ทุกการกระทำล้วนมีเหตุผล… แต่เหตุผลอะไรกันล่ะที่ทำให้คน ๆ หนึ่งปิดชีพคนที่ตัวเองเรียกว่า ‘เพื่อน’ ได้?
ลึกลับ,ชาย-ชาย,จิตวิทยา,อาชญากรรม,รัก,ทิวจันทร์,๑๔,แฟนเก่า,ดรามา,โรแมนติก,ปริศนา,ฆาตกรรม,สืบสวน ,bl,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
dear murderer, เรื่องคืนนั้นฉันรู้นะทุกการกระทำล้วนมีเหตุผล… แต่เหตุผลอะไรกันล่ะที่ทำให้คน ๆ หนึ่งปิดชีพคนที่ตัวเองเรียกว่า ‘เพื่อน’ ได้?
จิณณ์ ถูกพบเสียชีวิตในคืนวันเกิดตัวเอง เจ้าหน้าที่สรุปเป็นการทำอัตวินิบาตกรรม
แต่ 1 ปีถัดมา… บุคคลปริศนาได้ส่งข้อความหาเพื่อสนิท(?)ของจิณณ์ทั้ง 6 คน
ข้อความระบุว่า 1 ในพวกเขาคือฆาตกร… มันหมายความว่ายังไงกัน?
ประตูรั้วเหล็กปิดลงหลังจากที่รถสีดำคันหรูของเจ้าของบ้านผ่านเข้ามาแล้ว ตามมาด้วยเสียงเครื่องยนต์ของรถมอเตอร์ไซค์จากทางด้านหลังก่อนที่มันจะถูกดับเครื่องลง
คุณนายเจ้าของบ้านลงมาจากรถส่งกระเป๋าให้คุณแม่บ้านที่มายืนรอต้อนรับ ก่อนจะเดินออกมาดูบริเวณหน้าประตูรั้วบ้านว่าเจ้าของเสียงมอเตอร์ไซค์เป็นใคร
“ทิวเหรอ” เธอเอ่ยถามออกไปเพื่อความมั่นใจ
ในเวลาโพล้เพล้แบบนี้มีเพียงไฟดวงน้อยหน้าบ้านเท่านั่นที่พอจะให้ความสว่าง เพราะต้นเสาไฟสูงที่อยู่หน้าบ้านนั้นเสียไปตั้งแต่ปีที่แล้ว จึงทำให้หน้าบ้านมืดกว่าบ้านหลังอื่น
เจ้าของบ้านเปิดประตูออกมาต้อนรับผู้มาเยือน
“สวัสดีครับน้าอร” ชายหนุ่มเจ้าของชื่อยกมือไหว้พร้อมกล่าวทักทายคุณนายเจ้าของบ้าน ก่อนอีกคนซึ่งมาด้วยกันจะตามมาสมทบ
“ผมซื้อองุ่นมาฝากด้วยครับ” ทิวส่งถุงใส่องุ่นซึ่งแวะซื้อกันมาจากตลาดให้หญิงวัยกลางคนตรงหน้า
“ขอบใจมากจ้ะ เข้ามาข้างในกันก่อนสิ”
ทิวหันไปมองจันทร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังก่อนจะตอบรับคำเชิญของเจ้าของบ้าน คนตัวเล็กกว่าพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินตามเข้าไปติด ๆ
“เอาไปใส่จานให้ด้วยนะนวล” น้าอรบอกหน้าที่คุณแม่บ้านเสร็จก็พากันเดินนำเข้าไปในบ้าน
จันทร์กวาดสายตามองสำรวจบริเวณหน้าบ้านอย่างละเอียดเท่าที่จะทำได้ ด้วยสัญชาตญาณหรืออะไรบางอย่างทำให้เขาคิดว่าบุคคลปริศนาที่ส่งข้อความประหลาดมาให้เขากับทิวต้องเป็นคนใกล้ตัวแน่ เขาไม่รู้หรอกว่าคน ๆ นั้นไปรู้ไปเห็นหรือได้ข้อมูลอะไรมา ไม่รู้ว่าสิ่งที่คน ๆ นั้นบอกมันคือความจริงหรือเปล่า แล้วจุดประสงค์ของการทำแบบนั้น… เขาทำไปทำไม ทำแล้วตัวเองจะได้ประโยชน์อะไร คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวเขามาสักพักแล้ว
ในตอนแรกที่ได้รับข้อความนั้น จันทร์เองก็ไม่ได้เชื่อหรือตงิดใจอะไรเลย เรียกได้ว่าเขาไม่สนใจมันเลยมากกว่า เพราะพวกข้อความหรือจดหมายแปลก ๆ เขาได้รับตั้งแต่สมัยมัธยมจนชินแล้ว พอมารู้ว่าทิวเองก็ได้ข้อความประหลาดนั่นเหมือนกัน เขาก็รู้สึกได้ว่ามันอาจมีอะไรไม่ชอบมาพากล ใจจริงก็ไม่อยากเชื่อข้อความนั่นเท่าไหร่นัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็มีความเป็นไปได้เหมือนกัน เพราะหลังจากเกิดเรื่องในวันนั้น...
“จันทร์!”
เจ้าของชื่อหลุดจากภวังค์ความคิดด้วยเสียงทุ้มที่เจือความนุ่มนวลของร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้าน ราวกับมีประโยคคำถามที่ปนไปด้วยความห่วงใยส่งผ่านมาทางสายตาที่มองมา จันทร์จึงเร่งฝีเท้าเดินตามเข้าไป
เจ้าของบ้านภายมือเชิญชวนให้แขกผู้มาเยือนนั่งลงทำตัวตามสบายบนโซฟาเนื้อดีตรงส่วนที่เป็นห้องรับแขก ก่อนเจ้าตัวจะเดินเลยไปทางพื้นที่ครัวซึ่งอยู่ติดกัน
“หยกมณี...” เสียงคุณนายเจ้าของบ้านดังมาจากทางส่วนที่เป็นพื้นที่ครัว ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากส่วนบริเวณที่เป็นพื้นที่รับแขกเพราะปราศจากกำแพงกั้น
“วันนี้กิตติ์กับเด่นมาเหรอนวล” เธอเอ่ยถามคุณแม่บ้านที่กำลังล้างองุ่นที่เพิ่งได้มา ขณะเดียวกันตัวเองก็รินน้ำส้มใส่แก้วใบใสเพื่อจะนำไปให้แขก
ชายหนุ่มสองคนซึ่งนั่งรออยู่ที่โซฟาหันหน้ามองกันโดยอัตโนมัติเมื่อได้ยินชื่อเพื่อนทั้งสองคนของตัวเอง
“ใช่ค่ะ เมื่อช่วงสายหลังจากคุณนายออกไปทำงานแค่แป๊บเดียวเอง” คุณแม่บ้านตอบคำถามคุณนายพลางทำการจัดการขนมและผลไม้ที่ได้มาใส่จาน
คุณนายเจ้าของบ้านเดินมาพร้อมถาดที่วางแก้วน้ำส้มอยู่สองแก้ว แล้วตามมาด้วยน้านวลที่ยกหยกมณีมาให้
“กิตติ์กับเด่นมาหาคุณน้าบ่อยเหรอครับ” ไม่รอช้าจันทร์เอ่ยปากถามทันที
“จ้ะ สองคนนั้นมาเยี่ยมน้าเป็นประจำทุกเดือน แล้วมักจะซื้อหยกมณีของโปรดมาให้”
“ทุกเดือนเลยเหรอครับ ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“ใช่จ้ะ ทุกเดือนเลย ตั้งแต่… เหตุการณ์นั้น” เสียงคุณนายเจ้าของบ้านแผ่วลง
ชายผิวขาวที่นั่งอยู่ด้านข้างใช้ศอกสะกิดเบา ๆ ทำให้จันทร์รู้ว่าคำถามของตัวเองทำให้คนตอบไปนึกถึงสิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวด
“ขอโทษครับ” เขาเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิด ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่
“ไม่เป็นไรจ้ะ” น้าอรส่งยิ้มอ่อนให้เพื่อให้รู้ว่าตัวเองไม่ได้ถือโทษโกรธเจ้าตัวเลยที่ถาม
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็พูดคุยกันต่อไป จนได้ข้อมูลใหม่มาเก็บใส่คลังข้อมูลในสมองของจันทร์ ว่าหลังจากเรื่องในวันนั้นนอกจากเด่นกับกิตติ์แล้วก็มีกันต์ที่แวะเวียนมาหาอยู่บ่อยครั้ง เกือบทุกอาทิตย์เลยก็ว่าได้
เมื่อเห็นว่าคุณน้าอาการเริ่มดีขึ้นกันต์ก็เปลี่ยนเป็นแค่เดือนละสองครั้งคือต้นและกลางเดือน จากข้อมูลที่ได้มานั้นทำให้จันทร์สรุปคร่าว ๆ ได้ว่าเกือบทุกคนในกลุ่มเพื่อนสนิทซึ่งรวมเขาและทิวในวันนี้ได้แวะเวียนมาเยี่ยมคุณแม่ของจิณณ์ด้วยเหตุผลที่อาจจะเหมือนหรือต่างกันก็ไม่อาจทราบได้
ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้อะไรหลาย ๆ อย่างดูน่าสงสัยไปเสียหมดสำหรับจันทร์ ข้อมูลที่ได้มาในตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่พอจะต่อกันเป็นชิ้นเป็นอันได้เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกี่ยวกับเรื่องคนที่ส่งข้อความนั้นมาหรือเปล่า
ขณะเดียวกันที่ร้าน A Cup of Sin แม้จะเป็นค่ำวันอาทิตย์ผู้คนวัยทำงานต่างก็หนาแน่นไม่ต่างจากคืนวันศุกร์นัก คืนนี้ภายในร้านเปิดเพลงแจ๊สคลาสสิคจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงเก่า ๆ คลอไปเบา ๆ กับเสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วของคนในร้าน
ร่างสูงเพรียวของชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีเข้มเดินเข้ามาในร้านพร้อมหันซ้ายหันขวามองหาใครบางคนแต่กลับไม่พบ จึงเดินตรงไปยังบาร์ที่มีคุณเจ้าของร้านซึ่งตอนนี้รับหน้าที่เป็นบาร์เทนเดอร์ยืนอยู่ เขานั่งลงที่เก้าอี้ตัวกลมหน้าบาร์
“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ” เขาเอ่ยพลางใช้ปลายนิ้วดันกรอบแว่นเล็กน้อย ขณะสายตากวาดมองไปรอบ ๆ อีกครั้งเพื่อดูให้แน่ใจว่าคนที่ตัวเองตามหานั้นอยู่ที่นี่หรือเปล่า
“เชิญครับ” ชายหนุ่มในชุดดำล้วนตรงหน้าเอ่ยเชิงอนุญาต
ร่างสูงหันกลับมาเพื่อที่จะถามคำถามที่ตั้งใจไว้ แต่ก็ต้องชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นใบหน้าบาร์เทนเดอร์หนุ่มชัดขึ้น เขาขมวดคิ้วเข้าหากันโดยไม่ได้ตั้งใจ ความรู้สึกเหมือนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนแล่นเข้ามาในหัว
“มีอะไรจะถามเหรอครับ” เสียงทุ้มต่ำของคุณบาร์เทนเดอร์เรียกสติของเขาให้กลับมา
“เอ่อ… คือ… มีพนักงานที่ชื่อจันทร์ทำงานอยู่ที่นี่ไหมครับ จันทรกานต์”
“มีครับ” คุณบาร์เทนเดอร์ตอบเพียงเท่านั้นด้วยเสียงเรียบนิ่ง พร้อมทั้งเช็ดทำความสะอาดแก้วใบใสในมือต่อ
“เขาไม่มาทำงานเหรอครับ”
“ผมให้เขาเลิกงานเร็วครับ เห็นว่าแฟนเขามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
“ผมไม่ทราบครับ… รับเครื่องดื่มหน่อยไหมครับ” คุณบาร์เทนเดอร์ตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายถามบ้าง
“ผมไม่ดื่มครับ” ชายหนุ่มตอบพร้อมทำท่าว่าจะลุกออกจากที่นั่ง
“น้ำผลไม้ก็มีนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก” เขาปฏิเสธอีกครั้ง
พงกหัวเล็กน้อยเป็นการขอบคุณและกล่าวลาอีกฝ่าย ก่อนจะลุกจากเก้าอี้เพื่อออกจากร้าน เดินมาได้สองสามก้าวก็หันหลังกลับไปทางบาร์ตามเดิม
“ขอถามอีกคำถามนะครับ”
“เชิญครับ” คุณบาร์เทนเดอร์หยุดสิ่งที่ตัวเองทำไว้เงยหน้าขึ้นมามองคุณลูกค้าประหลาดที่มาเพื่อแค่ถามคำถามแปลก ๆ
“พวกเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ” อีกหนึ่งคำถามแปลกถูกถามออกมาอีกครั้ง
“ไม่ครับ” ตอบหน้านิ่งตามเดิมก่อนจะหันไปทำงานของตัวเองต่อ
คนที่ได้รับคำตอบทำได้เพียงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินออกจากร้านไป
“อย่าขยับ! ไม่งั้นฉันยิงจริง ๆ นะ” เสียงขู่ที่ฟังดูไม่จริงจังเท่าไหร่ดังมาจากทางด้านหลังของคุณเจ้าของร้านพร้อมกับปากกระบอกปืนของชายร่างสูงโปร่งในชุดบอดี้สูทรัดรูปสีขาวที่โผล่มาจากไหนไม่รู้จ่ออยู่บริเวณกลางหลัง
“ช่วยเก็บลูกซองนายลงไปด้วย ก่อนที่ลูกค้าท่านอื่นจะหันมาเห็นแล้วแตกตื่นเสียก่อน” คนโดนปืนจ่อพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
“มนุษย์ธรรมดาไม่มีทางมองเห็นได้หรอกน่า” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนกับผู้ชายตรงหน้าที่ไม่มีอารมณ์ขันเอาเสียเลย
เขากระโดดข้ามเคาน์เตอร์บาร์ไปอีกฝั่ง นั่งไขว่ห้างลงบนเก้าอี้ทรงกลมพร้อมแย่งผ้าที่อยู่ในมืออีกฝ่ายมาเช็ดขัดทำความสะอาดปืนลูกซองแฝดสีขาวงาช้างขลิบทองของตนเองอย่างทะนุถนอม
“นายน่าจะบอกความจริงเขาไปเลยนะ… Black Devil [1] …” เน้นเสียงอย่างจงใจไปที่คำสุดท้ายแล้ว เงยหน้าขึ้นมองคนตรงข้ามพร้อมรอยยิ้มดูเป็นมิตรก่อนจะพูดต่อ “สักแก้วได้ไหม” ว่าเสร็จก็หันไปให้ความสนใจกับการดูแลปืนลูกซองสุดรักสุดหวงของตน
“ความจริงอะไร” คุณบาร์เทนเดอร์ถามใบหน้าเรียบเฉยยืนกอดอกมองชายร่างสูงโปร่งอย่างไม่มีทีท่าว่าจะทำเครื่องดื่มตามที่อีกฝ่ายสั่ง
“สิ่งมีชีวิตแบบนายก็น่าจะรู้นี่ ว่าผู้ชายคนนั้นเขากำลังหาอะไรอยู่ ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดเหตุการณ์วันนั้นมันจะถูกบันทึกลงในสมุดบันทึกอะไรนั่นของนายไม่ใช่หรือไง”
“นั่นเป็นปัญหาของพวกมนุษย์ ไม่เกี่ยวกับฉัน” ชายร่างสูงโปร่งยกยิ้มอย่างพอใจในคำตอบที่ได้รับ
“สมกับเป็นนายจริง ๆ เลย Prince of the Hell”
คุณบาร์เทนเดอร์ไม่ตอบอะไร ยังคงยืนกอดอกมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยตามเดิม
“เครื่องดื่มที่ฉันสั่งล่ะ” เป็นชายร่างสูงโปร่งเองที่พูดขึ้นทำลายความเงียบที่เริ่มก่อตัวขึ้น
“ไม่มี”
“ใจร้ายจังเลย”
[1] Black Devil ค็อกเทลที่ผสมระหว่างรัมดำและเวอร์มุต เสิร์ฟในแก้วมาร์ตินีพร้อมมะกอกเขียวหนึ่งผล มีรสชาติเข้มข้น