงคิดว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์พูดตราบเท่าที่จุ๋นจะบอกกับแม่ของเขาเอง
แล้วตอนนี้จะพูดอะไรออกไปได้ดี…
“ใช่ครับแม่”
ทั้งสองคนหันไปมองประตูห้องทำแผลที่ถูกเปิดออกพร้อมกัน เป็นจุ๋นที่ยิ้มขื่นๆ เดินจูงมือหมีเข้ามา เป็นการกระทำที่ย้ำชัดยิ่งกว่าคำตอบเมื่อกี้เสียอีก