ทุกการกระทำล้วนมีเหตุผล… แต่เหตุผลอะไรกันล่ะที่ทำให้คน ๆ หนึ่งปิดชีพคนที่ตัวเองเรียกว่า ‘เพื่อน’ ได้?
ลึกลับ,ชาย-ชาย,จิตวิทยา,อาชญากรรม,รัก,ทิวจันทร์,๑๔,แฟนเก่า,ดรามา,โรแมนติก,ปริศนา,ฆาตกรรม,สืบสวน ,bl,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
dear murderer, เรื่องคืนนั้นฉันรู้นะทุกการกระทำล้วนมีเหตุผล… แต่เหตุผลอะไรกันล่ะที่ทำให้คน ๆ หนึ่งปิดชีพคนที่ตัวเองเรียกว่า ‘เพื่อน’ ได้?
จิณณ์ ถูกพบเสียชีวิตในคืนวันเกิดตัวเอง เจ้าหน้าที่สรุปเป็นการทำอัตวินิบาตกรรม
แต่ 1 ปีถัดมา… บุคคลปริศนาได้ส่งข้อความหาเพื่อสนิท(?)ของจิณณ์ทั้ง 6 คน
ข้อความระบุว่า 1 ในพวกเขาคือฆาตกร… มันหมายความว่ายังไงกัน?
ทิวเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อพร้อมเสื้อกันฝนในมือสองตัวที่เพิ่งซื้อมา ยื่นหนึ่งตัวให้คนในแจ็กเกตยีนส์ที่เหม่อมองท้องฟ้าและตัวสั่นนิด ๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะทำตัวปกติเมื่อเห็นว่าทิวเดินมาแล้ว
“ถือให้หน่อย” ทิวพูดพร้อมแกะเสื้อกันฝนตัวที่อยู่ในมือออกจากห่อบรรจุภัณฑ์แล้วนำไปสวมให้อีกคนที่กำลังแกะเสื้อกันฝนอีกตัวออกจากห่อ
“เดี๋ยว แล้วมึงยื่นตัวนี้ให้กูทำไม” จันทร์ถามด้วยใบหน้าสับสนมึนงงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ต่อต้านการกระทำของอีกฝ่าย
ทิวไม่ตอบและยังทำหน้าที่ของตนต่อก่อนจะหยิบเสื้อกันฝนอีกตัวที่ให้อีกฝ่ายถือไว้ก่อนหน้านี้มาสวมให้ตัวเอง เขาก้มหยิบหมวกกันน็อกที่พื้นขึ้นมา ปัดเศษดินเศษฝุ่นออกจนหมดเกลี้ยงหมายที่จะสวมให้คนตัวเล็กกว่า
“กูใส่เองได้ ขอบคุณ” จันทร์เอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย แย่งหมวกกันน็อกมาจากมืออีกฝ่าย
ทิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เขาก้มหยิบหมวกกันน็อกอีกใบมาสวมให้ตัวเอง เมื่อเรียบร้อยแล้วก็หันไปดูความเรียบร้อยให้กับจันทร์ที่อยู่ข้าง ๆ อีกที เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำฝนจะไม่โดนตัวคนที่เขารักและหวงแหน จนทำให้เจ้าแมวน้อยของเขาไม่สบาย
จากนั้นก็เดินนำไปยังมอเตอร์ใส่ที่จอดหลบฝนอยู่ ขายาวตวัดขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันดำคู่ใจของตนพร้อมสตาร์ตเครื่องยนต์เตรียมที่จะออกตัว จันทร์ที่ตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้งเสร็จแล้วก็รีบเดินตามร่างสูงไป
“อย่าขับเร็วมากนะ ถึงฝนตกไม่หนัก แต่ถนนมันก็ลื่น” เขาพูดขึ้นในขณะพาตัวเองขึ้นซ้อน
“รู้อยู่แล้ว… มีมึงมาด้วยกูขับไม่เร็วหรอกน่า” สองมือปล่อยจากแฮนด์ไปคว้ามือทั้งสองข้างของคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังให้มาประสานกันไว้บริเวณเหนือหน้าท้องของตน “เกาะไว้แน่น ๆ ด้วย”
คนซ้อนออกแรงจะดึงมือตัวเองออก แต่สู้แรงทิวไม่ไหวหรือไม่คิดจะสู้แรงตั้งแต่แรกก็บอกไม่ได้ ตอนนี้จึงทำได้เพียงทำตามสิ่งที่ทิวต้องการ ร่างสูงยิ้มอย่างพอใจเมื่อรู้สึกว่าคนข้างหลังไม่มีท่าทีเย็นชาเหมือนเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาและเมื่อเช้านี้
สองมือกลับมาจับแฮนด์มอเตอร์ไซค์แล้วออกตัวจากร้านสะดวกซื้อมุ่งหน้าไปยังคอนโดมิเนียมของตัวเองด้วยความเร็วที่ไม่มากนักตามที่รับปากกับอีกคนไว้
ไม่นานนักก็มาถึงยังห้องคอนโดมิเนียมที่ทิวใช้ชีวิตอยู่เป็นประจำทุกวัน
“มึงเข้าไปอาบน้ำก่อนเลยจันทร์ สระผมด้วย”
ทันทีที่ประตูถูกปิดลงทิวก็จัดการแขวนกระเป๋าผ้าไว้ที่ประจำก่อนจะเดินไปทางตู้เสื้อผ้าที่อยู่ด้านข้างเตียงนอน หยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวที่ถูกผับแล้วจัดวางไว้อย่างดีมาตลอดพร้อมทั้งเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวกับกางเกงขายาวลายสก็อตสีเทาเข้มไปให้คนที่อยู่ในห้องน้ำตอนนี้
จู่ ๆ ฝนก็ตกหนักขึ้นมากกว่าเดิมโดยไม่บอกไม่กล่าวไม่มีสัญญาณอะไรเตือนล่วงหน้า แม้จะมีเสื้อกันฝนกันอยู่ทั้งคู่ก็ยังคงเปียกฝนกันอยู่พอตัว
เขาเปิดประตูห้องน้ำออกโดยไม่ได้เคาะประตูตามความเคยชินเพื่อที่จะนำผ้าเช็ดตัวแล้วชุดที่เตรียมมาให้ ปรากฏภาพตรงหน้าเป็นร่างของชายหนุ่มผิวสองสีที่ท่อนบนเปลือยเปล่าไร้การปกปิด มีมัดกล้ามเล็ก ๆ ที่หน้าท้องดูน่าบีบ ลูบ คลำอย่างมากตามความรู้สึกของทิว สองมือที่เลื่อนกางเกงลงไปจนถึงหัวเข่าเป็นต้องชะงักเมื่อจู่ ๆ ก็ปรากฏร่างของชายอีกคนยืนลอบมองร่างเกือบจะโป๊เปลือยทั้งร่างของตัวเองตาไม่กระพริบ
“เฮ้ย!” จันทร์รีบดึงกางเกงขึ้นมาใส่ไว้ตามเดิม แล้วหยิบเสื้อที่วางพาดอยู่ที่อ่างล้างหน้ามาปกปิดท่อนบนตัวเองไว้ “มึงเปิดเข้ามาทำไมเนี่ย”
“ก็แค่จะเอาผ้ากับชุดมาให้ แล้วทำไมมึงไม่ล็อกประตูล่ะ”
“ทำไมมึงไม่เคาะก่อนล่ะ” จันทร์สวนขึ้นมาทันควัน
“ขอโทษ กูผิดเองแหละ” พูดเสร็จก็ส่งของที่อยู่ในมือไปให้ สายตายังคงจ้องมองเรือนร่างอีกฝ่ายไม่วางตา
“ขอบคุณ” จันทร์ยื่นมือข้างหนึ่งออกมารับของอีกข้างยังคงใช้จับเสื้อของตัวเองปกปิดร่างเปลือยเปล่าให้พ้นจากสายตาลวนลามของอีกฝ่าย “แล้วก็เลิกจ้องกูได้แล้ว”
“ก็เคยเห็นกันมาหมดแล้ว จะมาอายอะไรตอนนี้” ทิวพูดพร้อมรอยยิ้มยียวนก่อนจะหันหลังแล้วปิดประตูลงเพื่อให้อีกฝ่ายได้จัดการอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย
ผ่านไปราวสิบห้านาที จันทร์เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดที่ทิวนำไปให้พร้อมผ้าเช็ดตัวพาดอยู่ที่บ่า
“เช็ดผมให้แห้งด้วยดิ เดี๋ยวก็ป่วยหรอก มึงป่วยง่ายจะตาย”
ทันทีที่จันทร์ทิ้งตัวนั่งลงที่ปลายเตียง ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของห้องเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ เขาเช็ดเส้นผมคนที่นั่งอยู่ปลายเตียงอย่างทะนุถนอม ด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กซึ่งวางไว้บนเตียงข้าง ๆ
คนที่สภาพเหมือนลูกแมวที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จแต่ไม่ยอมให้เช็ดขน เขารู้ดีว่าคนอย่างจันทร์ไม่ชอบใช้ผ้าเช็ดตัวมาเช็ดหน้าเช็ดผมตัวเองแบบสุด ๆ เขาจึงมีผ้าขนหนูผืนเล็กนี้ไว้อีกผืนเพื่อคนน่ารักของเขาโดยเฉพาะ
เขาหยุดมือลง เลื่อนมือไปสัมผัสเส้นผมเปียกชื้นสีดำขลับที่ยาวระอยู่ตรงต้นคอ
“ผมยาวก็เหมาะกับจันทร์เหมือนกันนะ” คนตัวสูงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนนุ่มทุ้มที่ใช้เฉพาะพูดกับคนรักพร้อมใช้ปลายนิ้วลูบไล้ผิวเนื้อตรงต้นคออย่างแผ่วเบา
“กูทำเองได้ มึงไปอาบน้ำเถอะ” จันทร์พูดน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่มองหน้าหรือสบตาคนตัวสูงกว่าที่ยืนอยู่ด้านหน้าแล้วปัดมืออีกฝ่ายออก
ต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก่อนที่จะเผลอตัวเผลอใจไปมากกว่านี้ ถ่านที่เคยถูกจุดไฟมาแล้วนั้น ยังคงเก็บไออุ่นและสะสมคาร์บอนเอาไว้ภายใน มันทั้งเปราะบางและพร้อมจะลุกโชนได้อีกครั้ง เพียงแค่มีสายลมแผ่วเบาพาดผ่านอย่างอ่อนโยน จันทร์รู้ดี และเขาก็พยายามหลีกเลี่ยงสายลมแสนอ่อนโยนนั้นมาตลอดจนกระทั่งวันนี้ที่เผลอตกปากรับคำเชิญชวนนั้นง่าย ๆ
ทิวยืนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ พยายามเผยยิ้มบางออกมาและยอมทำตามที่อีกฝ่ายพูดแต่โดยดี
“ไดร์อยู่ที่เดิมนะ รีบเป่าผมให้แห้ง แล้วไปกินข้าวที่กูเตรียมไว้ด้วย” ทิวพูดขณะหยิบโต๊ะไม้เล็ก ๆ ที่เก็บอยู่ตรงซอกเตียงออกมากางตรงที่ว่างข้างเตียง เสร็จแล้วก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูของตนเดินหายเข้าห้องน้ำไป
จันทร์หยิบไดร์เป่าผมมาจากชั้นวางของด้านบนในตู้เสื้อผ้า เดินมาเสียบเข้ากับปลั๊กที่ข้างหัวเตียงแล้ววางเอาไว้ก่อน
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูว่ามีใครส่งข้อความตอบกลับมาบ้างหรือเปล่า เพราะหลังจากได้คุยกับทิวเรื่องข้อความที่ได้รับจาก Karma เขาตัดสินใจทักหาเพื่อนที่เหลือทำทีเป็นชวนออกมากินข้าวกันทั่วไป แน่นอนว่าเขายังไม่ได้เกริ่นเรื่องข้อความนั่นออกไปเพราะไม่แน่ Karma อะไรนั่นอาจเป็นเพื่อนเขาคนใดคนหนึ่งก็ได้ ซึ่งทิวก็ยังคงเป็นผู้ต้องสงสัยด้วยเหมือนกันในความคิดของจันทร์
การที่อีกคนเป็นฝ่ายโพล่งขึ้นมาก่อนอาจเป็นแผนหลอกให้จันทร์ตายใจ แล้วถ้าทิวเป็น Karma จริง ๆ เขาจะทำอะไรแบบนี้ไปทำไม แล้วไหนจะเรื่องการตายของจิณณ์อีก มันจะจริงอย่างที่เจ้านั่นว่าหรือเปล่าว่าจิณณ์ถูกฆ่า ไม่ใช้การฆ่าตัวตาย
ถ้าสมมุติว่าเจ้า Karma บ้านั่นพูดจริง แล้วคนร้ายที่จบชีวิตคนที่เรียกว่าเพื่อนและยังจงใจทำให้เป็นเหมือนการฆ่าตัวตายคือคนที่จันทร์รักและไว้ใจมากที่สุดอย่างทิวล่ะ…?
คำถามมากมายที่ผุดขึ้นมาในหัวพลันต้องสลายหานสิ้นเมื่อเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือในมือ จันทร์หลุบตาลงมอง เห็นเป็นข้อความตอบกลับจากผู้เป็นแม่
‘โอเคจ้ะ พรุ่งนี้ก่อนเข้าบ้านแวะซื้ออาหารให้บันนี่หน่อยนะลูก’
จันทร์ส่งสติกเกอร์รูปเจ้าแมวขนขาวที่มีแต้มสีน้ำตาลเข้มที่ใบหน้ากลับไปให้แล้วพิมพ์ข้อความต่อ
‘ยิ่งโตยิ่งกินเยอะ จันทร์ว่าจะพาไปปล่อยวัด55’
ส่งข้อความเสร็จก็กดออกมาดูข้อความคนอื่น ๆ ที่เขาส่งไปหา ช่วงที่รอทิวเข้าไปซื้อเสื้อกันฝนนั้นเขาได้ลองส่งข้อความไปหาเพื่อนที่เหลือดู แต่ยังไม่มีใครตอบหรือแม้แต่อ่านข้อความเขาเลย โดยเฉพาะสิงห์ที่เขากังวลมากเพราะข้อความล่าสุดเมื่อเย็นที่เขาส่งนั้นอีกฝ่ายก็ยังไม่ได้อ่าน พวกเขาเพิ่งเจอกันเมื่อเช้านี้เอง แล้วที่แปลกคือสิงห์จะไม่หายไปเฉย ๆ โดยไม่บอกกว่าวอะไรเขาแบบนี้แน่ มันเกิดอะไรขึ้นกัน ตอนนี้ในสมองของจันทร์เต็มไปด้วยคำถามมากมาย และจิ๊กซอว์ข้อมูลที่กระจัดกระจายหาจุดต่อกันไม่ได้สักด้าน
“คิ้วผูกกันเป็นโบว์หมดแล้วครับที่รัก”
ใบหน้าเรียวได้รูปของชายหนุ่มเจ้าของห้องที่ออกมาจากห้องน้ำตอนไหนไม่รู้ก้มลงมาประชิดใบหน้าอีกคนที่นั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือหน้าเครียด จันทร์เลื่อนใบหน้าตัวเองออกห่างโดยพลัน ก่อนที่จะถดตัวหนีเล็กน้อย
“กูอาบน้ำเสร็จแล้วผมมึงยังเป่าผมไม่แห้งอีกเหรอ… หรือมึงรอให้กูออกมาทำให้เหมือนเมื่อก่อน” สองแขนแกร่งยันลงบนเตียงพร้อมเลื่อนใบหน้าให้อยู่ในระดับสายตาเดียวกันกับอีกฝ่าย ปลายจมูกห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตร “เป็นอะไร บอกหน่อย”
จันทร์ส่ายหน้าเล็กน้อยพร้อมใช้มือดันใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าของห้องให้ออกห่าง หยิบไดร์เป่าผมที่ตัวเองเสียบปลั๊กทิ้งไว้เมื่อครู่ขึ้นมากดเปิดสวิตช์เพื่อใช้งาน
ทิวเดินไปหยิบเสื้อแขนกุดสีเทาจากในตู้เสื้อผ้ามาใส่แล้วเดินไปทางคนที่กำลังใช้ไดร์เป่าผมในสภาพที่ทุลักทุเล เผลอหัวเราะออกมาให้กับภาพตรงหน้าที่น่าเอ็นดู ด้วยนิสัยของจันทร์ที่ไม่ค่อยชอบเช็ดผมตัวเองให้แห้งนั้นทำให้เจ้าตัวคงไม่ถนัดกับการจับไดร์เป่าผมให้ตัวเอง คนตัวสูงจึงแย่งไดร์เป่าผมจากมืออีกฝ่ายเพื่อที่จะเป่าผมให้แทน
จันทร์ไม่ได้ว่าหรือมีทีท่าที่จะต่อต้านแต่อย่างใด กลับยอมนั่งนิ่งให้คนตัวสูงที่ยืนอยู่ด้านหน้าได้ทำตามใจ ไม่นานเสียงมอเตอร์ของไดร์เป่าผมดับลงตามมาด้วยเสียงทุ้มของเจ้าของห้องที่บอกให้ไปกินข้าวที่เขาเตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว ซึ่งป่านนี้ก็คงจะเย็นชืดหมดแล้ว คงต้องอุ่นอีกรอบล่ะนะ
“ไข่ตุ๋นฝีมือกูมันไม่อร่อยแล้วเหรอ” ทิวเอ่ยถามออกไปเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเหม่อลอย
“ปะ-เปล่า แค่คิดอะไรนิดหน่อย” คนที่เพิ่งได้สติกลับมาก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารตรงหน้าต่อ “ยังอร่อยเหมือนเดิม”
“คิดเรื่องอะไรอยู่ บอกมาหน่อย เผื่อกูจะช่วยอะไรมึงได้บ้าง” อีกฝ่ายไม่ตอบออกมาในทันทีกลับนั่งนิ่งราวกับใช้ความคิดอยู่ “ใช่เรื่องข้อความนั่นหรือเปล่า”
สิ้นคำถามความเงียบก็เข้ามาเยือน ทิวยังคงเงียบรอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรออกมาบ้าง จันทร์วางช้อนลง ยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มก่อนจะเริ่มพูดสิ่งที่อยู่ในหัวตัวเองออกมา
“กูติดต่อสิงห์ไม่ได้เลย โทรไปก็ไม่รับ ข้อความก็ไม่อ่าน… ไม่รู้ดิ ใจคอไม่ดีเลย จริง ๆ ตอนนี้ในหัวกูมีเรื่องให้คิดเยอะไปหมดเลยว่ะ ไหนจะเรื่องคนส่งข้อความ ไหนจะเรื่องการตายของจิณณ์ กู—”
“โอเค ๆ ใจเย็นก่อนนะ เอาเป็นว่าวันนี้มึงไปพักก่อนเถอะ กูไม่ถามแล้ว เรายังมีเวลาอีกเยอะ ไว้ค่อยมาช่วยกันคิดแล้วกัน คืนนี้ไปนอนก่อน เดี๋ยวกูเก็บจานเองแล้วจะตามไป” ทิวยื่นมือข้างหนึ่งมากุมมืออีกฝ่ายที่วางอยู่บนโต๊ะ
จันทร์คลานขึ้นไปที่เตียงนุ่มพร้อมกันนั้นทิวก็ลุกขึ้นตามไปปิดม่านกั้นให้ เพราะห้องเขามีพื้นที่จำกัด จึงทำได้แค่หาม่านมากันพื้นที่สำหรับนอนหลับพักผ่อนกับพื้นที่ส่วนอื่นออก
ทิวถอนหายใจออกมาแผ่วเบาพร้อมหยิบถ้วยชามทั้งหมดตรงไปยังอ่างล้างจาน ถึงเขาจะไม่รู้ว่าจันทร์กำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขารู้เพียงว่าจันทร์เป็นคนที่มักคิดหาคำอธิบายของเรื่องทั้งหมดให้ได้ก่อนที่จะพูดสิ่งที่อยู่ในหัวทั้งหมดออกมา นั่นเป็นวิธีคิดแบบเฉพาะของเจ้าตัว ตลอดระยะเวลาที่คบกันมานี่เป็นครั้งแรกที่ทิวไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่อยู่ในหัวของอีกฝ่ายได้เลย
มีรื่องราวมากมายเกิดขึ้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งเรื่องการตายของจิณณ์กับข้อความประหลาด หรือเรื่องความรู้สึกของจันทร์ที่มีต่อเขา ยังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า ทิวไม่สามารถรู้ได้เลยจริง ๆ
“สิงห์” เขาพึมพำออกมาแผ่วเบาขณะมือก็กำลังใช้ฟองน้ำถูทำความสะอาดจานไปเมื่อคิดได้ว่าวันนี้ได้ยินชื่อนี้ออกจากปากจันทร์มากผิดปกติ
การที่จันทร์จะเป็นห่วงเพื่อนเพราะติดต่อกันไม่ได้นั้นเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่ไม่ปกติคือคนประเภทที่ไม่ชอบแสดงความรู้สึกของตัวเองแบบจันทร์จะมีท่าทีเป็นห่วงสิงห์ที่เป็นแค่เพื่อน… มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ ถ้าทั้งสองคนไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันล่ะ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ตัวเขาและจันทร์เป็นอะไรกัน
ไม่ทันได้คิดไปไกลกว่านั้น สติของทิวก็ถูกเรียกกลับมาด้วยความรู้สึกเจ็บแปล๊บที่เกิดขึ้นบริเวณปลายนิ้วมือ เมื่อก้มลงดูก็เห็นจานที่กำลังล้างอยู่เมื่อครู่นั้นแยกเป็นสองถึงสามส่วน ของเหลวสีแดงสดไหลซึมออกมาจากบริเวณที่โดนจานบาด
ทิววางฟองน้ำและเศษจานอีกชิ้นที่อยู่ในมือลง ล้างบาดแผลตัวเองด้วยน้ำสะอาด จากนั้นก็ดึงทิชชูมาซับเลือดก่อนจะเอื้อมไปหยิบกล่องพยาบาลในตู้เหนือเคาน์เตอร์ทำอาหารออกมาแล้วค้นหาพลาสเตอร์แปะแผล
เมื่อเจอจึงนำมาพันรอบนิ้วที่โดนบาดแล้วจึงจัดการเก็บทุกอย่างให้ลงไปในกล่องแล้วนำไปเก็บไว้ในตู้ตามเดิม ก่อนจะเดินไปเก็บเศษจานที่แตกใส่ถุงกระดาษวางไว้ข้าง ๆ อ่างล้างจานพร้อมเขียนกำกับว่าเศษจาน ทิ้งฟองน้ำล้างจานลงถังขยะเสร็จแล้วจึงเดินไปทางเตียงนอน
ทิวค่อย ๆ เลื่อนม่านออกแล้วปิดลงอย่างพยายามให้เงียบที่สุด เขาถอดเสื้อออกแล้วนำไปพาดไว้ที่พนักพิงเก้าอี้ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปภายใต้ผ้าห่มผืนหนาอย่างระมัดระวัง พยายามไม่ทำให้อีกคนตื่น
เขานอนมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายอยู่สักพักก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เบาแต่ไม่ถึงขั้นกระซิบ
“จันทร์… ทิวรักจันทร์มากเลยนะ รักเสมอ และจะรักตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม”
พูดจบก็ขยับตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ใช้สองแขนแกร่งโอบกอดคนตรงหน้าไว้ราวกับไม่อยากให้หายไปไหน พยายามลบเรื่องที่คิดมากเมื่อตอนล้างจานออกจากหัวตัวเองแล้วหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทรา
คนโดนกอดที่น่าจะหลับไปแล้วกลับค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา สีหน้านิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไรแต่แววตากลับฉายแววความเศร้าออกมาชัดเจน จันทร์เองก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้ ไม่อยากให้เรื่องมันต้องเป็นแบบนี้ แต่เชื่อเถอะว่ามันดีกับตัวทิวที่สุดแล้ว กลับมาเป็นแค่เพื่อนกัน เป็นแบบนี้ทิวจะได้ไม่ต้องมีปัญหากับคนที่รักและเป็นห่วงทิวมากที่สุด นี่คือสิ่งที่จันทร์คิดมาตลอดตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น
เขาค่อย ๆ หลับตาลง เลื่อนมือมากอบกุมมืออีกฝ่ายไว้พร้อมซึมซับและจดจำความรู้สึกแบบนี้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้ที่ทิวจะกอดเขาไว้ในความหมายของคนรัก ต่อจากนี้คงไม่มีอีกแล้ว