ถ้าหมอนข้างน้องกระต่ายขาดแบบนี้ คืนนี้จะนอนกอดอะไรล่ะ คุณช่างซ่อมตุ๊กตา... เอ๋ ทำไมถึงได้น่ารักจังเลยนะ?
ชาย-ชาย,รัก,ไทย,feel good,slice of life,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตอนที่หมีวิ่งเข้ามาในบ้านเพื่อหากุญแจมอเตอร์ไซด์นั้น จุ๋นยังไม่ทันถามอะไรให้ชัดเจนคนรีบก็ผลุนผลันออกไป พอวางสายลูกค้าเสร็จแล้วเดินออกมาดูนอกบ้านก็เข้าใจ รอยเลือดที่หยดลงกับพื้นนั้นทำให้จุ๋นไม่ต้องโทรถามอีกฝ่ายด้วยซ้ำว่าเมื่อกี้พากันไปไหน เขาคิดว่าแม่คงโดนกระถางบาด ไม่รู้ว่ามากน้อยเท่าไร เขาจึงรีบขี่จักรยานของหมีตามมาที่คลินิกของพี่อิ้งค์
พอมาถึงก็เห็นหมีเดินออกมาจากห้องทำแผลพอดี พอเห็นว่าแม่ยังอยู่ในนั้นก็คิดว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า ไม่ทันได้ฟังหมีพูดอะไรก็หยุดอยู่หน้าห้องและได้ยินสิ่งที่แม่ถามพี่อิ้งค์พอดี
ไม่คิดว่าอนาคตที่คิดว่าต้องบอกเรื่องนี้กับแม่จะเร็วขนาดนี้ และไหนๆ ก็มาถึงตรงนี้แล้ว จูงมือหมีเข้าไปเลยก็คงดี ทั้งให้แม่ได้เห็นชัดๆ ทั้งได้ความอุ่นใจจากคนข้างๆ ด้วย
“แม่กลัวอะไรเหรอครับ”
จุ๋นถามคำถามนี้เป็นอย่างแรกเมื่อได้ยินแม่คุยกับพี่อิ้งค์ก่อนหน้านี้ สงสัยเหมือนกันว่าถ้าแม่บอกว่าไม่ถึงกับไม่โอเคแต่ว่ากลัวนี่คืออะไร หมายถึงกลัวไม่มีคนเลี้ยงตอนแก่? กลัวอยู่กันไม่ยืด? อะไรที่เป็นคำถามเบสิกของคู่รักเพศเดียวกันนั้นจุ๋นเตรียมคำตอบไว้หมดแล้ว
“แม่คิดว่า.. แม่เป็นแม่ที่ไม่ดีรึเปล่านะ?”
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ในที่สุดแม่ก็เอ่ยคำถามนี้ออกมา ถึงแม้จะฟังแล้วเสียดแทงใจของจุ๋น แต่แน่นอนว่าเขามีคำตอบสำหรับคำถามนี้เหมือนกัน แม่เป็นแม่ที่ดีที่สุด และการมีรสนิยมทางเพศนี้ไม่ได้เกิดมาจากการเลี้ยงที่ไม่ดีแน่นอน จุ๋นจะตอบออกไปอยู่แล้ว
“แม่อยู่กับจุ๋นมาตั้งแต่เกิด อยู่กับจุ๋นคนเดียวตั้งแต่พ่อเค้าเสีย แต่แม่เอาแต่คิดว่าจุ๋นชอบผู้หญิง ชอบน้องอิ้งค์ แม่ดูอะไรไม่ออกเลย มันเหมือนกับ.. สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้มันขัดกับสิ่งที่แม่เข้าใจ แล้วแม่ก็ยัง.. คิดว่าเหมือนแม่ละเลยจุ๋นมาตลอดเลย…”
พอสิ่งที่แม่พูดไม่เป็นตามที่จุ๋นคาด เขาจึงนิ่งไปพักหนึ่งเหมือนกัน ก่อนจะปล่อยมือหมีแล้วเดินไปนั่งลงข้างแม่บนเตียงทำแผล กอดเธอไว้แน่นพลางคิดว่าแม่ของเขาช่างใจดีเหลือเกิน เขานึกว่าแม่จะรับไม่ได้อย่างหนัก เช่นโทษตัวเองที่เลี้ยงเขาให้กลายเป็นเกย์ ราวกับว่าตัวเขาเป็นสิ่งที่ผิด และยึดมั่นกับความเชื่อว่าลูกของเธอต้องชอบผู้หญิง ไม่ต้องการให้ผิดไปจากนี้ แต่แม่กลับคิดว่าตัวเองไม่ใส่ใจเขาเสียอย่างนั้น ทั้งที่มันไม่ใช่เลย
“จุ๋นก็ผิดเหมือนกันแม่ พอเห็นพ่อแม่คิดว่าจุ๋นชอบผู้หญิง จุ๋นกลัวจะรับไม่ได้กันก็เลยไม่ได้เปิดเผยไปตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นจุ๋นเองที่พยายามปิดมาตลอด”
ถึงจุ๋นจะเอ่ยอย่างนั้นคนเป็นแม่ก็คิดว่าไม่ใช่อยู่ดี หลังจากอิ้งค์มีแฟน ตัวเธอและสามีต่างก็ชอบพูดกันเล่นๆ ว่าลูกจะมีแฟนเป็นผู้หญิงแบบไหนกันนะ หรือเวลาที่จุ๋นเอ่ยปากว่าชอบดารานักร้องหญิงคนไหน ก็มักจะแซวลูกว่าชอบแบบนี้นี่เอง คงเพราะอย่างนี้จุ๋นจึงไม่กล้าบอกเธอเสียที
“แม่ขอโทษนะจุ๋น ถ้าแม่ไม่เอาแต่คิดว่าจุ๋นจะชอบผู้หญิง จุ๋นคงกล้าบอกแม่เร็วกว่านี้ คอยหลบซ่อนเหนื่อยมั้ยลูก”
จุ๋นส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “จุ๋นไม่ได้ซ่อนอะไรเลย แค่ไม่ได้บอกแม่ว่าชอบผู้ชาย หรือกำลังคุยกับผู้ชายคนไหนเอง ได้บอกตอนนี้ก็ดี ก่อนหน้านี้จุ๋นอาจจะไปชอบคนที่ไม่โอเคก็ได้ แต่ตอนนี้เป็นหมี แม่ว่าดีมั้ยครับ”
พอถูกทุกสายตาจับจ้องก็กลายเป็นหมีที่สะดุ้งขึ้นมา เขายืนตัวลีบคอยเฝ้ามองอยู่ ไม่คิดว่าจะได้มีซีนในฉากซึ้งของแม่ลูกด้วยซ้ำไป แต่จุ๋นก็โยนมาจนได้
“แม่ดีใจที่เป็นหมีนะลูก”
คำพูดสั้นๆ ของคุณแม่จ๋าทำให้น้ำใสๆ รื้นในดวงตาของหมี เขาอาจไม่ได้พบเจอการที่ต้องปิดบังรสนิยมทางเพศกับครอบครัวเหมือนจุ๋น แต่ก็ใช่ว่าเขาได้เปิดเผยมากนัก การที่มีคนรู้เพิ่มอีกคนหนึ่ง ซ้ำยังเป็นคนสำคัญที่สุดของคนที่เขารักด้วย และคนๆ นั้นยอมรับเขาเป็นคนรักของลูกชาย จะไม่อ่อนไหวได้ยังไงกัน
“อ้าว นี่พวกเธอเป็นแฟนกันแล้วเหรอ”
น้ำตาหยุดไหล รอยยิ้มซึ้งใจหุบลง นอกจากคุณแม่จ๋าที่ร้องเอ๋ขึ้นมาเบาๆ แล้ว ชายหนุ่มสองคนต่างมองหน้ากัน แล้วหันไปหาคนที่เอ่ยคำถามนี้ขึ้นมาอย่างอิ้งค์ ต่างคนต่างไม่มีใครพูดอะไรก่อนจนอิ้งค์สงสัย แต่สุดท้าย จุ๋นก็ส่ายหน้าเบาๆ
“ยังเลยพี่”
“โธ่ แล้วก็ปูมาซะ”
“ก็บอกว่าตอนนี้ชอบหมี ไม่ได้บอกว่าเป็นแฟนกันสักหน่อย พี่อิ้งค์นั่นแหละฟังไม่ได้ศัพท์”
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ”
“ชอบหมีไง ชอบบบบบบบหมี”
ไม่ใช่การพูดคุยกันธรรมดาแล้ว คนเชื่องช้าอย่างหมียังสัมผัสได้ ก็ดูสองพี่น้องที่ถามกันไปหัวเราะคิกคักกันไปนี่สิ ยังไงก็เจตนาแกล้งเขาชัดๆ แล้วถามว่าเขินมั้ย โดนบอกชอบอย่างนี้หมีก็แทบจะมุดเข้าไปกัดกำแพงแก้เขินอยู่แล้ว ดูสิ ขนาดคุณแม่จ๋ายังแอบหัวเราะเลย
จุ๋นก็นะ ทำไมเก่งกล้าขนาดนี้ หมีลองคิดว่าถ้าตัวเองลองบอกชอบอีกฝ่ายต่อหน้าพ่อแม่จะเป็นยังไง คงตัวแดงตัวร้อนจนระเบิดไปแน่ แล้วดูคนตรงหน้าสิ เพิ่งเปิดตัวเมื่อกี้แล้วยังกล้าบอกชอบเขาให้แม่ฟังอีก แต่หมีก็คิดว่าพอจะเข้าใจ ถึงจุ๋นจะบอกว่าไม่ได้ปิดบังเหนื่อยอะไร แต่ตอนนี้ที่ได้ปลดปล่อยคงโล่งน่าดู
อย่างนี้ แทนที่จะมัวแต่เขิน หมีก็ควรจะช่วยแสดงความยินดีกับจุ๋นรึเปล่า
ถึงจะเก้ๆ กังๆ แต่หมีก็เดินเข้าไปใกล้จุ๋นที่มองมาอย่างสงสัย คงสงสัยว่าเขาจะมาไม้ไหนนั่นแหละ เพราะงั้นตอนที่กล้าดึงมืออีกคนมากุมเอาไว้ ก็คงสมใจคนโดนกุมมือล่ะถึงได้ยิ้มออกมา
“ดีใจที่คุณน้าเข้าใจนะจุ๋น”
“อื้อ ขอบคุณนะ”
“เราก็ชอบจุ๋นเหมือนกัน”
“เอ๊ะ”
“คุณน้าเดินไหวมั้ยครับ ปะกลับบ้านกันเถอะ”
ไม่ทันที่จุ๋นจะได้ตื่นเต้นดีใจกับคำบอกชอบเสียงเบาๆ จากหมีเลย อีกฝ่ายก็ตัดบทเดินไปหาคุณแม่ของตนเสียแล้ว และอย่าเรียกว่าถาม พยายามดึงให้ยืนขึ้นเสียมากกว่า พากันเดินออกไปทั้งที่คนประคองแก้มและหูแดงแจ๋ หมีคงไม่ทันคิดด้วยซ้ำมั้งกว่าพากันกลับตอนนี้จะเข้าบ้านยังไง ในเมื่อกุญแจบ้านอยู่ที่จุ๋น
“หน้าแดงขนาดนี้เป็นไข้เปล่าจ๊ะ” พอสองคนเดินออกห่างไป คุณหมอคนสวยก็แซวน้องชายคนสนิททันที ร้อนถึงจุ๋นที่รีบเอามือแตะหน้า ชายหนุ่มไม่รู้ตัวสักนิดว่าหน้าตัวเองแดง
“มีคนบอกชอบก็ต้องเขินเป็นธรรมดารึเปล่าพี่”
“อย่างกับไม่เคยบอกชอบกัน”
“เคย แต่หมีเค้าขี้อาย กว่าจะได้ฟังมันยากนะ แล้วเมื่อกี้เค้าจับมือผมก่อนด้วย”
เห็นน้องชายตกอยู่ในห้วงรัก อิ้งค์ก็พลอยดีใจไปด้วย ตั้งแต่เด็กๆ เธอได้แต่เฝ้ามองจุ๋นที่บางทีก็แอบชอบใครบางคนหรือคุยกับใครบางคนแต่ไปไกลกว่านั้นไม่ได้สักที วันนี้ช่างราวกับเป็นฝันดีที่เป็นจริงขึ้นมา
“ถ้าเป็นแฟนกันแล้วอย่าลืมมาแจ้งนะ”
“อื้ม จะบอกพี่อิ้งค์คนแรกเลย”
หมีก็เพิ่งรู้ตัวตอนมาถึงบ้านนี่แหละว่าไม่มีกุญแจ ลำพังตัวเองยืนรออยู่คนเดียวคงไม่เป็นไร แต่พอมีคุณแม่จ๋าอยู่ด้วยก็กังวลเมื่อแดดตอนนี้มันร้อนซะเหลือเกิน ร่มก็ไม่มีซะด้วยสิ
“น้องหมีมานี่”
พอหันตามเสียงเรียกไปทางขวาของรั้ว ก็เพิ่งเห็นว่าคุณแม่จ๋าหลบเข้าใต้ร่มชมพูพันธุ์ทิพย์ของบ้านสองหลังถัดไปเรียบร้อยแล้ว จึงเดินตามเข้าไป โชคดีที่ต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาพอสำหรับสองคนพอดี
“เมื่อกี้เขินเหรอลูก”
“ต้องเขินสิครับ โดนแซวขนาดนั้น”
“แล้วลูกน้าจะได้มีแฟนมั้ยน้อ”
“โธ่คุณน้า”
พอหมีทำท่าจะมุดเข้ากำแพงของเพื่อนบ้าน คุณแม่จ๋าก็หัวเราะออกมาอีก เธอไม่เคยคิดว่าเด็กคนนี้จะเป็นคนขี้อายขนาดนี้ ถึงแม้จะน่าเอ็นดูดีแต่ก็แอบเป็นห่วง ถึงเธอจะไม่รู้มาก่อนว่าลูกชอบผู้ชาย แต่รู้ว่าลูกชายของเธอขี้แกล้งไม่เบา เจ้าหมีได้เป็นรองจุ๋นแน่ๆ
“ว่าแต่ น้าสงสัยอย่างนึงนะ”
หมีหันกลับมามองใบหน้าคนข้างๆ เริ่มมีแววตาเป็นกังวลอีกครั้งเมื่อคิดว่าอาจจะเป็นคำถามจริงจัง จนคุณแม่จ๋าได้ทักว่าไม่ต้องตกใจ แค่อยากถามในสิ่งที่ไม่รู้เฉยๆ
“หมีกับจุ๋นเนี่ย ใครเป็นผู้หญิงเหรอจ๊ะ”
“ห๊ะ?” หมีคิดว่าตัวเองฟังอะไรผิดไปสักอย่าง เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่เข้าใจความหมายของคำถามสักเท่าไร ยังไงกันนะ เขากับจุ๋นก็เป็นผู้ชายทั้งคู่นี่นา?
“ไม่มีนี่ครับคุณน้า คือ ผมไม่เข้าใจคำถามน่ะครับ”
“แบบว่า…”
“มาแล้วๆ”
ไม่ทันที่คุณแม่จ๋าจะได้ถามต่อ จุ๋นก็ขี่จักรยานกลับมาพอดี ขับผ่านหน้าทั้งสองคนไปหยุดที่รั้วบ้านตัวเองก่อนจะลงมาไขกุญแจ ให้หมีได้เข็นรถมอเตอร์ไซด์เข้าบ้านโดยยังไม่ได้ถามอะไรคุณน้าต่อ แล้วมาสะกิดจุ๋นเพื่อหาตัวช่วย
“จุ๋น เมื่อกี้คุณน้าถามว่าพวกเรานี่ใครเป็นผู้หญิงล่ะ”
“เอ๋”
กลายเป็นจุ๋นขมวดคิ้วตามไปอีกคน เขามองไปยังแม่ของตัวเองที่หยิบขวดน้ำกับแก้วไปนั่งที่โซฟา กวักมือให้เด็กๆ มานั่งใกล้ๆ
“แม่หมายความว่าไงเหรอ?”
“ก็แบบว่า ถึงจะเป็นเกย์ ก็จะต้องมีฝ่ายนึงเป็นผู้ชาย ฝ่ายนึงเป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอ เหมือนแบบ… ทอมดี้น่ะ ทีนี้สองคนน่ะดูยังไงก็ผู้ชาย แม่เลยสงสัย ถ้าจุ๋นจะเป็นผู้หญิงก็เป็นได้นะลูก แม่รับได้หมดเลย”
“ไม่ๆๆ ไม่ใช่แล้วแม่” เอาล่ะ จุ๋นเข้าใจที่แม่พูดแล้ว ดูท่าหมีก็คงเข้าใจถึงได้ร้องอ๋อออกมา แล้วก็ได้มองหน้ากันว่าจะพูดยังไงดี
“อ้าว งั้นจริงๆ น้องหมีเป็นผู้หญิงเหรอ”
“ไม่ใช่เหมือนกันแม่” จุ๋นร้องเสียงดังเลยคราวนี้ ก่อนจะถอนหายใจแล้วค่อยๆ อธิบายต่อแม่ของตนช้าๆ “แม่ครับ คือพวกเราน่ะนะ เป็นผู้ชาย ที่ชอบอีกฝั่งที่เป็นผู้ชายครับ”
พอเห็นแม่ดูจะยังไม่เข้าใจเต็มร้อย จุ๋นจึงอธิบายเพิ่ม “แยกกันอย่างนี้นะแม่ เพศที่เราเป็น ผมกับหมีคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชาย การแสดงออกของเราก็เป็นผู้ชาย กับอีกอย่างคือรสนิยมว่าเราชอบเพศอะไร ซึ่งเราชอบเพศชายครับแม่”
“งั้นสมมติว่า ถ้าวันหนึ่งน้องหมีอยากแปลงเพศขึ้นมา จุ๋นก็จะไม่ชอบแล้วเหรอลูก”
“ทั้งเพศของเรา ทั้งรสนิยมเปลี่ยนไปได้ตลอดนะครับ” หมีเสริมขึ้นมา “มันยากนิดนึง แต่ถ้าสมมติผมอยากจะเปลี่ยนจริงๆ หมายถึงมีการแสดงออกเป็นหญิง ก็ต้องดูว่าจุ๋นพร้อมจะรับการเปลี่ยนแปลงของผมได้รึเปล่า ก็มีทั้งคนที่รับได้ และรับไม่ได้ ถ้าจุ๋นรับไม่ได้ก็..”
ใจจริงแล้วหมีไม่อยากพูดถึงการเลิกกันทั้งที่ยังไม่ได้คบนี่เลย แต่นั่นก็เป็นอนาคตที่คาดเดาไม่ได้ พูดไปแล้วจุ๋นก็ทำหน้าเศร้าขณะดึงมือของหมีมากุมไว้ ดูท่าจุ๋นเองก็จะไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน
“แล้วจะมั่นคงกันเหรอลูก ถ้าคนหนึ่งเปลี่ยนไปแล้วมีโอกาสที่จะไม่ชอบ…”
“ถ้างั้นก็ทุกคนรึเปล่าครับ แม่เองแต่ก่อนไม่ค่อยพูด แต่แฟนเก่าแม่ชอบทำห้องรกมากจนแม่กลายเป็นคนขี้บ่นขึ้นมา เค้าก็บอกเลิกแม่ไม่ใช่เหรอ คนเราน่ะนะแม่ จะภายนอกภายในเราก็เปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว ปรับกันได้ก็คบต่อ ไม่ได้ก็แยกย้าย เกิดได้กับทุกเพศแหละครับแม่”
พอถูกยกตัวอย่างเป็นตัวเองเข้าก็สะดุ้งขึ้นมา แต่พอคิดตามแล้วก็จริงอย่างลูกชายว่า ถ้านิสัยก็อย่างที่จุ๋นพูด หรือถ้าภายนอก ตอนที่เธออยากซอยผมสั้น แฟนเก่าคนหนึ่งก็ขู่จะเลิกเพราะเพียงแค่ทรงผมเหมือนกัน ตัวเธอเป็นผู้หญิง แต่ก็คบกับแฟนหลายคนกว่าจะมาเจอพ่อของจุ๋น ถึงจะแต่งงานแล้วก็ยังต้องปรับตัวกันอีกเยอะ
จะเพศไหนก็เหมือนกันงั้นสินะ…
“เข้าใจแล้วล่ะ”
เด็กสองคนถอนหายใจพร้อมกันเมื่อผู้ใหญ่เข้าใจง่ายกว่าที่คิด อันที่จริงเรื่องราวของเพศสภาพนั้นหลากหลายมาก ถ้าพูดต่ออีกฝ่ายก็อาจจะงงได้ แต่วันนี้เอาแค่ให้ยอมรับความรักของทั้งสองคนได้ก็เพียงพอแล้ว
วันที่เหมือนจะหนักหนานี่ได้จบลงเสียที
ต่อไปก็ประคองความรักกัน ถึงแม้ว่าจะมีการปรับตัวหลายอย่างสินะ