การรู้ตัวตนที่แท้จริง ทำให้หลี่อี้มองทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงหวังซูเพื่อนรัก
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,จีน,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2การรู้ตัวตนที่แท้จริง ทำให้หลี่อี้มองทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงหวังซูเพื่อนรัก
อธิบาย/เรื่องย่อ
นามปากกา : Kevinth M. PoTae
วาดปก : WALAN
.
หลังจากที่หลี่อี้ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาได้อย่างฉิวเฉียด หลี่อี้ก็ถูกคุณนายเมิ่งสั่งให้มาอยู่ที่โรงน้ำชาแห่งนี้ แม้จะไม่ยินยอม แต่คงต้องยอมรับปากอย่างเสียไม่ได้
ยังเรื่องของวิญญาณตนนั้นที่มาขอความช่วยเหลือ ที่หลี่อี้ดันไปรับปากจนเกิดสัญญาโลกวิญญาณไปเสียแล้ว จึงไม่อาจที่จะปฏิเสธเรื่องนี้ได้ ที่สำคัญ การตายของนักศึกษาและชาวบ้านอย่างปริศนาชนิดรายวัน มันทำให้หลี่อี้อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้ามาเกี่ยวด้วยกับเรื่องนี้ จนกลายเป็นว่าหลี่อี้ต้องตกอยู่ในอันตรายนี้เสียเอง
นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน ดังนั้นตัวละคร/สถานที่/เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่อง จึงถูกสมมุติขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ทุกคำพูด ทุกตัวละครไม่มีอยู่จริง…โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน…
ฝากเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยการกดไลก์ คอมเมนต์ และกดเข้าชั้นหนังสือด้วยนะครับ
ฝากช่องทางการติดต่อไว้ด้วยนะครับ^^
Threads : mungkorn_kevinth
Twitter : Kevinth_M
Tiktok : kevinth_m.author
Facebook : kevinthm.author
ตอนที่ 12
ความจริงถูกเปิดเผย
ตู้มมมมมม
ร่างของหวังซูถูกเหวี่ยงจนครูดพื้นไปเป็นแนวยาว แล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูดาดฟ้าที่หลี่อี้ยืนอยู่อย่างพอดิบพอดี หวังซูพยายามยันร่างกายขึ้นมา แล้วหันมองก็ยังเท้าทั้งสองที่รู้สึกคุ้นตา และเมื่อเงยหน้าขึ้น…
“หลี่อี้!!!”
หลี่อี้ยืนตัวแข็งทื่อกับสิ่งที่ได้เห็น เพราะไม่เคยคิดว่าเพื่อนที่ตัวเองรู้จักมาหลายปี แท้จริงแล้วจะเป็นสิ่งอื่นที่ต่างไปจากตน
“หลี่อี้ นายฟังฉันก่อน ฉันอธิบายได้”
“นี่นาย เป็นตัวอะไรกันแน่ ทำไมนายถึงมีปีกค้างคาวนั่น แล้วอาจารย์เสิ่นล่ะ จริง ๆ แล้วพวกนายทั้งสองไม่ใช่มนุษย์ใช่มั้ย?”
หลี่อี้พยายามตั้งสติแล้วถามคนตรงหน้าที่ตอนนี้เปลี่ยนกลับมาเป็นร่างของเด็กนักเรียนหนุ่มธรรมดา ไม่ต่างจากอาจารย์เสิ่น ที่เปลี่ยนใบหน้าจากกระต่ายสีขาวกลับมาเป็นหนุ่มรูปงาม ที่มีอายุไม่น่าเกินยี่สิบห้า หากแต่ไม่ใช่ใบหน้าเดิมของอาจารย์เสิ่นที่หลี่อี้รู้จัก
ชายหนุ่มรูปงามราวกับภาพวาดในชุดจีนฮั่นฟูสีขาวนวลผมยาวลงไปถึงกลางหลังเดินถือพัดเดินเข้ามาหาหลี่อี้และหวังซูที่กำลังยืนจ้องหน้ากันอยู่ราวกับโดนตรึงเอาไว้ แล้วค่อยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กลายเป็นยุคปัจจุบันพร้อมทั้งทรงผมที่ดูทันสมัยขึ้นกว่าเมื่อครู่
“ฉันบอกแล้วไง ว่าอย่ามาเสียเวลาทะเลาะกันแบบนี้ เป็นไงล่ะความลับเรื่องที่นายเป็นปีศาจถูกจับได้ซะแล้ว ฉันถือว่าฉันได้เตือนนายไปแล้วนะ แต่ช่วยไม่ได้ ก็นายดื้อรั้นเองนี่นา…”
“เงียบไปเลยเจ้ากระต่ายโสโครก ข้าไม่อยากพูดกับเจ้า!!!”
“แรงไปหรือเปล่าเนี่ย นี่เจ้าเรียกข้าว่ากระต่ายโสโครกเลยหรือ ข้าเสียใจนะ เจ้าไม่เห็นหรือไง ว่าข้าน่ะคือสัตว์เทพกระต่ายผู้หล่อเหลาอยู่บนดวงจันทร์เชียวนะ มาเรียกข้าเช่นนี้ได้ยังไงกัน…”
“กลับไปเดี๋ยวนี้ ข้าไม่มีเวลาที่จะคุยกับเจ้า…”
หวังซูมีท่าทางหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เมื่อสิ่งที่ตัวเองกลัวและปกปิดมานานถูกเปิดเผย ในหัวพยายามคิดหาคำมาอธิบายให้กับหลี่อี้ที่ยังคงยืนรอฟังคำตอบอยู่ตรงหน้า
“ก็ได้ ๆ ข้ากลับก็ได้…หลี่อี้ เจ้าอย่าโกรธหวังซูเลยนะ เขาไม่ได้คิดจะทำร้ายเจ้าหรอกเขาเป็นคนดีนะ…”
“หยุดพูดได้แล้ว กลับไปเดี๋ยวนี้!!!”
“อะไรกัน นี่ข้าอุตส่าห์ช่วยเจ้าพูดแท้ ๆ เลยนะ แต่เอาเถอะ เช่นนั้นข้าไปก่อนล่ะนะ ค่อย ๆ คุยกันล่ะ”
เยว่หมิงชางกางพัดในมือออก แล้วก็เกิดแสงสีขาวนวลเจือประกายวิบวับขึ้นราวกับหมอกควันที่ตัวของกระต่ายขาว แล้วไม่นาน บริเวณนั้นก็กลับคืนสู่สภาพเดิมพร้อมกับเยว่หมิงชางที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย
.
.
“ฉันขอโทษ ที่ฉันปกปิดความจริงเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมบอกนายทั้งที่ฉันควรจะบอกนายตั้งแต่แรก…” เมื่อทุกอย่างเงียบลง และหวังซูแน่ใจว่าจะไม่มีใครมาขัดอารมณ์อีก หวังซูจึงเริ่มพูดขึ้น
“ตอนนั้นที่เรารู้จักกันนายยังเด็กมาก ฉันกลัวว่านายจะกลัวในสิ่งที่ฉันเป็น ฉันก็เลยปลอมเป็นเด็กอายุเท่านายและเลือกที่จะเติบโตมาพร้อมนายน่ะ จนถึงตอนนี้ฉันก็ไม่เห็นถึงความจำเป็นที่ฉันจะต้องบอกนายเรื่องนี้ จนกระทั่ง…”
“กระทั่งอะไร?”
“จนกระทั่งนายรู้ว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่มนุษย์นั่นแหละ ฉันก็เริ่มคิด ว่าฉันจะบอกนายเรื่องนี้ดีมั้ย แต่ตอนแรกฉันก็กะว่าจะบอกนายอยู่แล้วจริง ๆ นะ แต่ฉันแค่ไม่คิดว่าจะด้วยวิธีนี้ก็เท่านั้น…”
หลี่อี้นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วไม่นานใบหน้าที่เคร่งขรึมก็แย้มยิ้มออกมาจนความรู้สึกที่มืดมนกลับสว่างไสวขึ้นทันตา พาให้หวังซูโล่งอกขึ้นมาทันที
“เอาน่า ถึงยังไงนายก็ยังเป็นเพื่อนของฉันอยู่ดีนั่นแหละ นายคิดว่าฉันจะกลัวนายงั้นเหรอ บ้าน่า มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงกันล่ะ ก็จริงอย่างที่นายพูด ตั้งแต่ที่ฉันรู้ถึงการมีอยู่ของเทพเซียนแล้วก็ปีศาจพวกนั้น ฉันก็ไม่กลัวอะไรแบบนั้นแล้วแหละ ยิ่งตอนนี้ฉันมีคุณน้าเป็นถึงคุณนายเมิ่งเลยนะ”
“จริงเหรอ นี่นาย…ไม่ได้โกรธฉันจริง ๆ ใช่มั้ย?”
“จริงสิ เรื่องแค่นี้เอง ถ้าฉันยังโกรธนายก็คงจะไร้สาระเต็มที”
“ฉันขอบใจนะ ที่นายไม่ว่าอะไรฉันนะ เห้อออ อึดอัดจะแย่…ฉันคิดว่านายจะไม่เข้าใจฉันซะแล้ว ได้ยินแบบนี้ฉันก็ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย” หวังซูผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความรู้สึกสบายใจและโล่งอก
“เข้าใจสิ ตอนนี้ฉันก็ยังอยู่ตรงนี้ไม่ใช่หรือไง ถ้าฉันโกรธนาย ป่านนี้ฉันคงจะเดินหนีจากนายไปแล้ว นายเป็นเพื่อนฉันนะ ต่อให้นายเป็นปีศาจค้างคาวก็เถอะ แล้วยังไงล่ะ นายไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ฉันเคยเห็นในทีวีซะหน่อย ถึงยังไง เราก็ยังเป็นเพื่อนกันนะ”
“นายคิดงั้นจริงเหรอ?”
“จริงสิ ฉันจะโกหกนายไปทำไมล่ะ ว่าแต่…อาจารย์เสิ่นนั่นน่ะ ตกลงว่าเขาเป็นใครกันแน่”
หลังจากที่ทั้งสองปรับความเข้าใจกันได้ หวังซูก็เล่าทุกอย่างให้หลี่อี้ฟังไปตลอดทาง จนตอนนี้เสิ่นกวงเยว่หรืออันที่จริงก็คือเยว่หมิงชางนั้น ต้องกลายเป็นหัวขอสนทนาแสนสนุกไปเสียอย่างนั้น
“นี่นายพูดจริงเหรอเนี่ย ฮ่า ๆ ๆ ตลกชะมัด ใครจะคิดนะ ว่าคนที่ดูจริงจังเคร่งขรึมอย่างอาจารย์เสิ่นนั้นน่ะ จะเป็นนักรักที่น่าสงสารไปได้ เอ่อไม่สิ ต่อไปฉันคงต้องเรียกเขาว่าเยว่หมิงชางแล้วสินะ พ่อกระต่ายบนดวงจันทร์ นักรักที่ยอมฝืนกฎสวรรค์ละเลยหน้าที่เพื่อลงมาตามหารักแท้ ฮ่า ๆ ๆ แล้วที่สำคัญ หลายพันปีก่อนเยว่หมิงชางคนนี้ ยังเคยเป็นเพื่อนรักของนายด้วย”
“นี่นายน่ะ เบาลงหน่อยเถอะ ไอ้เจ้านั่นอาจจะกำลังแอบฟังเราสองคนพูดกันอยู่ก็ได้นะ”
“ฮ่า ๆ ๆ ก็มันตลกนี่นา…ว่าแต่ ทำไมนายสองคนถึงได้แตกหักกันล่ะ?”
“เรื่องนั้นช่างเถอะ ดึกมากแล้ว รีบกลับกันเถอะ เดี๋ยวทู่เอ๋อจะหาว่าฉันพานายเถลไถลพานจะเล่นงานฉันเสียเปล่า”
“เอาน่า วันนี้เป็นวันหยุดของฉัน ฉันไม่ต้องทำงานหรอก แถมพรุ่งนี้ยังเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วย ฉันกลับดึกได้สบายมาก…”
.
.
วันต่อมา
“นี่นายออกไปไหนมา ไหนบอกว่าจะกลับไปเอาของที่บ้านไง ไม่เห็นมีของสักชิ้น แล้วนี่…ทำไมถึงกลับมาช้านักล่ะ?”
“แหม ทู่เกอครับ วันนี้เป็นวันเสาร์นะครับ ผมก็อยากจะออกไปหาอะไรอร่อย ๆ กินบ้าง ไปนั่งเล่นบ้าง อะไรแบบนี้ไงครับ เดี๋ยวหลังหกโมงเย็นผมก็ต้องทำงานอีก ให้ผมได้ผ่อนคลายบ้างสิครับ”
“ช่วงนี้ฉันคงใจดีกับนายมากเลยสินะ นายถึงได้กล้าพูดเล่นกับฉันแบบนี้น่ะ ที่ฉันถามก็เพราะว่าฉันเป็นห่วง กลัวว่าพอคลาดสายตาจากหวังปว๋อ นายอาจจะโดนภูตผีพวกนั้นตามรังควานเอาก็ได้”
“ผมรู้ครับ งั้นผมสัญญาครับ ว่าผมจะระวังตัวให้ดี อีกอย่างผมมีหวังซูอยู่ข้าง ๆ ทั้งคน ผมปลอดภัยแน่นอนครับ”
“หึ เดี๋ยวนี้คงไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ หาอะไรมาปิดหน้าอย่างเมื่อก่อนแล้วสินะ…”
.
.
“ก็คงงั้นครับแต่อันที่จริงผมก็ยังไม่ได้อยากจะเปิดตัวอะไรหรอกนะครับ แต่มันมีเหตุนิดหน่อยที่ทำให้ผมต้องยอมรับความจริงกับหลี่อี้ไปน่ะครับ”
หวังซูตอบพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย จ้องมองไปยังคนที่กำลังง่วนอยู่กับงานมากมายหลังเคาน์เตอร์ชงชานั้น ทั้งที่วันทั้งวันก็แทบไม่มีลูกค้าอย่างเคย
“เหตุนั้น…งั้นเหรอ เหตุที่ว่าคือเรื่องอะไรกัน?”
“มันมีคนเข้ามาวุ่นวายนิดหน่อยน่ะ แต่เอ้…อันที่จริงก็ไม่ใช่คนหรอกครับ…”
“นายหมายความว่ายังไง มีปีศาจไปก่อกวนที่มหาวิทยาลัยงั้นเหรอ?”
“ก็ไม่เชิงปีศาจหรอกครับ เป็นพวกเทพกึ่งปีศาจน่ะครับ”
“เทพกึ่งปีศาจ?”
“ใช่ครับ เป็นเพราะเจ้ากระต่ายจอมจุ้นจ้านนี่เชียว ที่เป็นคนทำให้ความลับที่ผมปกปิดหลี่อี้เอาไว้นานแสนนานต้องถูกเปิดเผย ไม่อย่างนั้นตอนนี้หลี่อี้ก็คงยังไม่รู้หรอกครับว่าแท้จริงแล้วผมคือใครน่ะ”
“เมื่อกี้นายพูดว่ากระต่ายจอมจุ้นจ้านงั้นเหรอ เอ๊ะนี่…นายกำลังแดกดันฉันอยู่หรือยังไง?”
“ผมไม่ได้หมายถึงคุณนะครับทู่เอ๋อเสิน แต่ผมหมายถึงคนนี้ต่างหากล่ะ”
หวังซูผายมือไปด้านหลังเพื่อแนะนำคนที่ตัวเองพามาด้วย ทู่เอ๋อเงยหน้าขึ้น แล้วชะเง้อออกไปเล็กน้อยเพื่อดูว่าคนผู้นั้นคือใคร
“นี่เจ้า…”
“ทู่เอ๋อ…เราทั้งสองไม่เจอกันนานเลยนะ”
เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง กลับออกไปเสีย ไม่อย่างนั้นข้าจะให้คุณนายเมิ่งไล่เจ้าออกไปซะ”
ทู่เอ๋อมีอาการเกรี้ยวกราดจนเกินความจำเป็นไปเสียหน่อย ทำให้หลี่อี้ที่จ้องมองอยู่ ก็ให้นึกสงสัยในท่าทางแบบนั้นขึ้นมา
“ทำไมทู่เกอถึงได้ดูเหมือนไม่ค่อยชอบหมิงชางเลยล่ะครับ?”
หลี่อี้ตั้งคำถามขึ้นท่ามกลางพายุที่กำลังตั้งเค้า โดยหวังว่าจะมีสักคนหนึ่งให้ความกระจ่างกับเรื่องนี้ได้ แล้วเยว่หมิงชางที่ยืนยิ้มชอบใจอยู่ก็หันมา….
“พอดีว่า ฉันเป็นต้นเหตุทำให้เขาเสียบรรยากาศอันแสนหวานในคืนจันทร์เต็มดวงน่ะ เขาก็เลยโกรธฉันนานสักหน่อย นับร้อยปีเชียวล่ะ”
.
.