หญิงสาวชนชั้นสูงยอมแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก เพื่อเลี้ยงดูลูกของคนรักที่ได้จากไป ยี่สิบปีต่อมาพวกเขาได้โอกาสให้กลับมารักกัน

เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me) - บทที่ 9 ไปเที่ยวภูเก็ต โดย LiLi Lee @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย,แต่งงาน,ท้อง,ทหาร,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,หญิง-หญิง,ชาย-หญิง,ข้ามเวลา,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แต่งงาน,ท้อง,ทหาร,พีเรียดไทย,ดราม่า

รายละเอียด

เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me) โดย LiLi Lee @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หญิงสาวชนชั้นสูงยอมแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก เพื่อเลี้ยงดูลูกของคนรักที่ได้จากไป ยี่สิบปีต่อมาพวกเขาได้โอกาสให้กลับมารักกัน

ผู้แต่ง

LiLi Lee

เรื่องย่อ


 

เรื่องย่อ

หญิงสาวชนชั้นสูงยอมแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รัก เพื่อเลี้ยงดูลูกของคนรักที่ได้จากไป ยี่สิบปีต่อมาพวกเขาได้โอกาสให้กลับมารักกัน

 

ตัวละคร

พลตรี หม่อมเจ้าสาทิสยา ไวทย์เวธน์ทิวากร / แม่วาด

สถานะ : คนรักของคุณจันทร์ และเป็นแม่ของจรณ์จิณณ์

 

หม่อมเจ้าจันทรารัตน์ ปัณณ์ปริชญ์ปัถย์ / จันทรารัตน์ กวินกานต์ / หม่อมจันทรารัตน์ ไวทย์เวธน์ทิวากร ณ อยุธยา

สถานะ : คนรักของแม่วาด แม่เลี้ยงของจรณ์จิณณ์ ภรรยาในนามของชรัน

 

พันโทชรัน กวินกานต์

สถานะ : พ่อของจรณ์จิณณ์ สามีของแม่วาด คุณจันทร์ วิมล

 

นักเรียนนายร้อยปัณณ์จรณ์ กวินกานต์

สถานะ : ลูกชายของชรันและแม่วาด

 

นักเรียนนายร้อยปัณณ์จิณณ์ กวินกานต์

สถานะ : ลูกชายของชรันและแม่วาด

 

วิมลตรา ดารารายณ์

สถานะ : ภรรยารองของชรัน

 

ชิรินตรา กวินกานต์

สถานะ : ลูกสาวของชรันกับภรรยารอง

 

รินจายา เปรมวาณิชย์

สถานะ : เพื่อนแม่วาดกับคุณจันทร์

 

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทวินปัณณ์ปริชญ์ปัถย์

สถานะ : เสด็จพ่อของคุณจันทร์

 

หม่อมเจ้าศิวากร ชิญชาญ ปัณณ์ปริชญ์ปัถย์

สถานะ : ท่านแม่ของคุณจันทร์และชายาในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทวินปัณณ์ปริชญ์ปัถย์

 

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปันภาพร ไวทย์เวธน์ทิวากร

สถานะ : เสด็จป้าของพลตรีหม่อมเจ้าสาทิสยา

****เพื่อให้อ่านได้อย่างอรรถรสขอให้นักอ่านแวะเข้ามาอ่านครงนี้เล็กน้อยนะคะ****

 

1.คุณจันทร์เป็นหม่อมเจ้าหญิง แต่ในเรื่องจะเรียกว่าคุณจันทร์เพราะว่าคุณจันทร์ได้สละยศเป็นสามัญชนแต่งงานกับชรันและตอนแต่งงานกับหม่อมเจ้าสาทิสยา (หรือแม่วาด) ก็แต่งตอนเป็นสามัญชน ดังนั้นจึงเรียกคุณจันทร์ค่ะ

2.คุณจันทร์อนุญาตให้แม่วาดเรียกคุณจันทร์ด้วยคำปกติได้ เพราะทั้งสองเป็นคนรักกัน

3.ทุกอย่างในเรื่องเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเพียงเท่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับเป็นจริงใดๆ โปรดอ่านเพื่อความเพลิดเพลินและใช้วิจารณญาณ

 

สวัสดีจ้านักอ่านทุกคนนนน ไรท์ขอฝากนิยายเรื่องเรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจนักอ่านักคนด้วยน้าาาา

เพลลิสต์เพลงมาฝากจ้า ทุกคนสามารถเข้าไปฝันเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านได้นะคะ

https://open.spotify.com/playlist/2FsZanXiU18yXisLHv58WG?si=48c563e9601d4084

 

ผังตัวละคร


 


 

 

 

ขอฝากนิยายเรื่องอื่นๆ ของเราด้วยน้าาา

 

 

เรื่องย่อ : เอมมาริน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของโซเรลถูกลูกหลงโดนยิงจะกลุ่มผู้ประท้วงวิญญาณของเธอล่องลอยเข้าสู่ร่างของเอราเบล ลี ลูกสาวของตระกูลลีที่มีความใกล้ชิดทางสายเลือดกับราชวงศ์ โชคชะตาของเธอคือการชดใช้ไม่ว่าเธอจะอยู่สูงเพียงใด เธอต้องพบกับการสูญเสียพลัดพรากเฉกเช่นเดียวกันกับคนรักของเธอ

 

 

 

เรื่องย่อ : เลขาท่านผู้นำอย่างเอบิซาถูกจับให้มาแต่งงานกับผู้ปกครองเผ่างูในป่าลึกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าบรรพชนจากการบูชาหญิงสาวเพื่อให้กำเนิดทายาทรุ่นต่อไปของอาวคลาส วาดิม เธียร์

 

 


 

เรื่องย่อ : ไม่ใช่แนวเกิดใหม่…แต่เป็นการทำงานรอนรกว่าง! ไป๋เหลียงคือหญิงสาวที่เข้าไปอยู่ในร่างของฮุุ่ยเจิน ผู้เป็นคุณนายใหญ่ตระกูลเหว่ย

 

 

 

 

 

 

สารบัญ

เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 0 บทนำ,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 1 เมื่อแรกพบเจอ,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 2 เมื่อเราใจตรงกัน,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 3 เจ็บปวด,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 4 ข้อตกลง,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 5 เริ่มต้นที่จุดสิ้นสุด 1/2,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 6 เริ่มต้นที่จุดสิ้นสุด 2/2,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 7 ไปเที่ยวอยุธยา,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 8 กลับวัง,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 9 ไปเที่ยวภูเก็ต,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 10 เรียบง่ายแต่สุขใจ,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 11 พ่อแม่,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 12 ความจริงมองอยู่ที่คนมอง,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 13 หม่อมคนแรก,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-บทที่ 14 วันหมั้น,เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)-E-book เรามาแต่งงานกันเถอะคุณจันทร์ (your majesty Marry Me)

เนื้อหา

บทที่ 9 ไปเที่ยวภูเก็ต

บทที่ 9

ไปเที่ยวภูเก็ต

 

เช้าวันรุ่งขึ้น

เขากับแม่วาดออกไปตลาดใกล้ๆ โดยคุณจันทร์เป็นสารถีขับมอเตอร์ไซค์ส่วนเขาซ้อนท้ายซึ่งมันดูตลกมาก พ่อบ้านที่สนจัดเตรียมไว้ให้ดูแลพวกเราดีมากได้เตรียมข้าวเช้าให้กับพวกเราแล้ว เพียงแต่ว่าพวกเราอยากได้น้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ก็เลยขับรถออกมาซื้อกัน ทำให้พ่อบ้านขำกับความทุลักทุเลของเราสองคน ที่คนตัวใหญ่เป็นคนซ้อนและคนตัวเล็กเป็นคนขับ แต่อย่างนี้ดูน่ารักไปอีกแบบนะ...

หลังจากทานอาหารเช้าพวกเรามีไปเที่ยวเกาะเฮและพักที่นั่นหนึ่งคืนโดยคุณจันทร์จะเป็นคนขับเรือไป จากเรื่องเมื่อคืนทำให้ตกลงกันว่าเราคงต้องเปลี่ยนคำเรียกขานกันใหม่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ หรือไปในที่สาธารณะ โดนเขาจะเรียกคุณจันทร์เหมือนเดิม ส่วนคุณจันทร์จะเรียกเขาว่าพ่อวาดหรือท่านชายตามแต่สถานการณ์

 

บนเรือไม่ได้มีแค่เราสองคนยังมีทีมงานเรือหางยาวที่เราได้จองไว้มากับเราด้วย เนื่องจากเจ้าของบอกว่ามันเร็วกว่าถ้าจะติดเรือไปกับเรา ไม่อย่างนั้นอาจจะช้าและต้องเสียเวลาในการเตรียมเรือ เขาเลยอนุญาตให้สามคนนั้นไปกับเราได้โดยที่แม่วาดไม่รู้เลยว่านั่นคือชรันและพ้องเพื่อน

ขณะที่เรากำลังจอดรถไว้ยังลานจอดรถก็มีคนวิ่งเข้ามา เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่อายุอานามจะเท่ากับคุณจันทร์เข้ามาถามเขาว่าใช่เป็นเจ้าของรถคันนี้หรือไม่ หลังจากนั้นก็ยิงคำถามเข้ามาไม่หยุด

เขาจับใจความได้ว่าชายคนนั้นบอกว่าเคยแข่งรถกับเราเมื่อหลายวันก่อน เขาพอจะจำได้รางๆ แล้ว...เขาได้ชี้แจงไปว่าไม่ใช่เจ้าของรถคันนี้ คนรักของเขาต่างหากที่เป็นเจ้าของรถคันนี้และเป็นคนขับ ต่อมาชายคนนั้นก็ให้นามบัตรไว้ถ้าสนใจให้ติดต่อมาแข่งด้วยกันได้เสมอ

คุณจันทร์ขับเรือออกไปเรื่อยๆ ไม่เร็วไม่ช้ามากเพื่อให้เขาได้ชมความงามของท้องทะเล วันนี้คุณจันทร์ใส่ทูพีชสีขาว กางเกงว่ายน้ำค่อนข้างเว้าสูงทั้งบางทั้งเล็กยิ่งกว่าเมื่อวาน ทำเอาฉันจะเป็นลมเสียแล้ว ทว่าตอนนี้ทำได้แค่ปลง อย่างน้อยคุณจันทร์ก็ใส่กางเกงทับแม้จะเป็นกางเกงขาสั้นก็เถอะ บอกให้ใส่เสื้อคลุมออกมาด้วยก็ไม่ใส่ ไม่รู้จะเตือนอย่างไรแล้ว เป็นสาวเป็นนางใช่ว่าแก่แล้วจะแต่งแบบใดก็ได้นะคุณจันทร์

 

“เมื่อเช้าฉันไม่เห็นคุณจันทร์ดื่มน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋เลย ฉันเลยเตรียมขึ้นมาให้แม่ด้วย” แม่วาดยื่นแก้วที่มีน้ำเต้าหูกับปาท่องโก๋จุ่มอยู่ในแก้วแล้วยื่นให้คุณจันทร์

“ขอบคุณค่ะ พ่อวาดนี่รู้ใจฉันที่สุดเลย” คุณจันทร์ส่งยิ้มหวานๆ ออดอ้อนไปให้แม่วาด

“ชอบก็กินเข้าไปเยอะๆ จริงสิ ฉันเพิ่งสังเกตเห็น รอยสักนั่นแม่สักตอนไหน ฉันจำได้ว่าแม่ไม่เคยสักนะ”

ในเมื่อต้องดื่มน้ำเต้าหู้จึงขอความช่วยเหลือจากพี่คนขับเรือมาขับแทนเนื่องจากเธออยากจะไปนั่งกินและคุยดีๆ กับแม่วาด โดยที่ไม่รู้เลยว่าอดีตสามีกับกลุ่มเพื่อนกำลังตั้งใจฟังบทสนทนาของพวกเธอทั้งสองอยู่

“อ้อ ตอนที่ฉันไปเรียนที่ฝรั่งเศสน่ะ ตอนนั้นท่านพ่อส่งฉันไปเรียนนั่น แต่ฉันไม่อยากอยู่ฝรั่งเศสเลยเลยตีตั๋วเครื่องบินไปเรียนวิศวะเครื่องยนตร์ที่เยอรมันแทนน่ะ แต่ก็ไปๆ มาๆ กับฝรั่งเศสนะ โชคดีที่เป็นปริญญาโททำวิจัยจบอย่างเดียวก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาไปๆ กลับๆ ได้ ฝรั่งเศสกับเยอรมันอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง ส่วนเรื่องรอยสักได้มาเพราะตอนนั้นฉันไปแข่งรถน่ะ มันมีการประกวดแข่งรถที่เหล่าช่างประดิษฐ์หรือปรับแต่งรถเอง ฉันก็ลงด้วยนะ แต่ก็กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองก็เลยสักชื่อและรหัสนักศึกษาไว้ เพื่อเวลาเกิดอะไรขึ้นคนจะได้รู้ว่าเป็นฉันไง”

“คุณจันทร์ชอบทำอะไรแบบนี้อยู่เรื่อยเลย”

“เป็นห่วงฉันหรือพ่อ~~ ~~” แม่วาดที่ปลงกับความชอบเย้าแหย่ของคุณจันทร์ก็เปลี่ยนเรื่องถาม

“จริงสิ แม่ไม่เคยเล่าเรื่องชรันให้ฉันฟังเลย เขาเป็นยังไง เขาดีกับแม่ไหม”

ได้ยินเช่นนั้นหูของชรันตั้งตรงรอฟังว่าคุณจันทร์พูดถึงเขาอย่างไรและในสายตาของคุณจันทร์มองเขาเป็นยังไง

คุณจันทร์ทำท่าครุ่นคิดครู่หนึ่ง “จะพูดยังไงดีล่ะ ถ้ามองแบบรวมๆ ก็ดีนะ ในสายตาของฉันให้นิยามชรันเป็นผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษมาก ถ้าบอกไม่ก็คือไม่ ไม่ทำ ไม่ตอแย ไม่บังคับฝืนใจ เราอยู่ด้วยกันแบบเพื่อน ก็เลยไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องมาทะเลาะกันน่ะ เราคุยกันชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วว่าเราจะอยู่ด้วยกันแบบไหน แต่ถ้าให้ตอบแบบเจาะลงไปเลย ในฐานะพ่อเขาทำได้ไม่ดีเท่าไร ในมุมมองของคนภายนอกนะ เรื่องตรงนี้ฉันว่าต้องให้จรณ์จิณณ์เป็นคนพูดนะ ฉันพูดแทนไม่ได้หรอก”

“แต่ถ้าในฐานะสามีเอาเป็นว่าแค่มีชู้ก็ผิดแล้ว ผู้หญิงน่ะนะมีด้วยกันสองประเภท ที่ถ้ายอมให้สามีมีคนอื่นนอกจากตัวเองได้ คือต้องรักสามีมากกับไม่รักเลย แบบไม่มีอะไรในหัวหรือติดในสมองในความทรงจำ ง่ายๆ ก็คือไม่เห็นว่าเป็นคนสำคัญที่ต้องใส่ใจ ฉันน่ะเป็นอย่างหลัง ถ้าชรันเป็นคนที่หนักแน่นกว่านี้ชัดเจนกว่านี้ และรักแม่ของตัวเองลงนิดหนึ่งคงจะเป็นผู้ชายที่ดีกว่าตอนนี้มากๆ”

“ฉันไม่คิดว่าถ้ามีฉันแล้ว ชรันจะไม่มีผู้หญิงคนอื่นหรอกนะ ในโลกนี้ไม่ใช่ทุกครอบครัวจะสมบูรณ์แบบไปหมดหรอก อาจจะมีแย่กกว่าดีกว่าก็ได้ บรรดาภรรยาของนายทหารบางครั้งต้องเข้าไปร่วมงานด้วยบ่อยๆ ชอบนินทาเรื่องของชรันว่ามีเมียน้อยเป็นคนนู่นคนนี้บ้าง บางทีก็มาถามต่อหน้าฉันเลยนะ บางคนที่ออกตัวอยากได้ชรันแรงมาก มาพูดมาคุยกับฉันต่อหน้าเลยล่ะ ราวกับกำลังสะใจที่ได้มาหยามเกียรติของฉัน ผู้หญิงพวกนั้นการได้นอนกับชรันก็เหมือนจะชนะฉันแล้ว ยิ่งพอตอนหย่ากันมีคนมากมายที่เยาะเย้ยฉัน”

“ทำไมคุณจันทร์ทนให้คนอื่นเหยียดหยาม?”

“อย่างที่ฉันบอก เราแต่งงานเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน อย่างน้อยเกียรติที่โดนหยามมันก็แลกมาด้วยอิสระนะ ฉันได้อิสระพ่อวาด ถ้าแม่วาดไม่ตาย ย่าของจรณ์จิณณ์ไม่พยายามหาลูกสะใภ้คนใหม่แบบไม่สนใจคนตาย”

“ฉันก็ไม่ทำอะไรที่ผูกมัดตนเองแบบนี้หรอกพ่อ ถ้าไม่ใช่เพราะจรณ์จิณณ์ฉันก็ไม่มีทางที่ชีวิตนี้จะแต่งงาน ฉันเป็นคนเยี่ยงไรพ่อก็รู้ดี อิสระที่ฉันอยากได้ขณะที่ฉันยังดำรงยศหม่อมเจ้านั่น ท่านก็รู้ว่าฉันรู้สึกแย่เพียงไร พอแต่งงานกับชรันแม้จะยังไม่ได้อิสระเต็มที่ แต่มันก็มีความสุขมากกว่าเป็นหม่อมเจ้านะ หลังจากหย่ายิ่งรู้สึกว่านี่คืออิสระจริงๆ ฉันอยากไปเที่ยวหรือไปในที่คนไม่รู้จัก ฉันจะทำอะไรก็ได้ไม่สนฐานะของตนเอง ฉันก็แค่อยากเป็นฉันเป็นแค่จันทรารัตน์ ปัณณ์ปริชญ์ปัถย์เท่านั้น”

“แม่ไม่ชอบเขา ทำไมถึงยังเลือกแต่งกับชรัน”

“เพราะจรณ์จิณณ์...ขาดพ่อไปแล้ว...จะขาดแม่ไม่ได้...จะไม่มีใครอยู่เป็นที่พึ่งพิงให้กับจรณ์จิณณ์ ฉันไม่สามารถให้จรณ์จิณณ์ตกอยู่ในบ่วงรั้งคอหรือปมที่ไม่สามารถทำให้เติบโตอย่างครอบครัวไม่สมบูรณ์ไม่ได้หรอกนะ หลายคนต่างคัดค้านมาก ทันทีที่รู้เรื่องที่ฉันตัดสินใจแต่งงานกับชรัน ในครอบครัวของเราไม่มีใครชอบชรันแม้แต่คนเดียว คุณสมบัติก็ยังไม่มีเลย ทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่าฉันจะเอาตัวลงไปเปื้อนโคลนทำไม”

 “ไม่ใช่ฉันไม่รู้นะ...เรื่องที่ชรันมีภรรยารองอยู่แล้ว”

“พ่อจำท่านจาได้ไหมที่เป็นทหาร สมัยก่อนพ่อน่าจะจำได้ว่าฉันไปยิงปืนเป็นเพื่อนเล่นท่านประจำ เพราะท่านไม่มีลูกหลาน ท่านจาเป็นห่วงฉันมาก ท่านนำเรื่องที่ชรันมีเมียน้อยมาบอกแก่ฉันว่าอยากให้ตัดสินใจอีกรอบ แต่สำหรับจรณ์จิณณ์สำคัญที่สุดเพราะเป็นสิ่งที่... (แม่วาดเหลือไว้ไง) ชรันน่ะทำลายผู้หญิงดีๆ ถึงสองคน...” แม้คุณจันทร์จะไม่พูดออกมาแต่เธอก็รับรู้ได้ว่าคุณจันทร์พูดถึงอะไร

“ไม่...สามคน เขาทำร้ายท่านด้วย” สายตาที่ประสานกันอย่างสื่อความหมาย ไม่นานจู่ๆ คุณจันทร์ก็หยิบซิการ์ที่แอบซ่อนแม่วาดไว้ขึ้นมาสูบ สร้างความตกตะลึงให้แก่ทั้งสามคน

“ฉันเล่าเรื่องตลกให้ฟังดีหรือไม่ ชรันมีเพื่อนสนิทด้วยกันสองคนคนหนึ่งปากเปราะอีกคนน่าจะดูเป็นน่าจะรู้เรื่องรู้ราวที่สุดในกลุ่ม โดยความเป็นเพื่อนกันนิสัยก็ไม่ต่างกันมาก ความเจ้าชู้ วางไข่ไปทั่วจนอับอายขายขี้หน้าไปหมด ทุกครั้งที่ภรรยาของเพื่อนชรันจับได้ว่าสามีตัวเองนอกใจ”

“พวกเธอจะไปเที่ยวเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ยามค่ำคืน เห็นเรียบร้อยแบบนั้นน่ะนะ บอกเลยว่าทั้งแซ่บทั้งเปรี้ยว ของดีๆ แบบนั้นฉันว่าพวกสามีของนางจะไม่เคยเห็นเห็นนะ จับได้หนึ่งครั้งเท่ากับเที่ยวบาร์โฮสต์หนึ่งครั้งเช่นกัน ฉันคิดว่าพวกเธอมีฝีมือมากกว่าพวกสามีตัวเองอีกนะ ในเรื่องของการไม่ให้ถูกจับได้น่ะ”

“ก็เข้าใจได้...อยู่ด้วยกันมาจนแก่มันก็ต้องมีเบื่อกันบ้าง ไปหาอะไรกระชุ่มกระช่วยบ้างน่าจะดี”

“ทำไมคุณจันทร์เห็นดีเห็นงามกับเรื่องพวกนี้ล่ะ มันไม่ได้ดีเลย การนอกใจเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย”

“มีคำกล่าวไว้ว่า ‘การให้อภัยคนผิด ก็เสมือนการอนุญาตให้ตัวเองได้ทำผิด’ ภรรยาของเพื่อนชรัน พวกเธอแค่ไปเที่ยวเพื่อลืมความเจ็บปวด อยากจะลองไปใช้ชีวิตแบบที่สามีของพวกเธอชอบมันสนุกจนต้องทำให้ใครอีกหลายคนต้องเจ็บปวดหรือเปล่า การมีชีวิตครอบครัวไม่ได้ง่ายหรอกนะพ่อ ครอบครัวไหนที่มีต้นทุนในเรื่องของความรักมาตั้งแต่แรก สุดท้ายใครสักคนต้องมาดีแตกอีกฝั่งจะแหลกสลายอยู่เสมอ”

“ถ้าพูดว่าการไปหาความสุขแบบนั้นเรียกการนอกใจ แล้วฉันที่รักพ่อวาดมาก่อนตั้งยี่สิบปีนี่ไม่เรียกว่าท่านเป็นชู้กับเราเหรอ เรื่องราวของภรรยาทั้งสองของเพื่อนชรัน มีอะไรที่น่าสนใจเยอะ แต่ฉันคิดว่าเราควรหยุดแค่นี้ดีกว่า” เรื่องที่คุณจันทร์หยิบยกมาพูดทำให้พวกเขาตกตะลึงมากๆ ชรันที่ตกใจมากกว่าเพื่อน ชายคนนั้นกับคุณจันทร์รักกันมาตั้งนานแล้วเขารู้สึกหมือนโดนสวมเขา

“คุณจันทร์! พูดอะไรอย่างนั้นเล่า! ท่านจะเสียหายนะ! ไม่เอาแล้ว! ฉันไม่ฟังท่านพูดแล้ว!”

“ทำไมท่านตกใจขนาดนั้นเล่า พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งตอนนี้และเมื่อก่อน อีกอย่างท่านก็จากฉันไปตั้งยี่สิบปี ตอนนี้ฉันก็หย่าแล้ว การที่เรากลับมรักกันอีกครั้งไม่ได้ทำผิดต่อใครเลยนะ”

ชรันที่ได้ยินทุกอย่างเต็มรูหูของตน เขาไม่รู้ว่าตนเองมาทำอะไรที่นี่ ความจริงที่เขาไม่เคยได้รับรู้ก็ได้กระจ่างชัดพร้อมกับเพื่อน เขาไม่คิดมาก่อนหรือเป็นเพราะตัวเขาเองไม่ได้ใส่ใจมากพอ การที่เขาไปมีอะไรกับคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาจะทำให้คุณจันทร์โดนดูถูกเหยียดหยามกันถึงเพียงนี้

ผู้หญิงที่เขาคิดว่าเป็นเพียงเครื่องประดับ การประกาศบารมีของตนเองจะกลายเป็นเครื่องมือให้กับผู้หญิงพวกนั้นเช่นกัน ต้องทำให้คุณจันทร์ต้องถูกหยามเกียรติต้องทำให้ลูกชายลูกสาวของตนขาดความอบอุ่น

หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาราวกับยี่สิบปีที่อยู่กันมาเหมือนผ่านไปเมื่อวานเหมือนว่าเราไม่เคยรู้จักกันจริงๆ ทั้งเรื่องเพื่อน ครอบครัว ความชอบ งานอดิเรกหรือการใช้ชีวิตในสังคมแบบไหน การที่ญาติของท่านไม่ต้อนรับตนเองช่างน่าขายหน้าเสียจริง

ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาคุณจันทร์ช่างแตกต่างกับตอนนี้ ภาพลักษณ์ที่ดูเป็นกุลสตรีเรียบร้อยแบบชาววังไม่คาดคิดว่าเนื้อในจะเป็นหญิงสาวที่มีหัวทันสมัยกล้าคิดกล้าทำ ความชอบงานอดิเรกเหมือนผู้ชาย เครือข่ายที่หนาแน่นและยิ่งใหญ่ของเธอทำราวกับเราเป็นคนชั้นต่ำ

ท่านจาที่เธอพูดถึงไม่มีใครไม่รู้จัก ท่านเป็นวีระบุรุษในสงครามท่านไม่มีครอบครัวเพราะตลอดทั้งชีวิตของท่านอยู่แต่ในสนามรบที่พวกเราทุกคนชายชาติทหารต่างนับถือและเคารพ การที่ท่านจาให้ความสนิทสนมกับคุณจันทร์เป็นสิ่งที่ใครหลายคนหวังจะใช้ประโยชน์ตรงนี้ แต่คุณจันทร์กลับปกปิดมันเสียมิด ถ้าเขารู้ว่าคุณจันทร์เป็นลูกหลานที่ท่านจารักมากที่สุด ตำแหน่งนายพลใหญ่ก็คงจะหนีไปไม่ไกลจากเขา การที่เธอรู้จักกับท่านจาได้ เครือข่ายและเส้นสายของคุณจันทร์คงจะไม่ใช่มีเพียงเท่านี้แน่...

ความจริงเขาเองก็ไม่ชอบผู้หญิงที่เรียบร้อยเพราะมันน่าเบื่อ แต่ก็เหมาะที่จะอยู่บนหิ้งเป็นเครื่องประดับให้กับเราได้ วันนี้เขาได้แจ่มแจ้งถึงเนื้อในจริงๆ แล้วว่าคุณจันทร์เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมาก มีเสน่ห์เย้ายวนใจดั่งนางบุษบา

ไม่ว่าจะขยับกายไปทางใดก็ล้วนทำให้ชายทุกคนตกอยู่ในภวังค์ ไหนจะเสียงที่ปกติมักจะหวานเย็นชาผิดกับตอนนี้ที่มีความออดอ้อนอ่อนหวาน ไพเราะ ขี้เล่น เชิญชวนให้เข้าไปทำความรู้จัก มันช่างเป็นสิ่งที่มีพลังอานุภาพจริงๆ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณจันทร์เป็นผู้หญิงเท่มากกว่าเป็นผู้หญิงหวานแม้จะเสียงหวานจับใจก็เถอะ เขายอมรับว่าตกใจที่เห็นเธอสูบซิการ์ด้วยท่าทางที่มีความชำนาญนั่น เพราะคุณจันทร์ฉีกกฎของความเป็นกุลสตรีไทยทุกอย่างจริงๆ

เท่าที่ฟังเหมือนชายคนนั่นจะพยายามเตือนไม่ให้เธอสูบบ่อย แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือคุณจันทร์ไม่เคยเก็บเรื่องที่ตัวสูบซิการ์เป็นความลับ เธอสูบพร้อมกับลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้ชายในวังออกจะบ่อยพวกเขาก็ไม่เคยว่าเธอ มีเพียงเขาเท่านั้นที่ไม่รู้ (ไม่รู้หรือไม่ใส่ใจ) เขาคิดว่าข่าวลือนั่นเป็นของปลอมเสียอีกเพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเขาไม่เคยเห็นคุณจันทร์สูบซิการ์เลย

เท่าที่ฟังท่านจา เธอมักจะสูบเป็นเพื่อนเสมอ คนที่รู้แทบจะไม่ใครห้ามเธอและบอกว่ามันไม่ดีเลยสักคน กลับดีใจสนิทกันมากกว่าเดิม เพราะสามารถคุยเรื่องอะไรที่แบบผู้ชายเขาคุยกันได้แบบไม่เขินอาย เหมือนเธอถูกเลี้ยงมาเป็นผู้ชายที่มีความคิดความอ่านมากกว่าลูกชายบางครอบครัวมากกว่าจะถูกเลี้ยงเป็นลูกสาว

การที่พ่อแม่กล้าส่งลูกสาวไปเรียนไกลถึงต่างประเทศได้จะต้องเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวลูกมากว่าเขาจะดูแลตัวเองได้ ไม่นำความเสื่อมเสียมาแก่ราชสกุล แปลว่าสิ่งที่หลอมรวมให้คุณจันทร์เป็นแบบที่อยู่ตรงหน้าเขาก็คงจะมาจากปัจจัยเหล่านี้

สายตาเวลาคุณจันทร์สูบซิการ์มันเหมือนกันนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ชอบสูบกันจริงๆ ไม่ใช่แค่นั้น บรรยากาศแผ่ออกมาก็ยิ่งเหมือนไปอีก ใจของเขามีแต่ความไม่ยินยอม มันรู้สึกเสียดาย เขาพยายามจดจำใบหน้าของชายคนนั้น คนที่คาดว่าเป็นคนรักของคุณจันทร์ว่ามันเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ทำงานอะไร เขาไม่ยินยอมที่จะเสียเธอไปให้ชายอื่น ถ้าชายคนนั้นไม่ได้ดีเลิศไปมากกว่าเขา เขาก็มีสิทธิ์ที่จะแย่งชิงเธอกลับมา!

ชายที่กล่ำแดด รูปร่างสูงใหญ่ น่าจะสูงสักร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตร เป็นชายแก่ๆ ที่โดยรวมแล้วเป็นคนสุขภาพดีเหมือนคนอ่อนกำลังตลอดเวลา ใบหน้าที่คมเข้มมีหนวดที่ถูกตัดตกแต่งเป็นอย่างดีนั่น ไม่อยากจะยอมรับว่าเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาแม้จะดูแก่กว่าเขาก็ตาม

ตอนนี้คุณจันทร์และชายคนนั้นกำลังทานข้าวอยู่บนเรือหางยาวโดยมีทีมงานสามคนที่ติดเรือเรามเหมือนเดิม หลังจากทานข้าวเสร็จก็จะไปถ่ายรูปที่ด้านหน้าของเรือ

ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังกินข้าวและทำทุกอย่างเหมือนปกติที่เคยทำให้กันดูแลกัน แต่มันดันแปลกและดูลึกซึ้งในสายตาของอดีตสามี ทั้งคู่กินข้าวกันเป็นธรรมชาติไม่เหมือนคนเพิ่งกลับมารักกัน ชายคนนั้นสำลักอาหารคุณจันทร์ก็ยื่นแก้วน้ำของตนให้ดื่ม ไหนจะแกะกุ้ง ปู ให้ทานอีก

ชายคนนั้นมันเป็นง่อยหรืออย่างไรที่ต้องให้ผู้หญิงมาดูแล เขาก็เพิ่งสังเกตเหมือนกันว่าคุณจันทร์เป็นคนกินเยอะกินคล้ายผู้ชาย ตั้งแต่เมื่อคืนคนคนนั้นก็มักจะเป็นคนรวบผมตอนทานข้าวให้คุณจันทร์เสมอ ไหนจะอาหารจากจานที่เธอทานไม่หมด ชายคนนั้นก็รับไปทานต่ออย่างไม่รังเกียจเสมือนมันเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาทำให้กันมานาน

นี่มันไม่เหมือนคนจะเพิ่งมารักกัน ตอนนี้เขาคิดเข้าข้างตนเองว่าคุณจันทร์นอกใจเขามานานแล้ว มันทำให้เขาโมโหมาก รู้สึกเหมือนโดนเหยียดหยามเกียรติของชายชาติทหาร เขาได้แต่กัดกรามเพื่อควบคุมอารมณ์เพราะตอนนี้พวกเขาทำภารกิจอยู่

 

เมื่อถึงเวลาต้องมาถ่ายรูปคุณจันทร์ถอดกางเกงขาสั้นออก มันเว้าไม่รู้จะเว้ายังไงแล้ว มาทะเลก็ต้องใส่ชุดว่ายน้ำน่ะถูกแล้ว แต่นี่...มันเกินไป...

บ่นไปก็เท่านั้นจริงๆ เขาเองแม้จะอยู่ในร่างกายนี้มาก็ค่อนข้างชินบ้างแล้ว แต่ยังไม่ชินขนาดที่ต้องมาเปลือยอกให้ใครดู ชุดที่เขาใส่ก็เป็นเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไปนี่แหละ กางเกงขาสั้นลายดอก เสื้อพลิ้วๆ แขนสั้นสีครีมที่พอจะปกปิดหน้าอกได้ เขาเองก็เป็นห่วงที่จะให้ใครไม่รู้มาถ่ายรูปให้คุณจันทร์ได้แต่อาสาถ่ายให้เอง จนคุณจันทร์อยากจะมีรูปคู่ของเราสองคนบ้างเขาจึงต้องจำใจให้เจ้าหน้าที่มาถ่ายให้

โดยเขาได้เอาตัวบังคุณจันทร์ไว้โดยนั่งข้างหน้าเธอโดยให้ทำท่าโอบคอของเขาไว้ คุณจันทร์ก็ชอบเล่นพิเรนทร์มาหอมที่หูบ้างหอมที่แก้มบ้างทำเอาเขาตกใจไปหมด โลกใบนี้มันหมุนเร็วขนาดนี้ที่เราสามารถก้มจูบกันในที่สาธารณะได้แล้วหรือ!?

พูดเตือนไปจนปลงก็คงต้องปล่อยไปให้ทำไป จนมากเข้าก็เริ่มรู้สึกอยากเอาคืน ไม่รอช้าเขาพุ่งเข้าไปกัดแก้มคุณจันทร์จนฝากน้ำลายไปเยอะทีเดียวก็ทำเอาสะใจอยู่ไม่น้อย ก่อนจะพ่นจูบไปทั่วหน้าคุณจันทร์ จนท่าสุดท้ายที่เราถ่ายกันคือเธอมานั่งตักฉันและโอบคอของฉันไว้ ฉันรู้สึกว่ามันไม่งามเลย เลยตัดสินใจถอดเสื้ออกโดยไม่ให้เห็นหัวนมของตนเองไปคลุมตัวของคุณจันทร์ครึ่งหนึ่งและปกปิดหน้าอกของตนเองครึ่งหนึ่ง และให้ฝ่ามือใหญ่นี้โอบอุ้มไม่ให้ใครเห็นบั้นท้ายสวยๆ ของคุณจันทร์หรอก เป็นสาวเป็นนางต้องรู้จักแต่งกายให้มิดชิด

ความสนิทสนมของทั้งสองทำเอาทั้งสามคนพูดไม่ออก ไหนจะความขี้หึงขี้หวงของชายคนนั้นแล้ว ช่างเป็นคนที่ดูแต่ภายนอกไม่ได้จริงๆ ตอนแรกก็คิดว่าชายสูงวัยมีนิสัยอ่อนนุ่มเหมือนเกาะผู้หญิงกินเสียอีก ดูแล้วน่าจะคิดทบทวนเสียใหม่

ส่วนคุณจันทร์ที่ไม่ได้คิดอะไรก็รู้แจ้งถึงความคิดของแม่วาดว่าน่าจะกำลังตำหนิเธอในใจว่าทำไมถึงแต่งตัวขนาดนี้ ไหนจะความไม่ระวังตัวต่อหน้าผู้ชายอีก ส่วนคนโดนแกล้งก็สุดแสนจะอารมณ์เสีย