การรู้ตัวตนที่แท้จริง ทำให้หลี่อี้มองทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงหวังซูเพื่อนรัก
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,จีน,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2การรู้ตัวตนที่แท้จริง ทำให้หลี่อี้มองทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงหวังซูเพื่อนรัก
อธิบาย/เรื่องย่อ
นามปากกา : Kevinth M. PoTae
วาดปก : WALAN
.
หลังจากที่หลี่อี้ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาได้อย่างฉิวเฉียด หลี่อี้ก็ถูกคุณนายเมิ่งสั่งให้มาอยู่ที่โรงน้ำชาแห่งนี้ แม้จะไม่ยินยอม แต่คงต้องยอมรับปากอย่างเสียไม่ได้
ยังเรื่องของวิญญาณตนนั้นที่มาขอความช่วยเหลือ ที่หลี่อี้ดันไปรับปากจนเกิดสัญญาโลกวิญญาณไปเสียแล้ว จึงไม่อาจที่จะปฏิเสธเรื่องนี้ได้ ที่สำคัญ การตายของนักศึกษาและชาวบ้านอย่างปริศนาชนิดรายวัน มันทำให้หลี่อี้อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้ามาเกี่ยวด้วยกับเรื่องนี้ จนกลายเป็นว่าหลี่อี้ต้องตกอยู่ในอันตรายนี้เสียเอง
นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน ดังนั้นตัวละคร/สถานที่/เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่อง จึงถูกสมมุติขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ทุกคำพูด ทุกตัวละครไม่มีอยู่จริง…โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน…
ฝากเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยการกดไลก์ คอมเมนต์ และกดเข้าชั้นหนังสือด้วยนะครับ
ฝากช่องทางการติดต่อไว้ด้วยนะครับ^^
Threads : mungkorn_kevinth
Twitter : Kevinth_M
Tiktok : kevinth_m.author
Facebook : kevinthm.author
ตอนที่ 13
เสี่ยวมู่ทดแทนคุณ
“ที่เยว่เกอบอกว่าทำให้ทู่เกอเสียบรรยากาศ มันต้องเป็นบรรยากาศแบบไหนกัน ที่จะทำให้คนที่ทั้งสุขุมเคร่งขรึมและวางตัวดีอย่างทู่เกอโกรธเยว่เกอได้มากขนาดนี้?”
“มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันกำลังตามล่าปีศาจนะ วันนั้นฉันบังเอิญผ่านไปยังภูเขาลูกหนึ่ง ข้างกันก็มีหมู่บ้านเล็ก ๆ อยู่แถวนั้น”
เยว่หมิงชางเริ่มเล่า เมื่อถูกเชิญให้ไปนั่งที่โต๊ะซึ่งอยู่ด้านในสุดของร้านโดยเป่าเหลียน เพื่อไม่ให้เกะกะลูกค้าซึ่งอันที่จริงแล้วก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่ถึงอย่างนั้น ทู่เอ๋อเสินก็ยังคงสามารถได้ยินในสิ่งที่กระต่ายบนดวงจันทร์ผู้นั้นกำลังพูดถึงตัวเองอยู่ดี
“ก็ทู่เอ๋อน่ะสิ เขากำลังนั่งพลอดรักอยู่กับชายหนุ่มที่เป็นชาวบ้านในหมู่บ้านนั้น แม้จะเป็นชาวบ้านธรรมดา แต่ก็ถือว่ารูปงามทีเดียวล่ะ”
“จริงหรือครับ ว่าแต่เรื่องนี้มันนานแค่ไหนแล้วล่ะครับ?”
“ถ้าฉันจำไม่ผิด ก็น่าจะสักร้อยกว่าหรืออาจจะสองร้อยปีได้แล้วล่ะมั้ง”
“สองร้อยกว่าปี นั่นนานมากเลยนะครับ สมัยนั้นเขายอมรับเรื่องแบบนี้กันแล้วงั้นเหรอครับ?”
“แน่นอนว่าไม่ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีนี่นา เอาเข้าจริงสมัยโบราณน่ะ เขาไม่ได้ต่อต้านเรื่องนี้มากเท่าตอนนี้หรอก แค่อย่าเอามาเป็นเมียใหญ่ก็พอ ยุคช่วงไม่ถึงร้อยกว่าปีนี่ต่างหากล่ะ ที่เล่นใหญ่เสียจนฉันเองก็ยังสงสัย แต่ถึงจะอย่างนั้น ก็ใช่ว่าเจ้าคิดจะสุขสมกับใครก็ได้หากเขาไม่ยินยอม ดูอย่างทู่เอ๋อเสินสิ เพราะไปทำอะไรแบบนั้น ถึงได้โดนสั่งประหาร หากไม่แอบไปดูท่านผู้ตรวจการอาบน้ำ ไหนเลยจะต้องจบชีวิตด้วยความน่าอายเช่นนั้นล่ะจริงมั้ย…”
เยว่หมิงชางเล่ายาวเหยียดพลางยิ้มหัวอยู่ในลำคอ แต่นั่นก็ไม่อาจปกปิดความรู้สึกเอาไว้ได้ คนที่อยู่ห่างไปหลายช่วงโต๊ะ ถึงกับอดรนทนไม่ได้ที่จะสาวเท้าเดินมาหาพร้อมกับพอร์ตตาฟิลเตอร์ซึ่งเป็นก้านชงกาแฟที่กำแน่นเอาไว้ในมือ
“นี่เจ้ากำลังพูดถึงข้า ถามข้าหรือยังว่าข้ายินดีหรือไม่?”
ทู่เอ๋อใช้ก้านชงกาแฟด้ามใหญ่ชี้ใส่หน้าของแขกผู้มาเยือน ที่เมื่อมาถึงก็เอาแต่พูดถึงเรื่องแต่เก่าก่อนของทูเอ๋ออยู่ไม่หยุดปาก จนเจ้าของเรื่องเริ่มจะทนไม่ไหว
“ข้าก็แค่พูดความจริงเท่านั้น เจ้าจะโกรธไปทำไมกัน”
“เรื่องจะจริงหรือไม่จริง มันก็เรื่องของข้า แต่สิ่งที่จริงยิ่งกว่านั้นก็คือ เจ้าทำให้คนที่ข้ารักตาย ข้ายังไม่ได้สะสางกับเจ้า เห็นว่าเจ้าเป็นสัตว์เทพของเทพธิดาฉางเอ๋อ ข้าจึงไม่อยากเอาความ”
“ที่เจ้าไม่เอาความข้า เพราะเจ้าตกหลุมรักข้าต่างหากเล่า…”
“นี่เจ้า!!! หน้าไม่อาย ข้าน่ะหรือที่จะตกหลุมรักเจ้า เจ้ามันก็แค่ปีศาจกระต่ายน่าเกลียดน่าขยะแขยงตนนึงเท่านั้น”
“ข้าไม่ใช่ปีศาจ แต่ข้าคือสัตว์เทพของเทพธิดาฉางเอ๋อ”
“จะอย่างไรก็ช่าง แต่ข้าก็จะมองว่าเจ้าคือปีศาจ ต่อให้ครึ่งหนึ่งของเจ้าเป็นเทพ แต่ครึ่งหนึ่งของเจ้าก็คือปีศาจเช่นเดียวกัน”
“นี่เจ้าพูดแบบนี้เจ้าคิดจะต่อสู้กับข้าใช่หรือไม่”
“ก็มาสิ ข้ากลัวเสียที่ไหน!!!”
กระต่ายทั้งสองทำท่าจะสู้กันด้วยสายตาที่ดุดัน หมิงชางที่เดิมทีดูกรุ้มกริ่ม แต่เมื่อถูกดูแคลนก็เริ่มจะไม่พอใจขึ้นมาเช่นเดียวกัน เพราะด้วยสถานะแล้ว ทู่เอ๋อเสินนั้นแม้จะอายุแค่สามร้อยกว่าปี แต่ก็มีสถานะเป็นเทพ การที่จะเรียกเยว่หมิงชางแบบนั้น…ก็ไม่ได้ผิดนัก
.
.
“พวกเจ้าทั้งสองใจเย็นหน่อยเถอะน่า คิดจะต่อสู้กันกลางวันแสก ๆ แบบนี้เลยหรือยังไง?”
ในขณะที่กระต่ายขาวและกระต่ายสีเทากำลังตั้งท่าจะต่อสู้กัน หลิงเซียงที่เพิ่งจะมาถึงก็รีบปรากฏร่างออกมา แล้วห้ามทั้งสองเอาไว้ได้อย่างทันควัน
“หลิงเซียง นี่เจ้าจะมาขวางข้าไว้ทำไม ออกไปเดี๋ยวนี้ วันนี้หากข้าไม่จัดการกับเจ้ากระต่ายปากเสียนี่ ข้าจะไม่ยอมหยุดเป็นอันขาด”
“ข้าน่ะหรือที่ปากเสีย ก็ข้าพูดความจริง ความจริงเช่นเดียวกับที่เจ้าพูดถึงข้า เจ้าเป็นเทพกึ่งปีศาจไม่ใช่หรือ หากข้าจะเรียกว่าปีศาจแล้วมันผิดตรงไหนกัน”
กระต่ายทั้งสองเถียงกันอย่างไม่ยอมความ ในขณะที่หลิงเซียงก็ใช้มือทั้งสองยันหน้าอกของกระต่ายทั้งสองให้ออกห่างจากกันอย่างสุดความสามารถ เท่าที่หญิงสาวคนหนึ่งจะทำได้
ฝ่ายหลี่อี้และหวังซูก็รีบมาดึงตัวของเยว่หมิงชางให้ออกห่างไป ส่วนหวังปว๋อและเป่าเหลียน ก็รีบจับตัวของทู่เอ๋อให้ถอยห่างออกมาเช่นเดียวกัน
นี่พวกเจ้าคิดจะตีกันไปถึงไหนกัน เจ้าก็ด้วย มีใจให้ทู่เอ๋อจริงหรือเปล่าเนี่ย สีหน้าของเจ้าราวกับจะเอาชีวิตกันอย่างนั้นแหละ ข้าล่ะเหนื่อยใจกับเจ้าจริง ๆ เลย
“ข้าไม่เคยรักเจ้ากระต่ายตัวนี้ ข้าเกลียด เกลียดมันด้วยซ้ำ มันทำให้คนที่ข้ารักตายไปทั้งคน ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้มันรอดออกไปจากร้านนี้ได้เป็นอันขาด”
“เจ้าก็ใจเย็นลงก่อนเถิด มีอะไรก็ค่อยคุยกัน อีกอย่างเรื่องราวพวกนั้นมันก็ผ่านมาหลายร้อยปีแล้ว เท่าที่ข้ารู้ คราวนั้นหมิงชางก็ไม่ได้ตั้งใจไม่ใช่หรือ”
ด้วยความโมโหและคุมอารมณ์ไม่อยู่ ทู่เอ๋อหันมองค้อนใส่หลิงเซียงตาขวาง แม้จะเข้าใจในสิ่งที่หลิงเซียงพูด แต่ก็อดที่จะเสียใจไม่ได้
“นั่นคนที่ข้ารักมาเป็นร้อยปีนะหลิงเซียง ตอนแรกข้าก็คิดว่าจะแกล้งลืม ๆ ไปเสีย เพราะคิดว่าอย่างไรก็คงจะย้อนคืนทุกอย่างกลับไปไม่ได้อีกแล้ว…”
ทู่เอ๋อ พูดไปทั้งน้ำตาคลอเบ้า จ้องมองคนที่ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไรกับเรื่องนี้อย่างหมิงชาง ด้วยหัวใจที่เกลียดชังอย่างถึงที่สุดแต่ก็ไม่ได้อยากจะก่อเรื่อง ทู่เอ๋อจึงเดินออกไปจากตรงนั้นในทันที โดยไม่คิดจะหันกลับมามองคนที่กำลังวุ่นวายอยู่ที่ตรงนั้นอีก
“เดี๋ยวสิทู่เอ๋อ เจ้าฟังข้าก่อน เรื่องนั้นใครก็รู้ว่าข้าไม่ตั้งใจ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร?”
“ปล่อยข้า…”
“ไม่ ต่อให้วันนี้เจ้าฆ่าข้า ข้าก็ยอม…”
“เช่นนั้นก็ตามขอ….”
ไม่มีใครคาดคิด ทู่เอ๋อปลดปล่อยความโกรธออกมาทั้งหมดเท่าที่มีจนร่างกายยามนี้ลุกเป็นไฟ สายตาเขร่งขรึมอ่อนโยนกลับโชติช่วงขึ้นจนกลายเป็นสีแดงเพลิงดูน่ากลัว มือเรียวสวยก่อนหน้านี้กลายเป็นมือกระต่าย หากแต่กลับหนาใหญ่ทั้งเล็บที่งอกยาวออกมาจนสามารถทำให้หมาป่าตัวใหญ่หัวขาดได้จากการตบฝ่ามือแค่ครั้งเดียว
ด้วยตบะของหมิงชางนั้นสามารถต่อสู้กลับคืนได้อย่างไม่ยากเย็น หากแต่หมิงชางกลับยอมปล่อยให้ร่างของตนลอยขึ้นไปเหนือพื้นจนทุกคนตะลึง เพราะไม่เคยมีใครเคยเห็นทู่เอ๋อเสินโกรธและน่ากลัวมากเท่าครั้งนี้มาก่อน จนแม้แต่หลี่อี้และหลิงเซียงที่หยอกล้อกับทู่เอ๋ออยู่ทุกวันยังไม่กล้าที่จะเข้าไปห้ามปรามในคราวนี้
“ในเมื่อเจ้าพูดเองว่าเจ้าสามารถมอบชีวิตให้ข้าได้ เช่นนั้นข้าก็จะขอรับมันไว้ก็แล้วกัน…”
“อย่านะ!!!”
เมื่อกรงเล็บของกระต่ายผู้กราดเกรี้ยวกางออกอย่างเต็มที่ พร้อมที่จะจ้วงทะลวงลงไปที่หน้าท้องของกระต่ายหนุ่มผู้นั้น เสี่ยวมู่จื่อที่เฝ้ามองสถานการณ์ในร่างของแมวน้อยอยู่นาน ก็รีบทะยานร่างของตัวเองออกไปขวางเอาไว้ในทันที ร่างของแมวสีดำกลายเป็นชายหนุ่มร่างบางอย่างรวดเร็ว แล้วกระโดดเข้าไปรับกรงเล็บยาวนั้นแทนเยว่หมิงชางอย่างไม่รอช้า
จนเมื่อทู่เอ๋อได้สติ ทุกอย่างก็ดูเหมือนว่าจะสายไปเสียแล้ว ร่างของแนวหนุ่มเสี่ยวมู่ทรุดลงไปนั่งอยู่กับพื้นด้วยความพังพาบ เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากหน้าท้องตามร่องรอยที่เล็บแหลมยาวครึ่งฟุตนั้นจ้วงเข้ามาอย่างไม่คิดจะยั้งมือ
“เสี่ยวมู่!!! นี่นายทำอะไรลงไปเนี่ย!!!”
ทู่เอ๋อกลับคืนสู่ร่างเดิมแล้วย่อตัวลงรับร่างของเสี่ยวมู่เอาไว้ โดยมีเยว่หมิงชางประคองด้านหลังเอาไว้ในอ้อมอก ในเวลากลางวัน เสี่ยวมู่จื่อมีพลังที่เบาบางอยู่แล้ว เมื่อถูกทำร้ายเข้าอย่างจังแบบนี้ นั่นยิ่งทำให้แก่นพลังเสียหายไปอย่างช่วยไม่ได้
“ทำไมเจ้าต้องทำแบบนี้ด้วย เจ้าเข้ามารับกรงเล็บนั่นแทนข้าทำไม ข้ามีตบะพันปี แค่กรงเล็บของทู่เอ๋ออย่างไรก็ทำให้ข้าบาดเจ็บได้ไม่มากนัก แต่กับเจ้า…”
“เรื่องนั้นข้ารู้ แต่เพื่อท่านแล้ว ข้ายินดีที่จะทำ อย่างน้อยก็เพื่อที่จะแทนคุณที่ท่านเคยช่วยข้าไว้เมื่อสามร้อยปีก่อนยังไงล่ะ”
“แทนคุณงั้นเหรอ นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
ไม่ทันที่ทุกคนจะได้รับคำตอบ แมวหนุ่มเสี่ยวมู่ก็กลับคืนสู่ร่างของแมวดำตัวน้อยดังเดิม ก่อนที่จะหมดสติไปในที่สุด
.
.