ทุกการกระทำล้วนมีเหตุผล… แต่เหตุผลอะไรกันล่ะที่ทำให้คน ๆ หนึ่งปิดชีพคนที่ตัวเองเรียกว่า ‘เพื่อน’ ได้?

dear murderer, เรื่องคืนนั้นฉันรู้นะ - บทที่ ๓ วันวาน (๑/๒) โดย Duck Me! @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ลึกลับ,ชาย-ชาย,จิตวิทยา,อาชญากรรม,รัก,ทิวจันทร์,๑๔,แฟนเก่า,ดรามา,โรแมนติก,ปริศนา,ฆาตกรรม,สืบสวน ,bl,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

dear murderer, เรื่องคืนนั้นฉันรู้นะ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ,ชาย-ชาย,จิตวิทยา,อาชญากรรม,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ทิวจันทร์,๑๔,แฟนเก่า,ดรามา,โรแมนติก,ปริศนา,ฆาตกรรม,สืบสวน ,bl

รายละเอียด

dear murderer, เรื่องคืนนั้นฉันรู้นะ โดย Duck Me! @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ทุกการกระทำล้วนมีเหตุผล… แต่เหตุผลอะไรกันล่ะที่ทำให้คน ๆ หนึ่งปิดชีพคนที่ตัวเองเรียกว่า ‘เพื่อน’ ได้?

ผู้แต่ง

Duck Me!

เรื่องย่อ

จิณณ์ ถูกพบเสียชีวิตในคืนวันเกิดตัวเอง เจ้าหน้าที่สรุปเป็นการทำอัตวินิบาตกรรม

แต่ 1 ปีถัดมา… บุคคลปริศนาได้ส่งข้อความหาเพื่อสนิท(?)ของจิณณ์ทั้ง 6 คน

ข้อความระบุว่า 1 ในพวกเขาคือฆาตกร… มันหมายความว่ายังไงกัน?

สารบัญ

dear murderer, เรื่องคืนนั้นฉันรู้นะ-บทนำ สุขสันต์วัน ‘ตาย’,dear murderer, เรื่องคืนนั้นฉันรู้นะ-บทที่ ๑ ข้อความ,dear murderer, เรื่องคืนนั้นฉันรู้นะ-บทที่ ๒ ตามรอย (๑/๒),dear murderer, เรื่องคืนนั้นฉันรู้นะ-บทที่ ๒ ตามรอย (๒/๒),dear murderer, เรื่องคืนนั้นฉันรู้นะ-บทที่ ๓ วันวาน (๑/๒),dear murderer, เรื่องคืนนั้นฉันรู้นะ-บทที่ ๓ วันวาน (๒/๒),dear murderer, เรื่องคืนนั้นฉันรู้นะ-บทที่ ๔ บาดแผล (๑/๒),dear murderer, เรื่องคืนนั้นฉันรู้นะ-บทที่ ๔ บาดแผล (๒/๒),dear murderer, เรื่องคืนนั้นฉันรู้นะ-บทที่ ๕ ชัดเจน,dear murderer, เรื่องคืนนั้นฉันรู้นะ-บทที่ ๖ อดีต (๑/๒),dear murderer, เรื่องคืนนั้นฉันรู้นะ-บทที่ ๖ อดีต (๒/๒),dear murderer, เรื่องคืนนั้นฉันรู้นะ-บทที่ ๗ เจ้าป่า

เนื้อหา

บทที่ ๓ วันวาน (๑/๒)

……….


เวลาล่วงเลยผ่านเที่ยงคืนของปีเก่าก้าวเข้าสู่ปีใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมกับสายฝนหลงฤดูที่โปรยปรายลงมาบางเบา ประพรมพอให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ เวสป้าสีฟ้าอ่อนแล่นผ่านถนนในหมู่บ้านที่มืดสลัวมาหยุดหน้ารั้วเหล็กสีดำของบ้านที่ตอนนี้ปิดไฟจนมืดสนิท คนซ้อนท้ายกระโดดลงจากมอเตอร์ไซค์ทันทีแล้วรีบเดินไปเลื่อนตัวประตูรั้วให้เปิดออกพอที่จะให้มอเตอร์ไซค์ของเจ้าของบ้านผ่านเข้าไปได้


เมื่อทิวจอดมอเตอร์ไซค์เรียบร้อยแล้ว แทนที่จะเดินเข้าบ้านตัวเองไปเลย เขากลับเดินตามจันทร์มาแล้วบอกว่าคืนนี้จะนอนที่บ้านเป็นเพื่อน อ้างว่าเพราะน้าดาร์ แม่ของจันทร์ไม่อยู่ เขาจึงกลัวอีกฝ่ายจะเหงาเลยอาสามานอนเป็นเพื่อน ซึ่งจันทร์เองก็ไม่ได้ว่าอะไร เขารู้ว่าถึงห้ามออกไป ยังไงทิวก็หาเหตุผลร้อยพันล้านแปดมาอ้างอยู่ดี


จันทร์ยืนหันหน้าเข้ากำแพงภายใต้ฝักบัว เขาเงยหน้าขึ้นรับสายน้ำอุ่นสบายให้ไหลแทรกผ่านเส้นผมดำขลับลงไปอย่างผ่อนคลายพลางลูบไล้เรือนร่างตน อุณหภูมิในเดือนมกราคมของประเทศไทยที่กำลังเย็นพอดีบวกกับสายฝนที่โปรยปรายลงมาบางเบาทำให้อากาศเย็นลงไปอีก การได้ยืนอยู่ภายใต้สายน้ำอุ่นจากฝักบัวในบรรยากาศแบบนี้มันดีเสียจนไม่อยากออกไปด้านนอกเลย


“แบ่งน้ำหน่อยได้ไหม” เสียงทิวดังขึ้นพร้อมกับม่านกั้นที่ถูกเปิดออก


จันทร์สะดุ้งเล็กน้อยหัวใจก็พลันกระตุกวูบ เขาไม่ได้หันไปมองแต่อย่างใด ทำเพียงขยับไปด้านข้างนิดหน่อยเพื่อให้อีกคนเข้ามา ทิวเข้ามายืนใกล้จนต้นแขนแตะกันแผ่วเบาภายใต้ม่านน้ำอุ่น สัมผัสเพียงนิดเดียวนั้นก็มากพอจะทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ ของจันทร์เต้นเบรกแดนซ์จนแทบจะทะลุออกมาแล้ว ใบหน้าก็เริ่มรู้สึกร้อนขึ้นทันทีอย่างบอกไม่ถูก


“กูออกก่อนแล้วกัน” จันทร์พยายามควบคุมน้ำเสียงให้เรียบนิ่ง


เขาก้มหน้าก้มตาไม่มองอีกคนพร้อมจะก้าวออกจากคอกฝักบัวเพื่อให้ทิวอาบน้ำก่อน คิดว่าอากาศด้านนอกคงหนาวทิวเลยอยากอาบน้ำอุ่นด้วย แต่แผนการหลบหนีเป็นต้องล่มไปเมื่อมีมือหนึ่งเอื้อมมาคว้าข้อมือของจันทร์ไว้พร้อมเสียงทุ้มเจือความขี้เล่น


“เดี๋ยวดิ”


จันทร์ชะงักกะทันหันก่อนจะเซไปตามแรงดึงเพียงแผ่วเบาของอีกฝ่ายกลับไปยืนใต้ม่านน้ำอุ่นจากฝักบัวตามเดิม เขาหันหน้าเข้าหากำแพงไม่หันหน้ากลับไปมองอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังห่างไปเพียงไม่ถึงฟุต


เสียงน้ำที่ไหลกระทบพื้นกระเบื้องตอนนี้ยังดังไม่พอที่จะกลบเสียงหัวใจของจันทร์ที่สั่นระรัวเป็นกลองชุดและมันยิ่งสั่นแรงขึ้นอีกเมื่อทิวของทิวค่อย ๆ วางทาบลงบนบริเวณบ่าแล้วลูบไล้วนลงไปจนถึงช่วงกลางหลัง เพื่อเป็นการชะล้างเหงื่อไคลทำความสะอาดร่างกายให้


“จะรีบออกไปไหน สบู่ฟอกหรือยัง”


“…แล้ว” จันทร์ตอบเสียงเบาอย่างห้วน ๆ ปลายนิ้วเท้าขยุกขยิกอย่างไม่รู้ตัว


เขาพยายามที่จะเบี่ยงตัวหนีจากฝ่ามืออุ่นที่เป็นอันตรายต่อหัวใจ แต่ก็ไม่พ้นด้วยพื้นที่มันมีอย่างจำกัด


ทิวซึ่งยืนอยู่ด้านหลังห่างแค่เพียงก้าวเดียว ขยับเข้ามาใกล้อีกนิดพร้อมส่งสายตามองไปที่แนวไหล่ที่เปียกน้ำของจันทร์ก่อนจะลากสายตามองไล่ขึ้นมาถึงต้นคอ


ราวกับมีแรงดึงดูดอย่างมหาศาลทำให้ทิวไม่อาจละสายตาจากสิ่งที่เห็นตรงหน้าได้เลย ความรู้สึกประหลาดพุ่งโจมตีเขาอย่างจัง หัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ เหมือนว่าในท้องของทิวตอนนี้กลายเป็นสวนดอกไม้แสนหวานของเหล่าผีเสื้อมากมายให้แวะเวียนมาบินวน มันเป็นความรู้สึกที่ทิวรู้ดีว่าคืออะไร


เขาขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายแล้วค่อย ๆ โน้มใบหน้าเข้าใกล้และประทับริมฝีปากลงไปที่คอระหงของคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน


จันทร์สะดุ้งเฮือก ชักมือที่กำลังยื่นไปหยิบขวดเจลอาบน้ำจากชั้นวางด้านข้างมาจับหมับที่ต้นคอตัวเองในตำแหน่งที่ริมฝีปากร้อนของคนด้านหลังกดลงมา แล้วหันขวับไปทางอีกฝ่าย


คิ้วผูกเข้าด้วยกันด้วยความฉงน “อะไรมึงเนี่ย!”


ทิวไม่ตอบอะไร เขาลดระยะห่างของทั้งคู่ลงอีกนิดโดยการเดินเข้าใกล้อีกครึ่งก้าว จันทร์เดินถอยไปจนแผ่นหลังแนบชิดไปกับกำแพงที่เย็นเฉียบ


ชายผิวขาวใช้มือข้างหนึ่งยันกำแพงไว้เหนือหัวจันทร์เล็กน้อย ส่วนอีกข้างก็ยกขึ้นช้า ๆ แล้วใช้มือเสยผมเปียกน้ำที่ระหน้าผากของอีกฝ่ายให้ขึ้นไปให้พ้นสายตา ก่อนจะใช้ปลายนิ้วไล้ลงมาตามกรอบหน้า


“ไอ้ทิว!” จันทร์ยกมือขึ้นทาบไปที่แผ่นอกเปลือยเปล่าของเพื่อนตรงหน้า


ออกแรงเล็กน้อยหมายที่จะผลักออกแต่เป็นต้องหยุดความคิดนั้นทันทีที่สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนบางอย่างใต้ผิวกาย มันสั่นแรงไม่ต่างอะไรกับของจันทร์ในตอนนี้เลย


เขาเงยหน้าสบตาชายผิวขาวตรงหน้าสลับกับมือตัวเองที่สัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจนั้น เป็นแบบนี้จันทร์สามารถคิดเข้าข้างตัวเองได้หรือเปล่าว่าทิวเองก็รู้สึกแบบเดียวกันกับจันทร์


และเหมือนทิวจะรู้ถึงคำถามในใจจันทร์ เขาโน้มใบหน้าเข้าใกล้ขึ้น ค่อย ๆ ลดระยะห่างระหว่างใบหน้าที่น้อยอยู่แล้วให้น้อยลงไปอีกจนปลายจมูกสัมผัสกันบางเบา ลมหายใจอุ่นร้อนของทั้งคู่สอดประสานรวมกันเป็นหนึ่ง


ทิวส่งสายตาอ้อนวอน เป็นเชิงขออนุญาตแล้วหลุบตาลงมองริมฝีปากอิ่ม จันทร์หลับตาลงเป็นคำตอบ ริมฝีปากคนสูงกว่าประทับลงมาเพียงแผ่วเบาครู่หนึ่งแล้วผละออกเล็กน้อย


จูบแรกที่จันทร์ได้รับมันให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลและอบอุ่นยิ่งกว่าน้ำที่ไหลออกมาจากฝักบัวในตอนนี้เสียอีก จันทร์สัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจทิวที่แรงขึ้นเป็นเท่าทวี พลันก็ทำให้หัวใจของจันทร์นั้นเร่งจังหวะขึ้นอีกราวกับแข่งกันอยู่ว่าหัวใจใครเต้นได้แรงกว่า


ทิวขยับมือข้างหนึ่งขึ้นและใช้ปลายนิ้วเชยคางจันทร์ขึ้นเล็กน้อยให้ได้องศาที่พอดีก่อนจะเคลื่อนไปจับท้ายทอยแล้วดันให้เข้ามาใกล้ ส่วนมืออีกข้างเลื่อนลงไปจับบริเวณสะโพกของจันทร์ไว้แล้วออกแรงดึงรั้งเข้ามาให้แนบชิดก่อนจะกดริมฝีปากแนบลงไปอีกครั้ง ลิ้นร้อนลากไล้โลมเลียริมฝีปากอิ่มก่อนจะสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากอุ่นเมื่อเจ้าตัวอ้าปากเป็นการตอบรับจูบนั้น


จันทร์เลื่อนมือทั้งสองข้างขึ้นจับบ่าอีกคนไว้แน่นเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยว เสียงหัวใจของคนทั้งสองดังก้องในใจกลบการรับรู้ถึงเสียงน้ำที่ตกกระทบพื้น สมองขาวโพลนไมรับรู้ออะไรไปมากกว่าจูบแสนหวานที่ทิวมอบให้…




เส้นแสงสีขาวของสายฟ้าพาดผ่านผืนฟ้าสีดำที่ถูกปกคลุมไปด้วยมวลเมฆหนาทึบ ทำให้บริเวณโดยรอบสว่างวาบขึ้นมาชั่วขณะ ก่อนที่อีกไม่นานจะตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องคำรามดังกึกก้อง เหลืออีกแค่ไม่ถึงห้านาทีก็จะถึงบ้านของทั้งคู่แล้ว แต่ดูเหมือนท้องฟ้าจะไม่ยอมรอ ทันทีที่เลี้ยวเข้าหมู่บ้านมาหยดน้ำจากฟากฟ้าก็โปรยปรายลงมา


ทิวเหลือบมองท้องฟ้าเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย เขาค่อย ๆ ชะลอความเร็วมอเตอร์ไซค์ลงแล้วจับวงแขนของจันทร์ที่โอบกอดเขาไว้ให้กระชับขึ้น จริง ๆ หากเร่งความเร็วอีกนิดคงถึงบ้านก่อนที่ฝนจะเทลงมามากกว่านี้ แต่ทิวไม่อยากเสี่ยงเพราะมีจันทร์ซ้อนท้ายมาด้วย ปกติอีกฝ่ายไม่ค่อยจะชอบใจอยู่แล้วที่ทิวใช้ความเร็วที่มันมากเกินไปแล้วยิ่งฝนตกถนนลื่นแบบนี้ มีหวังทิวโดนบ่นหูชา ไม่ก็โดนอีกฝ่ายงอนเป็นแน่


ไม่นานนักมอเตอร์ไซค์คันดำแล่นผ่านรั้วเหล็กสีดำเข้ามาจอดบริเวณหน้าตัวบ้านสไตล์ทรอปิคอลสีน้ำตาลอ่อนสองชั้น


“เปียกจนได้” ทิวพึมพำขึ้นพลางถอดหมวกกันน็อกของตัวเองออกแล้วแขวนมันไว้ตรงกระจกมอเตอร์ไซค์ แล้วจึงหันไปถามคนที่ซ้อนท้ายอยู่ด้วยความเป็นห่วง “จันทร์เป็นไงบ้างครับ”


เจ้าตัวส่ายหน้าเบา ๆ เป็นเชิงว่าตัวเองไม่เป็นอะไรมากแล้วยื่นหมวกกันน็อกคืนให้ทิว


“ขอโทษนะ ดูสิเปียกหมดเลย” เขาลงจากมอเตอร์ไซค์มายืนเต็มความสูง รับหมวกกันน็อกมาจากอีกฝ่ายมาถือไว้พร้อมใช้มืออีกข้างเสยผมเปียกชื้นที่ลงมาปรกหน้าของคนตัวเล็กกว่าที่ยืนก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไร


วันนี้จันทร์มีท่าทีแปลกไปตั้งแต่เช้าแล้ว จริง ๆ ช่วงสองถึงสามวันที่ผ่านมานี้จันทร์ทำตัวแปลกไปมากอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาบอกไม่ได้ว่าสาเหตุคืออะไร เท่าที่จำได้ทิวก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนี่นา


มือหนาของทิวค่อย ๆ ประคองใบคนรักอย่างเบามือพร้อมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแสนอบอุ่นที่ไม่เคยใช้พูดกับใครนอกจากคนตรงหน้าเพียงผู้เดียว


“จันทร์ครับ—”


ไม่ทันที่ทิวจะได้พูดอะไรต่อ คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายไปในลมหายใจของเขา เมื่อจันทร์ยกมือข้างหนึ่งขึ้นคว้าคอเสื้อคนตรงหน้าแน่นแล้วดึงให้เข้ามาใกล้ พร้อมแนบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากหนาที่เริ่มซีดลงเล็กน้อยจากความหนาวเย็นของทิวอย่างแผ่วเบาในทีแรกก่อนจะกดจูบลงไปอีกรอบ เนิบนาบแนบแน่ขึ้นขึ้นกว่าเดิม


คนถูกจูบเบิกตากว้างด้วยความตกใจจากการจู่โจมที่ไม่ทันตั้งตัว แต่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่สมองประมวลผลได้ เขาก็เผยอปากยิ้มร่าออกมาพร้อมตอบรับจูบแสนหวานทันที


ยังคงไม่เข้าใจการกระทำอีกคนเท่าไหร่ แต่นาน ๆ ที่จันทร์จะเป็นฝ่ายจู่โจมจูบทิวก่อน โอกาสแบบนี้มีไม่บ่อยต้องรีบคว้าเอาไว้


มือข้างหนึ่งของทิวเลื่อนไปแตะประคองข้างแก้มอย่างทะนุถนอม มืออีกข้างพลันทิ้งหมวกกันน็อกที่ถืออยู่ในมือลงพื้นไปอย่างไม่ไยดีแล้วดึงร่างคนรักเข้ามาใกล้พร้อมกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น


ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไหวเชื่องช้าและอ่อนโยน แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ล้นปรี่ หัวใจเต้นรัวแรงอย่างควบคุมไม่ได้ ทิวสอดปลายนิ้วเข้าไปขยุ้มขยำกลุ่มเส้นผมเปียกชื้นของอีกฝ่าย บดเบียดดูดดุนกลีบปากคนรักหนักหน่วงขึ้น ลมหายใจร้อนผ่าวของคนทั้งคู่สอดประสานกัน ทิวยังคงยิ้มน้อย ๆ อย่างมีความสุขระหว่างจูบ ทั้งที่ตายังปิดแน่น


ละอองน้ำฝนเย็นเฉียบบางเบาที่กระเซ็นประพรมร่างกายไม่อาจดับความอบอุ่นที่เอ่อล้นในอกได้ จันทร์ผละริมฝีปากออกพร้อมเบือนหน้าหนี แต่เหมือนทิวจะยังไม่พอกับจูบที่เพิ่งจบลง เขาเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้หมายจะประทับจูบอีกครั้ง แต่เป็นต้องชะงักงันเมื่อคำพูดหนึ่งหลุดออกจากเรียวปากที่เขาเพิ่งลิ้มรส


“เราเลิกกันเถอะ ทิว” น้ำเสียงนิ่งแต่เจือด้วยความสั่นเครือ เขาเหลือบมองทิวเพียงครู่หนึ่งก่อนจะหันเหสายตาไปทางอื่น


ราวกับฟ้าผ่าเปรี้ยงลงกลางใจ เป็นคำพูดที่ถูกเอื้อนเอ่ยเพียงแผ่วเบา แต่มันกลับดังก้องไปทุกเส้นประสาท ฝนยังโหมกระหน่ำลงมาไม่หยุด แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น โลกทั้งใบของทิวเหมือนหยุดหมุนไปเสียดื้อ ๆ คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว


“ทำไม…” ทิวถามเสียงแผ่ว พยายามคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นเครือ


“กูไม่ได้รักมึงแล้ว”


“มึงโกหก!” น้ำเสียงที่เคยอบอุ่นเริ่มดุดันขึ้นด้วยมวลอารมณ์มากมาย


“กูไม่ได้โกหก”


“งั้นมึงมองตากู แล้วพูดมาอีกที” ทิวจับใบหน้าคนรักให้หันมาสบตาตนตรง ๆ


จันทร์จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสีเข้มของคนตรงหน้าที่มีน้ำสีใสเริ่มไหลรินลงมา ซึ่งไม่อาจทราบได้ว่าเป็นน้ำตาหรือหยาดน้ำฝนจากเส้นผมกันแน่ ริมฝีปากเม้มแน่นจนซีดขาว มือทั้งสองกำจนเล็บจิกเข้าเนื้อ


“กู…” เขาพยายามที่จะเค้นคำพูดออกมา ดวงตากลมยาวเริ่มร้อนผ่าว น้ำตาเองก็เริ่มเอ่อล้นออกมา “ไม่ได้รัก… มึงแล้ว”


จันทร์เสียงแผ่วลงในช่วงสุดท้ายของคำพูดพร้อมกับหลบสายคมกริบของคนตรงหน้าที่จ้องกลับมา เขาปัดมือหนาของทิวออก และใช้หลังมือปาดน้ำตาที่ไหลหลั่งอาบข้างแก้มของตัวเอง ก่อนจะหันหลังให้คนที่เขารักที่สุด เดินตรงเข้าบ้านไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองร่างสูงที่ยืนนิ่งงันอยู่ข้างมอเตอร์ไซค์คู่ใจราวกับดวงวิญญาณหลุดลอยไปไกล


ทิวจ้องมองจันทร์ที่เดินหายเข้าไปในบ้านของตัวเอง เหลือทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าท่ามกลางสายฝนในค่ำคืนนี้ที่ไร้ซึ่งแสงของดวงจันทร์ ทั้งดวงจันทร์บนฟ้าและดวงจันทร์ในใจทิว


เขาเหวี่ยงขาเตะหมวกกันน็อกที่ตกอยู่บนพื้นสุดแรงเกิด ด้วยความหัวเสียอย่างมหาศาลที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นภายใน ก่อนจะตวัดขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้วสตาร์ตเครื่องยนต์ที่เพิ่งดับไปเมื่อครู่ขึ้นมาอีกครั้งแล้วบิดเร่งเครื่องพาตัวเองออกไปข้างนอก


ในเมื่อดวงจันทร์ไม่ต้องการเขาแล้ว ดวงอาทิตย์อย่างเขาจะส่องแสงไปเพื่อใครล่ะ…?


……….