หญิงสาวชนชั้นสูงยอมแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก เพื่อเลี้ยงดูลูกของคนรักที่ได้จากไป ยี่สิบปีต่อมาพวกเขาได้โอกาสให้กลับมารักกัน

เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me) - บทที่ 0 บทนำ โดย LiLi Lee @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,แต่งงาน,ท้อง,ทหาร,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แต่งงาน,ท้อง,ทหาร,พีเรียดไทย,ดราม่า

รายละเอียด

เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me) โดย LiLi Lee @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หญิงสาวชนชั้นสูงยอมแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก เพื่อเลี้ยงดูลูกของคนรักที่ได้จากไป ยี่สิบปีต่อมาพวกเขาได้โอกาสให้กลับมารักกัน

ผู้แต่ง

LiLi Lee

เรื่องย่อ


 

เรื่องย่อ

หญิงสาวชนชั้นสูงยอมแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก เพื่อเลี้ยงดูลูกของคนรักที่ได้จากไป ยี่สิบปีต่อมาพวกเขาได้โอกาสให้กลับมารักกัน

 

ตัวละคร

พลตรี หม่อมเจ้าสาทิสยา ไวทย์เวธน์ทิวากร / แม่วาด

สถานะ : คนรักของคุณจันทร์ และเป็นแม่ของจรณ์จิณณ์

 

หม่อมเจ้าจันทรารัตน์ ปัณณ์ปริชญ์ปัถย์ / จันทรารัตน์ กวินกานต์ / หม่อมจันทรารัตน์ ไวทย์เวธน์ทิวากร ณ อยุธยา

สถานะ : คนรักของแม่วาด แม่เลี้ยงของจรณ์จิณณ์ ภรรยาในนามของชรัน

 

พันโทชรัน กวินกานต์

สถานะ : พ่อของจรณ์จิณณ์ สามีของแม่วาด คุณจันทร์ วิมล

 

นักเรียนนายร้อยปัณณ์จรณ์ กวินกานต์

สถานะ : ลูกชายของชรันและแม่วาด

 

นักเรียนนายร้อยปัณณ์จิณณ์ กวินกานต์

สถานะ : ลูกชายของชรันและแม่วาด

 

วิมลตรา ดารารายณ์

สถานะ : ภรรยารองของชรัน

 

ชิรินตรา กวินกานต์

สถานะ : ลูกสาวของชรันกับภรรยารอง

 

รินจายา เปรมวาณิชย์

สถานะ : เพื่อนแม่วาดกับคุณจันทร์

 

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทวินปัณณ์ปริชญ์ปัถย์

สถานะ : เสด็จพ่อของคุณจันทร์

 

หม่อมเจ้าศิวากร ชิญชาญ ปัณณ์ปริชญ์ปัถย์

สถานะ : ท่านแม่ของคุณจันทร์และชายาในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทวินปัณณ์ปริชญ์ปัถย์

 

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปันภาพร ไวทย์เวธน์ทิวากร

สถานะ : เสด็จป้าของพลตรีหม่อมเจ้าสาทิสยา

****เพื่อให้อ่านได้อย่างอรรถรสขอให้นักอ่านแวะเข้ามาอ่านครงนี้เล็กน้อยนะคะ****

 

1.คุณจันทร์เป็นหม่อมเจ้าหญิง แต่ในเรื่องจะเรียกว่าคุณจันทร์เพราะว่าคุณจันทร์ได้สละยศเป็นสามัญชนแต่งงานกับชรันและตอนแต่งงานกับหม่อมเจ้าสาทิสยา (หรือแม่วาด) ก็แต่งตอนเป็นสามัญชน ดังนั้นจึงเรียกคุณจันทร์ค่ะ

2.คุณจันทร์อนุญาตให้แม่วาดเรียกคุณจันทร์ด้วยคำปกติได้ เพราะทั้งสองเป็นคนรักกัน

3.ทุกอย่างในเรื่องเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเพียงเท่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับเป็นจริงใดๆ โปรดอ่านเพื่อความเพลิดเพลินและใช้วิจารณญาณ

 

สวัสดีจ้านักอ่านทุกคนนนน ไรท์ขอฝากนิยายเรื่องเรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจนักอ่านักคนด้วยน้าาาา

เพลลิสต์เพลงมาฝากจ้า ทุกคนสามารถเข้าไปฝันเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านได้นะคะ

https://open.spotify.com/playlist/2FsZanXiU18yXisLHv58WG?si=48c563e9601d4084

 

ผังตัวละคร


 


 

 

 

ขอฝากนิยายเรื่องอื่นๆ ของเราด้วยน้าาา

 

 

เรื่องย่อ : เอมมาริน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของโซเรลถูกลูกหลงโดนยิงจะกลุ่มผู้ประท้วงวิญญาณของเธอล่องลอยเข้าสู่ร่างของเอราเบล ลี ลูกสาวของตระกูลลีที่มีความใกล้ชิดทางสายเลือดกับราชวงศ์ โชคชะตาของเธอคือการชดใช้ไม่ว่าเธอจะอยู่สูงเพียงใด เธอต้องพบกับการสูญเสียพลัดพรากเฉกเช่นเดียวกันกับคนรักของเธอ

 

 

 

เรื่องย่อ : เลขาท่านผู้นำอย่างเอบิซาถูกจับให้มาแต่งงานกับผู้ปกครองเผ่างูในป่าลึกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าบรรพชนจากการบูชาหญิงสาวเพื่อให้กำเนิดทายาทรุ่นต่อไปของอาวคลาส วาดิม เธียร์

 

 


 

เรื่องย่อ : ไม่ใช่แนวเกิดใหม่…แต่เป็นการทำงานรอนรกว่าง! ไป๋เหลียงคือหญิงสาวที่เข้าไปอยู่ในร่างของฮุุ่ยเจิน ผู้เป็นคุณนายใหญ่ตระกูลเหว่ย

 

 

 

 

 

 

สารบัญ

เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 0 บทนำ,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 1 เมื่อแรกพบเจอ,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 2 เมื่อเราใจตรงกัน,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 3 เจ็บปวด,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 4 ข้อตกลง,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 5 เริ่มต้นที่จุดสิ้นสุด 1/2,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 6 เริ่มต้นที่จุดสิ้นสุด 2/2,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 7 ไปเที่ยวอยุธยา,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 8 กลับวัง,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 9 ไปเที่ยวภูเก็ต,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 10 เรียบง่ายแต่สุขใจ,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 11 พ่อแม่,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 12 ความจริงมองอยู่ที่คนมอง,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 13 หม่อมคนแรก,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 14 วันหมั้น,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-E-book เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)

เนื้อหา

บทที่ 0 บทนำ


โรงแรมพรรณนารา


       “สวัสดีค่ะคุณหญิงจันทร์” คุณหญิงกมลผู้ซึ่งเป็นภรรยาของนายพลประภพและเป็นเจ้าภาพงานนี้ เดินเข้ามาทักเธอ ขณะย่างก้าวเข้ามาในห้องบอลรูมของโรงแรม


        “สวัสดีค่ะคุณหญิงกมล” เธอรับไหว้คุณหญิงกมล


        “เชิญคุณหญิงด้านในเลยค่ะ” คุณหญิงกมลเป็นคนวางตัวดี ให้เกียรติเธอทั้งต่อหน้าและลับหลัง ถึงแม้ว่าเธอจะสละฐานันดรเพื่อมาแต่งงานกับชรันเยี่ยงสามัญชนแล้วก็ตาม


        เธอตามคุณหญิงกมลไปด้านในและถูกจัดให้นั่งโต๊ะด้านหน้าสุด ภายในงานมีเหล่าคุณหญิง


        คุณนายมากมาย ไม่มีใครกล้าปฏิเสธคำเชิญของคุณหญิงกมลได้ แต่ใครจะปฏิเสธกันล่ะ? มีแต่คนอยากเข้ามาตีสนิทกับคุณหญิงกมลทั้งนั้นเพื่อจะขอให้ช่วยสามีของหล่อนได้เลื่อนตำแหน่ง


        “คุณหญิงสมร ผู้หญิงคนนั้นคือใครกัน นั่งผิดโต๊ะหรือเปล่า โต๊ะนั้นเขามีให้กับเหล่าภรรยาท่านนายพลไม่ใช่หรือ ผู้หญิงคนนั้นดูยังไงอายุก็ไม่เกินสี่สิบ ดูเป็นพวกไม่รู้ความยังไงไม่รู้” หญิงสาววัยกลางคนที่กำลังก้าวสู่วัยชรานั่งจับกลุ่มนินทาคนนั้นทีคนนี้ที พูดถึงคุณจันทร์อย่างออกรสชาติ ฟังจากเสียงและสำเนียงการพูด เหมือนจะเป็น


        คุณนายใหม่อายุน่าจะไม่ใช่น้อยๆ เลยทีเดียว ยังเป็นคนแก่ขี้เมาท์อีก ช่างน่าสังเวช...


        คุณจันทร์ได้ยินคุณหญิงคุณนายพูดถึงเธออย่างสนุกปาก นินทาเธอราวกับว่าเธอไม่ได้ยิน ทว่าเธอกลับนิ่งเฉยไม่ใส่ใจหรือแสดงท่าทีอะไร


        เพราะเธอชินเสียแล้ว มันมักจะเป็นเช่นนี้เสมอ...ไม่ว่าเธอไปร่วมงานของใคร เรื่องราวของเธอก็กลายเป็นที่สนุกปากของวงสังคมภรรยาทหาร หญิงสาวสูงศักดิ์สละฐานันดรที่ทรงเกียรติมาแต่งงานกับสามัญชน


        “เธอน่ะมาใหม่สินะ” คุณหญิงอีกคนที่ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูเป็นคนมีวุฒิภาวะและเหมือนไม่ใช่คนช่างนินทาแตกต่างจากคนก่อนหน้านี้คือคุณหญิงดวง กระโดดร่วมวงสนทนา


        “นั่นน่ะคุณหญิงจันทร์หรือก็คือหม่อมเจ้าจันทรารัตน์ ปัณณ์ปริชญ์ปัถย์ ท่านได้สละยศเพื่อมาแต่งงานกับ พันโทชรัน กวินกานต์ แม้ตอนนี้ท่านจะเป็นเพียงสามัญชน แต่ใช่ว่าจะละเลยไม่ให้เกียรติท่านได้ การที่ท่านได้นั่งตรงนั้นสมควรแล้ว”


         คุณหญิงขี้นินทาอย่างตัวเริ่มเรื่องพอได้ฟังก็ตกใจ ว่าคุณหญิงจันทร์คนนั้นเป็นถึงหม่อมเจ้า แต่พอตั้งใจทบทวนประโยคบอกเล่าเมื่อกี้ฟังดูคุ้นหูกับพันโทชรัน กวินกานต์ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจ


         “พันโทชรัน กวินกานต์ คนที่เขาพูดๆ กันใช่ไหมคะว่ามีเมียน้อยก่อนที่จะมาแต่งงานกับคุณจันทร์และมีลูกด้วยกันด้วย แต่ทางครอบครัวฝ่ายชายไม่จัดการอะไร เพราะเมียหลวงอย่างคุณจันทร์ไม่มีลูกให้เขา ข่าวลือนี่? จริงใช่ไหมคะ?” ในกลุ่มคุณนายสายขี้นินทานั้น ก็มีคนที่ไม่ชอบพวกปากไม่มีหูรูด บางคนก็อยากจะพูดเสียเต็มแก่


         “ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะ ก่อนที่จะมาแต่งงานกับคุณหญิงจันทร์ พันโทชรันเคยแต่งงานกับคุณหญิงวาดมาก่อนและก่อนแต่งงานกับคุณหญิงวาด พันโทชรันได้มีผู้หญิงคนนั้นอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีใครรับรู้ ความดันมาแตกตอนที่คุณหญิงวาดกำลังตั้งครรภ์ ผู้หญิงคนนั้นชื่อว่าอะไรนะคุณหญิงสร้อย”


         คุณหญิงดวงพยายามตอบคำถามนั้นแบบเลี่ยงๆ ไม่ต้องการไปสร้างความเข้าใจแบบผิดๆ ให้กับคุณนายใหม่ช่างนินทาคนนี้ และได้โยนเผือกร้อนไปใส่คนที่คิดว่าน่าจะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุด


        “ชื่อวิมล แต่จะว่าไปก็สงสารคุณหญิงจันทร์เช่นกันเป็นถึงเจ้าเป็นถึงนาย แต่ต้องมาสมรสกับสามัญชนและถูกหยามเกียรติเช่นนี้อีก ไม่รู้ยอมเข้าไปได้ยังไง เป็นฉันนะจะเอาไม่ให้ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเลยทีเดียว"
         คุณหญิงสร้อยเป็นพวกชอบราวีเมียน้อยของสามีตัวเองราวกับว่าถ้าเธอสำเร็จ ชัยชนะจะอยู่ในมือเธอ สามีก็คงเชื่อฟังเธอ ทั้งที่ความจริงเป็นเรื่องราวตลกๆ ที่ฝั่งผู้ชายเขาเล่าอย่างสนุกปากกันเท่านั้น คุณหญิงสร้อยกล่าวต่อว่า


         “แต่ก็นะถึงจะมีลูกชายฝาแฝดจากคุณวาดแล้วแต่ครอบครัวฝ่ายชายโดยเฉพาะแม่ของชรันก็ยังหวังว่าจะมีหลานที่เกิดจากแม่ที่สูงศักดิ์ด้วยเช่นกัน แต่พอไม่มีให้ก็หมดค่าในสายตาแม่สามี”
         คุณหญิงสร้อยช่วงแรกของการพูดเต็มไปด้วยน้ำเสียงกึ่งโมโหชวนตีนิดๆ และสักพักก็ถอนหายใจพูดออกมาด้วยความปลงในโชคชะตาของคุณจันทร์


        “ฉันสงสัย ตอนนั้นก็น่าจะรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพันโทชรันมีเมียน้อย แต่ทำไมท่านถึงยอมสละฐานันดรมาแต่งงานกับพันโทชรันล่ะ” ผู้หญิงตัวต้นเรื่องขี้นินทาเอ่ยถามคุณหญิงสร้อยต่อ


        “เสด็จพ่อของท่านกล่าวว่าจะยกคุณหญิงจันทร์ให้พันโทชรันแล้ว จะกลับคำได้เสียที่ไหน”
จู่ๆ ก็มีผู้หญิงปากร้ายไม่มีหัวคิดพูดออกมา


         “เหอะ! เป็นถึงหม่อมเจ้าผัวก็มีเมียน้อยเหมือนกันนั่นแหละ ไม่ต่างอะไรกับพวกเราสักนิด วิเศษวิโสตรงไหนกัน!” 
         คุณหญิงกานดาเป็นคุณหญิงที่หลายคนรังเกียจ เพราะจากการพูดอะไรสิ้นคิดของเธอ ถ้าไม่ติดว่าพ่อของเธอเคยเป็นแม่ทัพภาคที่สี่มาก่อน สามีของเธอคงขอหย่าขาดไปนานแล้ว


         แม้หลายคนคิดเช่นคุณหญิงกานดาพูดและแอบสะใจอยู่ลึกๆ ที่ในที่สุดก็มีคนพูดมันออกมา แต่ก็ไม่สามารถแสดงท่าทีออกมาได้เหมือนกับคุณหญิงกานดาที่เอาแต่พูดจาดูถูกคุณหญิงจันทร์รุนแรงแบบนั้น ได้แต่นิ่งเฉยเพราะกลัวว่าคุณจันทร์จะได้ยินสิ่งที่พวกเธอพูดคุยกัน

          แม้คุณจันทร์จะสละยศลาออกจากฐานันดรแล้วแต่อย่าลืมว่าคุณหญิงจันทร์เป็นพระธิดาของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทวินปัณณ์ปริชญ์ปัถย์ กับหม่อมเจ้าศิวากร ชิญชาญ ปัณณ์ปริชญ์ปัถย์ ชายาในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทวินปัณณ์ปริชญ์ปัถย์


         …พอมีคนเปิดก็มีคนตาม…



        “ก็อย่างว่าแหละสูงศักดิ์แค่ไหนถ้ามัดใจผัวไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ ดูรวมๆ แล้วคุณหญิงจันทร์ออกจะจืดชืดไปนิด อย่างว่าแหละเป็นกุลสตรีชาววังต้องเรียบร้อย ~ ~ ~" คุณหญิงสร้อยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูน่าเชื่อถือแต่ให้อารมณ์สวนทางกับน้ำเสียงนั่น มันฟังดูเย้ยหยัน


        “ฉันว่าไม่นิดนะ ฮ่าๆ ๆ”


        “บอกตามตรงถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายที่ดูว่าเด็ก การแต่งตัวการแต่งหน้าคือแก่มากกว่าพวกเราเสียอีกนะ ฮ่าๆ ๆ”


         เธอนั่งฟังคนวิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ อย่างสงบ...สามีไม่รักใคร่? แต่งตัวเชย? แต่งหน้าทำผมแก่?...นั่นเป็นสิ่งที่ฉันประสงค์ให้เป็น การเป็นเจ้าไม่ใช่มีสายเลือดก็เป็นได้ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องถูกหล่อหลอมจากการอบรม การแต่งกายให้ตัวเองดูดีก็เพื่อคงไว้ถึงสิ่งที่เรายึดถือ คำนึงถึง


         นั่นคือ...กาลเทศะ เธอสามารถแต่งในแบบที่เธออยากแต่งได้ แต่ไม่ทำเพราะไม่เห็นถึงความจำเป็น


        ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเอาใจผู้ชายคนนั้น


        หลังจบงานเลี้ยง เดิมทีเธอคิดจะกลับบ้านเพื่อเตรียมเก็บของย้ายออกหลังจากหย่ากับชรันเรียบร้อยแล้วไม่กี่วันก่อน แต่เนื่องจากยังไม่มีใครรู้ว่าเธอกับชรันหย่ากันแล้ว ทำให้ต้องมางานเลี้ยงนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ จะปฏิเสธก็ไม่ได้เช่นกัน เธอมางานเลี้ยงของเหล่าคุณนายทหารในฐานะภรรยาของพันโทชรัน กวินกานต์


        เป็นครั้งสุดท้ายและมันจะไม่มีอีกแล้ว... เธอแต่งงานกับชรันก็เพื่อเด็กสองคน เพื่อปกป้องพวกเขา แต่เวลานี้เธอเห็นสมควรว่าควรพอเสียที
เพราะเธอไม่สามารถทนต่อไปได้อีก 



        เพราะ...ธอเกลียดชรัน...



        เธอไม่สามารถทนมองหน้าชรันและแสร้งว่าไม่รู้สึกอะไรไม่ได้ ชายผู้เห็นแก่ตัวทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์ ชายที่ทำให้ฉันสูญเสียแม่วาดไปตลอดกาล


       ฉันไม่ต้องการหายใจร่วมบ้านกับชายคนนั้นอีกแล้ว



       ระหว่างจมอยู่ในอดีตที่ผ่านมาสายตาของเธอเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง


       วิมลภรรยารองของชรันมาที่โรงแรมแห่งนี้ ดูจากการที่เธอคนนั้นจ้องมาที่เธอคงคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่อยากจะคุยด้วย จะพูดว่านี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เราจะได้มานั่งพูดคุยกัน เธอเดินนำไปที่ห้องอาหารของโรงแรมและสั่งเครื่องดื่ม


         เธอถามผู้หญิงคนนั้น “อยากกินอะไรไหม”


         “ขอน้ำส้มค่ะ”


         หลังจากบริกรจากไปก็ไม่มีใครพูดอะไร จนเธอเป็นคนเริ่มบทสนทนา “ดูเหมือนเธอจะมีเรื่องที่จะคุยกับฉัน” ผู้หญิงคนนั้นมีท่าทีลังเลแต่ก็ตัดสินใจพูดออกมา



       “คุณหญิงหย่ากับชรันแล้วหรือคะ” ข่าวไวดีแฮะ  สงสัยคนงานที่บ้านคงเป็นสายข่าวให้


       “ใช่แล้ว สงสัยอะไรหรือแม่วิมล” เธอสบตาของภรรยารองของสามีในนามและกำลังสื่อสารว่าเธอต้องการอะไร แม่วิมลที่คุณจันทร์กล่าวถึงนั่งถูมือซ้ำๆ ราวกับระบายความรู้สึกบางอย่างออกมา


       “แม่วิมล ฉันจะขอพูดอะไรบางอย่างนะ แม่วิมลเป็นคนสวยและเก่งเคยสอบชิงทุนได้ไปเรียนต่อต่างประเทศแต่ก็ต้องสละเพราะรักชรัน อยากอยู่ไทยเพื่อสร้างครอบครัวกับชรัน แต่ว่านะ...” คุณจันทร์เงียบไปจิบกาแฟเล็กน้อยก่อนจะจ้องแม่วิมลด้วยสายตาที่บอกว่าเธอคิดแบบนี้


         “แม่วิมลจะเป็นคนที่สง่างามมากกว่านี้ ถ้าเธอเลือกไปเรียนต่อในตอนนั้น ผู้ชายอย่างชรันไม่สมควรได้ความรักจากใครทั้งนั้น ฉันไม่รู้ว่าแม่วิมลเป็นคนมั่นคงในความรักหรือคนโง่ดี แต่ก็สุดแล้วแม่จะไตร่ตรองดูเถิด ส่วนฉันหย่ากับชรันนั่นก็เพียงเรื่องระหว่างฉันกับชรัน ฉันคิดว่าตัวเองทนมามากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้ใครมาลบหลู่เกียรติของเสด็จพ่อและท่านแม่ของฉัน ยี่สิบปีมันก็มากพอแล้ว ฉันขอตัวก่อน”


        แม่วิมลโพล่งขึ้นมา “ทำไมตอนนั้นคุณจันทร์แต่งงานกับชรัน คุณจันทร์ปฏิเสธได้นี่คะ?”


         คุณจันทร์ชะลอฝีเท้าหันกลับมาตอบคำถามนั้นกับแม่วิมล แต่แม่วิมลกลับโพล่งแย้งคุณจันทร์พูดอีกครั้ง


         “ถ้าตอนนั้นคุณจันทร์ปฏิเสธ ฉันก็ไม่ต้องอยู่แบบนี้ คุณจันทร์ก็ไม่ต้องโดนดูถูก” แม่วิมลพูดด้วยความดื้อด้าน หัวรั้น ราวกับว่าทำไมมันต้องเป็นเช่นนั้น คาดคั้นจะเอาคำตอบเสียให้ได้


        คุณจันทร์เอ่ยกลับไป “แม่วิมล เวลาตอนนั้นหรือตอนนี้ ผลลัพธ์ของมันก็ไม่ต่างจากเดิมหรอก ถึงฉันไม่ตอบตกลงคนอื่นก็ตกลงอยู่ดี แม่เป็นคนฉลาดคิดใคร่ครวญให้ดีเถิด”


          คุณหญิงจันทร์เดินออกมาด้วยท่าทีที่นิ่งสงบ เรื่องผิดถูกในเรื่องของความรักยากที่ใครจะไปตัดสิน เธอเองก็ไม่ได้มีหน้าที่ไปตัดสินใคร เธอพูดทุกอย่างจากความรู้สึก ถ้าพูดถึงเรื่องศีลธรรม...โลกใบนี้ทำให้เธอสับสนกับคำนี้อย่างมาก ตัวของเธอเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นหรอก ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ขัดขวางความรักของแม่วิมลหรอก ไม่ว่าตอนนั้นสาเหตุที่ทำให้แม่วาดเกิดการคลอดก่อนกำหนดจะเป็นแม่วิมลหรือไม่ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ได้มาจากเธอ ดังนั้น ฉันไม่ต้องการให้คนแบบนี้มีความสุข


          หลังจากแต่งงานเธอให้คนสนิทของเสด็จพ่อไปสืบ ผู้หญิงคนนี้ดวงตาเต็มไปด้วยความรักคงไม่มีทางหาทางออกให้กับทางเลือกอื่นของชีวิตแล้วล่ะ น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ


           ชรันเป็นคนรักและเคารพพ่อแม่ของเขามาก ยังไงเขาก็ต้องเลือกคู่ครองที่พ่อแม่ชอบเท่านั้น


          “แม่ครับ แม่จะหย่ากับพ่อเหรอครับ”


          จรณ์และจิณณ์ฝาแฝดชายเป็นลูกของผู้เป็นที่รักของเธอ ได้เดินมาถามเธอถึงเรื่องการหย่าร้างระหว่างเธอกับพ่อของเขา เธอรู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องกลับไปเป็นตัวเองเสียที เธออยากกลับไปใช้ชีวิตในบ้านที่เธอและแม่วาดเคยใช้ชีวิตร่วมกัน เธออยากใช้ชีวิตที่เหลือไปกับแม่วาดแม้มันจะหลงเหลือแค่ความทรงจำก็ตาม


         “ใช่แล้วลูก” เธอตอบไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่ว่าจะมองพวกเขากี่ครั้งก็รู้สึกภูมิใจที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขา ได้เลี้ยงดูพวกเขา



         ฉันแต่งงานมาแล้วยี่สิบปี ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงวันที่ฉันจะได้เป็นอิสระ...



         “แม่...” เธอมองพวกเขาและรับรู้ได้ว่าพวกเขาเองก็รู้สึกใจหายกับเรื่องราวที่ได้รับรู้นี้เช่นกันเพราะพวกเขารับรู้มาตลอดระหว่างเรื่องของเธอกับพ่อของพวกเขา คงทั้งรู้สึกใจหายและเข้าใจได้ในขณะขบคิดถึงเรื่องราวในอดีต


         เพราะตลอดยี่สิบที่ผ่านมาหลายคนคงจะชื่นชมและสมเพชเธอ ที่ทนให้สามีในนามไปมีบ้านเล็กมาตลอดชีวิตของการสมรส ถ้าพูดในมุมมองของเธอ เธอไม่เคยต้องใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้และเธอก็ไม่ได้แคร์ว่าใครจะคิดยังไงเพราะจรณ์จิณณ์สำคัญที่สุดสำหรับเธอ พวกเขาคืออย่างสุดท้ายที่ผู้เป็นที่รักยิ่งทิ้งเอาไว้ก่อนจากโลกนี้ไป


         “พวกลูกดูแลตัวเองด้วยนะ ถ้ามีอะไรไม่สบายใจโทรหาแม่ได้เสมอ แม่รักลูกนะ” เธอได้เตรียมตัวและเตรียมพร้อมมานานแล้วสำหรับการก้าวออกไปมีชีวิตที่อยากได้นี้กับคนรักที่ได้อยู่ในโลกคู่ขนานกับเธอ


          เธอพร้อมแล้ว...


          “ครับแม่ ให้พวกเราสองคนไปส่งนะครับ”


          “ได้จ้ะ”



          เด็กทั้งสองคนในวันวานเป็นเด็กน้อยที่น่ารัก พอโตขึ้นเป็นหนุ่มก็องอาจสมกับเป็นนักเรียนนายร้อย แม้จรณ์จิณณ์จะไม่สนิทกับพ่อของเขา ถ้าพูดถึงการเป็นทหาร ชรันเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก ฉันภูมิใจที่ได้เลี้ยงพวกเขาสองคนมา หน้าตาของจรณ์จิณณ์เหมือนกับแม่ของพวกเขา...






          ฉันเดินทางมาถึงจุดนี้ได้อย่างไรกันนะ...ถ้าจะให้ย้อนกลับไปคงจะเป็นยี่สิบปีที่แล้วกระมัง