การรู้ตัวตนที่แท้จริง ทำให้หลี่อี้มองทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงหวังซูเพื่อนรัก

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2 - ตอนที่ 8 คุณน้าเมิ่งกับพ่อที่แท้จริง โดย Kevinth M. PoTae @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,จีน,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,จีน,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2 โดย Kevinth M. PoTae @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

การรู้ตัวตนที่แท้จริง ทำให้หลี่อี้มองทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงหวังซูเพื่อนรัก

ผู้แต่ง

Kevinth M. PoTae

เรื่องย่อ

อธิบาย/เรื่องย่อ

นามปากกา : Kevinth M. PoTae

วาดปก : WALAN

.

หลังจากที่หลี่อี้ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาได้อย่างฉิวเฉียด หลี่อี้ก็ถูกคุณนายเมิ่งสั่งให้มาอยู่ที่โรงน้ำชาแห่งนี้ แม้จะไม่ยินยอม แต่คงต้องยอมรับปากอย่างเสียไม่ได้

ยังเรื่องของวิญญาณตนนั้นที่มาขอความช่วยเหลือ ที่หลี่อี้ดันไปรับปากจนเกิดสัญญาโลกวิญญาณไปเสียแล้ว จึงไม่อาจที่จะปฏิเสธเรื่องนี้ได้ ที่สำคัญ การตายของนักศึกษาและชาวบ้านอย่างปริศนาชนิดรายวัน มันทำให้หลี่อี้อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้ามาเกี่ยวด้วยกับเรื่องนี้ จนกลายเป็นว่าหลี่อี้ต้องตกอยู่ในอันตรายนี้เสียเอง

นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน ดังนั้นตัวละคร/สถานที่/เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่อง จึงถูกสมมุติขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ทุกคำพูด ทุกตัวละครไม่มีอยู่จริง…โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน…

ฝากเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยการกดไลก์ คอมเมนต์ และกดเข้าชั้นหนังสือด้วยนะครับ

 

ฝากช่องทางการติดต่อไว้ด้วยนะครับ^^

Threads : mungkorn_kevinth

Twitter : Kevinth_M

Tiktok : kevinth_m.author

Facebook : kevinthm.author

 

 

สารบัญ

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 1 ความตื่นตาหลังเที่ยงคืน,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 2 สนามประลองจำเป็น,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 3 การดูแลนายคือหน้าที่ของฉัน,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 4 เยว่หมิงชาง,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 5 ผู้ตายปริศนาข้างแม่น้ำอู๋เจียง,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 6 คลี่คลายวิญญาณกั๋วอันเฉิง,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 7 เรื่องที่เธออยากรู้,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 8 คุณน้าเมิ่งกับพ่อที่แท้จริง,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 9 ยัยปีศาจแมงมุมน่าเกลียด,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 10 บนนั้นน่ะ…มีคนที่ข้ารักอยู่ด้วยนะ,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 11 ข้าก็แค่อยากเจอคนที่ข้ารัก,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 12 ความจริงถูกเปิดเผย,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 13 เสี่ยวมู่ทดแทนคุณ,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 14 ก็แค่อยากขอโทษ,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 2-ตอนที่ 15 ปรับความเข้าใจ (จบเล่ม 2)

เนื้อหา

ตอนที่ 8 คุณน้าเมิ่งกับพ่อที่แท้จริง

ตอนที่ 8

คุณน้าเมิ่งกับพ่อที่แท้จริง

 

สิ่งที่หลี่อี้ได้ยินถึงกับทำเอาหลี่อี้นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่เมื่อได้รู้ความจริงถึงปูมหลังของตัวเอง ‘ที่แท้…การที่เรานั้นต้องเกิดมาแบบไม่มีครอบครัวก็คงจะเป็นเพราะแบบนี้เองสินะ’

หลังจากที่หลี่อี้รู้ความจริงว่าตนนั้นคือมนุษย์กึ่งเทพ ที่ผู้เป็นพ่อของหลี่อี้ได้ฝากฝังเอาไว้กับคุณนายเมิ่ง ก็ถึงกับทรุดตัวลงนั่งอย่างไรเรี่ยวแรง ความจริงที่ตามหามานานทั้งหมดได้รับรู้แล้วในวันนี้

หลี่อี้ไม่ได้มีพลังวิเศษอะไรเพราะไม่ได้เป็นเทพแบบเต็มตัว แต่เป็นเพียงหลักฐานของความรักระหว่างเทพกับมนุษย์สาวคนหนึ่งก็เท่านั้น

หลี่อี้มีเพียงพลังวิเศษที่พ่อของตนทิ้งเอาไว้ให้ จึงทำให้มีตาทิพย์ สามารถมองเห็นสิ่งลี้ลับอะไรพวกนั้น ส่วนแม่ ก็ถูกทหารสวรรค์สังหารทิ้งไปเสีย เพื่อไม่ให้สามารถสืบพวกเลือดครึ่งซีกได้อีก

แต่ในเมื่อผู้ที่กำลังจะถือกำเนิดยังคงมีชะตาให้อยู่ต่อ นั่นจึงทำให้หลี่อี้รอดมาได้อย่างหวุดหวิด โดยที่พวกทหารสวรรค์เองก็ไม่รู้ว่าเด็กทารกนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์แห่งนี้

“แล้ว…พ่อของผมตอนนี้อยู่ที่ไหนหรือครับ?”

“เรื่องนั้นน่ะเธอยังไม่ต้องรู้หรอก เดี๋ยวเมื่อถึงเวลา เธอก็จะรู้เองนั่นแหละ”

“แต่ผม…ก็สมควรที่จะรู้ไม่ใช่เหรอครับ ว่าตอนนี้พ่อผู้ให้กำเนิดของผมยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ในเมื่อคุณนายเมิ่งบอกมาถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงไม่บอกผมอีกหน่อยล่ะครับ?”

“ถ้าฉันบอกเธอได้ ฉันก็คงบอกไปแล้ว อีกอย่าง…เรื่องนี้มันเป็นความประสงค์ของพ่อแม่ของเธอ ฉันก็อยากให้มันเป็นเช่นนั้น เพราะการที่เธอไม่รู้อะไรเลย มันก็ทำให้เธอรอดตายมาจนถึงทุกวันนี้ยังไงล่ะ”

“คุณนายเมิ่งพูดแบบนี้ ก็เท่ากับว่าตอนนี้พ่อของผมยังมีชีวิตอยู่สินะครับ?”

สีหน้าของหลี่อี้ดูมีความสุขขึ้นมาอีกเล็กน้อย เมื่อรับรู้ถึงความเป็นจริงอีกเรื่องหนึ่ง ว่าพ่อของตัวเองนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ น่าแปลก ที่หลี่อี้ไม่ได้สนใจเลยว่า แม่ของตัวเองจะยังอยู่หรือไม่

เพราะตั้งแต่เล็กจนโต หลี่อี้ก็รู้สึกมาเสมอ ว่าแม่ของตนนั้นยังคงอยู่กับตัวเองมาตลอด เอาไปพูดให้ใครฟัง ทุกคนต่างก็ปลอบโยนเป็นเสียงเดียวกันว่าอาจจะเป็นแม่ที่มาคอยเฝ้าดูแลลูกชายสุดที่รักของตนในโลกอีกฟากหนึ่งก็เป็นได้

ตอนนั้นหลี่อี้ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าคงจะเป็นคำปลอบใจของผู้ใหญ่ที่อยู่บ้านใกล้ชิดกัน ที่ช่วยกันดูแลตนมาจนเติบใหญ่ รวมถึงญาติพี่น้องบางส่วน ที่อาจจะแวะเวียนมาหากันบ้าง แต่ก็ไม่มีใครที่จะพาหลี่อี้ไปอยู่ด้วยเลยสักคน

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น หลี่อี้ก็ไม่ได้นึกน้อยใจเลยสักนิด เพราะอย่างน้อยตนก็ยังมีที่อยู่ที่อาศัยให้ได้หลับนอนการได้อยู่บ้านหลังนี้ มันทำให้หลี่อี้รู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่า ตนไม่เคยห่างจากแม่ และพ่อของตนเลยแม้สักวินาทีเดียว

“เธอกลับออกไปก่อนเถอะ วันนี้ฉันคงไม่มีอะไรจะพูดกับเธออีกแล้ว คิดจะเรียกเธอมาตำหนิแท้ ๆ แต่กลายเป็นว่าต้องมารับบทดราม่าเล่าความหลังไปเสียได้ ฉันละเบื่อจริง ๆ”

“ขอบคุณนะครับ…คุณป้าเมิ่ง”

“เมื่อครู่เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ?” คุณนายเมิ่งหันขวับเมื่อได้ยินคำเรียกนั้น

“ผมก็เรียกคุณ ว่าคุณป้าเมิ่งยังไงล่ะครับ”

“ใครอนุญาตให้เธอเรียกฉันแบบนั้นกัน ฉันไปเป็นป้าของเธอตั้งแต่ตอนไหน อยากโดนฉันสลายวิญญาณเธอนักหรือยังไง…”

ถึงแม้ว่าคำพูดจะดูเกรี้ยวกราด แต่คุณนายเมิ่งก็แอบอมยิ้มอยู่ข้างใน เพราะถ้าหากว่าพ่อแม่ของหลี่อี้เป็นเพื่อนของคุณนายเมิ่งแล้ว ก็เท่ากับว่าหลี่อี้ต้องเรียกคุณนายเมิ่งว่าคุณป้าหรือคุณน้าไม่ใช่หรือ

“ผมเชื่อว่าคุณป้าคงไม่คิดจะทำร้ายผมหรอกครับ ไม่อย่างนั้นคุณป้าก็คงไม่ทุ่มเทให้กับผมมากถึงขนาดนี้ แล้วอีกอย่าง ถ้าพ่อแม่ของผมกับคุณป้าเป็นเพื่อนกันจริง ๆ ถ้างั้น…จะให้ผมเรียกว่ายังไงดีล่ะครับ คุณน้า…หรือคุณป้า แบบไหนที่คุณป้าจะชอบกันล่ะครับ?”

เด็กหนุ่มทำหน้าระรื่น เมื่อเริ่มจะจับจุดอ่อนของสาววัยกลางคนที่ยืนชักสีหน้าเจือรอยยิ้มนั้นได้เข้าอย่างจัง

“คุณน้าก็ได้ย่ะ ฉันน่ะ…อายุสองพันกว่าปี ถึงจะห่างจากพ่อของเธอไม่นานนัก แต่ฉันก็จะถือว่าฉันเด็กกว่า อย่าริมาเรียกฉันว่าป้าเชียว”

“แบบนี้ ก็หมายความว่าทั้งคุณน้าเมิ่ง และก็พ่อของผมก็อายุน้อยกว่าพี่หลิงเซียงทั้งคู่เลยสินะครับ แล้วทำไมคุณน้าถึงได้…”

“ถึงได้สามารถควบคุมพวกนี้ได้อย่างนั้นเหรอ”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ท่าทางดุดันและสีหน้าอันน่าเกรงขามของคุณนายเมิ่งก็ดูเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้กลับดูภาคภูมิใจในความเก่งและความสามารถของตนจนเผลอกอดอก ใช้ปลายนิ้วช้อนคางสวยของตัวเองขึ้นแล้วเชิดหน้ามองไปยังนอกหน้าต่าง ก่อนที่จะเริ่มเจียระไนถึงสิ่งที่ตนเป็นให้หลานชายคนนี้ได้ฟัง

“หลิงเซียงน่ะ เป็นผีเสื้อห้าพันปีก็จริง แต่ของแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าใครจะเป็นก็เป็นได้ เธออยู่ในโลกมนุษย์มานาน เธอคงจะรู้จักการสร้างบุญบารมีสินะ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ฉันเหนือกว่าเทพเซียนปีศาจพวกนี้ยังไงล่ะ หลิงเซียงเป็นปีศาจผีเสื้อ เดิมทีก็เป็นเพียงเดรัจฉาน บำเพ็ญจนได้ตบะปีศาจพันปีมาครอบครอง แล้วดำรงมาจนถึงตอนนี้ ส่วนทู่เอ๋อ ก่อนที่จะมาเป็นเทพกระต่ายในเวลานี้ก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาแต่เพราะจิตใจที่บริสุทธิ์กับบุญบารมีที่ยังหลงเหลืออยู่ทั้งการได้รับความสักการะจากชาวบ้านเมื่อ 200 ปีก่อนมันจึงทำให้อำนาจศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้นในดวงจิตของทู่เอ๋อ จนได้กลายมาเป็นเทพกระต่ายในเวลานี้ เพราะงั้นฉันถึงได้ตำแหน่งเป็นเสินจวินยังไงล่ะ”

“แหมคุณน้าเมิ่งของผมนี่เก่งจังเลยนะครับ ผมไม่คิดเลย ว่าเรื่องราวทั้งหมดมันจะซับซ้อนถึงขนาดนี้”

“หยุดชื่นชมฉันเสียที ถึงยังไงเธอก็ยังคงต้องทำตามกฎ หากเธอจะอยู่ที่นี่ อ้อไม่สิ…ฉันหมายถึงว่า ไม่ว่ายังไง เธอก็ต้องอยู่ที่นี่ ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้เธอกลับไปอยู่ที่บ้านของเธอเป็นอันขาด หมดเรื่องแล้ว พวกเธอออกไปได้แล้ว ทั้งหมดนั่นแหละ…ยกเว้นทู่เอ๋อ”

“ครับคุณน้าเมิ่ง”

.

.

“ฉันดีใจด้วยนะ ที่สุดท้ายนายก็ได้รู้ที่มาของนายสักที”

“ฉันมีความสุขมากเลยนะหวังซู ถึงฉันจะยังไม่รู้ว่าพ่อของฉันเป็นใคร แต่อย่างน้อยฉันก็รู้ว่าพ่อของฉันยังอยู่ หากแม่ยังไม่ถูกทหารสวรรค์พวกนั้นฆ่าตาย ฉันคงยังพอมีโอกาสได้เจอกับแม่ของฉันสักครั้ง นายว่างั้นมั้ย?”

หลี่อี้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง หากแต่มีน้ำตาคลอเบ้าอยู่เล็กน้อย เพียงแต่มันไม่ใช่น้ำตาของความโศกเศร้าเสียใจแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่หลี่อี้ได้รับรู้มานั้น มันทำให้ความรู้สึกตื้นตันที่อยู่ในใจมันทะลักล้นออกมา จนกลายเป็นน้ำใส ๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ปริ่มไปด้วยน้ำตา

“ฉันดีใจด้วยนะ แต่ฉันก็สงสัยว่าแม่ของเธอเป็นใครกันแน่ เพราะตั้งแต่ที่ฉันรู้จักกับคุณนายเมิ่งมา ฉันก็ไม่เคยเห็นว่าคุณนายเมิ่งจะมีเพื่อนที่ไหนมาก่อนเลย ส่วนพ่อของเธอนี่คงพอเข้าใจได้ ในเมื่อคุณนายเมิ่งเป็นเทพ หากจะมีสหายเป็นเทพบ้างก็คงจะไม่แปลกอะไร”

“อะไรกันครับพี่หลิงเซียง พี่มีอายุตั้งห้าพันปี แต่กลับไม่เคยเห็นแม่ของผมเลยอย่างนั้นเหรอครับ”

“นั่นน่ะสิ ฉันพยายามนึกยังไงก็นึกไม่ออก ว่าแม่ของเธอเป็นใคร มันไม่มีความเป็นไปได้เลย หากจะเป็นคนที่ฉันรู้จัก แต่ช่างเถอะ ถ้าวันหนึ่งฉันรู้หรือฉันสืบเรื่องอะไรมาได้ ฉันจะเอามาบอกเธอดีมั้ย เพราะฉันรู้สึกว่าแม่ของเธอน่าจะยังอยู่นะ”

คำพูดของหลิงเซียงทำให้หลี่อี้หันขวับมาทันทีที่ได้ยิน แม้จะสิ้นหวังมาก่อนหน้า แต่ก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมานิดหน่อย

“แต่คุณน้าเมิ่งบอกว่าแม่ของผมถูกทหารฆ่าตายไปแล้วนี่ครับ แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?” แม้คำพูดจะดูเหมือนเข้าใจ แต่ในแววตานั้นก็ยังเปี่ยมไปด้วยความหวัง ว่าสิ่งที่หลิงเซียงพูดนั้นมันจะเป็นจริงขึ้นมาได้

“เอาน่า เชื่อฉันสิ แต่เธอต้องสัญญากับฉันก่อนนะ ว่าเธอจะไม่บอกเรื่องนี้กับคุณนายเมิ่ง ว่าฉันกำลังแอบสืบเรื่องนี้อยู่ เธอก็ด้วยนะหวังซู เก็บเรื่องนี้เอาไว้ให้มิดชิดที่สุด”

“ได้ครับพี่หลิงเซียง ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน เพราะถ้าจะรอให้คุณนายเมิ่งบอกเรื่องนี้ด้วยตัวเอง หลี่อี้คงแก่ตายก่อนแน่ ๆ ใจแข็งอย่างคุณนายเมิ่งน่ะ ไม่มีทางที่จะหลุดปากพูดอะไรออกมาง่าย ๆ หรอก”

“ใช่ ฉันก็ว่างั้น แต่จริง ๆ แล้ว วันนี้ก็เป็นวันแรกนะ ที่ฉันได้เห็นคุณนายเมิ่งดูมีท่าทางผ่อนคลายกว่าทุกครั้งแบบนั้นน่ะ ดูเหมือนว่าการมีอยู่ของเธอ มันจะทำให้เขามีความสุขมากเลยทีเดียว”

.

.

“คงไม่อย่างนั้นหรอกมั้งครับ ว่าแต่…เมื่อกี้คุณน้าเมิ่งเรียกทู่เกอ หวังปว๋อกับเป่าเหลียนเอาไว้ ผมอยากรู้จังครับ ว่าเขาจะคุยกันเรื่องอะไร…”

.

.