การรู้ตัวตนที่แท้จริง ทำให้หลี่อี้มองทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงหวังซูเพื่อนรัก
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,จีน,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2การรู้ตัวตนที่แท้จริง ทำให้หลี่อี้มองทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงหวังซูเพื่อนรัก
อธิบาย/เรื่องย่อ
นามปากกา : Kevinth M. PoTae
วาดปก : WALAN
.
หลังจากที่หลี่อี้ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาได้อย่างฉิวเฉียด หลี่อี้ก็ถูกคุณนายเมิ่งสั่งให้มาอยู่ที่โรงน้ำชาแห่งนี้ แม้จะไม่ยินยอม แต่คงต้องยอมรับปากอย่างเสียไม่ได้
ยังเรื่องของวิญญาณตนนั้นที่มาขอความช่วยเหลือ ที่หลี่อี้ดันไปรับปากจนเกิดสัญญาโลกวิญญาณไปเสียแล้ว จึงไม่อาจที่จะปฏิเสธเรื่องนี้ได้ ที่สำคัญ การตายของนักศึกษาและชาวบ้านอย่างปริศนาชนิดรายวัน มันทำให้หลี่อี้อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้ามาเกี่ยวด้วยกับเรื่องนี้ จนกลายเป็นว่าหลี่อี้ต้องตกอยู่ในอันตรายนี้เสียเอง
นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน ดังนั้นตัวละคร/สถานที่/เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่อง จึงถูกสมมุติขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ทุกคำพูด ทุกตัวละครไม่มีอยู่จริง…โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน…
ฝากเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยการกดไลก์ คอมเมนต์ และกดเข้าชั้นหนังสือด้วยนะครับ
ฝากช่องทางการติดต่อไว้ด้วยนะครับ^^
Threads : mungkorn_kevinth
Twitter : Kevinth_M
Tiktok : kevinth_m.author
Facebook : kevinthm.author
ตอนที่ 9
ยัยปีศาจแมงมุมน่าเกลียด
“ทำไมนายถึงยังไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกล่ะ อีกแค่สิบห้านาทีนายก็ต้องเริ่มงานของนายแล้วไม่ใช่หรือไง ปล่อยหน้าร้านเอาไว้ให้เสี่ยวมู่จื่อดูแลในตอนกลางวันแบบนี้มันไม่ดีนะ”
เมื่อหลี่อี้พูดถึงทู่เกอ ทู่เกอก็เดินออกมาในทันที พร้อมกับหวังปว๋อและเป่าเหลียนที่เดินตามออกมาติด ๆ
สองเซียนสังกัดเจ้าแม่หวังหมู่ทั้งสองคนก็เดินแยกออกไปด้วยเพราะไม่มีอะไรจะพูดหรือมีงานด่วนเข้ามาหรือจะยังไงก็ไม่อาจรู้ได้ แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญ เพราะหลี่อี้สนใจแค่ทู่เกอของเขาเท่านั้น
เมื่อทู่เอ๋อเดินมาถึงยังที่ทั้งสามคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ จึงหันไปตอบรับแล้วยิ้มให้ ราวกับว่า คำถามเชิงตำหนิเมื่อครู่ของทู่เอ๋อ คือคำหวานรื่นหูอย่างไรอย่างนั้น
“ทำไมถึงจะไม่ดีล่ะครับ ถึงมู่จื่อจะเป็นแค่แมว แต่ผมว่าเขาก็สามารถดูแลร้านนี้ได้ดีไม่แพ้กันเลยนะครับ”
“เธอพูดถูกแล้ว หลี่อี้ สมกับที่ฉันถูกชะตากับเธอเป็นพิเศษ ถึงฉันจะเป็นแมว แต่ฉันก็ทำงานได้ดีไม่แพ้กระต่ายอย่างเธอนะทู่เย่”
แมวสีดำสนิทลืมตาตื่นขึ้นเมื่อถูกพูดถึง พลันยืดตัวขึ้นแล้วบิดขี้เกียจไปหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะหันไปโต้ตอบคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าทั้งสอง
.
.
“ก็ถ้าเธอจะเถียงฉันขนาดนี้ ก็คงไม่ต้องเรียกฉันว่าทู่เย่หรอก เรียกทู่เอ๋ออย่างคนอื่นนั่นแหละ”
“แต่ฉันให้เกียรติเธอไง ในฐานะที่เธอเป็นเทพ LGBTQUVXYZ จะให้ฉันเรียกอย่างคนอื่นได้ยังไงกัน”
“เห้อ ฉันล่ะเหนื่อยใจกับเธอจริง ๆ ตั้งแต่สนิทกับหลี่อี้นี่ เธอกวนประสาทฉันขึ้นเยอะเลยนะ ละนี่ยังมาเป็นหลานรักของนายหญิงอีก คงจะปีนเกลียวฉันน่าดู”
.
.
“ไม่หรอกครับ เมื่อก่อนผมรักทู่เกอยังไง ตอนนี้ผมก็รักแบบนั้นแหละครับ ที่แซวเล่นไปน่ะ เพราะรักทั้งนั้นเลยนะ”
“ถอยออกไปเดี๋ยวนี้เลย ถึงยังไงฉันก็ยังเป็นรุ่นพี่ในที่ทำงานของเธอนะ อย่ามาทำรุ่มร่ามกับฉันแบบนี้”
แม้ฝ่ามือจะยันออก แต่แววตากลับบอกว่า อยากกอดหลี่อี้แน่น ๆ สักครั้งหนึ่งให้ชื่นใจ สิ่งนั้นมันชัดเจนเสียจนหลิงเซียงที่นั่งมองอยู่แอบผุดยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าสวยขาวนวลแก้มสีพีช พลางกะพริบตาที่ถูกแต่งแต้มด้วยไลเนอร์สีเขียวกลิตเตอร์พาสเทลวิบวับจนแสงสะท้อนออกมาราวกับความฝัน
“แหม…ทีหลี่อี้ละก็ แทบจะไม่มีแรงผลักเลยนะ ใช่ซี้!!!”
“อะไรของเธอ ไร้สาระไม่เคยเปลี่ยน ฉันไม่คุยกับเธอด้วยแล้ว”
หลิงเซียงผู้ที่เก็บความลับของทู่เอ๋อเสินเอาไว้มากที่สุด แอบอมยิ้มแล้วยักคิ้วส่งสายตาอย่างรู้ทัน โดยไม่ทันมอง ว่าอีกด้านหนึ่งยังมีหวังซูที่นั่งมองอยู่
“พอได้แล้ว นายก็ไปใส่ชุดแล้วออกมาทำงานได้แล้ว เวลานี้ไม่ใช่หน้าที่ของเสี่ยวมู่จื่อ เกรงใจเขา เดี๋ยวหลังเที่ยงคืน เขาก็ต้องทำงานกะของเขาอีก”
“ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอกน่า ฉันนอนมาทั้งวันแล้ว แค่เฝ้าหน้าร้านเท่านี้สบายมาก อ้อหลี่อี้…ฉันดีใจด้วยนะ กับเรื่องพ่อของเธอน่ะ ฉันไม่คิดเลยนะว่า พ่อของเธอจะเป็นเทพอยู่ในสวรรค์เหมือนกัน ฉันคิดเอาไว้แล้วเชียว ว่าคนอย่างเธอจะต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดาสักอย่างเป็นแน่”
เสี่ยวมู่จื่อหันไปชื่นชมหลี่อี้ที่ยืนอยู่ข้างกันด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดีอย่างเต็มที่ แล้ววันนี้หลี่อี้ก็ยิ่งถึงแน่ใจมากขึ้นไปอีก ว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่มนุษย์อยู่อาศัยเท่านั้น แต่มีทั้งเทพ เซียน และปีศาจมากมายปะปนอยู่มากกว่าที่คิดเอาไว้ตอนแรกเสียด้วยซ้ำ
.
.
โรงน้ำชา เวลาหลังเที่ยงคืนวันต่อมา
เพล้ง!!!
เสียงข้าวของแตกดังมาจากหลังร้าน ในขณะที่หลี่อี้กำลังเอาของเข้ามาเก็บ หลี่อี้จึงค่อย ๆ คว้าเอาไม้ถูพื้นที่วางอยู่ตรงซอกประตูมาจับเอาไว้ในมือแน่นแล้วค่อย ๆ ย่องไปยังจุดต้นเสียงอย่างช้า ๆ
“อย่าเชียวนะ อย่าคิดจะมาทำร้ายกันเชียว คราวนี้ฉันสู้ตายเลยนะ”
หลี่อี้พยายามรวบรวมความกล้าเท่าที่ตัวเองจะสามารถกอบโกยมาใช้ได้จากหัวใจดวงเล็ก ๆ สูดหายใจเอาไว้เต็มปอดแล้วยกเท้าให้พาตัวเองไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก มือไม้สั่นที่ไม่ว่าจะบังคับยังไงมันก็ยังไม่ยอมเชื่อฟังเสียที
จนเมื่อหลี่อี้เดินมาถึงหลังร้านก็ต้องตกใจจนเผลอร้องออกมาเสียงดังลั่นไปจนถึงหน้าร้าน ทู่เอ๋อที่กำลังจัดเตรียมของอยู่ที่หน้าร้าน เพื่อรองรับลูกค้าหลังเที่ยงคืนในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากหลี่อี้ดังมาจากหลังร้าน จึงรีบวิ่งไปหาคนที่กำลังร้องขอความช่วยเหลืออยู่ในทันที
“หลี่อี้!!! เกิดอะไรขึ้น หลิงเซียง!!! นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
สิ่งที่ทู่เอ๋อเห็นก็คือหลิงเซียงที่กำลังล้มนอนอยู่กับพื้นด้วยสภาพสะบักสะบอมอยู่ข้างกระถางต้นไม้ที่ร่วงลงมาจนแตกเป็นเสี่ยง เลือดซึมออกมาจากบาดแผลที่ดูก็รู้ว่าน่าจะผ่านการต่อสู้กับอะไรสักอย่างมาแน่ ๆ
แต่ปีศาจผีเสื้อที่ดูแสนจะบอบบาง แต่กลับสามารถจัดการกับเฮยเสอได้อย่างไม่ยากเย็นเช่นหลิงเซียงนั้น ทำไมถึงได้ตกอยู่ในสภาพนี้ในเวลาเช่นนี้กัน นั่นย่อมสามารถคาดเดาได้ว่าสิ่งที่เจอมาน่าจะหนักหนาอยู่พอสมควร
สภาพของหลิงเซียงในเวลานี้ แทบจะไม่เหลือเค้าของความงดงามอยู่บนร่างกายเลยสักนิด เสื้อผ้าชุดสวยขาดวิ่นราวกับโดนฉีกทึ้งจนไม่เหลือรูปทรงเดิม ริมฝีปากซีดเซียวจากการเสียเลือดคล้ายมนุษย์ทั่วไป บริเวณเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยบากจนเลือดไหลออกมาแทบไม่เห็นผิวกายผุดผ่องเช่นเดิม
“หลี่อี้ รีบพาหลิงเซียงเข้ามาในร้านก่อน อ้อ…พาอ้อมไปทางด้านหลังนะอย่าให้ใครเห็นเข้าล่ะ อีกไม่นานประตูมิติก็จะเปิดแล้ว เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่”
“ครับทู่เกอ มาครับพี่หลิงเซียงเดี๋ยวผมช่วยครับ”
ทู่เอ๋อออกคำสั่งอย่างจริงจังกับหลี่อี้เป็นครั้งแรก หลี่อี้ไม่เคยเห็นทู่เอ๋อเกอมีสีหน้าที่ตื่นตระหนกเช่นนี้มาก่อนเลย แต่ก็คงทำเพียงได้แต่ทำตามคำสั่งไปเท่านั้น
อีกอย่าง หลิงเซียงนั้นแม้ว่าจะโต้เถียงตีฝีปากปะทะคารมกับทู่เอ๋ออยู่บ่อยครั้ง แต่ต้องไม่ลืมว่าทั้งสองคือเพื่อนรักกัน หากหลิงเซียงเป็นอะไร มีหรือที่เทพอย่างทู่เอ๋อจะไม่ห่วง
.
.
“ค่อย ๆ ดื่มเข้าไปนะ ไม่ต้องรีบล่ะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่อี้เห็นสองเพื่อนคู่กัดซึ่งโดยปกติแล้วจะต้องมีปากเสียงหรือไม่ก็จิกกัดกันทุกครั้งที่ได้พบหน้า แต่คราวนี้มันกลับต่างออกไปจนหลี่อี้นึกขำอยู่ในใจ
หลิงเซียงถูกพาขึ้นมายังห้องนอนที่ชั้นสองตามคำบอกของทู่เอ๋อ ก่อนที่เป่าเหลียนจะเข้ามาเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้
แม้จะเป็นการใช้พลังวิญญาณ แต่หลี่อี้ก็ถูกไล่ให้ออกมาอยู่ข้างนอกห้องในช่วงเวลานั้น ก่อนที่จะถูกเรียกกลับเข้าไปอีกครั้งเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ
“นี่เธอไปเจอกับอะไรมาล่ะ ทำไมถึงได้กลับมาในสภาพแบบนี้?”
หลิงเซียงยังคงดื่มชาเลือดมังกรเข้าไปในร่างกายเสียงดังอึก ๆ โดยยังไม่พร้อมที่จะตอบคำถามของทู่เอ๋อ
แล้วทันทีที่ชานั้นเข้าไปในร่างกายของหลิงเซียงจนหมด ก็มีแสงสีแดงเรืองรองออกมาจากผิวกายทุกรูขุมขนราวกับว่ามันกำลังซ่อมแซมร่างกายของหลิงเซียงอย่างไรอย่างนั้น
“แสงนั่น นี่มันชาเลือดมังกรที่หวังปว๋อดื่มในวันนั้นใช่มั้ยครับ ผมจำได้” หลี่อี้ถามออกมาด้วยความตื่นเต้น
“ใช่ ทำไมเหรอ?”
“เปล่าครับ ผมก็แค่ถามดู เพราะคราวก่อนผมจำได้ว่าหวังปว๋อกลับมาหลังจากที่สู้กับปีศาจอะไรสักอย่างแล้ว แล้วมาดื่มชาเลือดมังกรในแก้วนั้น แล้วสักพัก…อาการบาดเจ็บก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง ว่าแต่พี่หลิงเซียงไปเจออะไรมางั้นเหรอครับ ทำไมถึงได้กลับมาในสภาพสะบักสะบอมแบบนี้กันล่ะครับ?”
หลิงเซียงวางแก้วชาเลือดมังกรเอาไว้ข้าง ๆ เมื่อร่างกายเริ่มดีขึ้น พละกำลังจึงเริ่มกลับมาบ้างเล็กน้อย หญิงสาวที่กลับมางดงามดังเดิมในชุดใหม่สีสันธรรมดา นั่งพิงหัวเตียงร่างกายท่อนล่างอยู่ภายใต้ผ้าห่มหนา เริ่มสูดหายใจเข้าไปเต็มปอดเพื่อจะเล่าในสิ่งที่ตัวเองได้พบเจอ
“คนที่สามารถทำให้ฉันบาดเจ็บได้ถึงขนาดนี้ จะมีใครกันล่ะ ถ้าไม่ใช่ยัยปีศาจแมงมุมน่าเกลียดผู้นั้น”
.
.