คืนแรกของการได้ทำงานกะหลังเที่ยงคืน มันทำให้หลี่อี้ได้เห็นว่า โลกที่อยู่อีกฝั่งของคู่ขนานคือสิ่งใด

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2 - ตอนที่ 1 ความตื่นตาหลังเที่ยงคืน โดย Kevinth M. PoTae @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,จีน,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,จีน,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2 โดย Kevinth M. PoTae @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

คืนแรกของการได้ทำงานกะหลังเที่ยงคืน มันทำให้หลี่อี้ได้เห็นว่า โลกที่อยู่อีกฝั่งของคู่ขนานคือสิ่งใด

ผู้แต่ง

Kevinth M. PoTae

เรื่องย่อ

เรื่องย่อ เล่ม 2

นามปากกา : Kevinth M. PoTae

วาดปก : WALAN

.

หลังจากที่หลี่อี้ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาได้อย่างฉิวเฉียด หลี่อี้ก็ถูกคุณนายเมิ่งสั่งให้มาอยู่ที่โรงน้ำชาแห่งนี้ แม้จะไม่ยินยอม แต่คงต้องยอมรับปากอย่างเสียไม่ได้

หลี่อี้ต้องมาทำงานหลังเที่ยงคืน และนั่น ทำให้หลี่อี้ได้เห็นร่างจริงของเสี่ยวมู่จื่อ แมวดำตัวน้อยที่ตำหนิหลี่อี้จนหน้าชาเมื่อคราวก่อน รวมถึงความตื่นตา ที่หลี่อี้ไม่คิดว่าจะได้เห็นในชีวิตนี้

.

.

นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน ดังนั้นตัวละคร/สถานที่/เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่อง จึงถูกสมมุติขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ทุกคำพูด ทุกตัวละครไม่มีอยู่จริง…โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน…

ฝากเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยการกดไลก์ คอมเมนต์ และกดเข้าชั้นหนังสือด้วยนะครับ

 

ฝากช่องทางการติดต่อไว้ด้วยนะครับ^^

Threads : mungkorn_kevinth

Twitter : Kevinth_M

Tiktok : kevinth_m.author

Facebook : kevinthm.author

 

 

สารบัญ

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 1 ความตื่นตาหลังเที่ยงคืน,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 2 สนามประลองจำเป็น,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 3 การดูแลนายคือหน้าที่ของฉัน,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 4 เยว่หมิงชาง,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 5 ผู้ตายปริศนาข้างแม่น้ำอู๋เจียง,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 6 ทำตามสัญญา,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 7 คลี่คลายวิญญาณกั๋วอันเฉิง,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 8 เรื่องที่เธออยากรู้,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 9 คุณน้าเมิ่งกับพ่อที่แท้จริง,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 10 ชาเลือดมังกรเยียวยาหลิงเซียง,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 11 ข้าก็แค่อยากเจอคนที่ข้ารัก,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 12 ความจริงถูกเปิดเผย,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 13 เสี่ยวมู่ทดแทนคุณ,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 14 ก็แค่อยากขอโทษ,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 15 ปรับความเข้าใจ (จบเล่ม 2)

เนื้อหา

ตอนที่ 1 ความตื่นตาหลังเที่ยงคืน

ตอนที่ 1

ความตื่นตาหลังเที่ยงคืน

 

คืนนี้เป็นคืนแรกที่หลี่อี้ได้เปลี่ยนมาทำงานในกะกลางคืนตามคำสั่งของคุณนายเมิ่ง

ส่งผลให้หลี่อี้ต้องยื่นเรื่องไปกับทางวิทยาลัยเพื่อปรับเปลี่ยนการเรียนจากภาคปกติเป็นภาคสมทบแทน นั่นก็คือการย้ายช่วงเวลามาเรียนในเวลาบ่ายสามจนถึงสองทุ่มแทน

แต่นั่นก็ถือว่าจำเป็นหากเทียบกับการรักษาชีวิตเอาไว้ แม้ว่าจะจบช้ากว่าคนอื่นสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร อีกอย่าง การเรียนภาคสมทบนี้ก็คือการเรียนเพื่อเปิดโอกาสให้คนที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เรียน หรือ คนที่อายุมากแล้วแต่อยากเรียนเพิ่มเข้ามาร่วมด้วย การไปเข้าเรียนจึงไม่ได้กวดขันเรื่องเวลามากนัก ขอแค่มีงานส่งตามเวลาก็พอ

ฝ่ายหวังซูเองก็ย้ายตามหลี่อี้มาด้วย เพราะไม่อยากไปนั่งเรียนคนเดียวในภาคปกติ แม้หลี่อี้จะห้ามปรามยังไงหวังซูก็ไม่ยอมฟัง โดยให้เหตุผลว่า…“ถ้านายไม่เรียนต่อที่นี่ ฉันเองก็ไม่คิดจะเรียนตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ เพราะงั้น…ฉันจะไปนั่งเรียนในห้องเรียนที่ไม่มีนายไปทำไมกัน…”

.

.

‘สภาพของบรรยากาศหลังเที่ยงคืนมันเป็นแบบนี้เองสินะ’

หลี่อี้ยืนตัวแข็งทื่อเมื่อได้เห็นสภาพที่แท้จริงของโรงน้ำชาที่ถูกเปิดให้ใช้บริการหลังเที่ยงคืน ในเวลานี้ ทั่วทั้งร้านได้เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดมากมายในสายตาของหลี่อี้ อย่างกับว่าตัวละครจากปกรณัมต่างพากันออกมาโลดแล่นในชีวิตจริงอย่างไรอย่างนั้น

หากแต่มีจำนวนหนึ่ง ที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงามหล่อเหลาอย่างที่คนทั่วไปใฝ่ฝัน แต่ก็อีกไม่น้อยที่แม้ร่างจะเป็นคน แต่ครึ่งบนของร่างกายกลับดูน่ากลัวจนยากที่ใครจะจินตนาการ

เทพเซียนปีศาจที่กำลังนั่งรวมกันอยู่พวกนั้น คงจะโกรธหลี่อี้จนหัวลุกเป็นไฟ ถ้าหากรู้ว่าในหัวของหลี่อี้ตอนนี้นั้น กำลังคิดวิจารณ์พวกเขาไปในทางขบขัน หรือบางทีอาจถึงขั้นลบหลู่อย่างที่คนเก่าคนแก่ชอบพูดกัน

“นี่เธอคงกำลังคิดว่าคนพวกนี้เป็นสัตว์ประหลาดอยู่สินะ…”

หลี่อี้หลุดออกมาจากความคิดไร้สาระพวกนั้น จากเสียงของใครบางคนที่เดินมาจากด้านหลัง เพราะหลี่อี้ไม่คิดว่าจะมีใครมาได้ยินความคิดของตน ที่กำลังล่วงเกินเทพเซียนพวกนั้นอย่างสนุกสนาน

“เปล่านะครับ ผมไม่ได้คิดแบบนั้น ผมแค่ไม่ชินกับสิ่งที่ผมได้เจอตอนนี้ก็เท่านั้นเองครับ”

“งั้นวันนี้เธอคงต้องรีบทำตัวให้ชินเสียแล้ว เพราะหลังจากนี้ เธอคงจะต้องได้เจอกับอะไรที่แปลกประหลาดในสายตาของเธอมากกว่านี้อีกเยอะเลยทีเดียว”

“คุณนายเมิ่งหมายความว่ายังไงงั้นเหรอครับ?”

คุณนายเมิ่งหันมองหลี่อี้แล้วยิ้มด้วยสายตาที่หลี่อี้ไม่อาจจะคาดเดาความหมายได้ ก่อนที่หญิงในชุดกี่เพ้าสีดำปักลายโบตั๋นสีทองจะหันกลับออกไปมองเหล่าเทพเซียนและปีศาจที่นั่งสังสรรค์กันราวกับพวกเดียวกันพวกนั้น

“ก็ในเมื่อตอนนี้เธอจำเป็นต้องมาทำงานในช่วงเวลานี้แล้ว เธอก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีเพราะไม่ใช่ทุกตนในนั้น ที่จะใจดีกับเธอ ฉันน่ะ ต่อให้เป็นเจ้าของโรงน้ำชาแห่งนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะได้มาที่นี่อยู่บ่อย ๆ เธอก็รู้ว่าฉันเป็นใคร และหน้าที่ที่แท้จริงของฉันคืออะไร”

“แบบนี้ก็หมายความว่า คุณนายเมิ่งจะไม่อยู่ร้านเพื่อช่วยเหลือเราอย่างนั้นเหรอครับ?”

คุณนายเมิ่งเดินไปนั่งที่โซฟาบุกำมะหยี่ กางพัดสีดำในมือแล้วสะบัดแหวกอากาศเสียงดังฉับ จ้องมองลูกค้ามากมายที่กำลังกินดื่มกันอย่างสนุกสนาน ก่อนที่จะหันมามองหน้าของหลี่อี้ที่ยังคงฉงนอยู่

“เธอพูดอะไรกัน ช่างไร้สาระเสียจริง ฉันเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ ต่อให้ฉันไม่มาที่นี่บ่อยนัก แต่ฉันก็ต้องมาอยู่ดีไม่ใช่หรือ อีกอย่าง…ที่นี่มีทั้งทู่เอ๋อ…หลิงเซียง…หวังปว๋อและเป่าเหลียน อยู่เป็นเพื่อนเธอด้วยนี่นา อ้อยังมีหวังซูนั่น เพื่อนของเธออีกคน…”

“แต่จะว่าไป การที่อยู่ดี ๆ ต้องมารู้ว่าโลกใบนี้ มีอะไรแบบนี้ขึ้นมา มันก็แปลกอยู่นะครับ”

“...การที่คนธรรมดาอย่างเธอมีดวงตาพิเศษ ที่สามารถมองเห็นอะไรที่เหนือธรรมชาติได้ มันคือเรื่องปกติงั้นหรือ เทพเซียนพวกนั้นที่เธอรู้จัก หากอยากให้เธอเห็นก็ย่อมเห็นได้ตลอดเวลา แต่กับพวกวิญญาณผีหรือแม้แต่ดวงวิญญาณชั่วร้าย ต่อให้เก่งกล้าสักแค่ไหน มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะปรากฏตัว โลกใบนี้ถึงต้องมีคนเช่นเธอยังไงล่ะ”

“ผมคงต้องทำตัวให้ชินสินะครับ ไม่อย่างนั้น…ผมคงได้ช็อกตายเข้าสักวัน ดูอย่างข้างหน้าของผมนี่สิ ใครจะคิด ว่าชีวิตนี้ผมจะได้พบเจอกับอะไรแบบนี้กัน”

หลี่อี้พูดพลางกวาดสายตาไปยังด้านหน้า เหล่าเทพเซียนและปิศาจภูตมากมายนั่งพักสังสรรค์ในโรงน้ำชาแห่งนี้ จะว่าตื่นตาก็ใช่แต่จะว่าขนลุกไปก็ไม่เชิง หลายคนในนั้นหลี่อี้ก็พอรู้จัก แต่ก็ไม่เคยคิด ว่าจะได้เห็นร่างจริงของคนพวกนั้นแบบตัวเป็น ๆ ขนาดนี้

ไอ้การที่มีมนุษย์ในชุดเสื้อผ้าหรูหราสไตล์โอลมันนี่ แต่มีหัวเป็นมังกรคิดว่ามันไม่แปลกหรือไง แน่นอนว่ามันย่อมแปลกอยู่แล้ว หญิงสาวสวยที่ชายหนุ่มต่างไล่จีบกันทั้งเมือง ในเวลานี้เธอก็ยังคงมีรูปร่างหน้าตาเช่นเดิม เพียงแต่มีหางเป็นจิ้งจอกออกมาจากด้านหลัง แม้จะมีแค่ไม่กี่หาง แต่มันก็ยังดูแปลกอยู่ดีนี่นา

“ในที่สุดเธอก็มาทำงานที่นี่ในเวลานี้จริง ๆ แล้วสินะ”

“ครับ แต่ช่วงนี้คุณนายเมิ่งบอกให้ผมช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ไปก่อนน่ะครับ แต่เอ๊ะ…ว่าแต่คุณคือใครงั้นเหรอครับ?”

หลี่อี้จ้องมองหนุ่มน้อยอายุราวสิบแปดสิบเก้า ในชุดสีดำรูปร่างหน้าตางดงามดูเย้ายวน คล้ายไอดอล T-pop คนหนึ่งที่หลี่อี้ชอบ แต่เมื่ออยู่ในโรงน้ำชาแห่งนี้ หลี่อี้ไม่สามารถตัดสินคนได้จากสิ่งที่เห็นเพียงแค่ฉาบฉวย

เมื่อเป็นเช่นนั้น หลี่อี้จึงพยายามจ้องมองคนตรงหน้าที่กำลังยืนโพสต์ท่าอย่างกับว่ากำลังรอการกดชัตเตอร์จากช่างภาพอย่างไรอย่างนั้น

“นี่เธอยังคิดไม่ออกอีกงั้นเหรอ ฉันยืนลุ้นจนเมื่อยละนะ”

หลี่อี้พยายามนึก แล้วจ้องมองไปยังหนุ่มน้อยชุดดำที่พยายามยืนบิดสะโพกมือเท้าเอวพ้อยต์ขาในมือถือถาดที่ใส่แก้วชาและอาหารว่างรอเสิร์ฟ เพื่อยืนรอคำตอบของหลี่อี้

เมื่อดูจากท่วงท่ากิริยาแววตา และการกะพริบตาถี่ราวกับจะส่งความหมายบางอย่างนั้นแล้ว หลี่อี้ก็นึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาได้ อันที่จริงก็ไม่ใช่คนหรอก หากแต่มันคือแมวตัวที่หลี่อี้เพิ่งจะโดนมันด่ามาเมื่อวันก่อนนั่นแหละ

“นี่อย่าบอกนะ ว่าเธอคือเสี่ยวมู่จื่อ…นี่เธอคือแมวตัวนั้นงั้นเหรอ?”

.

.

“ฮ่า ๆ ๆ เธอก็ไม่ได้โง่นี่นา ในที่สุดเธอก็มองฉันออกสักทีสิน่า”

“ในเมื่อเธอกลายเป็นคนได้ แล้วก่อนหน้านี้ทำไมถึงไม่…”

“ฉันน่ะ ไม่ได้อยากให้ใครรู้จักฉันมากนักหรอก เป็นแมวแบบนี้สบายดีจะตาย ไปที่ไหนก็ได้ อีกอย่างนะ อายุฉันแค่สามร้อยปี การกลายร่างเป็นมนุษย์น่ะ สิ้นเปลืองพลังงานของฉันมากเลยนะรู้มั้ย”

“นี่ก็หมายความว่า ในช่วงกลางวันเธอจะกลายเป็นแมว แต่พอตกกลางคืน ก็จะเปลี่ยนร่างเป็นคนอย่างนั้นเหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ ฉันคือแมวรัตติกาล ฉันสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ในยามค่ำคืน ส่วนในเวลากลางวัน พลังของฉันจะอ่อนกำลังลงมาจนทำให้การใช้พลังเวทของฉันมันยากเย็น ฉันเลยอยากจะประหยัดมันเอาไว้ใช้ในยามคับขันน่ะ ฉันมันก็แค่แมวน่าสมเพช ที่กลายมาเป็นปีศาจแมวก็เท่านั้น…”

เสี่ยวมู่จื่อแสดงสีหน้าน้อยใจขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อพูดถึงอดีตของตัวเอง ราวกับว่าเคยได้พบเจอเรื่องราวเลวร้ายมาก่อนที่จะกลายเป็นสิ่งนี้อย่างไรอย่างนั้น

“ยืนมองอะไรอยู่ล่ะ ออกไปทำงานได้แล้ว…ถึงจะแค่พาร์ทไทม์ก็เถอะ…อ้อ คราวหน้าเรียกฉันว่าเสี่ยวมู่ก็พอ”

เสี่ยวมู่จื่อแอบชำเลืองหันมามองหลี่อี้ แล้วก็เดินจากไปราวกับไร้เยื่อใย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ก็นึกเป็นห่วงหลี่อี้อยู่ไม่น้อย ไม่ง่ายเลยที่แมวดำอย่างเสี่ยวมู่จื่อจะถูกชะตากับใครสักคนแบบนี้

การที่มนุษย์ธรรมดาอย่างหลี่อี้มาเดินฉับ ๆ อยู่ท่ามกลางเทพเซียนและปีศาจมากมายเช่นนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่จะปรับตัวกันได้ง่าย ๆ เพราะถ้าหากไม่ระวัง ก็อาจโดนปีศาจงู ปีศาจตะขาบ หรือแม้แต่ปีศาจจิ้งจอก จับไปกินเป็นอาหารก่อนเข้าจำศีลก็เป็นได้

.

.