การรู้ตัวตนที่แท้จริง ทำให้หลี่อี้มองทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงหวังซูเพื่อนรัก

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2 - ตอนที่ 6 คลี่คลายวิญญาณกั๋วอันเฉิง โดย Kevinth M. PoTae @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,จีน,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,จีน,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2 โดย Kevinth M. PoTae @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

การรู้ตัวตนที่แท้จริง ทำให้หลี่อี้มองทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงหวังซูเพื่อนรัก

ผู้แต่ง

Kevinth M. PoTae

เรื่องย่อ

อธิบาย/เรื่องย่อ

นามปากกา : Kevinth M. PoTae

วาดปก : WALAN

.

หลังจากที่หลี่อี้ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาได้อย่างฉิวเฉียด หลี่อี้ก็ถูกคุณนายเมิ่งสั่งให้มาอยู่ที่โรงน้ำชาแห่งนี้ แม้จะไม่ยินยอม แต่คงต้องยอมรับปากอย่างเสียไม่ได้

ยังเรื่องของวิญญาณตนนั้นที่มาขอความช่วยเหลือ ที่หลี่อี้ดันไปรับปากจนเกิดสัญญาโลกวิญญาณไปเสียแล้ว จึงไม่อาจที่จะปฏิเสธเรื่องนี้ได้ ที่สำคัญ การตายของนักศึกษาและชาวบ้านอย่างปริศนาชนิดรายวัน มันทำให้หลี่อี้อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้ามาเกี่ยวด้วยกับเรื่องนี้ จนกลายเป็นว่าหลี่อี้ต้องตกอยู่ในอันตรายนี้เสียเอง

นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน ดังนั้นตัวละคร/สถานที่/เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่อง จึงถูกสมมุติขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ทุกคำพูด ทุกตัวละครไม่มีอยู่จริง…โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน…

ฝากเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยการกดไลก์ คอมเมนต์ และกดเข้าชั้นหนังสือด้วยนะครับ

 

ฝากช่องทางการติดต่อไว้ด้วยนะครับ^^

Threads : mungkorn_kevinth

Twitter : Kevinth_M

Tiktok : kevinth_m.author

Facebook : kevinthm.author

 

 

สารบัญ

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 1 ความตื่นตาหลังเที่ยงคืน,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 2 สนามประลองจำเป็น,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 3 การดูแลนายคือหน้าที่ของฉัน,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 4 เยว่หมิงชาง,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 5 ผู้ตายปริศนาข้างแม่น้ำอู๋เจียง,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 6 คลี่คลายวิญญาณกั๋วอันเฉิง,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 7 เรื่องที่เธออยากรู้,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 8 คุณน้าเมิ่งกับพ่อที่แท้จริง,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 9 ยัยปีศาจแมงมุมน่าเกลียด,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 10 บนนั้นน่ะ…มีคนที่ข้ารักอยู่ด้วยนะ,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 11 ข้าก็แค่อยากเจอคนที่ข้ารัก,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 12 ความจริงถูกเปิดเผย,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 13 เสี่ยวมู่ทดแทนคุณ,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 14 ก็แค่อยากขอโทษ,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 15 ปรับความเข้าใจ (จบเล่ม 2)

เนื้อหา

ตอนที่ 6 คลี่คลายวิญญาณกั๋วอันเฉิง

ตอนที่ 6

คลี่คลายวิญญาณกั๋วอันเฉิง

 

“นายมาแล้วเหรอ ฉันคิดว่านายจะไม่ซะอีก”

“ฉันรับปากแล้วฉันก็ต้องมาสิ…เรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวใครจะมาเจอเข้า”

พอถึงกลางดึกในคืนนั้น หวังซูก็แอบมาหาหลี่อี้หนีออกไปข้างนอกเพื่อทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับวิญญาณของกั๋วอันเฉิง หลี่อี้บอกกับทุกคนว่าอยากรีบเข้านอน เพราะว่าวันนี้เรียนหนักเกินไปก็เลยง่วงเป็นพิเศษ

แต่ความจริงแล้ว เพื่อนรักทั้งสองกำลังวางแผนที่จะหนีออกไปจากโรงน้ำชาในช่วงก่อนเวลาเที่ยงคืน เพราะไม่อย่างนั้น หากเหล่าแขกประจำของที่นี่แห่กันเข้ามา ถึงตอนนั้นก็คงจะยากที่จะลักลอบหนีออกไปได้

หวังซูพาหลี่อี้หนีออกไปทางหลังร้าน ทั้งสองกลับมาที่บ้านในช่วงเวลาเที่ยงคืนครึ่งเพื่อมาตามร่องรอยของวิญญาณกั๋วอันเฉิงที่คอยนำทางทั้งสองให้มาถึง หลี่อี้จึงรู้ได้ทันทีว่าวิญญาณดวงนั้นยังไม่ยอมไปไหนและยังคงรอจนอยู่ที่บ้านของตนจนกว่าสัญญาที่เคยให้กันไว้จะได้รับการคลี่คลาย

“ผมคิดว่าคุณจะไม่มาแล้วเสียอีก ตอนที่ผมไปหาคุณที่โรงน้ำชานั้น ผมนึกว่าคุณจะผิดสัญญากับผมเสียแล้ว”

“ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก สิ่งที่ผมเคยรับปากเอาไว้กับคุณ ผมก็จะต้องทำให้มันสำเร็จให้ได้ วันนี้ผมพาเพื่อนของผมมาด้วย คุณคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ย?”

กั๋วอันเฉิงหันไปมองหวังซูที่ยืนอยู่ข้างหลังราวกับเป็นเทพผู้พิทักษ์ ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เพราะก่อนหน้านี้ตนจะสามารถเข้าใกล้หลี่อี้ได้ก็ต่อเมื่อหวังซูไม่อยู่เท่านั้น แต่มาตอนนี้ กลับมีหวังซูยืนประกบอยู่ข้าง ๆ มันจึงทำให้วิญญาณของกั๋วอันเฉิงรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาราวกับว่าจะโดนไฟเผาขึ้นมาอีกครั้งอย่างไรอย่างนั้น

“เจ้าอย่าได้กังวลไป ข้ามาที่นี่เพราะต้องการจะมาเป็นเพื่อนของหลี่อี้เท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำร้ายอะไรเจ้าหรอก…”

“เจ้าจะไม่ทำอะไรข้าจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”

“ข้าไม่ทำ หากเจ้าไม่เล่นตุกติกกับเพื่อนของข้า เจ้าก็จะปลอดภัย” หลี่อี้ที่ยืนฟังกั๋วอันเฉิงกำลังพูดคุยอยู่กับหวังซูด้วยความสนิทสนมและสำนวนแปลก ๆ เหล่านั้น ราวกับว่ารู้จักกันมาแสนนาน ก็ให้นึกแปลกใจ

“นี่นายกับวิญญาณดวงนี้รู้จักกันด้วยหรือไง ทำไมถึงได้พูดคุยอะไรแปลก ๆ แบบนั้นกัน?”

“ฉันก็รู้จักพร้อมกับที่นายรู้จักนั่นแหละ ถ้าวันนี้นายสนิทกับวิญญาณดวงนี้ ฉันก็สนิทด้วยแค่นั้น ทำไมเหรอ?”

“ก็เปล่า…ฉันก็แค่ถามดูไปอย่างนั้น”

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่หลี่อี้ก็รู้สึกสงสัย เพราะคราวก่อน ตอนที่หลี่อี้เจอวิญญาณของกั๋วอันเฉิงอยู่ที่ขอบประตูนั้น ทันทีที่หวังซูวิ่งเข้ามาในห้อง แค่เพียงเงยหน้าขึ้นไป วิญญาณของกั๋วอันเฉิงก็หายไปในทันที พอมาคราวนี้ ทั้งสองกลับพูดคุยกันราวกับสนิทสนมเสียอย่างนั้น จึงทำให้หลี่อี้รู้สึกว่ามันดูแปลกไปจากคราวก่อน

“งั้นเรามาเข้าเรื่องกันเถอะ ผมออกมาที่นี่ได้ไม่นานนัก คุณช่วยบอกผมหน่อยได้มั้ยครับ ว่าภรรยาของคุณอยู่ที่ไหน?”

“บ้านของผมอยู่ที่ถนนเซียงลู่ บล็อกที่ 3 ภรรยาของผมชื่อฟู่หลิง คุณช่วยไปบอกเขาที ว่าผมยังมีของและทรัพย์สินส่วนหนึ่งทิ้งเอาไว้ให้เขา เขาสามารถเอาใบมรณะบัตรของผมไปแจ้งรับมาในฐานะของภรรยาได้ ส่วนเรื่องที่เขาคิดจะทำ บอกเขาว่า ให้หยุดความคิดนั้นเสีย มันได้ไม่คุ้มเสียหรอก คนอย่างพวกที่สถานีดับเพลิงนั่น มีแต่พวกชั่วร้าย อย่าเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องอีกเลย”

“ได้ ผมรับปาก แต่ถ้าให้ไปวันนี้ก็คงจะไม่สะดวก หลังเที่ยงคืนแบบนี้ต่อให้ภรรยาของคุณยังไม่นอน มันก็ไม่ใช่เวลาที่ผมจะไปเคาะประตูบ้านใคร วันพรุ่งนี้ผมมีเรียนครึ่งวัน ผมจะไปบอกให้ก็แล้วกันนะครับ”

“ผมสามารถไว้ใจคุณได้ใช่มั้ยครับ?”

“ไว้ใจได้สิครับ ไม่งั้นผมจะมาที่นี่เพื่อฟังปัญหาของคุณทำไมกัน”

“ผมขอบคุณคุณมากนะครับ หลังจากวันนี้ผมจะไม่มารบกวนคุณอีก แต่ผมจะยังไม่ไปไหนจนกว่าผมจะแน่ใจว่าภรรยาของผม จะได้รับสิ่งที่ผมทิ้งเอาไว้ให้เธอครบทุกบาททุกสตางค์”

พูดจบ วิญญาณดวงนั้นก็กลับคืนเป็นร่างของชายหนุ่มหน้าตาดี ผิดกับก่อนหน้านี้ที่เต็มไปด้วยเขม่าควันและรอยไหม้ แล้วค่อย ๆ เลือนหายไปอย่างช้า ๆ จนลับไป

.

.

หลังจากที่หลี่อี้ช่วยวิญญาณของกั๋วอันเฉิงแล้ว จึงรีบกลับไปที่โรงน้ำชาทันที หวังซูพาหลี่อี้กลับมาด้วยการปั่นจักรยาน เพราะช่วงเวลานี้ไม่มีรถรางอีกแล้ว หากจะมีอีกครั้งก็ตอนตีห้าช่วงเช้าเท่านั้น แต่ใครจะคิด ว่าอยู่ ๆ หวังปว๋อก็โผล่ออกมาจนจับเขาทั้งสองคนได้คาหนังคาเขา

“หวังปว๋อ? นี่นายกลับมาได้ยังไง ไหนทู่เอ๋อบอกว่านายจะต้องอยู่ในงานเลี้ยงของเจ้าแม่หวังหมู่ไม่ใช่เหรอ?”

“งานเลี้ยงนั้นเสร็จสิ้นแล้ว ถ้าเทียบเวลาของโลกมนุษย์ก็ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนนั่นแหละ ฉันกับเป่าเหลียนก็เลยกลับลงมาที่นี่ ว่าแต่นายเถอะ กลางดึกแบบนี้ ทำไมถึงออกมาเดินเพ่นพ่านอยู่อีกล่ะ ไม่ใช่ว่านายจะต้องอยู่ในห้องนอนของนายหรือไง?”

“คือฉัน…ก็แค่…”

“ท่าทางว่าฉันคงจะต้องรายงานเรื่องนี้ให้กับคุณนายเมิ่งได้รับรู้เสียแล้วสิ เพราะดูเหมือนว่านายจะชอบออกนอกลู่นอกทางอยู่บ่อยครั้ง นายไม่รู้หรือไง ว่าการที่นายมาที่โรงน้ำชาแห่งนี้ ในเวลาแบบนี้ นายอาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้?”

“ผมก็แค่อยากจะไปจัดการกับสิ่งที่ผมเคยสัญญาเอาไว้ให้เสร็จสิ้นก็เท่านั้น แล้วผมก็ไม่รู้ด้วยว่าคุณจะกลับมาที่นี่ตอนไหน ผมก็เลย…”

“...หนีออกไปเองงั้นสิ? ท่าทางคงจะเป็นเรื่องของวิญญาณดวงนั้นสินะ เอาเถอะ…ครั้งนี้ฉันจะแกล้งมองไม่เห็นก็แล้วกัน แต่อย่าให้เป่าเหลียนรู้เชียว รายนั้นน่ะ ตรงไปตรงมาเป็นที่สุด รีบกลับขึ้นไปบนห้องของนายซะ แค่นายคนเดียว…”

หวังปว๋อที่ดูเหมือนว่าจะใจดี แต่ก็ยังมีความจริงจังอยู่ในน้ำเสียง หวังซูไม่อยากมีเรื่องและคงยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยตัวตนให้กับหลี่อี้ได้เห็น จึงจำยอมทำเป็นเงียบไป แล้วเดินจากไปด้วยความรู้สึกเสียดาย เพราะในความเป็นจริงแล้ว ถ้าทำได้ หวังซูก็อยากจะขึ้นไปบนห้องกับหลี่อี้ แล้วนั่งคุยกันสักพักให้หายคิดถึง ตามประสาเพื่อนที่รู้จักกันมานานเท่านั้น

.

.

วันต่อมา…ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เป็นเพราะว่าวันนี้หลี่อี้มีเรียนแค่ครึ่งวัน ก็เลยใช้เวลาครึ่งวันที่เหลือ ไปหาลูกเมียของกั๋วอันเฉิง เพื่อจะทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จไปเสียที

“นี่คุณเป็นใครงั้นหรือคะ? ฉันแน่ใจว่าวันนี้ฉันไม่ได้สั่งอะไรมานะคะ”

“สวัสดีครับ ผมชื่อหลี่อี้ ผมไม่ได้จะมาส่งของอะไรหรอกนะครับ แต่ผมแค่มีเรื่องจะมาบอก”

“เรื่อง…เรื่องอะไรเหรอคะ เราเคยรู้จักกันงั้นเหรอคะ?”

“อันที่จริงก็ไม่หรอกครับ แต่เรื่องที่ผมจะมาบอก สามีของคุณเขาเป็นคนฝากผมมานะครับ”

“นี่คุณอย่ามาล้อเล่นอะไรแบบนี้นะ สามีของฉันตายไปตั้งนานแล้ว คุณจะมาพูดเรื่องแบบนี้ทำไมกัน?”

ฟู่หลิงตวาดเสียงแข็งด้วยความรู้สึกขัดเคืองอย่างสุดหัวใจ เมื่ออยู่ ๆ ก็มีคนที่ตนไม่รู้จักมาพูดถึงสามีที่เสียไปแล้วจนทำให้ความเจ็บปวดที่ดูเหมือนจะคลี่คลาย ถูกรื้อฟื้นกลับขึ้นมาอีกครั้ง

“เดี๋ยวก่อนนะครับ คุณฟู่หลิง ช่วยใจเย็นลงก่อนเถอะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาพูดให้คุณรู้สึกไม่ดีเลยนะครับ…”

“นี่คุณรู้จักชื่อของฉันได้ยังไง คุณเป็นมิจฉาชีพหรือเปล่า ทำไมถึงได้รู้ข้อมูลของฉันดีนัก?”

“ไม่ใช่หรอกครับ แต่สามีของคุณเขาฝากผมมาบอกในสิ่งที่เขายังค้างคาจริง ๆ ครับ เขาบอกผมว่า เขาเก็บเอกสารทั้งหมดเอาไว้ที่หลังตู้ของห้องนอน ในกล่องสีดำใบนั้น ให้คุณเอาเอกสารที่อยู่ด้านในไปจัดการกับของที่เขาทิ้งเอาไว้ให้คุณเสีย เขาจะได้หายห่วง”

“สีดำงั้นเหรอ คุณรู้ได้ยังไง มันมีกล่องใบนั้นอยู่ในห้องนอนของฉันจริง ๆ แต่ฉันไม่เคยใส่ใจมันตั้งแต่วันที่ฉันเสียเขาไป ฉันก็ไม่มีจิตใจที่จะทำอะไรอย่างอื่นอีก”

“คุณเชื่อผมแล้วใช่มั้ยล่ะครับ นี่แหละครับ คือสิ่งที่สามีของคุณก็ยังเป็นห่วงอยู่ เขาไม่อยากให้คุณจมอยู่กับความเสียใจเป็นเวลานาน ๆ เขาอยากให้คุณได้เริ่มต้นใหม่ กับชีวิตที่ไม่มีเขา และสิ่งที่เขาย้ำผมหนักหนานั่นก็คือ เขาไม่อยากให้คุณกลับไปยุ่งกับคนในสถานีดับเพลิงนั่นอีก ไม่ว่าคุณคิดจะทำอะไรเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับสามีของคุณ ขอให้คุณหยุดทั้งหมด เพราะคุณจะไม่มีวันได้ในสิ่งที่ต้องการ”

ฟู่หลิงยืนฟังคำนั้นอยู่เงียบ ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ราวกับว่าจะรับทราบในสิ่งที่หลี่อี้พยายามสื่อสาร

“งั้นก็ได้ค่ะ ในเมื่อสิ่งที่คุณพูดมันคือคำพูดที่สามีของฉันฝากมาจริง ๆ ฉันก็จะพยายามเชื่อ ว่าแต่ไม่มีเรื่องอะไรแล้วใช่มั้ยคะ?”

“เอ่อ…ไม่มีแล้วครับ”

“งั้นคุณก็กลับไปได้แล้วล่ะค่ะ ฉันอยากอยู่คนเดียว ขอบคุณมากเลยนะคะสำหรับการส่งข่าว” ปึง!!!

.

.

“เย็นชาชะมัด นี่นายอุตส่าห์มาช่วยเขาเลยนะ”

หลังจากที่พูดจบ ฟู่หลิงก็ปิดประตูใส่หน้าของหลี่อี้อย่างไร้เยื่อใย แต่หลี่อี้ก็ไม่ได้โกรธอะไร เพราะหลี่อี้รู้ดีว่าในเวลานี้ ฟู่หลิงคงยังอยู่ในความรู้สึกเจ็บปวด ที่สูญเสียสามีของตนไป แม้มันจะผ่านมานานแล้วก็ตาม

“เอาน่าหวังซู นายก็อย่าจุกจิกนักเลยน่ะ ในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว งั้นเราก็ไปกันเถอะ”

“อืม…”

หวังซูกับหลีอี้เดินกลับออกมาจากในซอยเซียงลู่ หลังจากที่ทำภารกิจสำเร็จ โดยมีวิญญาณของกั๋วอันเฉิงเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ และเมื่อเห็นว่าทุกอย่างได้ดำเนินไปจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของชายหนุ่ม ที่กำลังจะเลือนหายไปกับสายลมจนลับไป

.

.