ถ้าหมอนข้างน้องกระต่ายขาดแบบนี้ คืนนี้จะนอนกอดอะไรล่ะ คุณช่างซ่อมตุ๊กตา... เอ๋ ทำไมถึงได้น่ารักจังเลยนะ?

ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี - ตอนที่ 19 หมีออกเดท โดย ดังใจ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,feel good,slice of life,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

feel good,slice of life,#BL

รายละเอียด

ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี โดย ดังใจ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ถ้าหมอนข้างน้องกระต่ายขาดแบบนี้ คืนนี้จะนอนกอดอะไรล่ะ คุณช่างซ่อมตุ๊กตา... เอ๋ ทำไมถึงได้น่ารักจังเลยนะ?

ผู้แต่ง

ดังใจ

เรื่องย่อ

สารบัญ

ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 1 หมีทำขาด,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 2 หมีพร่ำเพ้อ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 3 หมีให้นะ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 4 หมีว้าวุ่น,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 5 หมีตัวดื้อ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 6 หมีเปิดเผย,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 7 หมีออกงาน,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 8 หมีอยากหล่อ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 9 หมีก็เขิน,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 10 หมีเป็นห่วง,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 11 หมีเฝ้าไข้,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 12 หมีปลอบใจ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 13 หมีเร่งรีบ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 14 หมีโดนแซว,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 15 หมีมีจุ๋น,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 16 หมีประกาศ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 17 หมีรับมือ,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 18 หมีรับฟัง,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 19 หมีออกเดท,ให้ทั้งใจ นายตุ๊กตาหมี-ตอนที่ 20 หมีเติมใจ [จบ]

เนื้อหา

ตอนที่ 19 หมีออกเดท



วันจันทร์อาจจะเป็นวันที่คนส่วนใหญ่เกลียด แต่หมีกลับตื่นเต้นกับวันจันทร์นี้จริงๆ ทั้งที่การไปเดทครั้งนี้ก็เป็นการไปเก็บภาพเพื่อการทำงานด้วย แต่ยังไงนี่ก็เดทแรกเชียวนะ เดทแรก!

ถึงจะไปหาจุ๋นทุกวันแต่ความรู้สึกกลับต่างกัน หมียืนรอหน้าอะพาร์ตเมนต์อย่างตื่นเต้นก่อนเวลาที่นัดกับอีกฝ่ายไว้เสียอีก คราวนี้พวกเขาจะขับรถไปจอดที่สนามหลวง ด้วยความตั้งใจว่าจะไปตะลุยทั้งวัดและตลาดแถวนั้น

ตลาดกับหมีน่ะเป็นของคู่กันอยู่แล้ว ขนาดแถวบ้านนี่ยังได้ของกินเยอะตลอด ลองไปต่างที่บ้างก็อยากจะรู้ว่าตัวเองจะได้อะไรติดไม้ติดมือขนาดไหน คราวนี้จุ๋นไม่ห้ามด้วยเพราะยังไงก็เป็นการไปเที่ยวนานๆ ทีของพวกเขา แถมยังเสนอว่าจะขับรถไปให้ เพราะคาดไว้แล้วว่าถ้าหอบของพะรุงพะรังขึ้นรถเมล์หรือรถไฟฟ้าคงไม่ไหวกันแน่ๆ

รอไม่นานนักจุ๋นก็ขับรถมาจอดเทียบอยู่หน้าอะพาร์ตเมนต์ หมีขึ้นไปนั่งข้างคนขับแล้วเหวี่ยงกระเป๋าสะพายของตัวเองไปที่เบาะหลัง เอาแค่ของที่ต้องพกมานี่ก็เยอะแล้ว ไหนจะสมุดสเก็ตช์ภาพ เครื่องเขียน ไอแพดอีก

“ประมาณชั่วโมงนึงนะหมี หลับไปก็ได้”

“ไม่หรอก เดี๋ยวตื่นเป็นเพื่อนนี่แหละ ไม่ดิ ตื่นเป็นแฟนต่างหาก”

“แหม่”

พอเห็นหมีเริ่มที่จะกล้าเล่นมุกอะไรแบบนี้จุ๋นจึงอดยื่นมือไปหยิกแก้มด้วยความหมั่นเขี้ยวไม่ได้ จนคนพูดเป็นฝ่ายเขินขึ้นมาเองแล้วเปลี่ยนเรื่องว่าจะเป็นดีเจให้ด้วย จุ๋นอยากฟังเพลงอะไรจะคอยเปิดให้เอง

ก็นั่นแหละ รถที่ขับไม่เร็วจนเกินไป แอร์เย็นๆ กับเพลงฟังสบาย สุดท้ายหมีที่เมื่อคืนตื่นเต้นนอนไม่หลับก็เผลอผล็อยหลับไปจนได้ และในสายตาของแฟนแล้ว ภาพการหลับนั้นก็น่ารักจนคนที่ขับรถอดไม่ไหวต้องถ่ายเอาไว้ยามรถติดไฟแดง

ชั่วโมงกว่าให้หลัง จุ๋นก็พารถมาจอดที่สนามหลวงได้สำเร็จ อันที่จริงจากบ้านเขามันไม่ได้ไกลขนาดนั้น แต่ลืมไปว่าวันจันทร์คนส่วนใหญ่เขาไปทำงานกัน การออกเดินทางในช่วงเวลาเดียวกับผู้คนทำให้รถติดอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ขอโทษนะจุ๋น เราหลับยาวเลย”

“ไม่เป็นไรๆ ได้เห็นหน้าหมีตอนหลับน่ะเป็นกำไรเรานะ”

“เหรอ..” นั่นคือคำชมใช่มั้ยนะ จะว่าไป หมีก็ไม่เคยเห็นหน้าจุ๋นตอนหลับเลย ตอนที่ค้างด้วยกันก็ปิดไฟนอนพร้อมกันและแน่นอนว่าตัวเขาตื่นทีหลัง ทำไงดี เริ่มอยากจะจิ้มแก้มอีกคนตอนหลับซะแล้วสิ

“แล้วเราจะไปไหนกันก่อนดี”

“วัดพระแก้วนี่แหละหมี ใกล้สุดแล้ว”

“โอเค เริ่มต้นด้วยวัดก็ดี จะได้เสริมบุญกันก่อนเนอะ”

“อื้อ”

สำหรับคนที่ห่างไกลวัดอย่างทั้งสองคนแล้ว ความคิดที่มีต่อวัดคือสถานที่เงียบสงบ ชนิดที่ไม่ว่ากรุงเทพจะวุ่นวายเพียงใด เข้าเขตวัดเมื่อไรต้องรู้สึกถึงความร่มเย็นทันที

ซึ่งถ้าจะนับแค่อากาศ วันนี้ก็ร่มเย็นอยู่หรอกเนื่องจากฝนเพิ่งหยุดตกไปหมาดๆ เมฆลอยครึ้มบดบังแสงแดนทำให้การเดินเป็นไปอย่างราบรื่นเพราะไม่ร้อนเอาเสียเลย

แต่ถ้าพูดถึงความวุ่นวาย…

พวกเขาสองคนไม่เคยรู้เลยว่าวัดในกรุงเทพจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากมายขนาดนี้ ตอนที่เห็นคนหลากเชื้อชาติแต่งชุดไทยก็ตื่นตาตื่นใจอยู่หรอก แต่พอตั้งใจจะถ่ายรูปโบสถ์สวยๆ นี่ยากมากเลยที่จะถ่ายไม่ติดใคร

“เป็นไงบ้างหมี” จุ๋นชะโงกหน้าดูในโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่าย ที่ถ่ายไปกี่รูปต่อกี่รูปก็ติดคนเต็มไปหมด แต่แทนที่หมีจะทำหน้าท้อใจ กลายเป็นสีหน้าดูสนุกขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

“ติดคนแหละ แต่ว่า ปลงละ ก็สถานที่ท่องเที่ยวอะเนอะ แบบนี้ก็คึกคักดี แล้วถึงจะมีส่วนที่มองไม่เห็น แต่ถ้าต้องวาด เราก็วาดเติมได้อยู่ละ”

“มองโลกในแง่ดีจังเลยนะ”

“มาเที่ยวกับจุ๋นทั้งที เราก็อยากมีความสุขนี่นา”

นึกอิจฉาความเปลี่ยนมุมมองง่ายของหมีอยู่เหมือนกัน และเพราะอย่างนั้นคนที่ไม่อยากพึ่งพาใครอย่างจุ๋นถึงเปลี่ยนไปจนสามารถพึ่งพาหมีได้อย่างสนิทใจ รวมถึงซึมซับความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์แบบนี้มาด้วย

จากคนนับร้อยที่เอาตุ๊กตามาซ่อมที่ร้าน จุ๋นแสนดีใจที่ในวันหนึ่งหมีได้เดินเข้ามา จนได้เดินเคียงข้างกันในวันนี้

อยากเดินจับมือชะมัด หมีจะแคร์สายตาคนมั้ยนะ

จุ๋นอาศัยจังหวะตอนคนที่ง่วนกับการถ่ายภาพเก็บมือถือหลังจากถ่ายรูปจุดนี้จนพอใจ แล้วชวนกันเดินไปยังอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจ จากเดินชิดใกล้จนแขนชนกัน เขาค่อยๆ ขยับจนจับมือของหมีเอาไว้ ซึ่งพออีกฝ่ายรู้สึกถึงมือที่กุมเข้ามาก็กระชับตอบกลับแน่นเช่นกัน

“จะล้มรึเปล่าจุ๋น จับไว้แน่นๆ นะ”

“อื้อ”

คงเพราะคนเยอะเดินสวนกันจนเบียดกันบ้าง หมีถึงได้คิดว่าจุ๋นคว้ามือเอาไว้ด้วยเหตุผลนั้น คนใจกล้าอมยิ้ม เก็บงำความจริงไปก่อนเดี๋ยวค่อยเฉลยทีหลังแล้วกัน

วันนี้พวกเขาตั้งใจจะเดินเป็นสี่เหลี่ยม จากสนามหลวง วัดพระแก้ว ลงมาที่วัดโพธิ์ แวะกินข้าวแถวท่าเตียนแล้วข้ามฝั่งมาวัดอรุณ ก่อนจะเดินย้อนขึ้นไปที่ตลาดวังหลังอันเป็นที่หมายสุดท้าย ที่จะกอบโกยอาหารมากมายกลับบ้าน

ระยะทางเหมือนจะไกล แต่ด้วยอายุของพวกเขาบวกกับการพักระหว่างทางที่ค่อนข้างเยอะ ทำให้คิดว่าจะไม่เหนื่อยนัก เมื่ออ้างอิงกับอากาศช่วงเช้า

หากแต่เมื่อออกจากร้านอาหารห้องแอร์ที่เข้าไปกินเป็นมื้อเที่ยง ก็พบว่าอากาศได้เปลี่ยนไปแล้ว ถึงจะยังมืดครึ้มเหมือนเดิมแต่กลับร้อนขึ้น พอมาถึงวัดอรุณ เดินขึ้นเจดีย์ไปถ่ายรูปตามมุมต่างๆ ก็ชักจะเหนื่อยแล้ว

“กินไอติมกันมั้ยหมี”

จุ๋นเอ่ยชวนเมื่อพวกเขาลงมาที่พื้นด้านล่าง เดินมาชมฝั่งริมแม่น้ำ รับลมเย็น และได้เห็นคนที่ถือไอศกรีมลวดลายสวยงามผ่านไป

“เอาสิ เดี๋ยวเราเลี้ยงนะ”

คนพูดรีบเดินตัดหน้าจุ๋นไปที่ร้าน วันนี้อีกฝ่ายทั้งขับรถ ทั้งเดินเป็นเพื่อนรอหมีถ่ายรูปไม่บ่นอะไร ข้าวเที่ยงก็หารกัน มีขนมนี่แหละนี่เขาอยากจะจ่ายให้

“ไปนั่งกินตรงนั้นกันเถอะ”

ที่นั่งใต้ต้นไม้ที่หันหน้าไปริมแม่น้ำว่างพอดี พวกเขาจึงรีบไปจองที่กัน แกะไอศกรีมลายไทยประจำวัดอรุณออกมาจากกล่อง ของหมีเป็นเหมือนลายกนกไทย ส่วนของจุ๋นเป็นรูปเด็กผู้หญิง สวยจนอยากถ่ายรูปเก็บไว้

“หมีเอามาคู่กันหน่อย”

วันนี้จุ๋นยังแทบไม่ได้หยิบมือถือขึ้นมา นึกดีใจว่ารูปถ่ายรูปแรกของวันเป็นไอศกรีมคู่กันของทั้งสองคน แต่เอ… ไอศกรีมเท่านั้นหรือ จะว่าไป…

พวกเขายังไม่เคยถ่ายรูปคู่กันเลยนี่นา!

“เดี๋ยวเราเปลี่ยนเป็นกล้องหน้านะหมี”

“เอ๊ะ?”

“ถ่ายรูปกันหน่อยได้มั้ย”

“ดะ.. ได้สิ”

พอได้ยินคำอนุญาตจากหมี จุ๋นก็กดเปลี่ยนกล้องให้เห็นภาพพวกเขาสะท้อนอยู่ในนั้นทันที ร่างกายขยับเข้าใกล้โดยอัตโนมัติ เอนหัวจุ่มกันแนบชิด

พอนับสาม ภาพแรกก็ถูกถ่ายออกมา คนถ่ายมองดูอย่างดีใจและกลั้นยิ้มไว้ไม่ไหว “อีกรูปได้มั้ย”

หมีพยักหน้า พอถึงรูปที่สองความเขินก็เริ่มจางหาย เขายิ้มได้ผ่อนคลายมากขึ้น รัวถ่ายกันไปมาจนไอศกรีมเริ่มละลาย จนต้องหยุดไว้แล้วตั้งใจกินกันก่อน

“เราลงรูปในไอจีได้มั้ย”

“ต้องขอด้วยเหรอ”

“ขอสิ มีหมีในรูปนี่นา อีกอย่างกลัวว่า.. หมีจะไม่อยากเปิดเผยมาก… รึเปล่า”

ก็จริงอยู่ที่แต่ก่อนหมีค่อนข้างกลัวสายตาคนรอบข้าง แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ถึงจะมีคนไม่ยินดี แต่หมีคิดว่ามันไม่ควรมาทำให้จุ๋นว้าวุ่นใจไปด้วย

แต่ว่า.. ถ้าลงในไอจีจุ๋นแล้วมีคนแคปออกไป หรือความบังเอิญใดก็แล้วแต่ให้คนที่พูดจาแย่ๆ เข้ามาสาดความเกลียดชังในพื้นที่ของจุ๋น แค่คิดก็ไม่สบายใจขึ้นมาแล้ว

“กลัวมีใครเข้ามาว่าอีกเหรอ”

หมีสะดุ้ง เมื่อคิดขึ้นมาว่าพวกเขาถึงขั้นมองหน้าก็รู้สิ่งที่คิดในใจได้แล้วหรือ แต่ก็ใช่ตามนั้น เขาจึงพยักหน้าตอบ

“อย่างที่เราเคยบอกว่าถ้ามีใครพูดเกินไปเดี๋ยวเราด่าให้ เราทำได้จริงนะ ถ้าเราลงไอจีเพื่อนๆ เราก็เห็น ทุกคนพูดเก่งกันทั้งนั้น มีคนมาช่วยเยอะเลยแหละ”

พอคิดว่าจุ๋นอุตส่าห์เซ็นเซอร์คำว่าด่าเก่งเป็นพูดเก่งให้ก็เผลออมยิ้มออกมา นั่นสินะ เขาบอกให้จุ๋นพึ่งพาคนอื่นแท้ๆ ถึงเวลาแล้วตัวเองก็ต้องทำเหมือนกันสิ

“งั้นก็เปิดไปเลย”

“เย้ งั้นเดี๋ยวเราแท็กหมีไปด้วยนะ จะว่าไป ยังไม่รู้ไอจีหมีเลยนี่นา”

“เอ่อ..” หมีเคยสมัครไอจีไว้เพราะเพื่อนๆ เริ่มย้ายจากเฟซบุ๊กมาที่นี่ แต่แทบไม่ได้ใช้ พอลองกดเข้าแอปในมือถือก็ไม่ได้ล็อกอินไว้ จำพาสเวิร์ดไม่ได้เสียอีก

“ไม่เป็นไร กลับบ้านแล้วค่อยรีเซ็ตพาสเวิร์ดก็ได้ เช็ดมือก่อนมา”

ทิชชู่เปียกถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าของจุ๋น พร้อมกับที่หมียื่นมือเปื้อนไอศกรีมให้โดยดี แต่เมื่อเช็ดจนสะอาดทิ้งทิชชู่เรียบร้อยจุ๋นกลับไม่ปล่อยมือ ผู้ชายสองคนนั่งจับมือมองแม่น้ำใต้เงาต้นไม้ มันก็… แอบโรแมนติกจนหมีนึกเขินอยู่เหมือนกัน

แล้วยิ่งเขินเข้าไปใหญ่เมื่ออีกมือหนึ่งของจุ๋นยื่นโทรศัพท์ที่โพสไอจีแล้วมาให้ดู แน่นอนว่าคอมเมนต์แรกเป็นของพี่อิ้งค์ ถึงจะแซวด้วยคำว่าอิดสาแบบวิบัติและลากสระอายาวๆ มาหมีก็ไม่เขินเท่าไร ออกจะขำเสียมากกว่า

แต่เพื่อนจุ๋นนี่สิ

จะว่ายังไงดี เพราะว่าตอนที่ประกาศออกไป เพื่อนและคนรู้จักของเขาจะตกใจกันก่อน จนความตกใจค่อนข้างกลบคำยินดีที่ตามมาภายหลัง แต่พอจุ๋นโพสแล้วมีแต่คำพูดแสดงความยินดีแบบติดแซวติดหยอกทั้งนั้น มันก็เลยเขินๆ ขึ้นมานิดหนึ่งล่ะมั้ง ยิ่งเพื่อนของคนข้างๆ พูดเก่งอย่างที่ว่า มีแต่คำศัพท์สร้างสรรค์ในการแซวทั้งนั้น

“มีบอกให้พาแฟนไปเปิดตัวด้วยล่ะ”

ได้ยินแล้วเหวอเลย ถึงหมีจะชินกับการออกบูธเจอแฟนการ์ตูนมากมาย แต่ไปเจอเพื่อนจุ๋นก็คือการกินข้าวหรือเดินเล่นด้วยกันใช่มั้ยล่ะ แค่คิดก็เกร็งจะแย่แล้ว

“เราอยู่ด้วยไม่ต้องเกร็งนะ”

“จุ๋นกับเพื่อนจะรวมหัวกันแกล้งเราอะดิ”

“55555 อย่ารู้ทันได้มั้ยล่ะ”

แปลว่าคิดจะแกล้งจริงๆ สินะ เชื่อเขาเลย แต่ก็สมเป็นจุ๋นดีอยู่หรอก เอาเถอะ ไปเข้าสังคมของจุ๋นบ้างก็ดีเหมือนกัน คิดเสียว่ารู้จักคนใหม่ๆ ถ้าอย่างนั้น เขาขอให้คนรักเข้ามาในสังคมของเขาบ้างได้มั้ยนะ ถึงจะเข้ามานิดนึงแล้วก็เถอะ แต่ครั้งหน้า…

“ไปก็ได้นะ แต่ว่า จุ๋นไปกับเราด้วยได้มั้ย”

“ไปไหนเหรอ”

“ออกบูธครั้งหน้า เดือนหน้าน่ะ”

ครั้งที่แล้วหมีเกรงใจแทบตายที่จะชวนจุ๋นไป แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว พวกเขาคบกัน เป็นคนสนับสนุนด้านจิตใจซึ่งกันและกัน หมีจึงอยากให้จุ๋นไปเป็นแรงใจให้เขาหน่อย เพราะการ์ตูนที่เปิดพรีออเดอร์ไปขายได้น้อยลง ก็กลัวหน้าบูธจะมีคนมาน้อยลงเหมือนกัน จริงอยู่ว่าชื่อเสียงมันไม่จีรัง เขารู้เรื่องนี้และถ่อมตัวมาตลอดแม้จะข้ามผ่านเวลาที่ไม่มีใครเลยจนถึงวันที่มีแฟนคลับพอสมควร แต่ก็รู้ตัวว่าถ้าถึงวันจริง เห็นจำนวนคนซื้อน้อยลงจังๆ ก็คงจ๋อยอยู่เหมือนกัน

กลัวอยู่เหมือนกันล่ะว่าจะมีใครมาต่อว่าต่อหน้าหรือเปล่า แต่พอคิดอีกที คนปกติเค้าคงไม่กล้ามาบอกกันว่าเกลียดต่อหน้าหรอกมั้ง

“ได้สิ ไม่เห็นต้องขอเลย งั้นเดี๋ยวเราไปช่วยแพ็กของอีกนะ”

“เอ้ย ไม่เป็นไร เราไม่ได้เจ็บหลังแล้ว”

“อย่าประมาทเชียว เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าช่วยกันแล้วมันเสร็จเร็ว เซฟร่างกายกว่าเยอะเลยด้วย”

เถียงจุ๋นไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ งั้นก็…

“งั้นก็รบกวนด้วยนะ”

เฮ้อ ตื่นเต้นกับงานครั้งหน้าซะแล้วสิ