การรู้ตัวตนที่แท้จริง ทำให้หลี่อี้มองทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงหวังซูเพื่อนรัก

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2 - ตอนที่ 7 เรื่องที่เธออยากรู้ โดย Kevinth M. PoTae @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,จีน,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,จีน,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2 โดย Kevinth M. PoTae @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

การรู้ตัวตนที่แท้จริง ทำให้หลี่อี้มองทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงหวังซูเพื่อนรัก

ผู้แต่ง

Kevinth M. PoTae

เรื่องย่อ

อธิบาย/เรื่องย่อ

นามปากกา : Kevinth M. PoTae

วาดปก : WALAN

.

หลังจากที่หลี่อี้ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาได้อย่างฉิวเฉียด หลี่อี้ก็ถูกคุณนายเมิ่งสั่งให้มาอยู่ที่โรงน้ำชาแห่งนี้ แม้จะไม่ยินยอม แต่คงต้องยอมรับปากอย่างเสียไม่ได้

ยังเรื่องของวิญญาณตนนั้นที่มาขอความช่วยเหลือ ที่หลี่อี้ดันไปรับปากจนเกิดสัญญาโลกวิญญาณไปเสียแล้ว จึงไม่อาจที่จะปฏิเสธเรื่องนี้ได้ ที่สำคัญ การตายของนักศึกษาและชาวบ้านอย่างปริศนาชนิดรายวัน มันทำให้หลี่อี้อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้ามาเกี่ยวด้วยกับเรื่องนี้ จนกลายเป็นว่าหลี่อี้ต้องตกอยู่ในอันตรายนี้เสียเอง

นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน ดังนั้นตัวละคร/สถานที่/เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่อง จึงถูกสมมุติขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ทุกคำพูด ทุกตัวละครไม่มีอยู่จริง…โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน…

ฝากเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยการกดไลก์ คอมเมนต์ และกดเข้าชั้นหนังสือด้วยนะครับ

 

ฝากช่องทางการติดต่อไว้ด้วยนะครับ^^

Threads : mungkorn_kevinth

Twitter : Kevinth_M

Tiktok : kevinth_m.author

Facebook : kevinthm.author

 

 

สารบัญ

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 1 ความตื่นตาหลังเที่ยงคืน,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 2 สนามประลองจำเป็น,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 3 การดูแลนายคือหน้าที่ของฉัน,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 4 เยว่หมิงชาง,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 5 ผู้ตายปริศนาข้างแม่น้ำอู๋เจียง,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 6 คลี่คลายวิญญาณกั๋วอันเฉิง,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 7 เรื่องที่เธออยากรู้,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 8 คุณน้าเมิ่งกับพ่อที่แท้จริง,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 9 ยัยปีศาจแมงมุมน่าเกลียด,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 10 บนนั้นน่ะ…มีคนที่ข้ารักอยู่ด้วยนะ,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 11 ข้าก็แค่อยากเจอคนที่ข้ารัก,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 12 ความจริงถูกเปิดเผย,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 13 เสี่ยวมู่ทดแทนคุณ,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 14 ก็แค่อยากขอโทษ,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 15 ปรับความเข้าใจ (จบเล่ม 2)

เนื้อหา

ตอนที่ 7 เรื่องที่เธออยากรู้

ตอนที่ 7

เรื่องที่เธออยากรู้

 

“ฮ้าาา สบายจัง ได้กินอะไรอร่อย ๆ แบบนี้ในวันธรรมดา ก็รู้สึกดีเหมือนกันนะ”

“แล้วมันจะต่างกับวันหยุดตรงไหน นายก็กินแบบนี้อยู่เป็นประจำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

“แต่วันนี้มันเป็นวันธรรมดาไง เราไม่ได้มีเรียนครึ่งวันกันบ่อย ๆ นะ แต่ไหน ๆ เราก็มาจากถนนเซียงลู่อยู่แล้ว ทำไมนายต้องพาฉันมาที่ร้านต้าเมี่ยนนี่ด้วยล่ะ ร้านบะหมี่ลี่หูมันไม่ดีหรือไง?”

“ฉันก็อยากให้นายมานั่งกินไปชมบรรยากาศข้างแม่น้ำไปไง ลมพัดเย็นสบายแบบนี้ ดีเลยใช่มั้ยล่ะ อีกอย่าง…เดี๋ยวพอเรากินเสร็จ นายก็กลับไปที่ร้านเมิ่งฉาได้เลยไง จะได้ไม่ต้องนั่งรถอ้อมไปมา”

“แต่ฉันยังไม่อยากกลับเลยนี่นา แล้วเวลางานของฉันก็หกโมงเย็นโน่นเลย นี่เพิ่งจะบ่ายสองเองนะ นายจะรีบให้ฉันกลับไปที่นั่นทำไมกัน อีกอย่าง…นายลืมไปแล้วเหรอ ว่าตรงนี้ที่ฝั่งโน้นน่ะคือจุดที่อาจารย์หวังตายนะ ฉันเห็นแล้วก็อดที่จะคิดไม่ได้”

“จริงสิ ฉันก็ลืมไปเสียสนิทเลยว่าอีกฝั่งนึงเป็นจุดที่อาจารย์หวังเพิ่งจะถูกดึงศพขึ้นมาจากน้ำ ถ้าอย่างนั้น ไหน ๆ เราก็กินกันเสร็จพอดีฉันว่าพวกเราไปกันเถอะ ฉันไม่อยากให้นายจะต้องมาเจอกับอะไรพวกนั้นอีก”

“นายไม่ต้องห่วงหรอกน่าเท่าที่ฉันดูตอนนี้ ฉันก็ยังไม่เห็นวิญญาณของอาจารย์หวังเลยนะ บางทีอาจารย์หวังอาจจะไปเกิดแล้วก็ได้”

“ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงจะดี แต่คนที่ตายแบบไม่สงบสุขแบบนั้นแถมยังโดนควักหัวใจลงไปอีกฉันไม่คิดว่าอาจารย์หวังจะไปเกิดเร็วขนาดนั้นนะ”

“นายอย่าคิดมากเกินไปหรือเปล่านายอย่าลืมสิว่าเราน่ะอยู่กับคุณนายเมิ่งนะวิญญาณที่ไหนจะกล้ามายุ่งกับฉันล่ะ”

“ถ้างั้นวิญญาณนักดับเพลิงคนนั้นล่ะ”

“มันไม่เหมือนกันก็ตอนนั้นฉันยังไม่ได้มาอยู่ในการดูแลของคุณนายเมืองสักหน่อย แต่ตอนนี้ฉันมีทั้งเป่าเหลียน มีทั้งหวังปว๋อ แถมยังมีทู่เกอคอยดูแลอยู่ห่าง ๆ อีก ฉันไม่กลัวอะไรแบบนั้นหรอกนะ แล้วอีกอย่าง ตั้งแต่วันนั้น ฉันก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครตายเพิ่มหลังจากนั้นนะ บางทีนั่นอาจเป็นแค่อุบัติเหตุ…ก็ได้…มั้ง”

“นายก็อย่าชะล่าใจไป แล้วเรื่องที่อาจารย์หวังโดนควักหัวใจนั่นล่ะนายจะว่ายังไง?”

“ก็…อาจจะเป็นสัตว์น้ำที่มันมากินซากศพไง เอาน่านายอย่าคิดมากสิ”

“ฉันเป็นห่วงนายจริง ๆ นะ นายก็อย่าเชื่ออะไรมากนักเลย บางทีหลายสิ่งหลายอย่าง มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่นายเห็นก็ได้นะ”

หวังซูยื่นมือไปจับแขนของหลี่อี้ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเป็นห่วงเพื่อนรักคนนี้อย่างสุดหัวใจ ในขณะที่หลี่อี้ก็พยายามที่จะพูดทุกทางเพื่อให้หวังซูได้คลายความกังวลลงไปได้บ้าง

.

.

“อ้าวพวกเธอมาที่นี่กันด้วยเหรอ กำลังจะกลับกันหรือยังล่ะ นั่งคุยกันก่อนสิ”

“ยังเลยครับพี่หลิงเซียงผมว่าน่าจะนั่งต่ออีกสักพักหนึ่ง แต่หวังซูนี่สิครับ ไม่รู้ทำไมถึงได้รีบนักหนา”

คนพูดที่ไม่รู้อะไรเอาเสียเลยรีบฟ้องพี่หลิงเซียงคนสวยทันทีที่อีกฝ่ายเดินมาถึง หลิงเซียงก็ได้แต่อมยิ้มแล้วหันไปมองหวังซูอย่างเข้าใจ แต่ก็ยังยื้อทั้งสองให้นั่งอยู่ก่อน

“เอาน่าหวังซู เธอก็นั่งต่อสักหน่อยเถอะ ฉันอยู่ทั้งคนไม่มีอะไรหรอกน่า”

หวังซูแอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อยในความดื้อดึงของหลี่อี้ แต่เพื่อไม่ให้กระโตกกระตากมากเกินไป ก็เลยจำเป็นต้องไหลตามน้ำไปก่อน เพราะถึงยังไง ตอนนี้ก็มีหลิงเซียงนั่งอยู่ข้าง ๆ หากจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือใครคิดจะทำอะไร ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายมากนัก

“แล้วนี่เธอทั้งสองคนไปไหนกันมาล่ะ ยังไม่เย็นเลยนี่นา เธอเลิกเรียนแล้วหรือยังไง?”

“วันนี้ผมกลับหวังซูมีเรียนกันแค่ครึ่งวันน่ะครับ เราก็เลยออกมาทำธุระกันนิดหน่อย หิว…ก็เลยมาหาอะไรกินกันที่นี่”

“ธุระงั้นเหรอ ธุระอะไรกัน?”

“ก็วิญญาณดวงนั้นนั่นแหละครับ ผมคิดว่าพี่หลิงเซียงน่าจะรู้อยู่แล้ว ผมเพิ่งจะเคลียร์เรื่องราวค้างคาใจให้กับวิญญาณดวงนั้นไปสำเร็จนะครับ”

“งั้นเหรอ…”

คนอย่างหลิงเซียง ที่ตอบออกมาด้วยคำสั้น ๆ แค่นั้น มันทำให้หวังซูรู้สึกกังวลใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สีหน้าที่ดูเหมือนรับรู้แต่ก็แอบกังวลอยู่ในสายตา มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นกับผีเสื้อสาวแสนสวยอย่างหลิงเซียงเลยสักนิด

“มีอะไรหรือเปล่าครับพี่หลิงเซียง ทำไมดูเหมือนว่าพี่จะมีอะไรอยู่ในใจเลยล่ะครับ?” หลี่อี้เอ่ยถามขึ้นเพื่อคลี่คลายความรู้สึกค้างคาที่มันเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า

“นี่พวกเธอออกไปทำอะไรแบบนี้กัน เธอได้บอกใครหรือเปล่า ทู่เอ๋อ…คุณนายเมิ่งหรือเป่าเหลียนกับหวังปว๋อ?”

“ผมไม่ได้บอกใครครับ เพียงแต่เมื่อคืนหวังปว๋อก็รู้เรื่องนี้ เพราะว่าหวังปว๋อจับได้ที่เราหนีกันออกไปจากโรงน้ำชาตอนกลางคืนนะครับ”

“อะไรนะ…นี่เธอคิดอะไรกันอยู่ ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูคุณนายเมิ่งล่ะก็ เธอได้โดนบ่นจนหูชาแน่ ๆ หวังปว๋อน่ะ แม้จะดูจริงจังแต่ลึก ๆ แล้วก็ใจดีมาก จึงอาจจะเผลอตามใจพวกเธอไปสักหน่อย แต่เธอรู้หรือเปล่า ว่าการที่ไปรับปากวิญญาณมั่วซั่วแล้วไปทำเรื่องราวพวกนั้นโดยที่ไม่บอกใครแบบนี้ มันอันตรายมากนะ อย่างน้อย ๆ เธอก็ควรจะบอกให้ทู่เอ๋อได้รับรู้เสียก่อน”

“อ่าาา ผมว่ามันคงจะไม่ร้ายแรงขนาดนั้น…มั้งครับ”

“เธอเชื่อฉันมั้ยล่ะ ว่าตอนนี้คุณนายเมิ่งน่าจะรู้เรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว และอาจจะกำลังรอชำระความเธออยู่ที่โรงน้ำชาก็ได้ เธออย่าลืมสิว่า คุณนายเมิ่งคือผู้ที่ควบคุมวิญญาณก่อนมาเกิด ถ้าหากมีวิญญาณดวงไหนในเมืองนี้ ที่ปลงใจจากความอาฆาตได้ มีหรือที่คุณนายเมิ่งจะไม่รู้”

.

.

โรงน้ำชาเมิ่งฉา

“ใครบอกให้เธอออกไปทำเรื่องแบบนั้นสองคนกัน นี่ถ้าเกิดอะไรขึ้นใครจะรับผิดชอบ?”

“ผมขอโทษครับ แต่เรื่องนี้คุณนายเมิ่งก็น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ ผมก็เลยคิดว่า…”

“การที่ฉันรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจ ถ้าเธอโดนวิญญาณตนนั้นหลอกเอาล่ะ แล้วถ้าภรรยาของวิญญาณดวงนั้นที่เธอเพิ่งจะไปคุยด้วยไม่ใช่คนดีล่ะ ฉันยังไม่อยากจะไปเจอเธอที่สะพานน่ายเหอหรอกนะ”

.

.

“นายหญิงครับ อย่าไปว่าหลี่อี้เลยครับ เรื่องนี้ข้าเองก็มีส่วนผิด ที่ไม่ดูแลเขาให้ดี หลี่อี้เขาเพิ่งจะมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน คงยังไม่รู้ว่าอะไรอันตรายกับตัวเองบ้าง”

คุณนายเมิ่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลังจากที่ทู่เอ๋อเสินออกตัวแทนหลี่อี้ ก่อนที่จะเดินกลับไปนั่งยังเก้าอี้ของตัวเองด้วยความรู้สึกเหนื่อยอ่อน คุณนายเมิ่งยกขาขึ้นมาไขว่ห้าง มือข้างหนึ่งยกขึ้นมากุมหน้าผากที่เพิ่งจะโน้มลงไปบรรจบกัน หลับตาขมวดคิ้วราวกับว่ากำลังใช้ความคิดอย่างหนักอย่างไรอย่างนั้น

“คุณนายเมิ่งครับ…”

“เธอมีอะไรอีก ไม่ใช่ว่าเธอออกไปแล้วงั้นเหรอ”

“คือผมก็แค่สงสัยน่ะครับ…ผมแค่อยากรู้ ว่าผมมีความสำคัญอะไรกับที่นี่นักหนา ทำไมผมถึงรู้สึกว่าทุกคนจะพยายามปกป้องผมเป็นพิเศษ แม้แต่ตัวของคุณนายเมิ่งเอง ที่ผมทำผิดสักกี่ครั้งแต่กลับไม่เคยถูกทำโทษ อีกอย่าง…เมื่อกี้ผมกลับเห็นถึงความรู้สึกที่ห่วงผมมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป ถ้าผมมองไม่ผิด เหมือนจะห่วงผมมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ”

คุณนายเมิ่งเงยหน้าขึ้นมาแล้วเพ่งสายตาจ้องเขม็งไปยังหลี่อี้ที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะทำงานในห้องของตน สายตาหรี่ลงเล็กน้อยดวงตาที่ดูอ่อนโยนแต่ก็มีความน่ากลัวฟังลึกอยู่ข้างใน มันแทบจะทำให้หลี่อี้ละลายหายไปได้ แต่ในเมื่อใช้ความกล้าเพื่อถามคำถามนั้นออกไปแล้ว มีหรือที่หลี่อี้จะไม่อยากรู้คำตอบ

“ผ…ผมขอโทษครับ แต่เรื่องนี้ มันไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครก็ได้นี่ครับ ผมไม่เข้าใจ ว่าทำไมผมถึงต้องถูกวิญญาณดวงนั้นตามด้วย แล้วทำไมถึงต้องเป็นผม ที่มองเห็นอะไรพวกนี้ ผมไม่เชื่อหรอกนะครับ ว่ามันจะเป็นแค่พรสวรรค์อย่างที่คุณนายเมิ่งพยายามจะหลอกผมน่ะ”

“เธออยากรู้จริง ๆ งั้นเหรอ?”

“ใช่ครับผมอยากรู้…”

นี่เป็นครั้งแรก ที่ทู่เอ๋อกับหวังซูได้เห็นท่าทีจริงจังและคำพูดอันหนักแน่นออกมาจากปากของหลี่อี้ คนที่แค่เห็นดวงวิญญาณกระจ้อยร่อยก็หวีดร้องราวกับว่าจะสิ้นชีวิต หากแต่วันนี้ จะด้วยความอยากรู้หรือเพราะความอัดอั้นก็ตาม จะอะไรก็ช่าง แต่มันทำให้ท่าทางของหลี่อี้ดูเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“ก็ได้ ในเมื่อเธออยากรู้ ฉันก็จะบอกให้เธอฟัง หลังจากวันนี้ ฉันจะได้ไม่ต้องคอยระแวดระวังอะไรให้เธออีกต่อไป เรื่องที่เธออยากรู้ สาเหตุที่เธอยังไม่เห็นวิญญาณดวงอื่น นั่นก็เป็นเพราะว่า หวังปว๋อกับเป่าเหลียน ที่เป็นเซียนปราบปีศาจคอยกันท่าเอาไว้ให้ เพราะฉันไม่ได้คาดหวัง ว่าจะให้เธอมาเป็นโพธิสัตว์โปรดวิญญาณคนตายอะไรนั่น ส่วนเรื่องที่เธอมีตาพิเศษ ที่ทำให้เธอสามารถมองเห็นสิ่งลี้ลับนั้น ใช่…มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันเป็นเพราะว่า…

.

.