หญิงสาวชนชั้นสูงยอมแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก เพื่อเลี้ยงดูลูกของคนรักที่ได้จากไป ยี่สิบปีต่อมาพวกเขาได้โอกาสให้กลับมารักกัน

เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me) - บทที่ 11 พ่อแม่ โดย LiLi Lee @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,แต่งงาน,ท้อง,ทหาร,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แต่งงาน,ท้อง,ทหาร,พีเรียดไทย,ดราม่า

รายละเอียด

เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me) โดย LiLi Lee @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หญิงสาวชนชั้นสูงยอมแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก เพื่อเลี้ยงดูลูกของคนรักที่ได้จากไป ยี่สิบปีต่อมาพวกเขาได้โอกาสให้กลับมารักกัน

ผู้แต่ง

LiLi Lee

เรื่องย่อ


 

เรื่องย่อ

หญิงสาวชนชั้นสูงยอมแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก เพื่อเลี้ยงดูลูกของคนรักที่ได้จากไป ยี่สิบปีต่อมาพวกเขาได้โอกาสให้กลับมารักกัน

 

ตัวละคร

พลตรี หม่อมเจ้าสาทิสยา ไวทย์เวธน์ทิวากร / แม่วาด

สถานะ : คนรักของคุณจันทร์ และเป็นแม่ของจรณ์จิณณ์

 

หม่อมเจ้าจันทรารัตน์ ปัณณ์ปริชญ์ปัถย์ / จันทรารัตน์ กวินกานต์ / หม่อมจันทรารัตน์ ไวทย์เวธน์ทิวากร ณ อยุธยา

สถานะ : คนรักของแม่วาด แม่เลี้ยงของจรณ์จิณณ์ ภรรยาในนามของชรัน

 

พันโทชรัน กวินกานต์

สถานะ : พ่อของจรณ์จิณณ์ สามีของแม่วาด คุณจันทร์ วิมล

 

นักเรียนนายร้อยปัณณ์จรณ์ กวินกานต์

สถานะ : ลูกชายของชรันและแม่วาด

 

นักเรียนนายร้อยปัณณ์จิณณ์ กวินกานต์

สถานะ : ลูกชายของชรันและแม่วาด

 

วิมลตรา ดารารายณ์

สถานะ : ภรรยารองของชรัน

 

ชิรินตรา กวินกานต์

สถานะ : ลูกสาวของชรันกับภรรยารอง

 

รินจายา เปรมวาณิชย์

สถานะ : เพื่อนแม่วาดกับคุณจันทร์

 

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทวินปัณณ์ปริชญ์ปัถย์

สถานะ : เสด็จพ่อของคุณจันทร์

 

หม่อมเจ้าศิวากร ชิญชาญ ปัณณ์ปริชญ์ปัถย์

สถานะ : ท่านแม่ของคุณจันทร์และชายาในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทวินปัณณ์ปริชญ์ปัถย์

 

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปันภาพร ไวทย์เวธน์ทิวากร

สถานะ : เสด็จป้าของพลตรีหม่อมเจ้าสาทิสยา

****เพื่อให้อ่านได้อย่างอรรถรสขอให้นักอ่านแวะเข้ามาอ่านครงนี้เล็กน้อยนะคะ****

 

1.คุณจันทร์เป็นหม่อมเจ้าหญิง แต่ในเรื่องจะเรียกว่าคุณจันทร์เพราะว่าคุณจันทร์ได้สละยศเป็นสามัญชนแต่งงานกับชรันและตอนแต่งงานกับหม่อมเจ้าสาทิสยา (หรือแม่วาด) ก็แต่งตอนเป็นสามัญชน ดังนั้นจึงเรียกคุณจันทร์ค่ะ

2.คุณจันทร์อนุญาตให้แม่วาดเรียกคุณจันทร์ด้วยคำปกติได้ เพราะทั้งสองเป็นคนรักกัน

3.ทุกอย่างในเรื่องเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเพียงเท่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับเป็นจริงใดๆ โปรดอ่านเพื่อความเพลิดเพลินและใช้วิจารณญาณ

 

สวัสดีจ้านักอ่านทุกคนนนน ไรท์ขอฝากนิยายเรื่องเรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจนักอ่านักคนด้วยน้าาาา

เพลลิสต์เพลงมาฝากจ้า ทุกคนสามารถเข้าไปฝันเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านได้นะคะ

https://open.spotify.com/playlist/2FsZanXiU18yXisLHv58WG?si=48c563e9601d4084

 

ผังตัวละคร


 


 

 

 

ขอฝากนิยายเรื่องอื่นๆ ของเราด้วยน้าาา

 

 

เรื่องย่อ : เอมมาริน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของโซเรลถูกลูกหลงโดนยิงจะกลุ่มผู้ประท้วงวิญญาณของเธอล่องลอยเข้าสู่ร่างของเอราเบล ลี ลูกสาวของตระกูลลีที่มีความใกล้ชิดทางสายเลือดกับราชวงศ์ โชคชะตาของเธอคือการชดใช้ไม่ว่าเธอจะอยู่สูงเพียงใด เธอต้องพบกับการสูญเสียพลัดพรากเฉกเช่นเดียวกันกับคนรักของเธอ

 

 

 

เรื่องย่อ : เลขาท่านผู้นำอย่างเอบิซาถูกจับให้มาแต่งงานกับผู้ปกครองเผ่างูในป่าลึกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าบรรพชนจากการบูชาหญิงสาวเพื่อให้กำเนิดทายาทรุ่นต่อไปของอาวคลาส วาดิม เธียร์

 

 


 

เรื่องย่อ : ไม่ใช่แนวเกิดใหม่…แต่เป็นการทำงานรอนรกว่าง! ไป๋เหลียงคือหญิงสาวที่เข้าไปอยู่ในร่างของฮุุ่ยเจิน ผู้เป็นคุณนายใหญ่ตระกูลเหว่ย

 

 

 

 

 

 

สารบัญ

เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 0 บทนำ,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 1 เมื่อแรกพบเจอ,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 2 เมื่อเราใจตรงกัน,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 3 เจ็บปวด,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 4 ข้อตกลง,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 5 เริ่มต้นที่จุดสิ้นสุด 1/2,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 6 เริ่มต้นที่จุดสิ้นสุด 2/2,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 7 ไปเที่ยวอยุธยา,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 8 กลับวัง,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 9 ไปเที่ยวภูเก็ต,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 10 เรียบง่ายแต่สุขใจ,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 11 พ่อแม่,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 12 ความจริงมองอยู่ที่คนมอง,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 13 หม่อมคนแรก,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 14 วันหมั้น,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-E-book เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)

เนื้อหา

บทที่ 11 พ่อแม่

บทที่ 11

พ่อแม่

 

จบมื้อเช้าด้วยความหวาดเสียวว่าเจ้าของร้านปากระบวย แก้ว อะไรออกมาเพราะความหมั่นไส้เราหรือเปล่า ขณะนี้พวกเราเดินอยู่ที่ชายหาดเพื่อย่อยอาหารหลบเลี่ยงการโดนหมั่นไส้

“แม่วาดอยากไปคุณลุงคุณป้าไหม”

แม่วาดนิ่งไปแต่พยักหน้าตอบตกลง

ช่วงที่ผ่านมาเขาไม่กล้าเผชิญหน้าพ่อแม่เพราะละอายใจที่ไม่ได้อยู่ดูแลพวกท่านเท่าที่ควรและด้วยความเป็นลูกสาวคนเดียวตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาพ่อกับแม่คงลำบากมาก

คุณจันทร์อาสาขับมอ’ไซค์ไปบ้านพ่อแม่โดยการนำทางของเขา เพียงแต่ว่านี่ผ่านมาตั้งหลายปีไม่แน่ใจว่าทุกอย่างยังจะเหมือนเดิมหรือเปล่า

แต่พอถามทางคนแถวนั้นพวกพ่อค้าแม่ค้าต่างมาเล่าเรื่องราวต่างๆ โดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยปาก

“สามีภรรยานั้นแม้ร่ำรวยแต่ก็ลำบากมากเพราะลูกสาวคนเดียวได้ตายไป ส่วนหลานก็ไปเป็นทหารไม่มีใครอยากจะมาสานต่อธุรกิจต่อสามีภรรยาสักคน”

พอได้ยินแบบนั้นแม่วาดนิ่ง ความรู้สึกต่างถาโถมเข้ามา ในใจของเขาทั้งเจ็บปวดทั้งปวดใจแต่ไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางใด คุณจันทร์รับรู้ได้ว่าแม่วาดกำลังโทษตัวเองอยู่จึงได้ยื่นมือไปกอบกุมเอาไว้

‘ความตายไม่ใช่ใครอยากตายก็ตายได้แม่วาดไม่ได้ผิดนะ’

แม่วาดยกหน้าขึ้นมองคุณจันทร์และยิ้มให้เขาคิดเสมอว่าตัวเองโชคดีจริงๆ ที่เวลานี้มีคุณจันทร์อยู่ด้วยกัน

พ่อค้าแม่ค้าพูดต่อว่า “สองสามีภรรยานั้นกำลังจะขายธุรกิจเร็วๆ นี้เพราะเนื่องจากไม่มีใครสืบทอดต่อช่างน่าเสียดายจริงๆ”

แม่วาดได้แต่ข่มอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมา

ช่วงเวลาของการได้ฟังสั้นๆ ราวกับหัวใจเขาถูกบดขยี้ ธุรกิจที่พ่อแม่สร้างมาให้เขาจะต้องไปอยู่ในมือคนอื่น เขายังเศร้าขนาดนี้แล้วพ่อแม่ของเขาเล่าจะเศร้าแค่ไหนเมื่อต้องตัดใจขาย คงจะเสียมากกว่าเขาเป็นแน่ ตัวเขาเองมีความผูกพันกับมันมาก

เขานั่งรถเครื่องอย่างเหม่อลอย คุณจันทร์รับรู้อารมณ์ของเขาจึงดึงมือของเขามาโอบเอว เขาขยับเข้าไปใกล้และฝั่งหน้าของตัวเองหลังท้ายทอยของคุณจันทร์เพื่อซ่อนม่านน้ำตา

“แม่จ้าแม่ แม่พร้อมหรือไม่” คุณจันทร์ดับเครื่องพลางโอบกอดวงแขนคู่นั้น แล้วถามคนรักของตัวเองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอบอุ่นๆ

แม่วาดไม่ตอบคุณจันทร์จึงปล่อยไว้นิ่งๆ คอยแตะวงแขนคู่นั้นเบาๆ เพื่อบอกว่าเธอยังอยู่ตรงนี้เราจะเข้าไปด้วยกัน

“ฉันพร้อมแล้วคุณจันทร์ เราเข้าไปกันเถอะ” คุณจันทร์หันไปสำรวจความเรียบร้อยของแม่วาดว่าจริงอย่างที่กล่าวหรือไม่...แน่นอนว่า...แม่วาดพยายามอย่างมาก...แต่เธอจะไม่ทำให้คนรักต้องเสียความมั่นใจจึงกุมมือแน่นๆ

ตืด ตืดดด ตืดดด

“พวกคุณเป็นใครคะ?” มีคุณป้าแม่บ้านเดินออกมาเปิดประตูให้พวกเราสองคน

“คุณลุงคุณป้าอยู่ไหมคะ ฉันชื่อจันทรารัตน์เป็นเพื่อนแม่วาดช่วยเรียนพวกท่านว่าฉันมาเยี่ยมทีนะคะ”

คุณป้าแม่บ้านมองพวกเราอย่างสงสัย ถึงเธอเป็นแม่เลี้ยงของจรณ์จิณณ์แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอสนิทกับพวกท่าน เจอกันแทบนับครั้งได้มีแต่จรณ์จิณณ์ที่มาเยี่ยมพวกท่านบ่อยๆ หลังจากเข้าโรงเรียนเตรียมทหารแล้วจึงไม่ได้มาบ่อยเหมือนแต่ก่อน

“แม่เป็นอะไรไปหรือ?” เธอมองแม่วาดทำหน้าเหมือนดีใจ

“คุณป้าคนนั้นคือป้าภาส คนที่เลี้ยงฉันมาท่านยังอยู่ ฉันคิดว่าชาติจะไม่ได้เจอเสียแล้ว” เราสองจับมือแน่นไม่ปล่อยอนาคตอันใกล้นี้ใกล้จะถึงความจริงของพวกเราแล้ว

“คุณท่านเชิญพวกคุณเข้าไปด้านในค่ะ”

“ขอบคุณจ้ะ”

พวกเราเดินเข้ามาในบ้านสวนด้านหน้าถูกสร้างแบบตะวันออกเป็นคอร์ตยาร์ด ช่วงเวลายามเย็นแสงสาดลงมาคงโรแมนติกมาก ภายในตัวบ้านยิ่งใหญ่สมเป็นคหบดีใหญ่ของเมืองภูเก็ตถูกสร้างแบบตะวันตก โครงสร้างเป็นปูนเกือบทั้งตัวตึกมีแค่ตรงอาเขต (ซุ้มทางเดิน) ที่ยังมีบางส่วนประกอบทำขึ้นมาจากไม้ฉลุลายเป็นลวดลายมงคลตามแบบจีน บางส่วนเป็นเสาปูนถูกเพนต์สีหรือประดับด้วยกระเบื้องแบบเปอร์เซียสวยงามและวิจิตรบรรจง

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องบรรยากาศของบ้านหลัง มันให้ความอบอุ่นของธรรมชาติของผู้คนตลบอบอวลไปทั่วบ้าน ที่สำคัญบ้านหลังนี้ให้ความรู้สึกที่ว่ามันปราศจากเรื่องทุกข์ใจให้ความสงบแก่ผู้ได้เข้ามาเยี่ยมเยือน ราวกับต้องทิ้งเรื่องทุกข์ใจต่างๆ ไว้หลังประตูเมื่อก้าวเข้าสู่บ้านหลังนี้

บ้านหลังนี้สินะ...ที่แม่วาดเติบโตมามันสวยงาม มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน ไม่แปลกใจเลยที่แม่วาดจะเป็นคนที่ใจเย็นและอ่อนช้อยได้ถึงขนาดนี้

“สวัสดีค่ะท่านหญิงไม่นึกว่าชาตินี้เราจะได้เจอกันอีก ส่วนท่านนั้นคือ?”

“ท่านชายสาทิสค่ะ อย่าเรียกหญิงว่าท่านเลยเรียกแบบธรรมดาเถอะนะคะ”

แม่ของเขาในความทรงจำท่านสวยงดงามอยู่เสมอ วันเวลาไม่เคยทำร้ายความสวยของท่านได้ แต่ความสวยนั้นก็ไม่อาจปิดความอิดโรยของท่านได้เลย ท่านคงทุกข์ใจและเหงามากเป็นแน่

“สวัสดีค่ะท่านชาย”

“ท่านชายเป็นคนรักของเราเอง มารดาของท่านเป็นคนภูเก็ต ตอนนี้พวกเราท่องเที่ยวตามภาษาคนแก่ก็เลยนึกถึงพวกท่านจึงมาเยี่ยมเยียน พวกท่านสุขสบายดีหรือไม่” คุณจันทร์รีบเอ่ยขึ้นมาก่อนที่บรรยากาศระหว่างคุณป้ากับแม่วาดจะอึดอัด

“อย่างนั้นหรือท่านชาย ทรงเสวยอะไรกันมาหรือยังเพคะ”

“พวกเราท...”

 “ยังเลย” คุณจันทร์หันขวับทันทีจ้องมองแม่วาดพูด ส่วนเธอแทรกขึ้นมาเพราะเราเพิ่งทานข้าวกันไปเอง กระนั้นเมื่อมองสายตาคู่นั้นของแม่วาดจึงเข้าใจ

“ค่ะ เมื่อเช้าเรารองท้องไปแค่นิดเดียว ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไปตอนเที่ยงเราขอรับประทานด้วยได้หรือไม่”

“เป็นเกียรติอย่างมากเลยเพคะท่านชายท่านหญิง บ้านเรามีแต่อาหารพื้นบ้านธรรมดาไม่รู้ว่าจะทรงทำให้ทรงพอพระทัยได้หรือไม่เพคะ เพราะมื้อกลางวันสามีของหม่อมฉันจะมารับประทานด้วยเพคะ”

“ไม่เลย อะไรเราก็ทานได้” แม่วาดรีบตอบออกไปอย่างทันที

สิ้นเสียงท่านชายต่างคนต่างไม่รู้จะเริ่มสนทนาอย่างไรดี คุณป้าชวนพวกเราชมบ้านเธอจึงเห็นดีเห็นงามด้วย แม้บ้านหลังนี้แม่วาดจะใช้ชีวิตมาแล้วตั้งยี่สิบกว่าปี ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ห้าไร่ตัวบ้านถูกสร้างในเนื้อที่สองไร่ส่วนสามไร่ ที่เหลือด้านหลังบ้านเป็นสวนใช้เพาะปลูกผลไม้พืชพันธุ์เพื่อนำมาทำกับข้าว

คุณป้าพาเราเดินชมพืชสวนของท่านอย่างภาคภูมิใจพร้อมอวดถึงลูกสาวของท่านอย่างแม่วาดว่าเจ้าตัวเป็นคนขอพื้นที่เหล่านี้ทำการเพาะปลูกพืชพันธุ์ต่างๆ เนื่องจากว่าแม่วาดชอบทำอาหารจึงอยากนำพวกพืชพรรณสมุนไพรเหล่านี้มาเป็นวัตถุดิบ

แม่วาดที่อยู่ในร่างของท่านชายสาทิสยิ้มอย่างภูมิใจมีความสุขที่แม่ภูมิใจในตัวเขา พวกเราห่างกันแค่หนึ่งช่วงแขนเท่านั้นแต่ไม่สามารถเข้าไปโอบกอดกันได้หรือบอกคิดถึงกันได้เลย

แม่วาดคิดอย่างไรเธอรู้ดีในหลายๆ ครั้งที่เธอมองรับรู้ได้ว่าตัวแม่วาดเองพยายามยับยั้งอารมณ์ไม่ให้เข้าไปบอกความจริงกับคุณป้ามากแค่ไหน เธอยื่นมือไปกุมมือคู่นั้นแล้วบอกว่า ‘มันไม่เป็นไร’

เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการบอกความจริงไปจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า ถ้าบอกไปพวกท่านจะรับได้ไหม? พวกเขาจะว่าเราบ้าหรือเปล่า?

แต่สิ่งหนึ่ง ณ เวลานี้ที่พวกเราสองคนคิดเหมือนกันคือมันดีแล้ว...มันดีแล้วจริงๆ

 

มื้อกลางวันที่ทุกคนรอคอย (แค่แม่วาด) พวกเราทั้งสี่คนมานั่งทานข้าวกันโดยยังไม่มีใครเริ่มบทสนทนา ทุกคนต่างคิดไปต่างๆ นานาจิตตังว่า การทานข้าวนี้ใครควรจะเปิดก่อนระหว่างผู้อาวุโสสูงสุดหรือคนที่มีศักดิ์สูงสุด ณ ที่แห่งนี้

แต่ให้พูดกันตามความจริงวัยของท่านชายกับวัยพ่อของแม่วาดอยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน ดังนั้นเป็นแน่แท้ว่าใครเปิดก่อน

แม่วาดเริ่มคีบอาหารใส่จานเธอ คนอื่นๆ จึงเริ่มทานกัน เธอแกล้งเหล่ใส่แม่วาด เพราะตัวเธอคงไม่คุ้นชินที่ต้องมาเปิดมื้ออาหารให้กับพ่อแม่ตัวเอง ตัวท่านชายเองคงทานข้าวคนเดียวมานานแม้จะถูกโยกย้ายมา แม่วาดจึงรู้สึกแปลกๆ อยู่ร่วมกับผู้อื่นๆ ในฐานะที่สูงกว่าแต่ก่อน

จนแล้วจนรอดเมื่อยังไม่มีใครเริ่มบทสนทนาอะไรขึ้นมาจนกระทั่ง...

“ความจริงที่มาพบทุกท่านในวันนี้ เรามีเรื่องสำคัญที่อยากจะคุยกับพวกท่าน”

“ท่านชายทรงมีธุระอะไรกับพวกเราหรือกระหม่อม”

“เราระหว่างที่เรามา พักผ่อนที่นี่ เราได้ยินคนมากมายพูดว่าท่านจะขายกิจการ เรื่องนี้จริงหรือไม่”

พ่อและแม่ของแม่วาดถอนหายใจออกมา “ทรงตรัสถูกต้องแล้วกะหม่อม พวกกระหม่อมสองคนนับวันยิ่งแก่ลงไปเรื่อยๆ ไม่มีใครมาสืบทอดกิจการต่อ ลูกที่หวังว่าจะสืบทอดต่อเขาก็ไม่อยู่แล้ว...หลานของเราเขามีทางเดินในแบบของเขา เราต้องเคารพในการตัดสินใจของเขา ตัวพวกเราเองเคยคิดเช่นกันว่าจะดูแลจนกว่าจะหมดลมหายใจ พอมาคิดอีกทีหนึ่ง พวกเราอยากใช้ชีวิตที่เหลือของพวกเราสองคนให้อยู่ด้วยกันมากที่สุดจึงตัดสินใจที่จะขายกระหม่อม”

“ถ้าเราจะขอซื้อต่อจากท่าน ท่านจะขายให้เราหรือไม่” คำถามวัดใจของทั้งสองพ่อลูก

“กระผมขอถามได้ไหมกระหม่อม ทำไมท่านถึงอยากจะซื้อกิจการของกระผม” คนพ่อของแม่วาดสบสายตากับภรรยาของตนและถามคำถาม ประโยคข้างต้นออกไป

“มารดาของเราเป็นชาวภูเก็ต ในครึ่งชีวิตหนึ่งของเราใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ในวังของเสด็จพ่อ ส่วนอีกครึ่งค่อนชีวิตของเราใช้ชีวิตเป็นรั้วของประเทศชาติ แต่มาบัดนี้เรากำลังเกษียณเราอยากกลับบ้านอยากมาอยู่ในบรรยากาศที่แม่ของเราเคยอยู่เพราะแม่ของเราเสียไปตั้งแต่เรายังเด็ก เราอยากให้บานปลายชีวิตของเรามีแม่อยู่ข้างๆ มีคนที่รักเราอยู่ข้างๆ เรา”

ประโยคสุดท้ายคุณจันทร์เข้าใจ ‘(พ่อ) แม่อยู่ข้างๆ มีคนรักเราอยู่ข้างๆ หมายพวกท่านสองคนและหมายถึงเธอ’

“ขณะที่ท่องเที่ยวเมืองภูเก็ต เราเห็นความสวยงามของที่นี่มากมาย เราก็เห็นด้านที่ไม่ดีค่อนข้างเยอะเช่นกัน เราคิดว่าอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาที่นี่ เรามองว่าธุรกิจของพวกท่านช่วยเหลือชุมชนอย่างแท้จริง เราอยากให้ธุรกิจเหล่านี้ดำรงอยู่ต่อไป มันจะดีกว่าไหม? ถ้าคนนั้นเป็นเราที่จะเข้ามาดูแลต่อ”

“อีกอย่างเรากับคุณจันทร์ตกลงกันว่าอยากจะมาใช้ชีวิตบั้นปลายด้วยกันที่นี่”

เขาตัดสินใจที่จะซื้อกิจการต่อจากพ่อแม่ เวลานี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว เธออยู่ใกล้พ่อแม่ของเธอไม่ได้ อย่างน้อยธุรกิจที่พ่อแม่สร้างมาก็ให้มันอยู่ข้างๆ เธอแทนก็ยังดีเพื่อที่ว่าให้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ได้มีของที่พ่อแม่มอบให้ไว้

พ่อของแม่วาดสบตาผู้เป็นภรรยาทั้งสองครุ่นคิดกันอย่างหนักสลับไปมากับท่าทีจริงจังของแม่วาด ก่อนจะเหลือบมองหน้าของเธอด้วยสายตาที่กำลังค้นหาอะไรบางอย่าง

พวกเขาจ้องเธอเหมือนกับจะฝากทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่มือของเธอมันแปลกมาก...

“กระผมตกลง พรุ่งนี้ท่านชายเข้ามาเซ็นสัญญาได้เลยกระหม่อม”

และแล้วการกินข้าวในมื้อนี้จบลงด้วยการเจรจาทางธุรกิจแบบไม่ได้อยู่ในแผนของใครทั้งสิ้น อย่างน้อยเธอดีใจกับคนรักของตัวเอง ของของแม่วาดกลับมาอยู่ในมือของแม่ของที่คุณพ่อคุณแม่สร้างมาเพื่อเธอ มันได้กลับเข้าสู่อ้อมอกของผู้เป็นเจ้าของแล้ว