การรู้ตัวตนที่แท้จริง ทำให้หลี่อี้มองทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงหวังซูเพื่อนรัก
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,จีน,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2การรู้ตัวตนที่แท้จริง ทำให้หลี่อี้มองทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงหวังซูเพื่อนรัก
อธิบาย/เรื่องย่อ
นามปากกา : Kevinth M. PoTae
วาดปก : WALAN
.
หลังจากที่หลี่อี้ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาได้อย่างฉิวเฉียด หลี่อี้ก็ถูกคุณนายเมิ่งสั่งให้มาอยู่ที่โรงน้ำชาแห่งนี้ แม้จะไม่ยินยอม แต่คงต้องยอมรับปากอย่างเสียไม่ได้
ยังเรื่องของวิญญาณตนนั้นที่มาขอความช่วยเหลือ ที่หลี่อี้ดันไปรับปากจนเกิดสัญญาโลกวิญญาณไปเสียแล้ว จึงไม่อาจที่จะปฏิเสธเรื่องนี้ได้ ที่สำคัญ การตายของนักศึกษาและชาวบ้านอย่างปริศนาชนิดรายวัน มันทำให้หลี่อี้อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้ามาเกี่ยวด้วยกับเรื่องนี้ จนกลายเป็นว่าหลี่อี้ต้องตกอยู่ในอันตรายนี้เสียเอง
นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน ดังนั้นตัวละคร/สถานที่/เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่อง จึงถูกสมมุติขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ทุกคำพูด ทุกตัวละครไม่มีอยู่จริง…โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน…
ฝากเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยการกดไลก์ คอมเมนต์ และกดเข้าชั้นหนังสือด้วยนะครับ
ฝากช่องทางการติดต่อไว้ด้วยนะครับ^^
Threads : mungkorn_kevinth
Twitter : Kevinth_M
Tiktok : kevinth_m.author
Facebook : kevinthm.author
ตอนที่ 2
สนามประลองจำเป็น
“นี่เจ้าเป็นพนักงานใหม่คนนั้นสินะ ในที่สุดเราก็ได้เจอกันเสียที”
“แว้กกก ช่วยด้วย!!!”
ในขณะที่หลี่อี้กำลังช่วยเสี่ยวมู่จื่อเสิร์ฟอยู่นั้น อยู่ ๆ ก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง แล้วสิ่งที่เห็นคือ หัวงูขนาดใหญ่ที่กำลังยื่นเข้ามาหาตนจากด้านหลัง พร้อมกับเสียงหายใจครืดคราดคล้ายคำรามอยู่ในลำคอ ทำเอาหลี่อี้ถึงกับตกใจจนโยนถาดไปอีกทางด้วยความกลัว
.
.
เพล้งงงงง
“โอ๊ย!!! นี่เจ้าทำอะไรของเจ้าเนี่ย ไม่เห็นหรือไงว่าเจ้าเพิ่งจะโยนถาดลงบนหัวของข้าน่ะ”
ดูเหมือนว่าคืนนี้จะเป็นคืนแรกของความวินาศสันตะโร เพราะจากที่ตกใจปีศาจงูนั้น หลี่อี้ก็โยนถานไปอีกทาง จนมันโขกลงกลางหัวของปีศาจวัวเข้าเต็ม ๆ
“ข…ขอโทษครับ ผ…ผมไม่ตั้งใจ”
หลี่อี้รีบย่อตัวลงนั่งแล้วร้องขอโทษออกไปด้วยน้ำเสียงที่เหล่าปีศาจคุ้นเคย ราวกับว่ากำลังร้องขอชีวิตอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้าหนุ่ม เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา คิดยังไงถึงมาทำงานที่นี่กันนะ ไม่รู้หรือไง ว่าคนก่อนหน้านี้สุดท้ายเป็นยังไงน่ะ”
ปีศาจงูได้ทีจึงกลายร่างเป็นงูสีดำขนาดใหญ่เท่าเสาทรงกระบอกที่ค้ำหลังคาของโรงน้ำชานี้เอาไว้ แล้วเลื้อยเข้าไปโอบร่างของหลี่อี้ที่ตอนนี้ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากนั่งตัวสั่นอยู่อย่างนั้น
“นี่พวกท่านกำลังทำอะไรกันอยู่ กล้าดียังไงถึงได้มาทำร้ายคนของคุณนายเมิ่ง รีบถอยออกมาเดี๋ยวนี้นะ!!!”
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าต่างหากที่ต้องถาม ว่าแมวน้อยตัวเล็ก ๆ อย่างเจ้า กล้าดียังไงถึงมาต่อกรกับเฮยเสองูพันปีอย่างข้าได้”
“เจ้ามันก็เป็นแค่งูชั้นต่ำที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นมังกร แต่ฝันสลายเพราะยังไม่ทันข้ามผ่านเมฆก้อนแรกไปเจ้าก็ร่วงหล่นลงมาจากฟ้าเสียแล้ว อายุพันปีแล้วอย่างไร จะสู้อะไรข้าได้”
ใครก็รู้ ว่าเฮยเสอไม่เคยชอบคนที่พูดเช่นนี้กับตน เพราะคนสุดท้ายที่พูดคำนี้คือปีศาจตะขาบที่ตอนนี้วิญญาณน่าจะอยู่ที่ไหนสักที่ในยมโลก
“เจ้าแมวน้อย เจ้าคงงลืมไป ว่านอกจากตบะพันปีที่เจ้าดูถูกแล้ว ข้ายังมีพิษ…”
เฮยเสอไม่รอให้เสียเวลา ก็พุ่งตัวเข้าหาเสี่ยวมู่จื่อในทันที ปีศาจแมวที่ตบะแม้จะแค่สามร้อยกว่าปีแต่ความสามารถในการต่อสู้นั้นก็ไม่ได้น้อยหน้าใคร
เสี่ยวมู่จื่อกระโดดหนีไปอีกทาง ก่อนที่จะใช้สองเท้ายันเสาขนาดใหญ่นั้นเอาไว้ แล้วพุ่งตัวกลับไปที่งูใหญ่สีดำตัวนั้น และกางกรงเล็บออกอย่างเต็มที่ ดูเหมือนว่าเฮยเสอจะประมาทในความสามารถของเสี่ยวมู่จื่อจนเกินไป ฉับบบบ!!! ทำให้คมเล็บของแมวหนุ่มนั้นบากเข้าที่ลำคอของเฮยเสอเข้าอย่างจัง
“อ๊ากกกก เจ้า…บังอาจนัก คราวนี้ข้าจะไม่ออมมือให้เจ้าอีกแล้ว”
ด้วยความโกรธอย่างสุดขีด เฮยเสอปีศาจงูอันธพาลก็ชันตัวกลับขึ้นมาแล้วพ่นพิษใส่เสี่ยวมู่จื่อ พิษนั้นแผ่ออกเป็นวงกว้าง พวกคนที่อยู่ในร้านต่างใช้พลังของตัวเองกางม่านอาคมออกเพื่อป้องกันพิษด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าเรื่องการต่อสู้แบบนี้คือเรื่องที่คุ้นชินไปเสียแล้ว
หากแต่เสี่ยวมู่นั้นกลับไม่สามารถหลบพิษนี้ได้ทันเวลา เพราะกว่าจะรู้ตัวพิษนั้นก็กำลังจะมาถึงตัวเสียแล้ว…“แง๊วววว กรี๊ดดดดด”
ทันใดนั้น ก็เกิดม่านแสงสีรุ้งขึ้นมาขวางหลี่อี้และเสี่ยวมู่จื่อจากพิษร้ายนั้นเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที หลี่อี้และแมวน้อยเสี่ยวมู่ลืมตาขึ้นมาทีละน้อยเมื่อรู้สึกว่าตัวเองนั้นยังคงปลอดภัยดี
แล้วสิ่งที่เห็นก็คือ ผีเสื้อสาวกำลังกางปีกสีดำประกายรุ้งพร้อมกับกางม่านอาคมลอยอยู่ในอากาศ หญิงสาวในชุดลูกไม้สีดำประกาย จัดทรงผมเป็นอย่างดีทาปากแต้มชาดเป็นสีแดงสดราวกับว่าเตรียมตัวมาเพื่อท่องราตรีอย่างเต็มที่ กำลังใช้มืออีกข้างกดจิกเล็บแหลมยาวนั้นลงไปที่ลำคอของเฮยเสอจนอีกฝ่ายต้องกลายเป็นผู้ร้องขอชีวิตไปเสียเอง
“ปล่อย…ปล่อยข้าเถอะ ข้ายอมแล้ว”
“เจ้างูอันธพาล กล้าดีอย่างไรมาหาเรื่องคนในร้านนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลี่อี้คือคนของใคร?”
“รู้…ข้ารู้แล้วปล่อยข้าเถิดข้าจะไม่ไหวแล้ว”
สิ้นคำอ้อนวอน หลิงเซียงก็โยนเจ้าเฮยเสองูสีดำตัวใหญ่ให้กระเด็นออกไปที่หน้าร้าน แล้วร่างนั้นก็ค่อย ๆ กลับกลายเป็นร่างของชายหนุ่มหน้าตาดี ช่างผิดหูผิดตาไปจากคราวแรกที่แกล้งหลอกหลี่อี้ราวกับคนละคน ก่อนที่จะหายไปด้วยสายตาที่ดูเคียดแค้นเสียหน้าและยังคงไม่ยอมให้กับความเสียหน้าในครั้งนี้
“เป็นยังไงบ้างจ๊ะ ยังไม่ชินล่ะสิ ดูท่าทางของเธอนั่นสิ ตลกซะจริงเลย” หลิงเซียงเดินเข้ามาหาหลี่อี้แล้วช่วยประคองตัวของหลี่อี้กลับขึ้นมาจากอาการตื่นกลัวโดยมีแมวหนุ่มเสี่ยวมู่คอยช่วยพยุงอีกทาง
“เจ็บตรงไหนบ้างมั้ย แล้ว…ทู่เอ๋อล่ะตอนนี้หายไปไหน?”
“ทู่เย่กำลังพักผ่อนอยู่ครับพี่หลิงเซียง ตอนนี้น่าจะใกล้ออกมาแล้ว” เสี่ยวมูคือคนเดียวในโรงน้ำชาแห่งนี้ที่เรียกทู่เอ๋อเสินว่าทู่เย่ เช่นเดียวกับหลี่อี้ที่เรียกว่าทู่เกอ ตอบผีเสื้อสาวด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่ายังรู้สึกตื่นกลัวไม่หาย
“อะไรกัน เสียงต่อสู้ออกจะสะเทือนเลือนลั่นขนาดนี้ เจ้ากระต่ายจอมวางท่านั้นไม่คิดจะออกมาช่วยเลยหรือไง?”
.
.
“เหมือนว่าข้าจะได้ยินยัยผีเสื้อปากมากที่ไหนกำลังนินทาข้าอยู่ใช่มั้ย?”
“อุ๊ย…ตายแล้ววว ใครเขาจะกล้าว่าอะไรเธอกันล่ะจ๊ะ เธอก็รู้ว่าฉันน่ะรักเธอมากขนาดไหน เมื่อกี้ฉันก็แค่เหนื่อยจากการต่อสู้น่ะ”
เมื่อเห็นว่าคู่ปะทะฝีปากของตัวเองเดินออกมา หลิงเซียงก็รีบใช้กลยุทธ์เดิมด้วยการเดินปรี่เข้าไปหาแล้วคล้องแขนเข้าที่ข้างขวานั้นจนทำให้กระต่ายที่เป็นเทพประจำชาวสีม่วงอย่างทู่เอ๋อเสินถึงกับรีบดึงมือออก
“หยุดเล่นอะไรไม่เข้าท่าเสียที เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบให้เธอเข้ามาคลอเคลียฉันแบบนี้ ออกไปเลยนะ”
“หึ เจ้านี่นะ ช่างเถอะ ว่าแต่เธอน่ะ…หายกลัวแล้วหรือยัง มานี่สิมานั่งพักผ่อนก่อน”
.
.
“แต่ผมยังต้อง…”
“ช่างเถอะน่า เวลาทำงานของเธอหลังเลิกเรียนไม่ใช่หรือไง อันที่จริงตอนนี้เธอสมควรที่จะนอนหลับฝันหวานอยู่ในห้องนอนข้างบนไม่ใช่หรือ แล้วทำไมยังลงมาเดินอยู่แบบนี้อีกล่ะ?”
“ผมก็แค่อยากช่วยเท่านั้นเองน่ะครับ อีกอย่าง ที่ผมพยายามมาทำงานในช่วงเวลานี้ เรื่องหนึ่งก็เพื่อที่จะทำตัวให้ชินน่ะครับ เห็นบ่อย ๆ เจอบ่อย ๆ จะได้ไม่กลัวมาก แต่พี่หลิงเซียงครับ ผมไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มยังไงดีเลยครับ ดูสิ…มีแต่ตัวอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด พอเห็นปีศาจงูเมื่อกี้ ผมก็รู้สึกกลัวขึ้นมาซะอย่างงั้นน่ะครับ…”
“แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องรู้จักระวังตัวเอาไว้บ้าง ถึงฉันจะมีแต่ตบะห้าพันปี แต่ก็ใช่ว่าฉันจะสามารถช่วยเธอจากปีศาจพวกนี้ได้ทั้งหมดนะ เธออย่าลืมสิ ว่าอะไรไม่รู้ที่เธอพูดนี่น่ะ หลายคนก็คือเทพเซียนที่เหล่ามนุษย์กราบไหว้ และอีกไม่น้อยเลยที่เป็นปีศาจดุร้าย ซึ่งพร้อมจะทำให้เธอตายได้ในทันที เธอไม่ได้มีพลังเวทที่จะสามารถป้องกันตัวเองได้อย่างฉัน หากจะเรียนรู้ก็ยังใช่ว่าควรจะเป็นเวลานี้วะหน่อย”
“ผมขอโทษครับพี่หลิงเซียง แต่ผมเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ผมไม่คุ้นชินกับอะไรพวกนี้ เมื่อตะกี้คุณนายเมิ่งก็พยายามอธิบายให้ผมฟังแล้ว แต่ถึงจะอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกแปลกอยู่ดี ท่าทางแล้ว คงจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งนั่นแหละครับ กว่าผมจะทำใจยอมรับกับอะไรพวกนี้ได้”
“ฉันเข้าใจเธอนะ ว่าเธอรู้สึกยังไง เอาเป็นว่าถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือ เธอก็มองหาฉันได้ตลอดเลยนะ ฉันน่ะเป็นผีเสื้อราตรีมีพลังไม่จำกัดในยามค่ำคืน ฉันสามารถช่วยปกป้องอารักขาเธอได้นะ”
“ขอบคุณครับพี่หลิงเซียง แต่ทู่เกอทำงานทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ไม่เหนื่อยแย่เลยเหรอครับ”
“เธอไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเทพอารักษ์ อีกอย่าง…ช่วงกลางวันจะต่างกันกับช่วงกลางคืน ในช่วงกลางวันเคาน์เตอร์บาร์ตรงนั้นทู่เอ๋อจะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด แต่ในเวลาค่ำคืน จะเป็นหน้าที่ของเสี่ยวมู่จื่อ เธอคงได้เจอเสี่ยวมู่จือแล้วสินะ”
“ก็ปีศาจแมวรัตติกาลนั่นไงล่ะครับ ผมนี่ตกใจหมดเลยนะครับ ไม่คิดว่าแมวที่ต่อปากต่อคำกับผมในวันนั้น ที่แท้ก็คือปีศาจแมวที่เพิ่งจะคุยกับผมเมื่อตะกี้นี้เอง”
“ฮ่า ๆ ๆ เธอควรจะรู้ว่านั่นคือปีศาจตั้งแต่แมวพูดได้แล้วหรือเปล่า เธอนี่นะมีอะไรให้ฉันตลกขำขันอยู่ตลอดเวลาเลยเชียว แต่พูดจาเจื้อยแจ้วขนาดนี้ หายตกใจแล้วสินะ?”
“แหะ ๆ ก็ครับ ว่าแต่ทู่เกอหายไปไหนอีกแล้วล่ะครับเนี่ย?”
“ไม่รู้สิ คงไปนั่งพักหรือแอบหลับที่ไหนอยู่ล่ะมั้ง เจ้านั่นน่ะ ก็มีชีวิตเหมือนเธอนั่นแหละ กลางวันตื่น ส่วนกลางคืนก็คงจะหลับ ๆ ตื่น ๆ ไปอย่างตอนนี้นั่นแหละ ตอนนี้มีเสี่ยวมู่จื่อมารับช่วงงานแทนแล้ว ก็ให้เขากลับเข้าไปพักผ่อนในห้องซะหน่อยเถอะน่า”
“ไม่ว่าจะเป็นเทพเซียนหรือปีศาจ สุดท้ายก็ต้องการเวลาพักผ่อนเหมือนกันสินะครับ…”
.
.