การรู้ตัวตนที่แท้จริง ทำให้หลี่อี้มองทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงหวังซูเพื่อนรัก
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,จีน,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2การรู้ตัวตนที่แท้จริง ทำให้หลี่อี้มองทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงหวังซูเพื่อนรัก
อธิบาย/เรื่องย่อ
นามปากกา : Kevinth M. PoTae
วาดปก : WALAN
.
หลังจากที่หลี่อี้ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาได้อย่างฉิวเฉียด หลี่อี้ก็ถูกคุณนายเมิ่งสั่งให้มาอยู่ที่โรงน้ำชาแห่งนี้ แม้จะไม่ยินยอม แต่คงต้องยอมรับปากอย่างเสียไม่ได้
ยังเรื่องของวิญญาณตนนั้นที่มาขอความช่วยเหลือ ที่หลี่อี้ดันไปรับปากจนเกิดสัญญาโลกวิญญาณไปเสียแล้ว จึงไม่อาจที่จะปฏิเสธเรื่องนี้ได้ ที่สำคัญ การตายของนักศึกษาและชาวบ้านอย่างปริศนาชนิดรายวัน มันทำให้หลี่อี้อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้ามาเกี่ยวด้วยกับเรื่องนี้ จนกลายเป็นว่าหลี่อี้ต้องตกอยู่ในอันตรายนี้เสียเอง
นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน ดังนั้นตัวละคร/สถานที่/เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่อง จึงถูกสมมุติขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ทุกคำพูด ทุกตัวละครไม่มีอยู่จริง…โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน…
ฝากเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยการกดไลก์ คอมเมนต์ และกดเข้าชั้นหนังสือด้วยนะครับ
ฝากช่องทางการติดต่อไว้ด้วยนะครับ^^
Threads : mungkorn_kevinth
Twitter : Kevinth_M
Tiktok : kevinth_m.author
Facebook : kevinthm.author
ตอนที่ 14
ก็แค่อยากขอโทษ
เมื่อเริ่มเห็นท่าจะไม่ดี ทู่เอ๋อจึงรีบปิดร้านในทันที แล้วร่างของเสี่ยวมู่จื่อก็ถูกนำเข้าไปในห้องด้านหลัง
ทุกคนในนั้นยกเว้นหลี่อี้ ช่วยกันปล่อยพลังวิญญาณออกมาเพื่อผสานรอยกรีดนั้นให้กลับดังเดิม แต่กลับไม่เป็นผล เลือดหยุดไหลแล้ว หากแต่เสี่ยวมู่จื่อกลับยังคงไร้ซึ่งลมหายใจ
“นี่เราจะทำยังไงกันดี หากคุณนายเมิ่งรู้ว่าพวกเราก่อเรื่องจนทำให้เสี่ยวมู่ตายไปเช่นนี้ คงจะแย่แน่ ๆ”
“นี่เจ้ายังห่วงเรื่องนั้นอีกหรือ เสี่ยวมู่กำลังจะตาย แต่เจ้ากลับกลัวว่าจะโดนคุณนายเมิ่งตำหนิอย่างนั้นหรือ?”
หลิงเซียงที่ปกติดูสดใส ตำหนิทู่เอ๋อด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความผิดหวังในเพื่อนของตนผู้นี้ ด้วยใจคิดว่าทู่เอ๋อคงจะห่วงตัวเองเสียจนไม่คิดถึงชีวิตน้อย ๆ ที่แน่นิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างเสี่ยวมู่
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่ข้าหมายถึงว่าสิ่งที่ข้าแหละเจ้ากระต่ายบ้านี่ทำมันไร้สาระเสียจนทำให้หนึ่งชีวิตต้องมาสังเวย ข้าจะทำอย่างไร ในเวลานี้ ต่อให้ข้ารู้สึกผิดแค่ไหนก็คงไม่อาจนำพาเสี่ยวมู่ให้กลับมาที่นี่อีกแล้ว”
“ข้าเองก็มีส่วนผิด หากแต่ก่อนที่เสี่ยวมู่จะสิ้นสติไป คำพูดนั้นของเสี่ยวมู่ มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่ ไม่ว่าข้าจะคิดอย่างไร ข้าก็ยังคิดไม่ออก ว่าข้าไปมีบุญคุณอะไรตั้งแต่ตอนไหน…”
.
.
“แล้วหลังจากนี้เราจะทำยังไงกันดีครับ ตอนนี้คุณน้าเมิ่งก็ไม่อยู่ที่นี่เสียด้วย ผมว่า ถ้าหากคุณน้าเมิ่งอยู่ จะต้องมีหนทางแก้ไขเรื่องนี้แน่เลยครับ”
“จริงด้วย คุณนายเมิ่งคือเทพที่ดูแลเหล่าวิญญาณที่กำลังจะมาเกิด หากเป็นคุณนายเมิ่งจะต้องมีวิธีแก้ไขเรื่องนี้แน่ ๆ ครับ” หวังซูและหลี่อี้ สองเพื่อนสนิทออกความเห็นไปในทางเดียวกัน
หากแต่เวลานี้ คุณนายเมิ่งไปทำหน้าที่ของตนอยู่ที่สะพานน่ายเหอ เนื่องจากช่วงนี้มีวิญญาณหลายดวงที่ชำระความเสร็จแล้ว จึงถูกปล่อยออกมาเพื่อเตรียมตัวมาเกิดที่โลกมนุษย์แห่งนี้พร้อมกันทีเดียวหลายล้านดวง หากจะอาศัยเซียนน้อยที่คอยช่วยงาน อาจจะควบคุมสถานการณ์ไม่ได้เมื่อเกิดจลาจล
“เช่นนั้นเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เราเก็บร่างของเสี่ยวมู่เอาไว้ที่นี่ก่อน ระหว่างนี้ก็ใช้พลังวิญญาณหล่อเลี้ยงร่างเอาไว้ไม่ให้เสียหาย คุณนายเมิ่งกลับมาเมื่อใด เราจะได้ขอให้คุณนายเมิ่งช่วยอีกที” หลิงเซียงแนะนำ
“งั้นก็ดี เอาอย่างที่หลิงเซียงว่านี่แหละ เพราะถึงยังไง ต่อให้เรามีพลังมากแค่ไหน เราก็ไม่อาจที่จะคืนชีพให้กับเสี่ยวมู่จื่อได้อยู่แล้ว อีกเจ็ดวันคุณนายเมิ่งถึงจะกลับมา ตอนนั้นก็ค่อยว่ากันก็แล้วกัน”
ทู่เอ๋อเห็นด้วยกับสิ่งที่หลิงเซียงพูด ทุกคนก็เช่นกัน และเมื่อเป็นดังนั้น ร่างของเสี่ยวมู่จื่อที่ตอนนี้อยู่ในร่างของแมวดำนั้น ก็ถูกวางเอาไว้บนผ้าสีขาวและถูกครอบเอาไว้ด้วยม่านพลังที่ทู่เอ๋อสร้างขึ้น
ภายในนั้นมีแสงวูบวาบสวยงามเป็นประกายอันเกิดจากพลังวิญญาณที่ทุกคนสละออกไปคนละนิดละหน่อย เพื่อคงสภาพร่างกายนั้นไม่ให้เน่าเสีย จนกว่าจะถึงในอีกเจ็ดวันข้างหน้า
.
.
ค่ำคืนนั้น บนหลังคาของโรงน้ำชา
“ข้าไม่คิดเลยสักนิด ว่าข้าจะได้มาเจอกับเจ้าที่นี่ เจ้าลงมายังโลกมนุษย์แห่งนี้โดยที่ไม่บอกให้เทพธิดาฉางเอ๋อได้รับรู้ แล้วงานบนนั้นเล่าเจ้าทำอย่างไร?”
หลังจากที่ผ่านเรื่องราววุ่นวายมาทั้งวัน หลิงเซียงและเยว่หมิงชางก็มานั่งพักผ่อนชมจันทร์อยู่บนหลังคาด้านบนสุดของโรงน้ำชา ในเวลาค่ำคืน ก่อนที่โรงน้ำชาหลังเที่ยงคืนจะเปิดขึ้นเพื่อให้บริการเหล่าเทพเซียนและปีศาจต่างมิติเหล่านั้น
“ข้าก็ให้เซียนถงเซียนหนี่ที่อยู่บนนั้นช่วยข้าดูแลไปก่อนยังไงล่ะ เจ้าอย่าห่วงไปเลย ข้าลงมาที่นี่ไม่นานนักหรอก เจ้าเองก็ช่วยปิดเรื่องนี้เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน ข้าได้ยินว่า ตอนนี้เทพฉางเอ๋อกำลังมีละครเรื่องใหม่ คงไม่มีเวลามาสนใจข้าหรอก”
“ตอนที่ข้าข้ามมายังโลกมนุษย์แห่งนี้ คราวแรกข้าก็คิดเช่นเจ้านั่นแหละ คงจะอยู่ไม่นานนัก แล้วอย่างไร ตอนนี้ก็ผ่านมานับพันปีแล้ว ส่วนเรื่องนั้น ข้าไม่ยุ่งหรอก มันไม่ใช่ธุระของข้า แล้วเรื่องอะไรหรือ ที่ทำให้เจ้ายอมฝืนกฎหนีลงมาข้างล่างนี่แบบนี้?”
“ข้าเพียงแค่รู้สึกทนไม่ได้ ที่จะต้องเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ข้างใน ตั้งแต่วันที่ข้าทำเรื่องผิดพลาดในวันนั้น สายตาของทู่เอ๋อก็ยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของข้ามาตลอดหลายร้อยปี ข้าจึงอยากจะลงมาเพื่อบอกให้เขาเข้าใจ ว่าข้าไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น รวมถึงบอกให้เขารู้ ว่าข้าคิดถึงเขาเพียงไร แม้ว่าเขาจะไม่เคยคิดกับข้าอย่างที่ข้าต้องการก็ตาม…”
“แล้วเป็นเช่นไรเล่า สุดท้ายก็ต้องแลกกับชีวิตของแมวน้อยตัวหนึ่ง ที่ไม่ได้รู้อะไรด้วยเลย แต่ข้าก็สงสัยอยู่อย่าง ที่เสี่ยวมู่บอกว่า…ทำลงไปก็เพื่อทดแทนบุญคุณให้แก่เจ้า ทดแทนเรื่องอะไรกัน?”
“ถึงตอนนี้ข้าเองก็ยังพยายามที่จะหาคำตอบอยู่เช่นกัน หากย้อนกลับไปเมื่อสามร้อยปีที่แล้ว นอกจากปราบปีศาจ ข้าก็ได้ช่วยคนอยู่มากมาย ข้าจะรู้ได้อย่างไร ว่าเสี่ยวมู่แท้จริงแล้วคือผู้ใด ข้ารู้แค่เพียงว่าเสี่ยวมู่นั้นอายุราว ๆ สองร้อยกว่าปี หรืออาจจะไม่ถึงเรื่องนี้ข้าก็ไม่แน่ใจนัก แต่ตอนที่ข้าเห็น เขาก็อยู่กับทู่เอ๋อมาตั้งแต่วันนั้นแล้วไม่ใช่หรือ…”
“เอาเถอะ ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว อย่างน้อยตอนนี้เราก็ได้แต่หวัง ว่าเสี่ยวมู่จะรอดปลอดภัย แม้ตอนนี้จะเหลือเพียงแค่ร่างกายแล้วก็ตาม แต่ในอีกเจ็ดวันข้างหน้า คุณนายเมิ่งก็จะกลับมาจากยมโลก ถึงตอนนั้น เราคงจะพอมีหนทาง ที่จะเรียกวิญญาณของเสี่ยวมู่กลับมาก็ได้ แล้วนี่…เจ้าตัวต้นเรื่องนั่นไปไหนกันล่ะ?”
“เจ้าหมายถึงทู่เอ๋ออย่างนั้นหรือ?”
“ข้าจะหมายถึงใครได้ หรือว่าเป็นเจ้าเล่า ที่จ้วงเล็บลงไปในอกของเสี่ยวมู่เช่นนั้น?”
กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคราวนี้ แม้แต่หลิงเซียงเองที่ใจดีมาโดยตลอด ก็ยังรู้สึกผิดหวังกับเพื่อนรักของตนอยู่มาก แม้จะรู้ว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ยังไม่พอใจอยู่ดี
“เจ้าอย่าพูดเช่นนั้นเลย อันที่จริง จะไปว่าทู่เอ๋อเป็นต้นเหตุก็คงไม่ถูกเสียทีเดียว จริง ๆ แล้วเป็นข้า ที่ไปยั่วโทสะของเขาเอง ข้าลงมาที่นี่ แค่เพื่อจะบอกความในใจ ใครจะคิด ว่าการกลับมาของข้าในคราวนี้ มันจะทำให้ข้าทำเรื่องผิดพลาดลงไปอีกครั้งเช่นนี้…”
คำพูดของเยว่หมิงชาง ถูกกลั่นกรองออกมาจากความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างแท้จริง ในสายตาของกระต่ายแสงจันทร์คู่นี้ ไม่มีอย่างอื่น นอกเสียจากคำว่า “ขอโทษ” เพียงเท่านั้น
แต่สิ่งที่เยว่หมิงชางพูดออกมาก็ไม่ได้สูญเปล่า เพราะเบื้องหลังฉากไม้กั้นที่อยู่ไม่ไกลนั้น ทู่เอ๋อก็ยังคงซ่อนตัวและแอบฟังในสิ่งที่หลิงเซียงและหมิงชางกำลังพูดคุยกันอยู่ชนิดทุกถ้อยคำ
“ทู่เกอครับ มายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะครับ แล้วทำไมถึงไม่ลงไปช่วยรับแขกข้างล่างกันล่ะครับ ตอนนี้เราไม่มีเสี่ยวมู่แล้ว เราจะทิ้งแขกเอาไว้อย่างนั้นไม่ได้นะครับ”
“นายลงไปก่อนเถอะ ฉันขอทำธุระอีกสักแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวฉันจะเดินตามลงไป…”
หลี่อี้พยักหน้าแล้วชะเง้อมองออกไปตามสายตาของทู่เอ๋อ แล้วก็ได้เห็นหลิงเซียงและเยว่หมิงชางกำลังนั่งอยู่บนหลังคากระเบื้องนั้น อยู่บนยอดสูงสุดของโรงน้ำชา
“นี่เจ้ายิ้มอะไร ยังไม่รีบลงไปทำงานของเจ้าอีก?”
“อย่าห่วงเลยครับ ตอนนี้หวังซูกำลังช่วยงานอยู่ข้างล่าง ส่วนหวังปว๋อและเป่าเหลียนก็กำลังทำงานของตัวเองอยู่…”
“ก็ถ้าเป็นแบบนั้น แล้วนายจะขึ้นมาจุ้นจ้านบนนี้ทำไม ฉันเหนื่อยมาทั้งวัน ให้ฉันได้พักผ่อนสักหน่อยไม่ได้เลยหรือ?”
“อ้อ…ครับผม ผมขอโทษจริง ๆ ครับ ที่ผมขึ้นมารบกวนทู่เกอในเวลาที่กำลังแอบฟังสองคนนั้นคุยกันแบบนี้…”
“นี่เจ้า!!!”
“โอ๊ย…ไม่ ๆ ๆ ไม่ใช่ครับ ผมพูดผิดไป คือผมหมายถึงว่า ผมขึ้นมารบกวนทู่เกอ ในเวลาที่ทู่เกอกำลังนั่งพักผ่อนสายตารับลมที่ริมระเบียงนี้แบบนี้…”
“หยุดกวนประสาทฉันได้แล้ว ต่อให้เธอเป็นหลานรักของคุณนายเมิ่ง ก็ใช่ว่าฉันจะไม่กล้าทำอะไรกับเธอนะ”
“ทำไมถึงได้ดูใจร้ายจังเลยล่ะครับ ก็ในเมื่อก่อนหน้านี้ เหมือนว่าทู่เกอจะใจดีกับผมขึ้นมาบ้างแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
“ฉันไม่ได้ใจดีกับเธอ ฉันก็แค่ทำในสิ่งที่ควรจะทำเท่านั้น หยุดพูดมากได้แล้ว แล้วรีบลงไปข้างล่างซะที อีกเดี๋ยวฉันจะตามไป”
“ได้ครับ ถ้างั้นผมลงไปก่อนนะครับ…”
หลี่อี้เอียงตัวยิ้มหวานส่งสายตาทะเล้นนั้นให้กลับทู่เอ๋อเสิน ที่พยายามจะปกปิดความรู้สึกและความลับทั้งหมดเอาไว้ข้างใน
“นี่ตกลงว่าเสี่ยวมู่มีความสัมพันธ์อะไรเจ้าหมิงซางนั่นกันแน่นะ ทำไมเขาสองคนถึงได้รู้จักกันล่ะ อือ แต่ช่างเถอะ รอให้เสี่ยวมู่ตื่นขึ้นมาก่อน เดี๋ยวก็คงจะรู้เอง” ทู่เอ๋อพึมพำอยู่ในลำคอ ก่อนที่จะเดินลงไปข้างล่างเพื่อช่วยงานคนอื่น ๆ
.
.
“เพื่อนรักของเจ้านี่นะ ทำไมถึงปากกับใจไม่ค่อยตรงกัน ในเมื่อเขาไม่ได้รักข้า ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย แต่ทำไมถึงต้องหลบซ่อนตัวอยู่เช่นนั้นด้วยเล่า…”
“นี่เจ้ารู้ด้วยอย่างนั้นหรือ ว่าทู่เอ๋อแอบมองพวกเราอยู่ตรงนั้น?”
“เช่นนั้นเจ้าก็รู้เช่นกันสินะ?”
“ก็แล้วทำไมข้าจะไม่รู้ล่ะ ฮ่า ๆ ๆ”
กระต่ายแสงจันทร์และผีเสื้อราตรีหันมองหน้ากันแล้วขบริมฝีปากแน่น ก่อนที่จะระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่น เมื่อเห็นคนที่พยายามซ่อนตัวอยู่ตรงนั้นอย่างสุดความสามารถ หากแต่ก็ยังถูกทั้งสองจับได้อยู่ดี
.
.