หญิงสาวชนชั้นสูงยอมแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก เพื่อเลี้ยงดูลูกของคนรักที่ได้จากไป ยี่สิบปีต่อมาพวกเขาได้โอกาสให้กลับมารักกัน
รัก,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,แต่งงาน,ท้อง,ทหาร,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)หญิงสาวชนชั้นสูงยอมแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก เพื่อเลี้ยงดูลูกของคนรักที่ได้จากไป ยี่สิบปีต่อมาพวกเขาได้โอกาสให้กลับมารักกัน
เรื่องย่อ
หญิงสาวชนชั้นสูงยอมแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก เพื่อเลี้ยงดูลูกของคนรักที่ได้จากไป ยี่สิบปีต่อมาพวกเขาได้โอกาสให้กลับมารักกัน
ตัวละคร
พลตรี หม่อมเจ้าสาทิสยา ไวทย์เวธน์ทิวากร / แม่วาด
สถานะ : คนรักของคุณจันทร์ และเป็นแม่ของจรณ์จิณณ์
หม่อมเจ้าจันทรารัตน์ ปัณณ์ปริชญ์ปัถย์ / จันทรารัตน์ กวินกานต์ / หม่อมจันทรารัตน์ ไวทย์เวธน์ทิวากร ณ อยุธยา
สถานะ : คนรักของแม่วาด แม่เลี้ยงของจรณ์จิณณ์ ภรรยาในนามของชรัน
พันโทชรัน กวินกานต์
สถานะ : พ่อของจรณ์จิณณ์ สามีของแม่วาด คุณจันทร์ วิมล
นักเรียนนายร้อยปัณณ์จรณ์ กวินกานต์
สถานะ : ลูกชายของชรันและแม่วาด
นักเรียนนายร้อยปัณณ์จิณณ์ กวินกานต์
สถานะ : ลูกชายของชรันและแม่วาด
วิมลตรา ดารารายณ์
สถานะ : ภรรยารองของชรัน
ชิรินตรา กวินกานต์
สถานะ : ลูกสาวของชรันกับภรรยารอง
รินจายา เปรมวาณิชย์
สถานะ : เพื่อนแม่วาดกับคุณจันทร์
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทวินปัณณ์ปริชญ์ปัถย์
สถานะ : เสด็จพ่อของคุณจันทร์
หม่อมเจ้าศิวากร ชิญชาญ ปัณณ์ปริชญ์ปัถย์
สถานะ : ท่านแม่ของคุณจันทร์และชายาในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทวินปัณณ์ปริชญ์ปัถย์
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปันภาพร ไวทย์เวธน์ทิวากร
สถานะ : เสด็จป้าของพลตรีหม่อมเจ้าสาทิสยา
****เพื่อให้อ่านได้อย่างอรรถรสขอให้นักอ่านแวะเข้ามาอ่านครงนี้เล็กน้อยนะคะ****
1.คุณจันทร์เป็นหม่อมเจ้าหญิง แต่ในเรื่องจะเรียกว่าคุณจันทร์เพราะว่าคุณจันทร์ได้สละยศเป็นสามัญชนแต่งงานกับชรันและตอนแต่งงานกับหม่อมเจ้าสาทิสยา (หรือแม่วาด) ก็แต่งตอนเป็นสามัญชน ดังนั้นจึงเรียกคุณจันทร์ค่ะ
2.คุณจันทร์อนุญาตให้แม่วาดเรียกคุณจันทร์ด้วยคำปกติได้ เพราะทั้งสองเป็นคนรักกัน
3.ทุกอย่างในเรื่องเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเพียงเท่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับเป็นจริงใดๆ โปรดอ่านเพื่อความเพลิดเพลินและใช้วิจารณญาณ
สวัสดีจ้านักอ่านทุกคนนนน ไรท์ขอฝากนิยายเรื่องเรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจนักอ่านักคนด้วยน้าาาา
เพลลิสต์เพลงมาฝากจ้า ทุกคนสามารถเข้าไปฝันเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านได้นะคะ
https://open.spotify.com/playlist/2FsZanXiU18yXisLHv58WG?si=48c563e9601d4084
ผังตัวละคร
ขอฝากนิยายเรื่องอื่นๆ ของเราด้วยน้าาา
เรื่องย่อ : เอมมาริน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของโซเรลถูกลูกหลงโดนยิงจะกลุ่มผู้ประท้วงวิญญาณของเธอล่องลอยเข้าสู่ร่างของเอราเบล ลี ลูกสาวของตระกูลลีที่มีความใกล้ชิดทางสายเลือดกับราชวงศ์ โชคชะตาของเธอคือการชดใช้ไม่ว่าเธอจะอยู่สูงเพียงใด เธอต้องพบกับการสูญเสียพลัดพรากเฉกเช่นเดียวกันกับคนรักของเธอ
เรื่องย่อ : เลขาท่านผู้นำอย่างเอบิซาถูกจับให้มาแต่งงานกับผู้ปกครองเผ่างูในป่าลึกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าบรรพชนจากการบูชาหญิงสาวเพื่อให้กำเนิดทายาทรุ่นต่อไปของอาวคลาส วาดิม เธียร์
เรื่องย่อ : ไม่ใช่แนวเกิดใหม่…แต่เป็นการทำงานรอนรกว่าง! ไป๋เหลียงคือหญิงสาวที่เข้าไปอยู่ในร่างของฮุุ่ยเจิน ผู้เป็นคุณนายใหญ่ตระกูลเหว่ย
บทที่ 8
กลับวัง
ขณะนี้เราสองคนกำลังเตรียมตัวขึ้นรถไฟกลับกรุงเทพโดยที่คุณจันทร์คอยมีเขาดูแลอยู่ข้างๆ หลังจากกินยาแก็แฮงก์ก็มีสติขึ้นมาบ้าง ดีที่เราสองจองตั๋วแบบเตียงนอนไว้คุณจันทร์จะได้นอนสบายๆ หน่อย
คุณจันทร์บอกกับเขาว่าให้เราแยกกันกลับเพราะเขาซื้อของมาฝากต้นห้องของหม่อมเจ้าสาทิสจึงต้องแยกย้ายกันกลับไปก่อน ความจริงเขาเองก็เป็นห่วงคุณจันทร์แต่เมื่อเห็นว่าอีกคนดูโอเคแล้วเขาจึงวางใจได้บ้าง
วังทิวากร
“เสด็จกลับมาแล้วเหรือเพคะท่านชาย”
“กลับมาแล้วคุณสน มีของฝากมาให้ด้วยนะ”
“ไปเที่ยวสนุกไหมเพคะ อยุธยาเปลี่ยนไปเยอะใช่ไหมเพคะ”
“ใช่เลยสน เปลี่ยนไปเยอะเลย สนจัดเตรียมกระเป๋าให้ฉันหน่อยนะ ครั้งนี้ฉันจะไปภูเก็ต”
“ได้เพคะท่านชาย ท่านชายทรงประสงค์พักที่บ้านของหม่อมดาไหมเพคะ สนจะได้บอกให้คนไปเตรียม” หม่อมดาหรือหม่อมดาภารีเป็นหม่อมในพระองค์ท่านฉัตร ผู้เป็นมารดาของหม่อมเจ้าสาทิสยา
“ฉันจะพักที่นั่น ขอบคุณนะสน”
“เพคะท่านชาย พระพักตร์ของท่านชายดูสดใสมากเลยเพคะ ท่านชายมีคนฤทัยแล้วหรือเพคะ”
“หน้าของฉันดูออกขนาดนั้นเลยหรือสน” แม่วาดไม่ตอบคำถามของต้นห้อง แต่ถามกลับราวกับบอกเป็นนัยๆ ว่าเขามีคนในดวงฤทัยแล้ว ดวงหน้าที่เหมือนจะหยอกเย้าคนแก่ ทำให้คนแก่สามารถยิ้มออกมาอย่างเบิกบานใจ ซึ่งในที่สุดท่านชายของเธอจะมีคู่ชีวิตกับเขาเสียที
สนคือต้นห้องเป็นแม่นมของหม่อมเจ้าสาทิสยา ในวังทิวากรช่างเงียบเหงาแห่งนี้ เพราะท่านชายไม่ยินยอมมีครอบครัวเสียที ทำให้คนดูแลท่านชายตั้งแต่พระองค์ท่านจากไปอย่างสนก็อดโดดเดี่ยวแทนท่านชายไม่ได้ เมื่อท่านมีคนรักย่อมดีใจเป็นธรรมดา
“ให้สนเดาได้ไหมเพคะ หญิงสาวที่ท่านไปเที่ยวด้วยคือคนที่ท่านชายไปอยู่ด้วยบ่อยๆ ใช่หรือไม่เพคะ”
แม่วาดยิ้มเบาๆ ก่อนตอบ “บ่อยอะไรกันสนไม่กี่วันเอง แต่ใช่แล้วสน คนนั้นแหล่ะ”
“ท่านชายจริงจังกับเธอหรือเปล่าเพคะ” แม่วาดชะงักเพียงชั่วครู่ก่อนเอ่ยกับสนอย่างตรงไปตรงมา
“จริงจังสิ ฉันรักของฉันมานานแล้วสน ฉันน่ะ...รอเขามาตลอด...ในที่สุดก็มีวันที่เราสองคนจะได้ใช้ชีวิตด้วยกันเสียที...” สนผู้ซึ่งเป็นต้นห้องและแม่นมจับน้ำเสียงของท่านชายที่ตัวเองดูแลมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์มีหรือจะฟังไม่ออกมาว่าท่านเจ็บปวดรวดร้าวเพียงใด
และก็ทำให้เธอประหลาดใจเช่นเดียวกัน เพราะเท่าที่ฟังดูท่านชายไม่เคยมีคนรัก มีแต่ทำงานๆ แค่เรื่องชู้สาวยังพบเจอได้ยากยิ่งกว่าอะไรดี ประโยคที่ท่านเอ่ยเหมือนรักและรอคอยคนๆ หนึ่งมานานแสนนาน
เธอจะตีความไปได้หรือไม่ว่าท่านชายของเธอต้องแอบรักใครสักคนในวัยเยาว์ แต่ทำไมถึงเพิ่งมามีโอกาสตอนนี้ล่ะ? ท่านชายสูงศักดิ์ถึงเพียงนี้ไม่มีทางที่หญิงใดจะไม่ตอบรับท่านชาย ยกเว้นแต่ว่า...หญิงสาวคนนั้นมีครอบครัว? ท่านชายหลงรักหญิงสาวที่มีครอบครัว! เธอได้แต่คิดแต่ก็ไม่กล้าถามออกไป
“ท่านชายเพคะ ในเมื่อท่านชายจริงจังกับเธอจะไม่เป็นการดีกว่าหรือเพคะที่จะพาเธอมาที่วัง”
“ความจริงฉันก็คิดไว้อยู่เหมือนกัน ไว้วันหลังฉันจะพาเธอมานะ”
เธอยิ้มตอบรับท่านชายไป แม้เธอจะดีใจท่านชายมีคนรักแล้วถึงขนาดไปอยู่ด้วยกันที่บ้านหญิงสาวแล้วคิดจริงจัง ในคราแรกเธอทั้งดีใจและยินดีให้กับราชสกุลไวทย์เวธน์ทิวากรจะได้มีทายาทกับเขาเสียที แม้จะสายไปหน่อยสักสี่สิบปี
คาดเดาไปว่าเป็นหญิงสาวที่ผ่านการแต่งงานมีครอบครัวมาแล้วก็ไม่สามารถทำให้ใจเธอสงบได้หรือสุขอย่างไม่สุด แต่ในเมื่อเป็นประสงค์ของท่านอย่างไรเสียเธอก็อยากเห็นท่านชายมีความสุขมากกว่าอะไรทั้งนั้น
การไปภูเก็ตเราสองคนไม่ได้ใช้บริการรถสาธารณะเพราะคุณจันทร์บอกว่าจะขับรถไปเอง เธอเป็นคนที่ชอบขับรถมาก น้อยคนจะรู้ว่าท่านชอบรถชอบแข่งรถ ด้วยค่านิยมสมัยก่อนหญิงสาวถูกจำกัดสิทธิ์มากมายไม่ว่าจะชนชั้นใดขึ้นชื่อว่านางสาวก็ไม่มีสิทธิ์เสียแล้ว
พอรู้ว่าท่านยังสามารถทำสิ่งที่ชอบได้อยู่ก็อดดีใจไปด้วยไม่ได้ ต้องขอบคุณที่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปหรือขอบคุณที่ผู้คนเปิดใจยอมรับกันนะ แต่ไม่ว่าอย่างไรเราก็ขอบคุณทุกสิ่งที่ประกอบขึ้นมาซึ่งทำให้เราสองคนมีวันนี้ มันเป็นความตื้นตันและสุขจนล้นอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน
เราตกลงกันว่าจะใส่ชุดเสื้อผ้าสบายๆ แล้วแยกกันแต่งตัว แน่นอนว่าสบายๆ ของเขากับคุณจันทร์ย่อมสวนทางกันเสมอ สุดท้ายเขาก็ต้องใส่ชุดที่คุณจันทร์เตรียมไว้ให้ เป็นกางเกงขาสั้นเสื้อเชิ้ตแขนสั้น ร้องเท้าแตะ
ส่วนของคุณจันทร์เป็นสาวเท่ห์ย่อมต้องแต่งแบบสาวเท่เพียงแต่ว่ารอบนี้ต่างออกไป...คราที่เขาเห็นครั้งแรกแทบลมจับ...มันโป๊เกินกว่าเขาจะรับได้
ชุดว่ายน้ำทูพีช กางเกงเว้าสูงเปิดก้นนั่นทำเขาเป็นลมแต่พอคุณจันทร์บอกว่าสมัยนี้เขาใส่กันแบบนี้พร้อมเปิดรูปให้ดูเขาแทบจะเป็นลมรอบที่สามสี่ให้ได้ รู้สึกโลกมันหมุนไปเร็วจริงๆ แต่ยังดีที่คุณจันทร์ใส่กางเกงไหมพรมถักขายาวทับ แม้มันจะช่วยปกปิดอะไรไม่ได้ก็เถอะ
เพราะมันทั้งบางทั้งการถักที่เว้นช่องไฟจนเยอะนั้นไม่ช่วยปกปิดอะไรเลยจริงๆ ด้านบนยังดีที่เป็นแบบคลาสสิกแบบสมัยก่อน ไม่หวือหวา โจ่งแจ้งเหมือนด้านล่าง คุณจันทร์สวมเสื้อครอปแขนสั้นที่บางจนเห็นด้านในทำเขาพูดไม่ออก บนศีรษะมีหมวกปีกกว้างที่เคยใส่ไปอยุธยา ส่วนรองเท้าเป็นรองเท้าแตะเหมือนกับเขา
หลังจากจัดเก็บสัมภาระทั้งหมดขึ้นรถเรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวออกเดินทาง รถที่คุณจันทร์ใช้ก็ไม่รู้ว่าเป็นรุ่นอะไรแต่มันเป็นเหมือนทรงกล่องสี่เหลี่ยมๆ สีดำ ซึ่งเป็นรถที่ใหญ่มาก
เขากลัวว่าคุณจันทร์จะขับไม่ถนัดจึงเอ่ยทักท้วงไป แต่เขาลืมไปว่าสายเลือดนักแข่งมันอยู่ในสายเลือด การขับรถคันนี้จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณจันทร์ ส่วนเขาก็โดนอีกฝ่ายหยอกเย้ากลับมาว่าให้นั่งเป็นตุ๊กตาหน้าสวยๆ ให้กำลังใจก็พอ
เรามุ่งหน้าจากกรุงเทพไปภูเก็ต ฝ่ารถติดกับสภาพอากาศที่ร้อนแรงของประเทศไทยเพื่อไปเที่ยว ใฝ่หาอิสระที่เราต้องการ ความสุขที่หาได้ง่ายๆ ที่เราไม่เคยสัมผัส คนรักของเขาเป็นคนสดใสและเข้มแข็ง ชอบเรียนรู้ ชอบทำทุกอย่างด้วยตนเองทำให้รู้สึกมีเสน่ห์แบบคาดไม่ถึง
นิ้วเรียวเคาะมาลัยรถตามจังหวะเพลงที่เปิดคลอเบาๆ ระหว่างการเดินทาง โยกหัวไปมาตามจังหวะดนตรี ร้องคอรัสเบาๆ น้ำเสียงที่ปกติช่างออดอ้อนอยู่แล้วตอนนี้ทำหลงแทบหาทางไม่ออก
ทินกรสาดส่องกระทบดวงหน้างามหมดจดสูงส่งนั้นช่างล่ำค่า เส้นผมบางๆ คลอเคลียตามกรอบใบหน้าเชิญชวนให้สัมผัส มุมปากที่ยกตามคำร้องดึงดูดให้เข้าไปใกล้ คงไม่ใช่แค่คุณจันทร์แล้วล่ะที่ชอบนั่งมองคนรักของตน เขาเองก็ไม่ต่างกัน ไม่ว่าทัศนียภาพข้างนอกรถจะสวยแค่ไหนก็สง่างามสู้คนในรถไม่ได้หรอก
เขาไม่พลาดที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปของคุณจันทร์ว่าสวยและล่ำค่าเพียงใดจากใบหน้าที่แสงกระทบนั้นช่างเจิดจรัส เมื่อได้รูปที่พอใจแล้วเขาก็อัปขึ้นไอจีอย่างที่คุณจันทร์เคยสอน โลกใบนี้มีสิ่งสร้างสรรค์ขึ้นใหม่เสมอ
“คุณจันทร์ ฉันลงภาพคุณจันทร์ในไอจีฉันนะ” คุณจันทร์ที่ขับรถอยู่ได้เอ่ยถามแต่ก็ไม่ได้ละสายตาจากท้องถนน ปากของคุณจันทร์ก็พึมพำเนื้อเพลงไป
“รูปอะไรหรือ? ถ้าแม่วาดอยากลงรูปฉันก็ไม่ว่าหรอก”
เมื่อได้รับอนุญาตแม่วาดก็กดโพสต์แต่ไม่รู้ว่าจะใช้แคปชันอะไรดีจึงได้ใส่แค่อีโมชันรูปหัวใจและดวงจันทร์
แม้แม่วาดจะสร้างไอจีได้ไม่นานยังไม่มีเพื่อนในบัญชีเท่าไร แต่ว่าโลกของเรามันไปเร็วแค่ไหนเราต่างรู้ดี AI จะค้นบัญชีของเพื่อนที่คิดว่าเราน่าจะรู้จักให้เรากดติดตามและเพื่อนๆ ที่รู้จักติดตามเราเช่นเดียวกัน ตอนนี้บัญชีของเขาขึ้นแนะนำในบัญชีที่คนรู้จักอย่างลูกของผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาหรือนายพลประภพ
ใครน่ะ? หน้าคุ้นๆ แฮะ?
เด็กหนุ่มผู้เป็นลูกชายของผู้บังคับบัญชาของหม่อมเจ้าสาทิส กดเข้ามาส่องที่หน้าโพรไฟล์ของท่านก็พบกับสิ่งที่น่าตกตะลึง ไม่รู้ว่าจะตะลึงที่หม่อมเจ้าสาทิสเล่นโซเชียลหรือการโพสต์รูปผู้หญิงคนหนึ่ง แม้จะเห็นเพียงเสี้ยวหน้าก็รู้ว่าเป็นคนที่สวยมาก ไหนจะอิโมจิรูปหัวใจอีก
เขาไม่รอช้าที่จะกดติดตามท่านลุงผู้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพ่อเขาและเป็นคนที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่นานหลังจากหายตะลึงก็รีบแชร์บัญชีไอจีหม่อมเจ้าสาทิสให้ผู้เป็นพ่อและแม่เข้ามาดูและกดติดตามให้พวกท่านรับรู้และตกตะลึงไปพร้อมกับเขา ว่าท่านมีสาวที่ชอบแล้ววว
แต่จะว่าไปผู้หญิงคนนี้น่าคุ้นๆ นะ?
“คุณจันทร์ ปัจจุบันคุณจันทร์ยังชอบแข่งรถอยู่ไหม”
“ชอบสิ ทั้งยังแข่งและก็สะสมรถเหมือนเดิมแหละ พอโตขึ้นท่านพ่อกับท่านแม่ไม่ได้สนใจหรือมากะเกณฑ์ชีวิตฉันแล้ว ถึงแม้ฉันจะไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าชอบแข่งรถเพียงใด แต่ฉันก็ยังสามารถสะสมรถได้อยู่นะแม่ มันก็พอจะเยียวยาจิตใจฉันได้บ้าง แต่ตอนนี้ดีกว่าแต่ก่อนแล้วล่ะ มีสนามให้แข่งหลายที่ บางครั้งถ้าฉันอดคิดถึงไม่ไหว ฉันก็จะเหมาสนามและขับจนกว่าจะพอใจให้หายคิดถึงบ้าง แม่วาดอยากลองอะไรตื่นเต้นไหมล่ะ?”
“คุณจันทร์ อย่าได้แม้แต่จะคิดเชียวนะ!” ไม่ต้องรอให้สิ้นเสียงแม่วาด คุณจันทร์ก็เหยียบมิดโชว์ฝีมืออันแพรวพราวที่ไม่มีคู่แข่ง (ไม่มีใครให้แข่ง) ให้แม่วาดดู
รถที่คุณจันทร์นำมามาใช้ในทริปนี้ไม่เหมาะที่จะเป็นรถแข่งเพราะความเป็นรถใหญ่ เทอะทะ เกะกะ การที่นำรถคันนี้ออกมาใช้เนื่องจากรูปร่างของหม่อมเจ้าตัวใหญ่มากจะให้นั่งรถคันปกติ คุณจันทร์เห็นทีจะไม่สะดวกและไม่ต้องการให้แม่วาดลำบากคุณจันทร์จึงเลือกรถคันนี้มาจึงทำอะไรมากไม่ได้ มากสุดก็แค่ลีลาบนพวงมาลัย การเลี้ยวโค้งไม่กลัวตายนั้นช่างไม่ดูสังขารกันจริงๆ
แต่คุณจันทร์ไม่รู้เลยว่าขณะที่ตัวเองกำลังเพลิดเพลินกับการขับรถเข้า (แหก) โค้งต่างๆ และได้ใช้เทคนิคอันแพรวพราวบวกกับประสบการณ์ชั้นครูของเธอทำให้รถที่ดูไม่ใช่รถแข่งและดูเหมือนไม่มีอะไรมีอะไรน่าดึงดูดกลุ่มนักเดินทางร่วมท้องถนน
ถ้าเป็นคนธรรมดาคงจะรู้สึกแค่น่าสนใจและเลิกสนใจ แต่ไม่ใช่กับนักแข่งมืออาชีพที่เข้ามาดูสนามในประเทศเพื่อนบ้านของเราและถือโอกาสมาพักผ่อนที่ประเทศไทย
แต่แล้วเขาก็พบกับความน่าสนใจอย่างเทคนิคการเข้าโค้งของคุณจันทร์ และเดาได้เลยว่าคนที่อยู่หลังพวงมาลัยต้องเป็นคนที่อายุเลยสี่สิบแน่นอน การเข้าโค้งแบบนี้คล้ายนักแข่งรถคนหนึ่งที่ชายดูภูมิฐานรู้จัก
‘บรรยากาศในการขับรถเหมือนกันจริงๆ’
การขับที่ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงอิสรภาพ บรรยากาศที่ทำให้รู้สึกโผบินไปในโลกนี้เบาดุลขนนก ปล่อยวางเรื่องราวที่ไม่ใช่ของเราออกไปราวกับทิ้งตัวลงบนปุยนุ่น
ไม่รอช้าเขาขับรถเร่งความเร็วราวกับเป็นสารท้าดวลกับรถของคุณจันทร์ อยากลองสักครั้งในชีวิต อยากลองสัมผัสถึงชีวิตที่มีอิสรภาพนั้นดู เขาไม่อยากปล่อยให้เสี้ยวความลังเลใจให้โอกาสทั้งชีวิตหลุดลอยไป เหลือเป็นเพียงเศษเสี้ยวความทรงจำเท่านั้น
เมื่อคุณจันทร์รับรู้ได้ว่ารถคันข้างหลังอยากลองแข่งกับเธอและเธอรู้ดีว่านี่คือมารยาทของนักแข่งที่ใช้กติกาถึงได้ทำเช่นนี้ เธอก็คิดว่าดีเหมือนกันที่นานๆ ครั้งจะมีคนมาขอแข่งรถกับเธอ เลยเพิ่มความเร็วเพื่อตอบรับการแข่งกับอีกฝ่าย
เมื่อฝ่ายนั้นรู้ว่าคุณจันทร์ตอบรับก็ต่างไม่มีใครยอมใคร ทำให้ผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยไม่ว่าจะเป็นด้านข้างคนขับหรือข้างหลังคนขับต่างรู้สึกเหมือนเอาชีวิตมาเดิมพันให้กับรถสองคันนี้
แต่โชคดีกว่าคือฝ่ายนั้นพวกเขาเป็นทีมงานนักแข่งอยู่แล้วเลยมีความสนใจกับเทคนิคกับการขับรถคันหน้ามากจึงพยายามรวบรวมสมาธิดูวิถีทางการขับรถของรถคันข้างหน้าอย่างสนใจ
“เฮ้ย!!!”
จู่ๆ รถของคุณจันทร์ก็ดริฟเข้าโค้งให้มาประชันหน้ากับรถด้านหลังและขับรถแบบถอยหลัง เล่นเอาคันข้างหลังตกใจ การทำแบบนี้มันเสี่ยงมาก เพราะการตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาทีที่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้น ถ้าไม่แม่นยำและชำชาญก็ไม่สามารถทำแบบนี้ได้ ไหนจะการกะจังหวะความเร็วรถของพวกเขาให้มีช่วงมีดึงเบรกผ่อนแรงอีก ทุกอย่างอยู่ในการคำนวณของรถคันนั้นหมดแล้ว
พวกเขายังไม่หายตกตะลึง รถคันนั้นก็ตีโค้งไปตามวิถีทางของถนนก่อนกลับมาขับแบบปกติและทิ้งห่างออกไป พวกเขาไม่สามารถไล่ตามได้เนื่องจากถึงทางแยกทำให้หมดโอกาสทำความรู้จักกัน ความรู้สึกของพวกเขาทุกคนในรถต่างรู้สึกไปในทางทางเดียวกันคือเสียดายมาก
ส่วนคันที่สร้างความตกตะลึงให้พวกเขานั้นแม้จะรู้สึกภูมิใจและมีความสุขแต่ความสุขอยู่ในได้ไม่นาน เนื่องจากแม่วาดไม่พอใจที่คุณจันทร์มาขับรถแบบนี้บนท้องถนน การขับรถเข้าโค้งแบบนั้นมีความเสี่ยงมากๆ
คุณจันทร์รู้สึกถึงความผิดปกติจึงพยายามอ้อนแม่วาด แต่แม่วาดไม่คุยกับคุณจันทร์ไปตลอดทางการเดินทางนั้น ทำให้คุณจันทร์ต้องกลับมาขับที่แปดสิบกิโลเหมือนเดิม แต่นี่มันเข้าตัวภูเก็ตแล้วช้าหน่อยไม่เป็นไร
ตอนแรกเธอก็คิดว่าน่าจะเหลือเวลาให้เราเล่นน้ำกันแต่วันนี้พวกเราเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้วเลยคิดว่าน่าจะได้แค่ชมพิพิธภัณฑ์แล้วหาของกิน ที่แรกที่คุณจันทร์อยากไปคือพิพิธภัณฑ์ภูเก็ตแล้วก็ไปเดินเล่นที่ย่านเมืองเก่า
หลังจากแม่วาดรู้จักการถ่ายรูปแล้วก็ถ่ายเป็นพันๆ ภาพไปแล้วตอนนี้ มันเยอะจนเธอลายตาไปหมด แต่ก็ว่าไม่ได้เพราะรูปที่ถ่ายมีรูปของเราสองคนทั้งนั้น จนกระทั่งมาถึงตอนเย็นเราคิดว่าจะกินข้าวเลยจะได้ไม่เดือดร้อนให้คนงานต้องลุกมาดึกดื่นมาทำอาหารให้พวกเรากิน
ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มพวกเราเจอร้านอาหารที่ข้างในมีดนตรีสด พวกเราสั่งอาหาร แน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้คือเหล้า บรรยากาศแบบนี้จิบสักนิดก็ยังดี (ดีที่ไม่โดนด่าว่าเป็นแอลกอฮอล์ลิซึม) แม้แม่วาดจะเอ่ยห้ามแต่ก็ยังดื่มได้อยู่ อิอิ
คุณจันทร์กับแม่วาดไม่รู้เลยว่าทั้งคู่กำลังโดนมองจากโต๊ะที่อยู่ในมุมมืด...
“ไอ้รัน นั่นเมียมึงเปล่าวะ เมียมึงแต่งตัวเซ็กซี่มากเลยว่ะ” อดีตสามีและเพื่อนของเขาที่ตอนนี้กำลังปลอมตัวเพื่อมาทำภารกิจอยู่ในนั้นได้สังเกตเห็นคนที่พวกเขาไม่คิดว่าจะได้เห็น นั่นคือคุณจันทร์อดีตภรรยาของเพื่อนที่มากับชายคนหนึ่งซึ่งดูแล้วสนิมสนมกันพอสมควร
“ไอ้ห่านี่! อดีตเมีย! ไอ้รันกับคุณจันทร์หย่ากันแล้ว ไอ้ห่านี่ชอบพูดให้คนอื่นเข้าใจผิด!” รันหรือชรันอดีตสามีของคุณจันทร์และแม่วาดใช้สายตาเพ่งพินิจตามคำพูดของเพื่อนว่าใช่คุณจันทร์จริงๆ หรือเปล่า หญิงสาวที่ใส่ทูพีชสีดำเว้าสูงนั่นกับเสื้อผ้าที่ไม่ค่อยปกปิดอะไรเห็นทั้งหมดทั่วร่างกายพร้อมกับรอยสักที่เขาบังเอิญสังเกตเห็นด้วย
คนข้างหน้าเขาเป็นคุณจันทร์ไม่ผิดแน่ แต่เป็นคุณจันทร์ที่เขาไม่เคยรู้จัก คุณจันทร์ที่เขาเคยเห็นมาตลอดชีวิตจะเป็นคนที่แต่งตัวเรียบร้อยไม่เปิดเผยเนื้อหนังมังสา ไม่ต้องพูดถึงรอยสักคุณจันทร์ไม่มีทางสักแน่นอน
แต่ก็ยอมรับว่าคนข้างหน้าของเขาเซ็กซี่มีเสน่ห์ดึงดูดมาก สวยจนละสายตาไปไม่ได้เลยโดยเฉพาะก้นขาวๆ ที่ถูกปกปิดด้วยกางเกงไหมพรมบางๆ นั่น พอคิดว่าคุณจันทร์มากับชายอื่นที่ไม่ใช่เขาก็เริ่มไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีออกชัดเจนนอกจากดวงตาที่แข็งขึ้น
ยิ่งเห็นท่าทางคอยดูแลกันมันก็ตอบได้ชัดเจนว่าทั้งคู่สนิทกันแต่ฐานะอะไรเขาไม่รู้ รอยยิ้มของคุณจันทร์ที่ยิ้มให้กับชายคนนั้นไม่เหมือนกับที่ยิ้มให้เขาแม้แต่นิด ไม่เคยเลยสักครั้งตลอดยี่สิบปี (ก็เธอพรากคนรักเขามาใครจะชอบเธอคะ?)
ไหนจะท่าทางที่ออดอ้อนนั่น ดวงตาของเขาแข็งขึ้นไปอีกเมื่อคุณจันทร์แกะกุ้งให้อีกฝ่ายทาน รวมไปถึงการที่อีกฝ่ายกินเลอะ คุณจันทร์ดูแลชายคนนั้นเป็นอย่างดี ในขณะที่เธอไม่เคยดูแลเขาแบบนี้เลยสักครั้ง ไม่ว่าจะในฐานะสามีหรือแบบใดก็ไม่เคยถูกปฏิบัติดีเช่นนี้
การที่คุณจันทร์จับมือของอีกฝ่ายขึ้นมาหอมทำเอาเขาและเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ด้วยกันตรงนี้ตกตะลึง เพราะพวกเขาไม่คาดคิดว่าหญิงผู้สูงศักดิ์จะมาจับมือชายหนุ่มที่แก่คราวพ่อขึ้นมาจูบหรือที่เห็นอีกฝ่ายแสดงสีหน้าหรือทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
พวกเขารับรู้ได้ว่าสายตาที่คุณจันทร์มองชายคนนั้นมันมีทั้งความหลงใหล คลั่งไคล้ราวกับจะหลอมรวมไปเป็นหนึ่งเดียวกับเขา ไม่ใช่เพียงแค่คุณจันทร์เท่านั้นที่ใช้สายตาแบบนั้นมองอีกฝ่าย แต่ฝ่ายนั้นก็มองคุณจันทร์ด้วยสายตาเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ไม่ต่างจากคนรักที่เหมือนอยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต มันทำให้เขาต้องกัดกรามเพื่อข่มอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมา
“ไอ้รัน คุณจันทร์สักด้วยหรือวะ” ชรันไม่ตอบเพื่อนเพราะเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน สำหรับพวกเขาแล้วการที่ผู้หญิงที่สักก็เปรียบเหมือนมีราคี
“ไอรันที่ไม่ตอบแบบนี้คือมึงไม่รู้ใช่ไหม กูถามจริงเถอะว่ะมึงเคยนอนกับคุณจันทร์บ้างเปล่าวะ ไม่ใช่ว่าเป็นแค่เมียแต่งในนามจริงๆ นะ” ชรันหันขวับไปหาเพื่อนราวกับไม่ต้องมายุ่งเรื่องของกู! และใช่เขาไม่เคยแตะต้องเธอจริงๆ
คุณจันทร์ในความทรงจำของเขาเป็นผู้หญิงที่สูงศักดิ์จนขนาดที่เขาไม่คิดว่าจะได้เธอมาครอบครองจริงๆ คุณจันทร์เป็นกุลสตรีทุกกระเบียดนิ้วไม่เคยทำอะไรเสื่อมเสียแม้แต่นิดเดียว ไม่เคยแต่งตัวเซ็กซี่หรือหวาบหวิวแม้แต่น้อย เธอจะชอบทำผมแบบรวบผมเอาไว้ที่ท้ายทอยไม่เคยเปลี่ยนทรงผมไม่เคยเปลี่ยนสีผม เป็นผู้หญิงที่แม้จะสูงศักดิ์แต่ก็น่าเบื่อเช่นกัน ยอมรับที่คราแรกได้แต่งงานกับเธอเขารู้สึกถึงชัยชนะที่มองไม่เห็น สามารถให้หญิงสูงศักดิ์แต่งงานกับตนได้
แต่คนข้างหน้าเขานี่แทบจะเป็นคนละคนเลย! ผมสีน้ำตาลที่รวบให้เห็นท้ายทอยขาวๆ นั่นกระตุ้นให้เขาไปสัมผัส ดวงหน้าที่เขาไม่เคยรู้สึกว่ามันน่ามองขนาดนี้มาตลอดยี่สิบปีจะทำให้เขาใจเต้นได้ขนาดนี้ ปอยผมที่คลอเคลียข้างกรอบหน้าทำเอาเขาอยากลูบไล้ด้วยริมฝีปากของตนเอง
“ไอ้รัน อยากบอกนะว่ามึง!...ไม่เคย”
“เชี่ย! มึง!นั้นมันแดกเพียวๆ เลย!” เพื่อนอีกคนและชรันต่างตกใจกับเสียงเพื่อนที่อุทานออกมา ทำให้ทั้งสองที่กำลังสนทนากันอยู่ต้องหันมาหาตามความสนใจของเพื่อน
“อะไรของมึง”
“ตอนแรกคุณจันทร์ดื่มโอแฟชั่น สักพักสั่งแอปเพอริทิฟ กระดกเอาๆ และเท่าที่กูสังเกตเหมือนยังไม่ถูกใจคุณจันทร์ แต่แรกก็คิดว่าเปิดเหล้าที่แรงที่สุดมาเหมือนอยากลอง แต่มึงต้องเห็นช็อตที่กระดกเพียวๆ แม่ง! โคตรเจ๋ง! มึงเห็นไหมๆ นั่นๆ! นี่มันคอนักดื่มแล้ว!” การดื่มเหล้าของคุณจันทร์สร้างความแปลกใจให้กับทั้งสามเพราะตลอดยี่สิบปีที่รู้จักมักคุ้นกันเขาไม่เคยเห็นคุณจันทร์ดื่มเหล้า มากสุดก็แค่ไวน์แก้วสองแก้วตามงานเลี้ยง คุณจันทร์เหมือนเป็นคนที่เขาไม่เคยรู้จักจริง ตลอดยี่สิบปีระหว่างเราเหมือนคนอื่น
“อันนี้กูถามจริงจัง มึงไม่เคย...กับคุณจันทร์จริงๆ หรือ?” เพื่อนที่น่าจะรู้จักกาลเทศะมากที่สุดกลับถามคำถามนี้กับชรัน
“มึงกับคุณจันทร์อยู่ด้วยกันมาเกือบยี่สิบปีนะเว้ย! ตอนแรกกูก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงหย่าให้คุณจันทร์ ยิ่งตอนนี้ไม่เข้าใจ ตอนนั้นยิ่งไม่เข้าใจใหญ่คุณจันทร์เป็นผู้หญิงที่เท่มากๆ สำหรับกูนะชรันคุณจันทร์แม่งเหนือกว่าผู้หญิงทุกคนที่กูเคยรู้จักมายกเว้นเมียกู”
“เราสองคนนั้นแต่งงานเพราะผู้ใหญ่อยากให้แต่ง ไม่ได้มีความรู้สึกให้กันตั้งแต่แรกแล้ว”
“รัน อย่าหาว่ากูยุ่งเรื่องครอบครัวมึงเลยนะ ตอนนี้คุณจันทร์เป็นคนอื่นสำหรับมึงไปแล้ว แต่สำหรับกูวันนี้มันกระจ่างแจ้งทุกอย่างแล้วมันไม่เหมือนเมื่อก่อน ยี่สิบก่อนหรือตอนนี้คุณจันทร์ก็เป็นคนอื่นสำหรับมึง บรรยากาศรอบตัวคุณจันทร์มันเหมือนพวกเราไม่เคยรู้จักคุณจันทร์มาก่อนเลยว่ะ กูเสียดายแทนมึงจริงๆ ผู้หญิงสวยๆ ชาติตระกูลดี การศึกษาสูง ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย มึงอยู่กับเขามาตั้งยี่สิบปีว่ะรัน ไอ้เชี่ย โคตรเสียดายแทนมึงเลย”
ในขณะฝ่ายที่โดนนินทากำลังเพลิดเพลินกับความสุขที่ทั้งคู่ใช้อยู่ด้วยกันอย่างหวานชื่น
“คุณจันทร์ ลองทานนี่ไหม” แม่วาดป้อนอาหารที่ตนชิมและคิดว่าน่าจะถูกปากคุณจันทร์ให้ทาน “เป็นไงบ้าง?”
“อร่อยแม่วาด แม่น่ะรู้ใจฉันเป็นที่สุด”
“ฉันดีใจที่แม่ชอบ แต่เหล้าน่ะดื่มน้อยๆ หน่อย”
“นิดเดียวเองแม่ ฉันไม่เมาหรอก แม่วาด...ฉันชอบเวลานี้ที่สุดเลย” ทั้งสองประสานตากัน
“ฉันก็ชอบคุณจันทร์ ขอบคุณที่มักจะคิดถึงฉันเป็นอย่างแรกเสมอ ผมคุณจันทร์หลุดมาเยอะเลยเดี๋ยวฉันมัดใหม่ให้นะ” ทั้งคู่มองกันด้วยสายตาหวานเชื่อมแบบไม่ปกปิด แม่วาดเอามือไปจับปอยของคุณจันทร์ที่หล่นมาตรงกรอบใบหน้าทำให้คุณจันทร์กินไม่สะดวกจึงเสนอจะมัดผมใหม่ให้
ระหว่างที่ทั้งคู่ไม่ได้สนใจโลกภายนอกอยู่ๆ ทางร้านอาหารมีกิจกรรมให้ลูกค้าเล่น โดยจับฉลาดว่าแต่ละโต๊ะจะได้ทำอะไร จนเวียนมาถึงที่โต๊ะที่คุณจันทร์และแม่วาดนั่งอยู่
แม่วาดและคุณจันทร์นั้นได้คำถามที่ว่าทั้งคู่รักกันได้ยังไง ใครขอเป็นแฟนก่อน และเชิญให้ไปร้องเพลงเพื่อให้คนรัก ซึ่งแม่วาดรู้ดีถ้าให้พูดถึงเรื่องการอวดคนรักให้โลกใบนี้ได้รู้ คุณจันทร์จะแพรวพราวต่อเธอเป็นพิเศษ แค่ทุกวันนี้ก็ละลายให้เธอไปหมดแล้ววว ไม่รู้จักเอาที่ไหนมายกให้อีก ยิ่งถูกขอให้มาร้องเพลงเช่นนี้เขาคงเสียอาการจริงๆ แน่!
“ก่อนอื่นเลยช่วยแนะนำตัวให้พวกเรารู้จักหน่อยครับว่าชื่ออะไรกันบ้าง”
“สาทิสครับ ส่วนนี่จันทร์ครับ”
“คุณสาทิส คุณจันทร์ ช่วยตอบคำถามให้พวกเราทุกคนได้รู้ได้ไหมครับว่าเจอกันได้ยังไง และใครขอเป็นแฟนก่อน”
“ฉันตอบเองค่ะ” คุณจันทร์ขอไมค์พิธีกรมาตอบคำถาม ลูกค้าผู้ชายในร้านพากันยิ้มกรุ้มกริ่มใส่แม่วาดราวกับรู้ว่าใครเป็นคนขอเป็นแฟน
“พวกเราเจอกันครั้งแรกเมื่อนานมาแล้วค่ะ...ที่บ้านของฉัน ส่วนคนขอเป็นแฟนก็เป็นฉันค่ะ” คราวนี้เสียงผู้ชายในร้านต่างโห่หิ้วแซวใส่แม่วาด เธอได้แต่นั่งเก็บอาการทั้งที่แทบจะเก็บไว้ไม่ไว้แล้ว
“ว้าว คุณจันทร์เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมากครับ งั้นขอถามนิดหนึ่งได้ไหมครับว่าใครเริ่มจีบก่อน”
“ก็เป็นฉันอีกครั้งค่ะ ฮ่าๆๆ สาทิสเป็นคนที่มีเสน่ห์มากสำหรับฉันค่ะ ฉันรู้แค่ว่าหัวใจของฉันที่เคยว่างเปล่าวันหนึ่งมันถูกเติมเต็ม ฉันไม่อยากรอค่ะ ฉันอยากให้เขาเป็นของฉันค่ะ” คราวนี้เสียงผู้ชายในร้านโห่แซวมากกว่าเดิม น้ำเสียงที่เธอเอ่ยมันช่างเย้ายวนจิตใจหลายคนในที่นี้
พวกเขาไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าทั้งสองกำลังจีบกัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาของคุณจันทร์ การขยับกาย ดวงตาที่สุกใสคู่นั้นเขย่าให้คนตกอยู่ในภวังค์เสน่ห์ของคุณจันทร์ ถ้าไม่ติดว่าเธอมีคนรักคิดว่าหลายคนคงเดินมาจีบเธอเป็นแน่ แต่ว่ามันจะมีอยู่พวกหนึ่งที่ไม่ได้ร่วมยินดีกับสิ่งนี้
“โอเคครับ งั้นเชิญร้องเพลงได้เลยครับ”
พอคุณจันทร์เลือกเพลงได้เสร็จแล้วดนตรีก็คลอขึ้นมาทันที ฝ่ายชรันเองก็ไม่เคยเห็นคุณจันทร์ร้องเพลงมาก่อน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอร้องเพลงเป็น ทำนองเพลงเป็นแบบเบาๆ เราสามารถมาโยกตัวตามไปได้ เขากับเพื่อแทบไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังตั้งตารอคุณจันทร์ร้องเพลง
คุณจันทร์ฮัมเสียงคลอไปกับดนตรีก่อนจะถึงตอนท่อนเนื้อเพลง เพียงแค่นั้นก็ทำให้ทุกคนทั้งหมดในร้านถูกน้ำเสียงของคุณจันทร์สะกดไว้ เสียงทุ้มๆ เย็นๆ สามารถทำให้คนหลงได้เลยนั้น กำลังออดอ้อนแม่วาดดวงตาที่แพรวพราวคู่นั่นถ้าใครเผลอไปสบมองก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถดึงสติของตนกลับมาได้หรือเปล่า
ไม่ต้องพูดถึงว่าร้องเพลงเพราะไหม...แต่มันเพราะมาก! แทบทำให้คนที่ได้ยินหลงได้เลย พวกเขาฟังแล้วเหมือนคนร้องกำลังอ้อนขอความรักจากใครสักคน มันช่างน่าอิจฉาจริงๆ
ในสายตาของชรัน เขามองว่าตอนนี้ไม่อาจละสายตาจากคุณจันทร์ได้ สิ่งที่คนอื่นรู้สึกเขาก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เขาจับจ้องคุณจันทร์แบบไม่วางตาเพราะนอกจากเสียงที่ทำให้คนหลงได้แล้ว ท่าทีสบายๆ พร้อมกับจิบเหล้าร้องเพลงไปด้วยมันเต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูด สะโพกที่โยกไปมาพร้อมกับจังหวะทำให้เขาไม่สามารถหยุดจินตนาการได้ว่าช่างพลิ้วไหวเหมือนกับสายน้ำ มันจะดีเพียงใดถ้าสะโพกนั่นมาพลิ้วไหวอยู่บนตัวเขา
คุณจันทร์ที่กะว่าจะเต็มที่การได้เดินร้องไปทั่วร้านพร้อมกับชนแก้วไป ทั้งชวนลูกค้าอื่นๆ มาเต้นด้วยกัน จนมาถึงโต๊ะของอดีตสามีที่ปลอมตัวมาเธอเข้าไปชนแก้วกับอีกฝ่าย พอได้มองคุณจันทร์ใกล้ๆ มันยิ่งพาลให้เขารู้สึกว่าหัวใจตัวเองอ่อนไหวมาก แค่มองไกลๆ ก็รู้สึกว่าสวยมากแล้วพอมาอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ยิ่งรู้สึกว่าอยากเข้าไปโอบกอดไว้ในอ้อมแขน แต่เขาไม่มีสิทธิ์นั้นแล้ว...เขาทำใจยอมรับมันไม่ได้!