หญิงสาวชนชั้นสูงยอมแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก เพื่อเลี้ยงดูลูกของคนรักที่ได้จากไป ยี่สิบปีต่อมาพวกเขาได้โอกาสให้กลับมารักกัน

เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me) - บทที่ 12 ความจริงมองอยู่ที่คนมอง โดย LiLi Lee @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,แต่งงาน,ท้อง,ทหาร,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แต่งงาน,ท้อง,ทหาร,พีเรียดไทย,ดราม่า

รายละเอียด

เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me) โดย LiLi Lee @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หญิงสาวชนชั้นสูงยอมแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก เพื่อเลี้ยงดูลูกของคนรักที่ได้จากไป ยี่สิบปีต่อมาพวกเขาได้โอกาสให้กลับมารักกัน

ผู้แต่ง

LiLi Lee

เรื่องย่อ


 

เรื่องย่อ

หญิงสาวชนชั้นสูงยอมแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก เพื่อเลี้ยงดูลูกของคนรักที่ได้จากไป ยี่สิบปีต่อมาพวกเขาได้โอกาสให้กลับมารักกัน

 

ตัวละคร

พลตรี หม่อมเจ้าสาทิสยา ไวทย์เวธน์ทิวากร / แม่วาด

สถานะ : คนรักของคุณจันทร์ และเป็นแม่ของจรณ์จิณณ์

 

หม่อมเจ้าจันทรารัตน์ ปัณณ์ปริชญ์ปัถย์ / จันทรารัตน์ กวินกานต์ / หม่อมจันทรารัตน์ ไวทย์เวธน์ทิวากร ณ อยุธยา

สถานะ : คนรักของแม่วาด แม่เลี้ยงของจรณ์จิณณ์ ภรรยาในนามของชรัน

 

พันโทชรัน กวินกานต์

สถานะ : พ่อของจรณ์จิณณ์ สามีของแม่วาด คุณจันทร์ วิมล

 

นักเรียนนายร้อยปัณณ์จรณ์ กวินกานต์

สถานะ : ลูกชายของชรันและแม่วาด

 

นักเรียนนายร้อยปัณณ์จิณณ์ กวินกานต์

สถานะ : ลูกชายของชรันและแม่วาด

 

วิมลตรา ดารารายณ์

สถานะ : ภรรยารองของชรัน

 

ชิรินตรา กวินกานต์

สถานะ : ลูกสาวของชรันกับภรรยารอง

 

รินจายา เปรมวาณิชย์

สถานะ : เพื่อนแม่วาดกับคุณจันทร์

 

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทวินปัณณ์ปริชญ์ปัถย์

สถานะ : เสด็จพ่อของคุณจันทร์

 

หม่อมเจ้าศิวากร ชิญชาญ ปัณณ์ปริชญ์ปัถย์

สถานะ : ท่านแม่ของคุณจันทร์และชายาในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทวินปัณณ์ปริชญ์ปัถย์

 

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปันภาพร ไวทย์เวธน์ทิวากร

สถานะ : เสด็จป้าของพลตรีหม่อมเจ้าสาทิสยา

****เพื่อให้อ่านได้อย่างอรรถรสขอให้นักอ่านแวะเข้ามาอ่านครงนี้เล็กน้อยนะคะ****

 

1.คุณจันทร์เป็นหม่อมเจ้าหญิง แต่ในเรื่องจะเรียกว่าคุณจันทร์เพราะว่าคุณจันทร์ได้สละยศเป็นสามัญชนแต่งงานกับชรันและตอนแต่งงานกับหม่อมเจ้าสาทิสยา (หรือแม่วาด) ก็แต่งตอนเป็นสามัญชน ดังนั้นจึงเรียกคุณจันทร์ค่ะ

2.คุณจันทร์อนุญาตให้แม่วาดเรียกคุณจันทร์ด้วยคำปกติได้ เพราะทั้งสองเป็นคนรักกัน

3.ทุกอย่างในเรื่องเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเพียงเท่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับเป็นจริงใดๆ โปรดอ่านเพื่อความเพลิดเพลินและใช้วิจารณญาณ

 

สวัสดีจ้านักอ่านทุกคนนนน ไรท์ขอฝากนิยายเรื่องเรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจนักอ่านักคนด้วยน้าาาา

เพลลิสต์เพลงมาฝากจ้า ทุกคนสามารถเข้าไปฝันเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านได้นะคะ

https://open.spotify.com/playlist/2FsZanXiU18yXisLHv58WG?si=48c563e9601d4084

 

ผังตัวละคร


 


 

 

 

ขอฝากนิยายเรื่องอื่นๆ ของเราด้วยน้าาา

 

 

เรื่องย่อ : เอมมาริน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของโซเรลถูกลูกหลงโดนยิงจะกลุ่มผู้ประท้วงวิญญาณของเธอล่องลอยเข้าสู่ร่างของเอราเบล ลี ลูกสาวของตระกูลลีที่มีความใกล้ชิดทางสายเลือดกับราชวงศ์ โชคชะตาของเธอคือการชดใช้ไม่ว่าเธอจะอยู่สูงเพียงใด เธอต้องพบกับการสูญเสียพลัดพรากเฉกเช่นเดียวกันกับคนรักของเธอ

 

 

 

เรื่องย่อ : เลขาท่านผู้นำอย่างเอบิซาถูกจับให้มาแต่งงานกับผู้ปกครองเผ่างูในป่าลึกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าบรรพชนจากการบูชาหญิงสาวเพื่อให้กำเนิดทายาทรุ่นต่อไปของอาวคลาส วาดิม เธียร์

 

 


 

เรื่องย่อ : ไม่ใช่แนวเกิดใหม่…แต่เป็นการทำงานรอนรกว่าง! ไป๋เหลียงคือหญิงสาวที่เข้าไปอยู่ในร่างของฮุุ่ยเจิน ผู้เป็นคุณนายใหญ่ตระกูลเหว่ย

 

 

 

 

 

 

สารบัญ

เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 0 บทนำ,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 1 เมื่อแรกพบเจอ,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 2 เมื่อเราใจตรงกัน,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 3 เจ็บปวด,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 4 ข้อตกลง,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 5 เริ่มต้นที่จุดสิ้นสุด 1/2,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 6 เริ่มต้นที่จุดสิ้นสุด 2/2,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 7 ไปเที่ยวอยุธยา,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 8 กลับวัง,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 9 ไปเที่ยวภูเก็ต,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 10 เรียบง่ายแต่สุขใจ,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 11 พ่อแม่,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 12 ความจริงมองอยู่ที่คนมอง,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 13 หม่อมคนแรก,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 14 วันหมั้น,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-E-book เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)

เนื้อหา

บทที่ 12 ความจริงมองอยู่ที่คนมอง

บทที่ 12

ความจริงมองอยู่ที่คนมอง

 

พวกเราอยู่พูดคุยเป็นเพื่อนกับพวกท่านให้แม่วาดได้หายคิดถึง ทั้งสองคนใช้เวลาล่วงเลยถึงมื้อเย็นเธอไม่ขัด เมื่อแม่วาดขอร่วมมือนี้ด้วยอีกมือหนึ่งแล้วตกเย็นพวกเราเดินทางกลับ กระนั้นเมื่อเห็นวิวตรงชายหาดสวยดีจึงลงไปเดินย่อยแถวชายหาด นักท่องเที่ยวเริ่มมากันเยอะแล้วดูคึกครื้นไม่น้อย

“ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าแม่พูดมาลายูได้”

“ฉันพูดได้นิดหน่อยน่ะ ไม่ได้พูดนานแล้วสำนวนอาจจะเก่าไปบ้าง”

“ตอนที่แม่พูดมาลายูกับเจ้าของร้านแม่ดูเท่มากๆ เลย”

“มิน่าล่ะ คุณจันทร์ถึงน้ำลายหก”

“ผัวะ! คุณจันทร์ตีฉันทำไม”

“ก็ฉันรักแม่มากจนบรรยายออกมาไม่ได้อย่างไรล่ะ” คุณจันทร์เอ่ยด้วยความประชดประชันออกไปทีเล่นทีจริง

 พวกเราเดินจับมือกันมาเรื่อยๆ จนพบคนรู้จัก ผู้หญิงคนนั้นคือภรรยาของนายเทพ เพื่อนของชรัน เธอมาทำอะไรที่นี่แถมยังแต่งชุดดำไว้ทุกข์อีกต่างหาก

“มีอะไรหรือคุณจันทร์” แม่วาดเห็นคุณจันทร์หยุดเดินจึงถามออกมา

“ฉันเจอคนรู้จักน่ะ”

เราทั้งคู่มองตรงไปที่เธอ ทว่าโชคชะตาดันทำให้ได้ทักทายกันเพราะเธอหันมาเจอเราพอดี เธอดูตกใจไม่น้อยก่อนจะคลี่ยิ้ม

“เข้าไปคุยกับเธอไหมคุณจันทร์ เดี๋ยวฉันรออยู่ตรงนี้”

“อะ อื้มมม” เธอเดินเข้าไปหาคุณหญิงบุษ แต่พวกเธอไม่รู้เลยว่าชรันและพ้องเพื่อนยังคงทำภารกิจอยู่แถวชายหาดแห่งนี้ ความอยากรู้ของพวกเขาจึงพุ่งขึ้นมา

“คุณหญิงจันทร์”

“อย่าเรียกฉันเช่นนั้นเลยคุณหญิงบุษ เรียกว่าจันทร์เฉยๆ ดีกว่า ตอนนี้ฉันไม่ใช่ภรรยาของชรันแล้ว” เธอและคุณหญิงบุษทรุดตัวลงนั่งตรงม้านั่งที่อยู่ใกล้ๆ

“คุณหญิงมาทำอะไรแถวนี้หรือ” ชรันกับเพื่อนพยายามตีเนียนเข้ามาใกล้ๆ เพื่อฟังบทสนาของพวกเธอ โดยเฉพาะเทพ

“ถ้าไม่สะดวกใจ ไม่ต้องตอบก็ได้นะ” คุณหญิงบุษนั่งนิ่งอยู่สักพักแล้วเอ่ยถามเรื่องราวของเธอกับชรัน

“ตอนฉันรู้ว่าคุณจันทร์หย่ากับชรัน ฉันเห็นความเด็ดขาดจากตัวคุณจันทร์เสมือนว่ายี่สิบปีที่เรารู้จักกันมาไม่ใช่คุณจันทร์ที่ฉันรู้จัก ฉันไม่คิดว่าผู้หญิงที่เรียบร้อยจะมีความกล้าลุกขึ้นมาหย่ากับสามี ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นฉันเสียอีกที่น่าจะได้หย่าก่อน” ประโยคเดียวทำให้คนทั้งสี่ตกตะลึง หายใจไม่ทั่วท้องไปหมด ชรันกับพลหันขวับไปทางเทพทันที ใบหน้าของเขาดูตกใจไม่ใช่น้อย

“คุณหญิงบุษหมายความว่าอย่างไรหรือ” คุณหญิงบุษส่งยิ้มบางๆ ให้เธอ

“คุณจันทร์ถามฉันว่ามาทำอะไรที่นี่…ฉันมาเพื่อคนรักของฉันค่ะ” คำตอบของคุณหญิงบุษเหนือความคาดหมายของทุกคนตรงนี้

“วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของเขาค่ะ พวกเราชอบที่นี่มากฉันจึงจะมาที่นี่ทุกปีเพื่อบอกคิดถึงเขา ผู้ชายที่มากับคุณจันทร์เป็นคนรักของคุณจันทร์เหรอคะ”

“ใช่ค่ะ” เธอหันไปมองแม่วาดยิ้มตอบอย่างสุขใจที่สุด

“พวกคุณดูรักกันมากเลยนะคะ” คุณหญิงบุษส่งยิ้มมาแต่ดวงตาขอเธอเศร้ามาก

“ฉันไม่ปฏิเสธหรอกค่ะ กว่าพวกเราจะมีวันนี้ไม่ง่ายเลย” ถ้าเมื่อก่อนเธอคงจะตอบและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น แต่ตอนนี้เธอพูดออกมาด้วยความอบอุ่นใจ

“ฉันอิจฉาพวกคุณจังเลยค่ะ” น้ำเสียงคุณบุษเริ่มสั่นเครือ

“คุณหญิงบุษคะ ถ้าไม่เป็นการทำให้ลำบากใจเกินไปคุณหญิงสามารถระบายกับฉันได้นะคะ” เธอยื่นมือไปกุมมือคุณหญิงบุษ เธอไม่ได้มีหน้าที่ไม่ตัดสินความรักของใคร แต่รับฟังได้

“ขอบคุณค่ะ”

“พวกเราทั้งหกคนนี่เหมือนกันเลยนะคะ ไม่ได้แต่งงานด้วยความรัก พออยู่ด้วยกันก็ไม่ได้มีความรักอีก ตอนแรกฉันยอมรับชะตาของตนเรียบร้อยแล้วว่าทั้งชีวิตจะต้องเป็นภรรยาของนายทหารผู้หนึ่ง จะเอาแต่ใจและอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาด ชีวิตคู่ของเราดำเนินมาอย่างราบเรียบจนฉันคิดว่าทั้งชีวิตคงจะเป็นเช่นนี้ ฉันคิดเสมอว่าเทพคบกับชรันและพลได้อย่างไร นิสัยของพวกเขาแตกต่างกันมาก แต่สุดท้ายฉันก็ค้นพบว่าพวกเขาไม่ได้แตกต่างกันเลย” คุณหญิงบุษไม่เคยพูดอะไรเช่นนี้มาก่อนทำเธอแปลกใจไม่น้อย

“คุณจันทร์เองน่าจะรู้ดี ชรันมีแม่วิมล พลมีแม่สรกับแม่สา ส่วนเทพก็มีแม่นภา ฉันคิดว่าเขาจะแตกต่าง…ผู้ชายที่ฉันคิดว่าเพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่างคงไม่มีทางเป็นคนเจ้าชู้แน่ แต่แล้วฉันก็คิดผิด เทพเขามีผู้หญิงมากมายไม่ต่างจากชรันและพล มีแม่นภาเป็นภรรยาอีกคน”

เทพสามีของคุณหญิงบุษนั่งฟังด้วยหัวใจที่เต้นรัวเขาไม่รู้ทิศทางของเรื่องว่าจะไปทางไหน เธอพูดเพราะอยากเล่าความอัดอั้นให้ใครฟังหรือเล่าเพราะเสียใจ เขาสับสนและผิดหวังในตัวบุษ

“ฉันยอมรับว่าฉันรักเทพมาก เมื่อคราวรู้ความจริงจึงเสียใจมาก พวกเขามีลูกด้วยกันสามคนดูแล้วเป็นครอครัวที่สุขสันต์กันมาก จนฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าจะเอาตัวเองไปอยู่ตรงไหนในวงโคจรเช่นนี้ เวลากลับบ้านฉันเมื่อมองทัพและฐาน ฉันได้แต่เศร้าใจว่าทำไมเรื่องพวกนี้ต้องเกิดเรื่องกับลูกๆ ของฉัน”

เท่าที่ฟังจากน้ำเสียงคุณหญิงบุษไม่มีความเศร้าเสียใจมีแต่ความราบเรียบราวกับพูดเรื่องไม่ได้ทำให้ตนเจ็บปวด

“ก็อย่างที่คุณจันทร์รู้ใครมีบ้านเล็กบ้านน้อยไม่เคยพ้นสายตาของเหล่าคุณหญิงคุณนายในกองทัพ ตอนที่ฉันเห็นคุณจันทร์โดนวาจาเสียดสีพวกนั้น พอมองย้อนกลับมาที่ตัวเอง ฉันถามตัวเองเสมอถ้าตรงนั้นเป็นฉัน ฉันจะรับมือกับการโดนดูถูกนี้ได้ไหม พอฉันมองไปที่คุณจันทร์ฉันคิดว่าคุณจันทร์ต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ ฉันเริ่มถามตนเองอีกครั้งว่าฉันจะทนเช่นนี้ไปเรื่อยๆ หรือ”

เทพพอรู้มาบ้างเกี่ยวกับเรื่องที่คุณจันทร์โดนดูถูก ประกอบกับตอนที่พวกเราปลอมตัวเป็นคนงานในเรือ มันคงทำให้พวกเธอเสียใจน่าดู ขนาดเขาฟังเพียงนิดเดียวยังรู้สึกขุ่นข้องหมองใจ เขาเงยหน้ามองดูบุษซึ่งดูไม่ทุกข์ไม่มีความเสียใจ บ่งบอกว่าเธอชินกับมันเสียแล้ว เขาเผลอกระชับกำมือแน่น สิ่งที่ทำมันสร้างความเจ็บให้กับเธอขนาดนั้นเลยหรือ ขนาดที่เธอกล้านอกใจเขา

“แน่นอนว่า ‘ไม่’ ฉันปรึกษาทนายเพื่อเตรียมฟ้องหย่า หลังจากนี้คุณจันทร์พอเดาออกไหมคะ?”

“คนรักของคุณเป็นทนาย” คุณหญิงบุษยิ้มสวยมากเมื่อพูดถึงคนรักของเธอ

“ตอนนั้นฉันเพิ่งเข้าใจ ‘รักของฉันกับเทพ กับรักของฉันกับเขา มันแตกต่างกัน’ ความรักของฉันที่มีให้เทพมันคือจำใจรักมันคือการหลอกตัวเองน่ะค่ะ ส่วนรักของฉันกับเขามันเป็นสิ่งที่ฉันอยากจะถนอมไว้ให้นานที่สุด”

คุณหญิงบุษจะรู้ไหมเมื่อเธอเอ่ยถึงคนรักรอยยิ้มของเธอแตกต่างจากที่ผ่านมา

“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”

“วันที่ฉันตัดสินใจจะยื่นฟ้องศาล เขากลับถอนตัวจากการเป็นทนายของฉัน เขาให้เหตุผลว่าเขาทำผิดจรรยาบรรณ ฉันเสียใจมากเมื่อรู้จึงโวยวาย จะไม่ฟ้องหย่าถ้าคนนั้นไม่ใช่เขา สุดท้ายก็มารู้ความจริงคือเขาไม่อยากให้ฉันหย่ากับเทพแล้วมารักกับเขา เพราะเขาป่วยและอยู่ได้อีกไม่นานเขาจึงไม่อยากให้ฉันต้องมาลำบากดูแลคนป่วย แต่คุณจันทร์รู้ไหมคะ...ว่าสุดท้ายฉันก็ดูแลจนเขาจากไป ความทรงจำเหล่านี้แม้มันจะเกิดในเวลาสั้นๆ แต่มันมีค่ามากสำหรับฉัน มันทำให้ฉันรู้ว่ารักแท้คืออะไร จากนั้นฉันก็ไม่คิดเรื่อหย่าอีก ไม่ให้ค่ากับเสียงดูถูกพวกนั้นอีก เพราะมันไม่ได้ช่วยให้ฉันได้คนรักของฉันกลับคืนมา จากนั้นมมุมองของฉันต่อเทพได้เปลี่ยนไป เหมือนเขาคือคนแปลกหน้าสำหรับฉัน ฉันคิดว่าสุดท้ายเราก็ต้องกลับมาวนลูบเช่นเดิม”

เทพรับกับความจริงเมื่อฟังไม่ได้ ภาพในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันผุดขึ้นมาเป็นสายน้ำ ตอกย้ำกับตัวเองว่าทั้งหมดที่ผ่านมาใช่ความจริงไหม เธอเคยมีความจริงใจให้เขาหรือเปล่า เรื่องพวกนี้มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่?

“แต่ทว่าเมื่อคุณจันทร์หย่ากับชรัน มันเหมือนจุดประกายให้ฉันกลับมาคิดจะหย่ากับเทพอีกครั้ง ยิ่งพอมาเห็นคุณจันทร์มีความสุขเช่นนี้มันเริ่มทำให้ฉันคิดถูก ใกล้เป็นความจริงเรื่อยๆ”

“แล้วจากนี้คุณบุษจะทำอย่างไรต่อเหรอคะ”

“สิ่งที่คนรักของฉันทิ้งไว้ให้คือความเป็นทนายความ ฉันไปเรียนและเป็นทนายความสำเร็จ ฉันช่างโดดเดี่ยว ในอนาคตฉันจะว่าความให้กับผู้หญิงที่มีความทุกข์เหมือนกับพวกเราค่ะ”

“ได้พูดคุยกับเด็กๆ ไว้บ้างหรือยังคะ”

“พวกเขาบอกับฉันว่าจะไม่มีวันเหมือนกับพ่อของพวกเขาที่ทำร้ายคนที่เรารักค่ะ พวกเขาทนไม่ได้ที่จะเห็นฉันร้องไห้ไปตลอดชีวิต แต่ช่างน่าเสียดายนะคะเทพไม่ได้รักฉัน ดังนั้นประโยคเมื่อครู่คงใช่กับฉันไม่ได้” คุณหญิงบุษหันมายิ้ม มันถูกสื่อสารออมาว่า ‘ถ้าเขารักฉันเขาคงไม่คิดทำลายครอบครัวตัวเองตั้งแต่แรก’

สิ่งที่ออกจากปากคุณหญิงบุษแทบพานให้น้ำตาของลูกผู้ชายเกือบหลั่งออกมา

‘ลูกชายของเขาคิดเช่นนี้กับเขาหรือ’

กระทั่งตอนนี้เทพเพิ่งจะคิดได้ว่าการกระทำของเขามันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับตัวบุษเท่านั้น แต่มันยังส่งผ่านไปถึงลูกของเขาสองคน พวกเขาเป็นลูกที่ดีมาก ไม่เคยเกเรหรือสร้างความรำคาญจแก่เขาเลย แต่กระนั้น...นั่นไม่ใช่...นั่นคือการกระทำอันถอยห่างจากผู้เป็นพ่อ ทำไมตอนนี้เขาเพิ่งมาสังเกต ช่วงเวลาที่เขาใช้กับลูกมันน้อยนิดเมื่อเทียบกับคนอื่น เทพเสียใจจนพูดไม่ออก

แน่นอนคำพูดของคุณหญิงบุษทำให้อีกสองคนตระหนักเช่นกันว่าลูกของพวกเขาคิดเช่นนี้หรือไม่ พวกเขากลัวความจริงเหลือเกิน

“ฉันน่ะไม่เคยอยากจะแต่งงาน...”คุณจันทร์เห็นดังนั้นจึงเอ่ยเล่าเรื่องของตนบ้าง “แต่ต้องแต่งตามคำสั่งของเสด็จพ่อ ความจริงฉันมีคนอยู่ในใจมาเนิ่นนาน เพียงอุปสรรคของพวกเรามีเยอะเกินไป จนพรากพวกเราออกจากกัน ฉันไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนหวาน แม่บ้านแม่ศรีเรือนอย่างที่ใครๆ เข้าใจกัน ฉันชอบแข่งรถ ชอบดื่ม ชอบสูบซิการ์ ชอบแต่งตัวสบายๆ เท่ๆ” คุณจันทร์เว้นจังหวะถอนหายใจ วางศอกกับพนักด้านหลังเงยหน้ามองฟ้าและหันกลับมามองหน้าคุณหญิงบุษพร้อมพูดต่อ

“คนเรามีความลับมากมาย แต่ทุกอย่างมีเหตุผลเสมอค่ะ” คุณจันทร์ส่งยิ้มให้คุณหญิงบุษว่าไม่เป็นไร ชีวิตของพวกเธอคล้ายชีวิตใครหลายๆ คน มีคนเจ็บปวดเหมือนกับเราและอาจสูญเสียมากกว่าเรา

“ฉันดูเป็นผู้หญิงที่ดูเลวไหมคะ” คุณหญิงบุษเอ่ยถามคุณจันทร์ ส่วนสามคนที่แอบฟังก็อยากรู้เช่นกันว่าเธอมีแนวคิดเช่นไรกับเรื่องนี้ เพราะคำตอบของเธอมักจะพลิกผันเสมอ

“ฉันขอถามคุณบุษกลับ คุณบุษกำลังใช้มุมมองของใคร โลกเราเต็มไปด้วยความโสมมจนแยกดีเลวไม่ออก แต่ถ้าเป็นมุมของฉันคุณบุษไม่ใช่ผู้หญิงไม่ดี ดังนั้นอย่าใส่ใจคนอื่นเลยนะคะ คืนนี้คุณบุษจะไปไหนต่อไหมคะ ไปพักที่บ้านเราไหมคะ” คุณจันทร์ชวนคุณหญิงบุษไปพักที่บ้านของหม่อมท่าน

“ฉันมีนัดไปดื่มกับคุณหญิงทิพย์ค่ะ”

“คุณหญิงทิพย์มาด้วยหรือคะ?” พอพูดถึงคุณหญิงทิพย์ คุณจันทร์ คุณหญิงบุษยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย คุณหญิงทิพย์คือภรรยาของพล

พลที่ได้ยินว่าภรรยาของเพื่อนเอ่ยถึงภรรยาของเขาทำให้เริ่มรู้สึกว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องดี และใช่...พลรับไม่ได้

“ค่ะ จะว่าไปคุณหญิงทิพย์น่าสงสารกว่าเรานะคะ โดนพลพูดจาทำร้ายจิตใจมาตลอด มีภรรยาน้อยนับไม่ถ้วนแต่มีลูกด้วยกันจริงๆ คือแม่สรกับแม่สา เหตุการณ์ติดตานั้นยังอยู่เลยค่ะ ตอนที่แม่สรกับแม่สามาหาเรื่อยคุณหญิงทิพย์มาพูดจาดูถูกว่าคุณหญิงทิพย์น่าเบื่อเรื่องบนเตียงทำไม่เป็นไม่สามารถสร้างความสุขให้กับสามีได้ ฉันล่ะอยากจะถอนหายใจออกมาแรงๆ มองบนและเบ้ปากใส่ คนที่พวกเราเห็นตอนไปเที่ยวบาร์โฮสต์นั่นคืออะไร ฉันล่ะอยากจะขำจริงๆ” คุณหญิงบุษพูดยิ้มพร้อมส่ายหน้าไปมา

ตืดดดดดดด ตืดดดดด ตืดดดดดด

“นี่ไง พูดไม่ทันขาดคำ”คุณหญิงบุษหยิบมือถือที่มีสายเรียกเข้าของคุณหญิงทิพย์ขึ้นมาโชว์ “ฮัลโหล…ฉันอยู่ที่ภูเก็ต…เหรอ…ฉันอยู่หน้าหาดนั่งอยู่กับคุณจันทร์” หญิงสาวมีรูปร่างทรวดทรงอันน่าดึงดูดกำลังเดินใกล้เข้ามาคุณหญิงทั้งสอง

“จ้ะเอ๋คนสวยยย มานั่งทำอะไรกันตรงนี้คะ ใกล้ค่ำแล้วไปเที่ยวกัน”

สาวสวยตรงหน้าดูอย่างไรไม่มีทางอายุใกล้ห้าสิบ เธอดูอ่อนเยาว์เกินวัยสวมใส่บอดีสูทเว้าเอวด้านข้างสีขาวทับด้วยยีนสีไลต์บลูขายาว บวกกับการแต่งหน้าตามเทรนจึงดูลดอายุลดไปมากเหมือนคนยี่สิบปลายๆ

“นี่ถ้าไม่รู้จักกันคงเดาไม่ออกแน่ นับวันคุณหญิงทิพย์จะมีฝีมือขึ้นเรื่อยๆ นะคะ” คุณจันทร์เอ่ยหยอกล้อคุณหญิงทิพย์แบบอวยๆ

พลแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่านั้นคือภรรยาของเขา เธอเดินมาพร้อมกับชายร่างใหญ่แนวลูกครึ่งอายุน้อยกว่าเขาหลายสิบปี จากนั้นเดินจากไปเหลือไว้เพียงเธอเดินเข้าไปทักทายคุณหญิงบุษกับคุณจันทร์คนเดียว ขณะนี้สมองของพลว่างเปล่ามาก

แต่เทพกับชรันหลังผ่านความจริงกระแทกหน้ามาจึงทำใจได้สติบ้างแล้วมองดูพลอย่างปลงๆ ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เหมือนกัน พวกเขาไม่คิดเลยว่าภารกิจสุดท้ายก่อนเลื่อนตำแหน่งจะทำให้ชีวิตของพวกเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ส่วนคุณหญิงทิพย์ไม่น้อยหน้า “แน่นอนที่รัก คืนนี้คุณจันทร์ก็ไปกับพวกเราด้วยสิ ไปปลดปล่อยกัน”

เธอตอบปฏิเสธไปเพราะไม่สันทัดกับกิจกรรม หลังจากดื่มจึงขอตัวแยกย้ายกลับมาหาแม่วาด

“รอนานไหม”

“ไม่เลย เป็นไงบ้าง เธอโอเคไหม”

“คุณหญิงบุษน่ะหรือ เธอมาเยี่ยมคนรักของเธอน่ะ จะว่าไปแล้วเธอก็เหมือนฉันกับแม่นะ แต่ของเราโชคดีกว่าที่อย่างน้อยแม่กลับมาหาฉัน” พอฟังเรื่องของคุณหญิงบุษเธอเองมีใจหายบ้างเหมือนกัน ถ้าแม่วาดไม่กลับมาหาเธอตอนนี้เธอจะเป็นเช่นไร จะมีความสุขดั่งตอนนี้หรือไม่ การถูกพรากให้ตายจากกันช่างทรมานมาก

แม่วาดเมื่อเห็นคุณจันทร์ซึมเขาก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ “คุณจันทร์ฉันไม่อยากรอแล้ว คุณจันทร์ย้ายมาอยู่กับฉันที่วังทิวากรเถอะนะ”