ถ้าหมอนข้างน้องกระต่ายขาดแบบนี้ คืนนี้จะนอนกอดอะไรล่ะ คุณช่างซ่อมตุ๊กตา... เอ๋ ทำไมถึงได้น่ารักจังเลยนะ?
ชาย-ชาย,รัก,ไทย,feel good,slice of life,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมีถ้าหมอนข้างน้องกระต่ายขาดแบบนี้ คืนนี้จะนอนกอดอะไรล่ะ คุณช่างซ่อมตุ๊กตา... เอ๋ ทำไมถึงได้น่ารักจังเลยนะ?
เดิมทีแล้วหมีกับปั้นไม่ได้ติดต่อกันบ่อยนัก อย่างเร็วก็มักจะเว้นช่วงมากกว่าสองสัปดาห์ ก็เพิ่งมีครั้งนี้นี่แหละที่เพิ่งขอให้ปั้นมาช่วยขนของไปหยกๆ วันถัดมาก็มีเรื่องให้หมีต้องโทรหาเพื่อนสนิทคนนี้เสียแล้ว
“มึงงงงงง”
เพียงแค่เกริ่นขึ้นมาปั้นก็ยิ้มกรุ้มกริ่มทันที มันไม่ใช่มึงยาวๆ แบบที่กำลังเดือดเนื้อร้อนใจ แต่เป็นมึงยาวๆ แบบที่มีอะไรน่าตื่นเต้นกำลังจะเล่าให้ฟัง และก็คงหนีไม่พ้นเรื่องดีๆ หลังจากกามเทพปั้นส่งจุ๋นไปช่วยที่บูธขายการ์ตูนนั่นแหละ
‘อะไรมึง มีไรเหรอวะ’
“เรื่องจุ๋น คืองี้...” หมีพรั่งพรูออกมาทั้งหมด ตั้งแต่ที่จุ๋นไปช่วยงานจนถึงเรื่องหมูกระทะ พูดไปก็บิดน้องตุ๊กตาแมวตัวใหญ่ในอ้อมแขนไปด้วยเพราะความเขิน
‘แล้วมึงเขินไรขนาดนั้น ตอนเค้าไปนอนค้างยังไม่เห็นมีอะไรเล่าให้กูฟัง’
“ก็วันนั้นมันเหนื่อย งานเสร็จก็หลับเป็นตายทั้งคู่ ไม่มีอะไรทั้งนั้น แต่เมื่อวานนี่ดิ ขากลับจากหมูกระทะตอนเค้าซ้อนจักรยานกูอะ แค่มือเค้าจับเอวกูไว้ใจก็เต้นตึกๆ แล้ว”
หมีไม่รู้จะอธิบายความตื่นเต้นทั้งหมดนี้ยังไง ตอนขามาร้านหมูกระทะ พวกเขาเอาของไปเก็บที่ห้องหมีก่อน แล้วหมีจึงพาจุ๋นซ้อนจักรยานมาที่ร้าน ตอนนั้นก็ใจเต้นแบบกรุบกริบ ใจเต้นแบบเราชอบเขา แต่พอขากลับมันใจเต้นแบบเขาชอบเราเหมือนกัน แค่นี้ก็ต่างกันมากโขแล้ว
‘โถพ่อคนเพิ่งเคยมีความรัก เอ็นดูว่ะ’
“อย่า อย่ามาเอ็นดูกู กูให้จุ๋นเอ็นดูได้คนเดียว”
‘มึงไปพูดแบบนี้กับจุ๋นด้วยนะ’
“จะกล้าพูดได้ไงเล่า”
ปั้นหัวเราะลั่น หมีเอ๊ยหมี มาถึงจุดนี้มีความหวังเต็มเปี่ยมแล้วแต่ก็ยังป๊อดไม่เลิก ‘แล้ววันนี้มึงไปหาจุ๋นเปล่า’
“ไปดิ กูร่างสัญญาเสร็จแล้ว ทั้งเรื่องตุ๊กตาแบรนด์ของจุ๋น ทั้งที่ทำตุ๊กตาการ์ตูนของกู วันนี้จะเอาไปให้จุ๋นเซ็น ทั้งที่จริงจุ๋นจ่ายขาดให้กูแล้วเอาไปใช้ซะก็จบ แต่เขาบอกว่าถ้ามีกำไรจะแบ่งให้กูด้วยเลยอยากให้มีสัญญาชัดเจน ทำไมน่ารักขนาดนี้นะ”
'ในกรณีนี้ต้องใช้คำว่าแบบ แฟร์งี้ป่ะ กูว่าไม่ใช่น่ารักนะ'
“ก็กูจะชมน่ารักอะ จะทำไม”
‘แหม่ สัญญาเยอะขนาดนี้ไม่เอาทะเบียนสมรสไปให้เขาเซ็นด้วยอีกใบล่ะ’
“ไอ้...” หมีอยากสบถออกมาเมื่อได้ยินปั้นพูดแบบนั้น ก็รู้ว่าคนเค้าเขินจะตายอยู่แล้วยังจะแหย่กันอีก “สมรสเท่าเทียมพร้อมจริงๆ เมื่อไรกูชวนจุ๋นจดเลยเอ้า” แต่ด้วยความอยากปะทะฝีปากกับเพื่อน จึงคิดหาอะไรโต้กลับไป หวังว่าปั้นจะมองตัวเขาใหม่สักที ว่ามีไม่ได้มีแค่ป๊อดสักหน่อย
‘ยังไม่ทันคบกันเลย มึงก็ฝันไกลเนอะ’
“ถ้าจะช็อตกันงี้มึงจะพูดเรื่องจดทะเบียนทำไมแต่แรกวะ”
‘5555 ก็คบกันเร็วๆ ละกันเพื่อน กูเป็นกำลังใจ’
“เออขอบใจ”
หลังจากวางสายจากเพื่อนก็ถึงเวลากลับสู่โลกความเป็นจริง พอคุยกับปั้นแล้วสบายใจ แต่พอคิดว่าจะต้องไปหาจุ๋นก็กลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง ขนาดว่าหมีคิดว่าดูแลตัวเองดีขึ้นมากแล้วถ้าเทียบกับสมัยเรียน แต่ก็อยากจะดูดีมากกว่านี้เพื่อไปเจออีกฝ่าย จนนึกเสียดายที่ไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ติดไว้บ้างเลย สุดท้ายก็เลือกเสื้อยืดที่สกรีนลายเท่ที่สุดกับกางเกงยีนส์ตัวเก่งใส่ไป
นอกจากนั้นหมียังคิดที่จะจัดแต่งทรงผมด้วย เขาเปิดคลิปสอนแต่งผมสำหรับผู้ชายผมหยักศกแล้วค่อยๆ ทำตาม ใช้เจลที่ซื้อมานานพยายามปาดผมให้เข้าที่ หันซ้ายหันขวาหน้ากระจกจนพอใจกับรูปลักษณ์ของตนแล้วจึงออกจากบ้านไป
“อ้าวหมี แต่งตัวหล่อเชียว วันนี้จะไปไหนเหรอ”
คุณแม่จ๋าทักขึ้นมาทันทีหลังจากเดินมาเปิดประตูรั้วให้หมี ซึ่งคนถูกชมก็ได้แต่เกาแก้มแก้เขินแล้วตอบอ้อมแอ้ม
“แค่ลองแต่งดูน่ะครับ ไม่ได้ไปไหนหรอก” จะให้ตอบว่าตั้งใจแต่งมาหาลูกชายคุณแม่ก็ไม่ได้เสียด้วย ยิ่งพอคิดว่าเธอไม่รู้ว่าจุ๋นชอบผู้ชายแล้วรู้สึกห่อเหี่ยวลดนิดหนึ่ง
แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น พอคิดว่าเจอหน้าจุ๋นก็ตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง ตอนที่เปิดประตูห้องทำงานออกแล้วเห็นอีกฝ่ายหันมาพร้อมรอยยิ้มนี่ อย่างกับโลกจะหยุดหมุน
“มาแล้วเหรอหมี โทษทีนะไม่ได้ไปรับเลย”
หมีไม่นึกโทษจุ๋นหรอกกับแค่เรื่องเปิดประตูบ้านให้ ถ้าใครมาลองเห็นสภาพห้องทำงานตอนนี้ก็คงนึกเห็นใจเหมือนกัน โดยเฉพาะหมีที่รู้สึกผิดเข้าไปด้วย เพราะตุ๊กตาที่กำลังซ่อมของจุ๋นมีทั้งชิ้นส่วนเรียงเต็มโต๊ะ ส่วนที่ยังไม่ได้ซ่อมก็ถูกวางใส่กล่องซ้อนกันเป็นพรืด
“โห นี่จะไหวเหรอจุ๋น ต้นกล้าน่ะ”
“ไหวๆ แจ้งลูกค้าไปแล้วนี่นา”
จากในงานที่มีคนมาสั่งจองตุ๊กตาต้นกล้าสิบคนครบแล้ว ยังมีอีกหลายคนที่มาสั่งไม่ทัน ทำให้จุ๋นตัดสินใจเปิดรับเพิ่มโดยการให้สั่งจองลงกูเกิ้ลฟอร์มไปอีกสิบตัว อันที่จริงมีคนเรียกร้องตุ๊กตาพายุ ทิชา และตัวละครอื่นๆ มาด้วย แต่ครั้งนี้หมีพยายามฝ่าฟันความเขินแล้วมองว่างานต้องเป็นงาน โดยการสั่งจุ๋นห้ามรับเพิ่มอีกแล้วจนกว่าจะเคลียร์ล็อตแรกเสร็จ
ก็เพราะว่าเป็นการคุยผ่านแชทด้วยถึงกล้าพูดล่ะนะ ถ้าคุยโทรศัพท์หรือเจอหน้ากันหมีคงใจอ่อนไปแล้ว…
เวลาที่แจ้งกับลูกค้าไว้คือวันที่หนึ่งของเดือนหน้า ซึ่งก็ประมาณอีกสองอาทิตย์เท่านั้น หมีค่อนข้างกังวล เพราะจุ๋นไม่ได้มีแค่งานประดิษฐ์ตุ๊กตา แต่ยังมีงานซ่อมด้วย
“หมีดูนี่นะ” พอเห็นสีหน้าของหมี จุ๋นก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร จึงหยิบเอากระดาษที่ตัดเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ จำนวนมากในกล่องสีน้ำตาลใบหนึ่งมาให้ หมีหยิบดูแล้วทีแรกก็สงสัย แต่พอดูไปหลายๆ ชิ้นก็เริ่มจะเข้าใจ
“นี่... ไว้เย็บต้นกล้าเหรอ”
“ใช่ เราทำแพตเทิร์นของต้นกล้าเสร็จหมดแล้ว ตอนเย็บก็ใช้จักร เพราะงั้นมันไม่ยากนักหรอก”
หมีใช้จักรไม่เป็น เลยไม่รู้ว่ามันง่ายกว่าเย็บด้วยมือปกติยังไง แต่ถ้าจุ๋นว่ามันไม่ยาก ก็จะพยายามเชื่อ แต่สายตาที่กวาดมองตุ๊กตาในห้องก็ยังคงความหวั่นใจ
“ตอนนี้เราหยุดรับซ่อมตุ๊กตาชั่วคราวด้วย มีแค่เคลียร์พวกนี้ให้ทันที่บอกลูกค้าไว้เท่านั้นเอง ไม่ต้องห่วงนะ ว่าแต่วันนี้หล่อขึ้นนะเนี่ย มีปาดเจลด้วย”
“ก็... ตั้งใจแต่งมาหาจุ๋นนั่นแหละ ดูโอเคมั้ย” ได้ยินจุ๋นบอกว่าหล่อก็เขินขึ้นมา แต่ก็อยากถูกชมมากกว่านี้อีกหน่อย
“โอเคสิ โอเคมากเลย แต่จริงๆ หมีแบบปกติ จะใส่เสื้อยืดขาสั้นยังไงก็หล่ออยู่ดีแหละนะ”
“โอ้ย ไม่หล่อหรอก ผมยุ่งขนาดนั้น” หมีหมายถึงผมหยักศกของตัวเอง ถ้าไม่จัดทรงก็จะดูยุ่งเหยิงนิดหนึ่ง ปกติหมีก็ไม่ค่อยสนใจหรอก เว้นแต่มันฟูจริงๆ ก็ใส่หมวกไปเลยเพื่อตัดปัญหา
“หล่อออก น่ารักด้วย ฟูๆ ดูนุ่มนิ่มเหมือนหมาใหญ่เลย”
“เอ๊ะ?”
“เอ้ย ไม่ชอบรึเปล่า ขอโทษนะ แค่คิดว่าน่ารักดีน่ะ”
ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่หมีกำลังคิดอยู่ หมาใหญ่นี่เหมือนซามอยด์หรือลาบราดอร์ที่เห็นตามเน็ตใช่มั้ยนะ? ถึงจะแปลกๆ ไปหน่อยที่ตัวเองชื่อหมีแต่คนบอกเหมือนหมาก็เถอะ แต่ถ้าจุ๋นบอกว่าน่ารักจะมีอะไรให้ไม่พอใจล่ะ
“ไม่ได้ไม่ชอบ กำลังคิดน่ะ แบบเหมือนลาบรา... เอ้ย เค้าเรียกว่าหมาแดงกันใช่มั้ย”
“ใช่ๆ ถ้าย้อมสีน้ำตาลล่ะเหมือนหมาแดงเลย”
หมีนึกภาพตัวเองผมสีน้ำตาล จินตนาการยากไปหน่อยเพราะตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยย้อมผมเลย แล้วถ้าเขาเป็นหมาใหญ่ ก็จะอ้อนจุ๋นได้อย่างนั้นสินะ ถ้าได้นอนตักแล้วมีมือนุ่มๆ ลูบหัวฟูๆ ของเขาล่ะก็…
“ว่าแต่วันนี้จะเอาสัญญามาให้ใช่เปล่า”
ฟองสบู่จินตนาการที่ลอยอยู่เหนือหัวแตกกระจุยเมื่อจุ๋นทักเรื่องนี้ขึ้นมา หมีรวบรวมสติขณะพึมพำว่าสัญญาไปด้วย มือก็ควานหาแฟ้มใส่สัญญาจากในกระเป๋าแล้วยื่นให้คนที่รอรับ
“เป็นอะไรรึเปล่า เมื่อกี้ดูเหม่อๆ นะ”
“เปล่า ก็แค่ พอโดนเปรียบเป็นหมาแดงแล้วก็... เอ่อ...” พอนึกถึงแล้วก็ไม่กล้าสบดวงตากลมโตของจุ๋นที่กำลังจ้องมา “แบบว่า อยากถูกลูบหัวจังเลยน้า แบบ เอ้อ ถ้าคิดแปลกๆ ก็ขอโทษนะ”
“ไม่เห็นแปลกเลย ไหนๆ” จุ๋นวางเอกสารลงบนโต๊ะก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ยกแขนสองข้างขึ้นจับกลุ่มผมของหมีพลางลูบอย่างแผ่วเบา ดวงตาใสก็จ้องคนที่ยืนตัวแข็งเกร็งไปด้วย
“เด็กดีๆ”
ใจของหมีเต้นแรงจนแทบระเบิดออกมา มือทั้งสองข้างเกร็งจนกำกันไว้แน่น ขนาดจุ๋นผละตัวออกไปแล้วยังไม่กล้าขยับ ก็เล่นเข้ามาใกล้อย่างนี้ จิตใต้สำนึกมันก็คิดได้อย่างเดียวว่าอยากคว้าตัวกอดไว้มากเลย แต่พูดออกไปไม่ได้หรอก เพราะถ้าจุ๋นยอมขึ้นมาจะเป็นตัวเขาที่เขินจนแย่
“เดี๋ยวเราอ่านแป๊บนึงนะ”
“อะ อื้อ... เราขอไปหาน้ำกินหน่อยนะ”
ว่าแล้วก็พุ่งปรู๊ดออกจากห้องไป พยายามซ่อนความประหม่าไว้แล้วขออนุญาตคุณแม่จ๋าเพื่อดื่มน้ำที่แช่ไว้ในตู้เย็น หวังว่าน้ำเย็นๆ จะช่วยฟรีซสติที่กระเจิงกระเจิงกลับมาเข้าที่ได้ เป็นการกินน้ำแก้วเดียวที่นานเอาเรื่อง จนเข้าห้องทำงานจุ๋นไปอีกที อีกฝ่ายก็เซ็นเอกสารมายื่นให้แล้ว
“โอเคเลยหมี ขอบใจนะ”
“อื้อ...”
“แล้วก็นี่ จากแบบที่หมีให้ เดี๋ยวเราเย็บน้องคนนี้ก่อนนะ”
“นั่นหมายถึง จะเย็บตอนไหนเหรอ”
“ก็ต้องหลังจากล็อตต้นกล้าเสร็จแล้วนั่นล่ะ แต่นี่คิดชื่อเอาไว้แล้ว ชื่อว่าน้องไข่ตุ๋น”
หมีพยักหน้าหงึกหงัก ตัวที่จุ๋นเลือกเป็นตุ๊กตาหมียาว20เซนติเมตรสีครีม ชื่อไข่ตุ๋นก็ดูเข้าท่าดี น่ารักแถมให้ความรู้สึกอบอุ่นด้วย แต่พอมองหน้าจุ๋นแล้ว เหมือนอยากจะเล่าอะไรมากกว่านั้น
“รู้มั้ยทำไมถึงให้ชื่อไข่ตุ๋น?”
“ทำไมเหรอ?”
“จริงๆ แล้วนั่นเป็นชื่อเล่นจริงๆ ของเราล่ะ”
“เอ๋ งั้นทำไมถึงกลายมาเป็นชื่อจุ๋นล่ะ”
“คือจริงๆ ตอนแม่ท้องเราแล้วชอบกินไข่ตุ๋นมาก ก็เลยเอามาตั้งเป็นชื่อเล่นเรา แต่เราตอนเด็กๆ ออกเสียงไม่ชัด เป็นไข่จุ๋น แล้วไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นจุ๋นแบบนี้แหละ พอเห็นน้องสีครีมตัวนี้แล้วก็เลยคิดว่าอยากให้เป็นเหมือนตัวแทนของเราน่ะ”
จุ๋นพูดทั้งหมดนั่นด้วยตาเป็นประกาย ถึงจะไม่ได้ใช้ชื่อไข่ตุ๋นแล้วแต่ชื่อแรกก็คงเป็นที่ชื่อมีความสำคัญสำหรับจุ๋นมากๆ ยิ่งเข้าใจเข้าไปใหญ่ว่าทำไมจุ๋นถึงตัดสินใจแบบนั้น ชื่อเล่นตัวเองในตุ๊กตาตัวแรกของแบรนด์ มีความหมายมากเลยนะ
ดีใจจังที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในผลงานนี้...