ทุกการกระทำล้วนมีเหตุผล… แต่เหตุผลอะไรกันล่ะที่ทำให้คน ๆ หนึ่งปิดชีพคนที่ตัวเองเรียกว่า ‘เพื่อน’ ได้?
ลึกลับ,ชาย-ชาย,จิตวิทยา,อาชญากรรม,รัก,ทิวจันทร์,๑๔,แฟนเก่า,ดรามา,โรแมนติก,ปริศนา,ฆาตกรรม,สืบสวน ,bl,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
dear murderer, เรื่องคืนนั้นฉันรู้นะทุกการกระทำล้วนมีเหตุผล… แต่เหตุผลอะไรกันล่ะที่ทำให้คน ๆ หนึ่งปิดชีพคนที่ตัวเองเรียกว่า ‘เพื่อน’ ได้?
จิณณ์ ถูกพบเสียชีวิตในคืนวันเกิดตัวเอง เจ้าหน้าที่สรุปเป็นการทำอัตวินิบาตกรรม
แต่ 1 ปีถัดมา… บุคคลปริศนาได้ส่งข้อความหาเพื่อสนิท(?)ของจิณณ์ทั้ง 6 คน
ข้อความระบุว่า 1 ในพวกเขาคือฆาตกร… มันหมายความว่ายังไงกัน?
เสียงร้องคำรามอันทรงพลังดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้าหลังจากแสงสว่างวาบหายไปเพียงชั่วครู่ กระแสลมพัดแรงจนกิ่งไม้ใบหญ้าต่างไหวเอนไปตามแรงลมอย่างต้านไม่อยู่ เสียงหยาดน้ำที่โปรยปรายลงมาจากกลุ่มเมฆสีเทาขนาดมหึมาที่ปกคลุมทั่วบริเวณตกกระทบหลังคาและกระจกหน้าต่าง จนเกิดเสียงดังพอที่จะกลบเสียงการเคลื่อนไหวของมือร่างเงาหนึ่งที่พยายามหยิบจับสิ่งของอย่างวุ่นวายอย่างกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่างอยู่
ลมหายใจที่กระชั้นและหนักหน่วงของร่างเงาในตอนนี้ราวกับลมพายุที่พัดกระหน่ำอยู่ด้านนอก หยาดเหงื่อที่ค่อย ๆ ซึมออกมาตามผิวไหลลงมาตามแนวกรอบหน้าดูเหมือนหยดน้ำฝนที่เกาะอยู่บนกระจกหน้าต่างไหลเป็นทาง เส้นสายแห่งความโกรธสีขาวพาดผ่านท้องฟ้าและแผ่กระจายออกไปในอากาศ ย้อมทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความสว่างเจิดจ้าชั่วขณะแล้วจางหายไป ทว่าภายในห้องที่ร่างเงาอยู่ในตอนนี้กลับยังคงสว่างเหมือนไม่เคยมืดมาก่อน
“หานี่อยู่หรือเปล่า”
สองมือที่กำลังค้นหาชะงักกึกเมื่อเสียงชายคนหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลัง
ร่างเงาค่อย ๆ หันไปทางต้นเสียงนั้น ปรากฏเป็นร่างของชายเจ้าของห้องที่ยืนพิงขอบประตูห้องน้ำพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากจนข้างแก้มบุ๋มลงไปอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า ในมือเขาถือสิ่งหนึ่งไว้โบกไปมาเบา ๆ ซึ่งสิ่งนั้นมีลักษณะเป็นแผ่นแบนบางขนาดไม่ใหญ่นัก และใช่… มันคือของที่ร่างเงาของผู้บุกรุกกำลังตามหา
ชายเจ้าของห้องเดินผ่านร่างของผู้บุกรุกไปอย่างนิ่งเฉยราวกับการปรากฏตัวในยามวิกาลของคน ๆ นี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา เขาเดินตรงไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ของเขาที่ถูกปกคลุมด้วยผ้าปูที่นอนสีเทาเข้ม ค่อย ๆ ทิ้งตัวนั่งไขว่ห้างลงบนเตียงอย่างเงียบงัน ที่นอนนุ่มยุบตัวลงเล็กน้อยตามน้ำหนักตัว เขาเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อยแล้วใช้มือข้างหนึ่งยันไว้เบา ๆ ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นมองดูสิ่งของชิ้นนั้นพร้อมยกยิ้มจนแก้มบุ๋มอีกครั้ง
“จิณณ์ ส่งมันมา” ผู้บุกรุกเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเจือความขุ่นเคืองดั่งผืนฟ้าในตอนนี้ที่คำรามเบา ๆ
เจ้าของห้องหัวเราะในลำคอ “ขอกันง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ”
เขาดันตัวเองลุกขึ้นจากเตียง ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาร่างผู้บุกรุก ก่อนจะยื่นของในมือไปตรงหน้าอีกฝ่ายพร้อมพูดต่อ “รู้ไหมว่ากว่าจะได้มุมสวย ๆ แบบนี้มันยากขนาดไหน”
ผู้บุกรุกเอื้อมมือไปหมายจะคว้ามันมาแต่ชายเจ้าของห้องก็ดึงชักมือตัวเองกลับไปก่อน พร้อมยกยิ้มยียวน
“ต้องการเงินเหรอ… ต้องการเท่าไหร่บอกมา” สูดลมหายใจเข้าลึกอย่างพยายามอดกลั้นอารมณ์ที่ร้อนรุ่มอยู่ภายใน
“เงิน… ก็น่าสนใจนะ” ชายเจ้าของห้องทำเป็นครุ่นคิดเล็กน้อย “แต่ไม่แล้วกัน”
“แล้วต้องการอะไร!”
รอยยิ้มเยาะเย้ยที่อีกฝ่ายส่งให้ทำให้ความอดทนของผู้บุกรุกคนนี้เริ่มหมดลง และยิ่งโกรธมากเท่าไหร่ก็เหมือนจะเป็นที่น่าพอใจสำหรับเจ้าของห้องมากเท่านั้น
ไม่ทันที่จะได้พูดคุยโต้ตอบกันไปมากกว่านี้เสียงเคาะประตูห้องนอนก็ดังขึ้นเรียกความสนใจจากคนในห้องทั้งสองคนที่ยืนประชันหน้ากันอยู่ให้หันไปมองทางแหล่งกำเนิดเสียงนั้นโดยที่ยังคงมีเสียงลมฟ้าลมฝนร้องคำรามคลอไปด้วย
ประตูไม้เนื้อดีถูกเปิดออกช้า ๆ ส่งเสียงเอี๊ยดแผ่วเบา แสงสว่างจากทางเดินลอดผ่านเข้าไปภายในห้องนอนที่มืดสลัว สาดตรงไปยังเตียงนุ่มที่มีร่างชายหนุ่มคนหนึ่งนอนหลับสนิทอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา
ใบหน้าในแสงเงาดูสงบเหมือนไม่มีอะไรในโลกสามารถรบกวนได้ อีกคนหนึ่งนั่งนิ่งอยู่ที่ขอบเตียง สายตาจ้องมองคนที่หลับอยู่ด้วยแววตาเรียบนิ่งเจือความอ่อนโยน ก่อนจะหันไปทางผู้มาใหม่ที่ยืนอยู่ตรงประตู
“จิณณ์หลับแล้วเหรอ” ผู้มาใหม่กระซิบถามเสียงแผ่ว
ชายหนุ่มร่างสูงเพรียวค่อย ๆ ยันตัวเองลุกออกจากเตียงแล้วเดินตรงไปทางประตู
“มีอะไร ทิว” เขาถามเสียงเรียบก่อนจะหันกลับไปมองร่างคนที่นอนอยู่อีกเล็กน้อย
“ฝนจะตก กูกับจันทร์ว่าจะกลับก่อน กิตติ์กับเด่นก็โทรเรียกรถที่บ้านมารับแล้ว”
“อือ ขับรถระวัง ๆ นะ ลมแรง”
ทิวพยักหน้ารับก่อนจะยกมือขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงบอกลา “เจอกัน”
ประตูถูกปิดลงอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อไม่ให้ไปรบกวนการนอนของร่างชายหนุ่มบนเตียง
“กันต์” เสียงเรียกแผ่วเบาดังขึ้น
เจ้าของชื่อที่ยืนอยู่ตรงประตูสะดุ้งเล็กน้อยแล้วค่อย ๆ เดินกลับมายังเตียง “โทษที พวกกูคุยกันเสียงดังไปเหรอ”
เขายื่นมือออกไปหมายที่จะกระชับผ้าห่มให้ แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าน้อย ๆ พร้อมค่อยยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพิงขอบเตียง
“ทุกคนกลับกันหมดแล้วเหรอ” จิณณ์เอ่ยถาม
“คงใช่… ฝนกำลังตก” ร่างสูงเพรียวทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงช้า ๆ
“ขอโทษนะ เป็นเจ้าของวันเกิดแท้ ๆ แต่ทำงานพังหมดเลย” นัยน์ตาเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความเศร้า
“ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนก็ไม่ได้โกรธอะไร” กันต์พูด น้ำเสียงเจือความอบอุ่นเหมือนตอนคุยกับหลานสาวตัวเอง “มึงกลับไปนอนต่อเถอะ”
รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าจนเกิดรอยบุ๋มก่อนเจ้าตัวจะค่อย ๆ ล้มตัวลงนอนราบกับที่นอนนุ่มพร้อมดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมก่อนจะเอ่ยเสียงค่อย “มึงอยู่เป็นเพื่อนกูอีกสักพักได้ไหม”
“ได้อยู่แล้ว”
เปลือกตาปิดลงอย่างช้าราวกับม่านบางที่ดึงปิดโลกภายนอกออกไปทีละนิด เสียงรอบข้างค่อย ๆ เงียบลง ความคิดสุดท้ายไหลผ่านเหมือนสายลมบางเบาสะกิดที่เส้นขอบความรู้สึกรับรู้ ก่อนจะจมหายไปในความมืดนุ่มลึกที่ไร้รูปทรง ไร้เสียง ไร้ซึ่งสีใด ๆ เหลือไว้เพียงความว่างเปล่าที่อบอุ่น… และปลอดภัย…?
ร่างสูงโปร่งผิวขาวซีดของชายหนุ่มนอนนิ่งงันอยู่ในอ่างอาบน้ำสีขาวที่มีน้ำล้นทะลักออกมาจากขอบอ่างช้า ๆ ไหลเป็นสายเล็ก ๆ ลงสู่พื้น น้ำที่ควรจะใสไร้สีบัดนี้กลับเจือจางไปด้วยสีแดงเข้มที่แผ่ออกมาเป็นวงกว้าง เหมือนหมึกที่หยดลงบนผืนผ้าขาวสะอาด
แขนขวาทอดยาวพาดขอบอ่าง และที่พื้นใกล้กันนั้นมีเศษกระจกที่เปรอะของเหลวสีแดงตกอยู่ที่ข้างอ่าง ส่วนอีกข้างที่มีร่องรอยบาดแผลจากการถูกของมีคมกรีดจมอยู่ใต้ผิวน้ำอุ่น ของเหลวสีแดงที่ไหลออกจากร่างกายผสมเข้ากับน้ำในอ่าง หมุนวนเป็นลวดลายประหลาด
ภาพที่ปรากฏทำให้หญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่เข่าอ่อนทรุดลงนั่งอย่างไร้เรี่ยวแรงอยู่หน้าประตูห้องน้ำ เสียงกรีดร้องแหลมสูงของเธอดังลั่นสองมือป้องปากราวกับพยายามจะกลั้นเสียงนั้น สายน้ำตาพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสายเหมือนใจจะขาดสะบั้นเสียตรงนั้น
ร่างสูงของกันต์รีบวิ่งมาทางตำแหน่งคุณนายเจ้าของบ้านทันที และไม่รอช้าเด็กหนุ่มวิ่งเข้าไปพยุงตัวหญิงวัยกลางคนให้รีบออกห่างจากบริเวณห้องน้ำ ตะโกนเรียกคุณแม่บ้านให้มาดูแลคุณหญิงของบ้านที่ตอนนี้แข้งขาอ่อนจากภาพสุดช็อกที่เพิ่งพบเจอ
ส่วนตัวเขานั้นรีบพุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำพร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างร้อนรน กดเบอร์โทรเรียกรถฉุกเฉิน 1669 กดเปิดลำโพงแล้ววางมือถือไว้บนขอบอ่างบริเวณที่ไม่เปียก ไม่นานนักก็ต่อสายติด
เด็กหนุ่มพยายามคุมสติตัวเองเอาไว้แล้วทำการบอกข้อมูลกับเจ้าหน้าที่โดยพลัน ปากแจ้งข้อมูลเจ้าหน้าที่ไปในขณะเดียวกันก็ใช้แขนแกร่งยกร่างเพื่อนสนิทออกจากอ่าง หยิบผ้าขนหนูที่วางอยู่บริเวณอ่างล้างหน้ามาพันปิดบาดแผลห้ามเลือดไว้ ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ภาวนาให้รถฉุกเฉินมาถึงโดยเร็ว
ทุกส่วนของร่างกายในตอนนี้สั่นสะท้าน เขารู้สึกราวกับหัวใจจะหลุดออกจากอก พยายามอย่างมากที่จะควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติ แม้สมองจะยังเต็มไปด้วยความหวดกลัว