"กูเลี้ยงมึงมากับมือ ใครก็พรากมึงไปจากกูไม่ได้!"เศรษฐีหนุ่มใหญ่วัย 39 ปี ที่หวงเด็กในอุปการะพี่เลี้ยงมาอย่างปาริชาติ เด็กกำพร้าที่นับวันยิ่งโตยิ่งสวยนับวันยิ่งหัวกระไดไม่แห้งเพราะเธอต้องเป็นของเขา
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ผู้ใหญ่,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ไกรสรนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของเขา มองดูแผ่นหลังเล็กๆ ของปาริชาติที่กำลังจดจ่ออยู่กับหนังสือภาพเล่มหนา เขาไม่อยากจะให้เธอต้องมาเจอกับเรื่องวุ่นวายที่เขาก่อขึ้นในอดีตอีกแล้ว แต่เขาก็ไม่อาจจะควบคุมได้ เมื่อคนบางคนเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ในความแค้น ไม่ยอมปล่อยวาง
เขาตัดสินใจเดินเข้าไปหาปาริชาติและนั่งลงข้างๆ เธอ ปาริชาติเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วยิ้มกว้าง
"ท่านเศรษฐีคะ ท่านเศรษฐีจะมาอ่านหนังสือกับหนูเหรอคะ
"เปล่าหรอก" ไกรสรพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน "ฉันแค่อยากจะมานั่งอยู่ข้างๆ เธอ"
ปาริชาติวางหนังสือลงบนตัก แล้วหันมามองเขาด้วยสายตาที่สงสัย "ท่านเศรษฐีมีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าคะ"ปาริชาติเธอลุกขึ้นยืนแล้วนั่งไปบนตักของเศรษฐีไกรสรอย่างคุ้นชินแล้วใช้สองมือเล็กๆคล้องคอของเศรษฐีไกรษรเธอจุ๊บลงบนแก้มสากๆของเขาไปมาซ้ายขวาสลับกันเพราะเธอคิดว่าเศรษฐีน่าจะอารมณ์ดีขึ้น
ไกรสรที่โดนทำแบบนี้เป็นประจำเขาก็คุ้นชินกับการที่โดนยัยหนูปาริชาติหอมแก้มเขาทั้งก่อนนอนไปโรงเรียนก็เป็นแบบนี้จนทุกคนในบ้านพากันชินตากับภาพที่เห็นยกเว้นนางน้ำตาลเห็นทีไรก็ปรี๊ดแตกต้องไประบายอารมณ์กับห้องครัวหลังคฤหาสน์เป็นประจำจนทุกคนหัวเราะมันว่าเป็นเรื่องตลก
แต่คำถามของเด็กหญิงทำให้ไกรสรแปลกใจ เขาไม่คิดว่าเธอจะรับรู้ถึงความรู้สึกของเขาได้ "เปล่าหรอก" เขาตอบปัด "ไม่มีอะไร"
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วทำไมท่านเศรษฐีถึงดูเศร้า" เธอพูดพร้อมกับเอื้อมมือเล็กๆ มาแตะที่แขนของเขา "ท่านเศรษฐีไม่ต้องกลัวนะคะ ไม่ว่าใครจะมาทำร้ายท่านเศรษฐีอีก หนูจะปกป้องท่านเศรษฐีเอง"คำพูดจากปากเล็กๆของเด็กตัวเล็กตรงหน้าทำให้เศรษฐีไกรสรแทบจะหลุดขำออกมาแต่เขาก็ยังคงเก็บอาการอยู่อย่างนั้น
น้ำเสียงที่จริงจังของปาริชาติทำให้ไกรสรถึงกับพูดไม่ออก เขารู้สึกเหมือนมีก้อนบางอย่างมาจุกที่คอ เขาไม่เคยคิดว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนนี้จะมีความกล้าหาญและจิตใจที่เข้มแข็งได้มากขนาดนี้
"ไม่..." เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ "หน้าที่ปกป้องเป็นของฉัน เธอแค่เป็นเด็กดีและมีความสุขก็พอแล้ว" ไกรสรใช้มือหนาลูบไปที่กลุ่มผมเล็กๆของเด็กปาริชาติที่วันๆคิดแต่จะปกป้องเขาอย่างเดียวเขาดูบอบบางอรชรอ้อนแอ้นในสายตาของปาริชาติขนาดไหนกันนะเธอถึงใจกล้าบ้าบิ่นทำอะไรไม่ค่อยคิดจนเขาแอบเป็นห่วงไม่ได้
ปาริชาติพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย แต่สายตาของเธอกลับไม่ได้แสดงความคล้อยตาม เธอจ้องมองเขาด้วยแววตาที่มุ่งมั่น ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
"หนูจะเติบโตขึ้นให้แข็งแรงเพื่อจะได้เป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่สุดของท่านเศรษฐีเลยจ้ะใครก็จะทำอะไรท่านเศรษฐีของหนูไม่ได้หนูสัญญา"
คำพูดของปาริชาติทำให้ไกรสรหัวใจพองโต เขาก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา
"ขอบใจมากนะ...ปาริชาติ"
เขารู้สึกเหมือนได้รับพลังงานบางอย่างที่ทำให้เขามีกำลังใจที่จะต่อสู้กับเรื่องราวร้ายๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป เขารู้ดีว่าเรื่องราวของเขากับพิมพ์ภัทรายังไม่จบลงง่ายๆ
แต่ตอนนี้เขามีปาริชาติอยู่เคียงข้าง และนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเข้ามาในชีวิตของเขา
ในคืนนั้น ขณะที่ไกรสรกำลังจะพักผ่อนหลังจากที่กล่อมปาริชาติให้หลับลง เขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างจากทางหน้าต่าง เสียงที่เบาจนเกือบไม่ได้ยิน แต่สำหรับคนอย่างเขาที่เคยผ่านเรื่องราวอันตรายมามากมายแล้ว ไม่มีทางที่จะมองข้ามไปได้
เขาค่อยๆ เดินไปที่หน้าต่าง บานประตูไม้เก่าถูกเปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นเงามืดของชายคนหนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นมะม่วง ชายคนนั้นไม่ได้มองมาที่เขา แต่กลับจ้องมองไปยังหน้าต่างห้องของปาริชาติ
ไกรสรขมวดคิ้วแน่น เขาจำได้ดีว่าเงามืดนั้นคือชายที่ตามติดเขามานานหลายวันแล้ว เขาไม่รู้ว่าชายคนนั้นเป็นใครหรือต้องการอะไร แต่สิ่งที่เขาแน่ใจคือ เขาจะไม่ยอมให้ชายคนนั้นทำอันตรายปาริชาติได้เป็นอันขาด
เขาคิดว่าจะต้องเป็นคนที่รู้เส้นทางภายในคฤหาสน์ของเขาเป็นอย่างดีเพราะไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถฝ่าลูกสมุนนับสิบที่เดินตรวจตราบริเวณคฤหาสน์เข้ามาได้ใกล้เข้าถึงได้ขนาดนี้
เขารีบคว้าปืนพกคู่ใจที่ซ่อนอยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ มุ่งตรงไปยังด้านหลังของคฤหาสน์ เขาตั้งใจจะจัดการเรื่องนี้ให้จบในคืนนี้ จะไม่ยอมให้ภัยคุกคามนี้เข้าใกล้ปาริชาติได้อีกแม้แต่น้อย
"แกเป็นใคร!" ไกรสรตะโกนเสียงกร้าวในความมืด พร้อมกับยกปืนขึ้นเล็งไปที่ชายคนนั้น
ชายคนนั้นหันกลับมามองเขาอย่างเชื่องช้า ดวงตาของเขาเปล่งประกายคล้ายกับดวงตาของงูเห่าที่จ้องจะฉกเหยื่อ พร้อมกับยกมือขึ้นชี้มาที่ไกรสรช้าๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า
"ฉันมาทวงคืนสิ่งที่แกเคยเอาไป"
ไกรสรหัวใจเต้นระรัว เมื่อมองเห็นรอยแผลเป็นบนใบหน้าของชายคนนั้น มันเป็นรอยแผลเป็นที่เขาคุ้นเคยดี เพราะมันเป็นรอยแผลที่เกิดจากความผิดพลาดในอดีตของเขา
"แก... แกคือไอ้เสือ!" ไกรสรพูดเสียงสั่นเขาเองทั้งรู้สึกผิดและคิดถึงเสือตลอดเวลา
เขาไม่คิดว่าเสือจะยังมีชีวิตอยู่ เขาคิดว่าเสือตายไปในคืนนั้นแล้วคืนที่ทั้งสองต่อสู้กันย้อนกลับไปเมื่อ 5 หรือ 6 ปีก่อนหน้านี้ เสือตั้งใจจะรับซื้อไม้ผิดกฎหมายเขาพยายามตัดไม้ที่ไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งสองเถียงกันไปมาที่บ้านของเสือจนกระทั่งเสือหมดความอดทนใช้ปืนจอดที่จะยิงมาที่เพื่อนรักอย่างไกรสร เพื่อให้ตายดับด้วยการขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ
คนหนึ่งอยากเป็นคนที่มือสะอาดแต่เพื่อนก็อยากจะเป็นคนที่มือเปื้อนโคลนจึงทำให้ทั้งสองเข้ากันไม่ได้แต่ไกรสรก็ไม่คิดว่าเสือจะถึงขั้นอยากจะปลิดชีพเขาเพียงเพราะรู้เห็นในธุรกิจที่เขาคัดค้านหัวชนฝา
"คนตายเท่านั้นที่พูดไม่ได้ไอ้ไกรสร..กูขอโทษนะเพื่อน!"
นั่นเป็นคำพูดของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนรักอย่างเสือขนาดนั้นเมริสาภรรยาของเสือเดินลงมาจากชั้นสองก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเธอจึงพยายามร้องห้ามผู้เป็นสามีว่าไม่ให้ยิงไกรสรเด็ดขาด
"หยุดนะพี่เสือ! พี่จะบ้าหรือไงพี่จะทำอะไรพี่ไกรสรเอาปืนลงเดี๋ยวนี้นะ" เธอใช้เสียงตะโกนมาก่อนที่ตัวจะเดินมาถึงเสียอีก
"ใครบอกให้เธอลงมา กลับขึ้นไปนอนซะมันไม่ใช่เรื่องของเธอ" เมริสาเสือหันไปบอกกับภรรยาด้วยท่าทีขึงขังและดุดัน
"กูเป็นเพื่อนมึง แต่กูไม่คิดว่ามึงถึงกับจะฆ่าแกงกูเพียง เพราะผลประโยชน์พวกนี้ไม่ลงตัว" ไกรสรผิดหวังในตัวของเสือมากๆ
จังหวะนั้นเองไกรสรจึงเข้าไปแย่งปืนจากมือของเสือแย่งกันไปแย่งกันมาจนในที่สุดปืนกระบอกนั้นก็ลั่นขึ้น ปัง! กลางบ้านของเสือแต่คนทั้งสองไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่เป็นเมริสาที่โดนยิงจุดสำคัญจนตายคาที่
ไกรสรที่ทำอะไรไม่ถูกตัดสินใจวิ่งออกไปแล้วใช้โทรศัพท์สาธารณะที่ใกล้ที่สุดโทรหาตำรวจและเขาต้องการเรียกรถพยาบาลหรือสถานีอนามัยที่ใกล้ที่สุด
นำตัวของเมริสาไปส่งเขาวิ่งออกไปได้เพียงไม่นานกลับมาสภาพที่เห็นพร้อมกับตำรวจที่ตามมาติดๆคือบ้านของเสือไฟไหม้เป็นจุลทุกอย่างโหมกระหน่ำราวกับโดนวางเพลิง
ไกรสรเองในวันนั้นเขาก็รู้สึกผิดไม่น้อยและคิดว่าเสือได้ตายไปในกองไฟกับภรรยาอย่างเมริสาแล้วไม่คิดว่าวันนี้จะได้หวนกลับมาเจอกันอีกในสภาพใบหน้าที่เปื้อนรอยไฟไหม้
ตัดภาพมาที่ปัจจุบันเสือไม่ตอบอะไร เขาเพียงแต่ยิ้มเยาะเย้ย และเงยหน้าขึ้นมองไปยังหน้าต่างห้องของปาริชาติอีกครั้ง
"แกอยากได้ใช่ไหม... ผู้หญิงที่แกรักนักรักหนา... แกต้องเจ็บปวดเหมือนที่ฉันเคยเจ็บปวด!" เสือพูดพลางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ไกรสรไม่รอช้า เขารีบเล็งปืนไปที่เสือทันที แต่เสือเร็วกว่าที่เขาคิด เสือกระโดดหลบกระสุนแล้ววิ่งตรงมาที่ไกรสร แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ปาริชาติที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะเสียงปืนก็ค่อยๆ เดินออกมาจากห้อง เธอสวมชุดนอนสีชมพูตัวบางและเดินลงมาอย่างซึมๆ เพราะงัวเงียจากอาการเพิ่งตื่น
เมื่อเธอเห็นว่าไกรสรกับเสือกำลังต่อสู้กันอยู่ ปาริชาติก็เบิกตากว้าง เธอร้องกรี๊ดสุดเสียง แล้ววิ่งเข้าไปหาไกรสร ไกรสรรีบตะโกนบอกให้เธอหนีไป แต่เธอไม่ฟัง
"ท่านเศรษฐี! ระวังค่ะ อย่านะ!" ปาริชาติร้องไห้พร้อมกับกอดไกรสรไว้แน่นเธอยังคงทำเช่นเดิมตามสัญชาตญาณและคำมั่นสัญญาไกรสรจึงพยายามปกป้องเธอกับเช่นกัน
ในจังหวะนั้นเอง เสือก็คว้ามีดออกมาจากเสื้อแล้วเงื้อมือขึ้นสูงเพื่อจะแทงไกรสร แต่ด้วยความที่ไกรสรถูกปาริชาติกอดไว้แน่น ทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้เลย เขามองเห็นคมมีดสะท้อนแสงจันทร์ แล้วได้แต่ภาวนาในใจว่าขอให้เรื่องนี้เป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้น
"ไม่นะ!" ไกรสรตะโกนพร้อมกับเบี่ยงตัวหลบ แต่แล้ว........