"กูเลี้ยงมึงมากับมือ ใครก็พรากมึงไปจากกูไม่ได้!"เศรษฐีหนุ่มใหญ่วัย 39 ปี ที่หวงเด็กในอุปการะพี่เลี้ยงมาอย่างปาริชาติ เด็กกำพร้าที่นับวันยิ่งโตยิ่งสวยนับวันยิ่งหัวกระไดไม่แห้งเพราะเธอต้องเป็นของเขา

จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ) - บทที่ 15 ความน่ารักของปาริชาติ โดย บุหงารำพึง-2537 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ผู้ใหญ่,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ) โดย บุหงารำพึง-2537 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"กูเลี้ยงมึงมากับมือ ใครก็พรากมึงไปจากกูไม่ได้!"เศรษฐีหนุ่มใหญ่วัย 39 ปี ที่หวงเด็กในอุปการะพี่เลี้ยงมาอย่างปาริชาติ เด็กกำพร้าที่นับวันยิ่งโตยิ่งสวยนับวันยิ่งหัวกระไดไม่แห้งเพราะเธอต้องเป็นของเขา

ผู้แต่ง

บุหงารำพึง-2537

เรื่องย่อ

เศรษฐีไกรสรผู้ที่เป็นเจ้าของโรงเลื่อยเจ้าใหญ่ที่สุดในเมืองระยอง เขาเป็นผู้ชายที่หวงความโสดมากที่สุดและไม่เคยชายตาและผู้หญิงคนไหนที่จะเอามาเป็นเมียหรือแม่ของลูก นอกจากผู้หญิงชั่วคราวที่เอาไว้บำเรอความใคร่เขา 


 แต่แล้วเหมือนโชคชะตาจะกลั่นแกล้งให้เขาเจอเด็กผู้หญิงที่มีแววตาเศร้าสร้อยที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอนั่งอยู่ในโรงเลื่อยของเขาด้วยท่าทีที่เหม่อลอยเธอกลับถูกชะตาเด็กผู้หญิงมอมแมมคนนั้นจนถึงขั้นรับเลี้ยงเธอ


ปาริชาติเด็กผู้หญิงอายุ 12 ปีที่พ่อแม่ด่วนจากไปก่อนวัยอันควรและเธอก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเธอได้อาศัยอยู่กับป้าแม้นป้าใจดีในโรงเลื่อยแต่ป้าก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายจึงทำให้เธอไม่ได้เรียนหนังสือออกมาช่วยป้าแม้นทำงานในโรงเรื่อยเล็กๆน้อยๆ  


ใครๆก็บอกว่าเศรษฐีเจ้าของโรงเลื่อยเป็นคนใจดีมากปาริชาติเพิ่งเคยเห็นเศรษฐีเจ้าของโรงเลื่อยเป็นครั้งแรกเธอแอบกลัวเขาอยู่เล็กน้อยแต่ไม่รู้เคราะห์ซ้ำหรือกำซัดที่อยู่ดีๆก็ถูกรับเลี้ยงโดยเศรษฐีเจ้าของโรงเลื่อยที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุและโหดที่สุด

 

สารบัญ

จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 1 แรกพบสบตาเด็กหญิงกำพร้า,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 2 สิ่งที่เลือกไม่ได้,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 3 สายตาและคำดูถูก,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 4 การปรับตัวของปาริชาติ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 5 พัฒนาชีวิต,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 6 หัวใจของปาริชาติ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 7 แม่หนูปาริชาติ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 8 ความผูกพัน,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 9 ความเปลี่ยนแปลง,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 10 พ่อไกรสรแรง ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 11 สถานการณ์ที่ตึงเครียด,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 12 อย่าแตะต้องคนของกู,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 13 สั่งสอนคนปากดี,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 14 ความเป็นห่วง,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 15 ความน่ารักของปาริชาติ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 16 ศัตรูในรอยอดีต

เนื้อหา

บทที่ 15 ความน่ารักของปาริชาติ

ไกรสรนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของเขา มองดูแผ่นหลังเล็กๆ ของปาริชาติที่กำลังจดจ่ออยู่กับหนังสือภาพเล่มหนา เขาไม่อยากจะให้เธอต้องมาเจอกับเรื่องวุ่นวายที่เขาก่อขึ้นในอดีตอีกแล้ว แต่เขาก็ไม่อาจจะควบคุมได้ เมื่อคนบางคนเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ในความแค้น ไม่ยอมปล่อยวาง

เขาตัดสินใจเดินเข้าไปหาปาริชาติและนั่งลงข้างๆ เธอ ปาริชาติเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วยิ้มกว้าง 

"ท่านเศรษฐีคะ ท่านเศรษฐีจะมาอ่านหนังสือกับหนูเหรอคะ

"เปล่าหรอก" ไกรสรพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน "ฉันแค่อยากจะมานั่งอยู่ข้างๆ เธอ"

ปาริชาติวางหนังสือลงบนตัก แล้วหันมามองเขาด้วยสายตาที่สงสัย "ท่านเศรษฐีมีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าคะ"ปาริชาติเธอลุกขึ้นยืนแล้วนั่งไปบนตักของเศรษฐีไกรสรอย่างคุ้นชินแล้วใช้สองมือเล็กๆคล้องคอของเศรษฐีไกรษรเธอจุ๊บลงบนแก้มสากๆของเขาไปมาซ้ายขวาสลับกันเพราะเธอคิดว่าเศรษฐีน่าจะอารมณ์ดีขึ้น

ไกรสรที่โดนทำแบบนี้เป็นประจำเขาก็คุ้นชินกับการที่โดนยัยหนูปาริชาติหอมแก้มเขาทั้งก่อนนอนไปโรงเรียนก็เป็นแบบนี้จนทุกคนในบ้านพากันชินตากับภาพที่เห็นยกเว้นนางน้ำตาลเห็นทีไรก็ปรี๊ดแตกต้องไประบายอารมณ์กับห้องครัวหลังคฤหาสน์เป็นประจำจนทุกคนหัวเราะมันว่าเป็นเรื่องตลก

แต่คำถามของเด็กหญิงทำให้ไกรสรแปลกใจ เขาไม่คิดว่าเธอจะรับรู้ถึงความรู้สึกของเขาได้ "เปล่าหรอก" เขาตอบปัด "ไม่มีอะไร"

"ถ้าไม่มีอะไรแล้วทำไมท่านเศรษฐีถึงดูเศร้า" เธอพูดพร้อมกับเอื้อมมือเล็กๆ มาแตะที่แขนของเขา "ท่านเศรษฐีไม่ต้องกลัวนะคะ ไม่ว่าใครจะมาทำร้ายท่านเศรษฐีอีก หนูจะปกป้องท่านเศรษฐีเอง"คำพูดจากปากเล็กๆของเด็กตัวเล็กตรงหน้าทำให้เศรษฐีไกรสรแทบจะหลุดขำออกมาแต่เขาก็ยังคงเก็บอาการอยู่อย่างนั้น

น้ำเสียงที่จริงจังของปาริชาติทำให้ไกรสรถึงกับพูดไม่ออก เขารู้สึกเหมือนมีก้อนบางอย่างมาจุกที่คอ เขาไม่เคยคิดว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนนี้จะมีความกล้าหาญและจิตใจที่เข้มแข็งได้มากขนาดนี้

"ไม่..." เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ "หน้าที่ปกป้องเป็นของฉัน เธอแค่เป็นเด็กดีและมีความสุขก็พอแล้ว" ไกรสรใช้มือหนาลูบไปที่กลุ่มผมเล็กๆของเด็กปาริชาติที่วันๆคิดแต่จะปกป้องเขาอย่างเดียวเขาดูบอบบางอรชรอ้อนแอ้นในสายตาของปาริชาติขนาดไหนกันนะเธอถึงใจกล้าบ้าบิ่นทำอะไรไม่ค่อยคิดจนเขาแอบเป็นห่วงไม่ได้

ปาริชาติพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย แต่สายตาของเธอกลับไม่ได้แสดงความคล้อยตาม เธอจ้องมองเขาด้วยแววตาที่มุ่งมั่น ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า

 "หนูจะเติบโตขึ้นให้แข็งแรงเพื่อจะได้เป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่สุดของท่านเศรษฐีเลยจ้ะใครก็จะทำอะไรท่านเศรษฐีของหนูไม่ได้หนูสัญญา"

คำพูดของปาริชาติทำให้ไกรสรหัวใจพองโต เขาก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา

 "ขอบใจมากนะ...ปาริชาติ"

เขารู้สึกเหมือนได้รับพลังงานบางอย่างที่ทำให้เขามีกำลังใจที่จะต่อสู้กับเรื่องราวร้ายๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป เขารู้ดีว่าเรื่องราวของเขากับพิมพ์ภัทรายังไม่จบลงง่ายๆ

 แต่ตอนนี้เขามีปาริชาติอยู่เคียงข้าง และนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเข้ามาในชีวิตของเขา

ในคืนนั้น ขณะที่ไกรสรกำลังจะพักผ่อนหลังจากที่กล่อมปาริชาติให้หลับลง เขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างจากทางหน้าต่าง เสียงที่เบาจนเกือบไม่ได้ยิน แต่สำหรับคนอย่างเขาที่เคยผ่านเรื่องราวอันตรายมามากมายแล้ว ไม่มีทางที่จะมองข้ามไปได้

เขาค่อยๆ เดินไปที่หน้าต่าง บานประตูไม้เก่าถูกเปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นเงามืดของชายคนหนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นมะม่วง ชายคนนั้นไม่ได้มองมาที่เขา แต่กลับจ้องมองไปยังหน้าต่างห้องของปาริชาติ

ไกรสรขมวดคิ้วแน่น เขาจำได้ดีว่าเงามืดนั้นคือชายที่ตามติดเขามานานหลายวันแล้ว เขาไม่รู้ว่าชายคนนั้นเป็นใครหรือต้องการอะไร แต่สิ่งที่เขาแน่ใจคือ เขาจะไม่ยอมให้ชายคนนั้นทำอันตรายปาริชาติได้เป็นอันขาด 

เขาคิดว่าจะต้องเป็นคนที่รู้เส้นทางภายในคฤหาสน์ของเขาเป็นอย่างดีเพราะไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถฝ่าลูกสมุนนับสิบที่เดินตรวจตราบริเวณคฤหาสน์เข้ามาได้ใกล้เข้าถึงได้ขนาดนี้

เขารีบคว้าปืนพกคู่ใจที่ซ่อนอยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ มุ่งตรงไปยังด้านหลังของคฤหาสน์ เขาตั้งใจจะจัดการเรื่องนี้ให้จบในคืนนี้ จะไม่ยอมให้ภัยคุกคามนี้เข้าใกล้ปาริชาติได้อีกแม้แต่น้อย

"แกเป็นใคร!" ไกรสรตะโกนเสียงกร้าวในความมืด พร้อมกับยกปืนขึ้นเล็งไปที่ชายคนนั้น

ชายคนนั้นหันกลับมามองเขาอย่างเชื่องช้า ดวงตาของเขาเปล่งประกายคล้ายกับดวงตาของงูเห่าที่จ้องจะฉกเหยื่อ พร้อมกับยกมือขึ้นชี้มาที่ไกรสรช้าๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า

 "ฉันมาทวงคืนสิ่งที่แกเคยเอาไป"

ไกรสรหัวใจเต้นระรัว เมื่อมองเห็นรอยแผลเป็นบนใบหน้าของชายคนนั้น มันเป็นรอยแผลเป็นที่เขาคุ้นเคยดี เพราะมันเป็นรอยแผลที่เกิดจากความผิดพลาดในอดีตของเขา

"แก... แกคือไอ้เสือ!" ไกรสรพูดเสียงสั่นเขาเองทั้งรู้สึกผิดและคิดถึงเสือตลอดเวลา

 เขาไม่คิดว่าเสือจะยังมีชีวิตอยู่ เขาคิดว่าเสือตายไปในคืนนั้นแล้วคืนที่ทั้งสองต่อสู้กันย้อนกลับไปเมื่อ 5 หรือ 6 ปีก่อนหน้านี้ เสือตั้งใจจะรับซื้อไม้ผิดกฎหมายเขาพยายามตัดไม้ที่ไม่ได้รับอนุญาต

ทั้งสองเถียงกันไปมาที่บ้านของเสือจนกระทั่งเสือหมดความอดทนใช้ปืนจอดที่จะยิงมาที่เพื่อนรักอย่างไกรสร เพื่อให้ตายดับด้วยการขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ

คนหนึ่งอยากเป็นคนที่มือสะอาดแต่เพื่อนก็อยากจะเป็นคนที่มือเปื้อนโคลนจึงทำให้ทั้งสองเข้ากันไม่ได้แต่ไกรสรก็ไม่คิดว่าเสือจะถึงขั้นอยากจะปลิดชีพเขาเพียงเพราะรู้เห็นในธุรกิจที่เขาคัดค้านหัวชนฝา

"คนตายเท่านั้นที่พูดไม่ได้ไอ้ไกรสร..กูขอโทษนะเพื่อน!" 

นั่นเป็นคำพูดของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนรักอย่างเสือขนาดนั้นเมริสาภรรยาของเสือเดินลงมาจากชั้นสองก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเธอจึงพยายามร้องห้ามผู้เป็นสามีว่าไม่ให้ยิงไกรสรเด็ดขาด

"หยุดนะพี่เสือ! พี่จะบ้าหรือไงพี่จะทำอะไรพี่ไกรสรเอาปืนลงเดี๋ยวนี้นะ" เธอใช้เสียงตะโกนมาก่อนที่ตัวจะเดินมาถึงเสียอีก

"ใครบอกให้เธอลงมา กลับขึ้นไปนอนซะมันไม่ใช่เรื่องของเธอ" เมริสาเสือหันไปบอกกับภรรยาด้วยท่าทีขึงขังและดุดัน

"กูเป็นเพื่อนมึง แต่กูไม่คิดว่ามึงถึงกับจะฆ่าแกงกูเพียง เพราะผลประโยชน์พวกนี้ไม่ลงตัว" ไกรสรผิดหวังในตัวของเสือมากๆ

จังหวะนั้นเองไกรสรจึงเข้าไปแย่งปืนจากมือของเสือแย่งกันไปแย่งกันมาจนในที่สุดปืนกระบอกนั้นก็ลั่นขึ้น ปัง! กลางบ้านของเสือแต่คนทั้งสองไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่เป็นเมริสาที่โดนยิงจุดสำคัญจนตายคาที่ 

ไกรสรที่ทำอะไรไม่ถูกตัดสินใจวิ่งออกไปแล้วใช้โทรศัพท์สาธารณะที่ใกล้ที่สุดโทรหาตำรวจและเขาต้องการเรียกรถพยาบาลหรือสถานีอนามัยที่ใกล้ที่สุด

นำตัวของเมริสาไปส่งเขาวิ่งออกไปได้เพียงไม่นานกลับมาสภาพที่เห็นพร้อมกับตำรวจที่ตามมาติดๆคือบ้านของเสือไฟไหม้เป็นจุลทุกอย่างโหมกระหน่ำราวกับโดนวางเพลิง

ไกรสรเองในวันนั้นเขาก็รู้สึกผิดไม่น้อยและคิดว่าเสือได้ตายไปในกองไฟกับภรรยาอย่างเมริสาแล้วไม่คิดว่าวันนี้จะได้หวนกลับมาเจอกันอีกในสภาพใบหน้าที่เปื้อนรอยไฟไหม้

ตัดภาพมาที่ปัจจุบันเสือไม่ตอบอะไร เขาเพียงแต่ยิ้มเยาะเย้ย และเงยหน้าขึ้นมองไปยังหน้าต่างห้องของปาริชาติอีกครั้ง

"แกอยากได้ใช่ไหม... ผู้หญิงที่แกรักนักรักหนา... แกต้องเจ็บปวดเหมือนที่ฉันเคยเจ็บปวด!" เสือพูดพลางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

ไกรสรไม่รอช้า เขารีบเล็งปืนไปที่เสือทันที แต่เสือเร็วกว่าที่เขาคิด เสือกระโดดหลบกระสุนแล้ววิ่งตรงมาที่ไกรสร แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ปาริชาติที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะเสียงปืนก็ค่อยๆ เดินออกมาจากห้อง เธอสวมชุดนอนสีชมพูตัวบางและเดินลงมาอย่างซึมๆ เพราะงัวเงียจากอาการเพิ่งตื่น

เมื่อเธอเห็นว่าไกรสรกับเสือกำลังต่อสู้กันอยู่ ปาริชาติก็เบิกตากว้าง เธอร้องกรี๊ดสุดเสียง แล้ววิ่งเข้าไปหาไกรสร ไกรสรรีบตะโกนบอกให้เธอหนีไป แต่เธอไม่ฟัง

"ท่านเศรษฐี! ระวังค่ะ อย่านะ!" ปาริชาติร้องไห้พร้อมกับกอดไกรสรไว้แน่นเธอยังคงทำเช่นเดิมตามสัญชาตญาณและคำมั่นสัญญาไกรสรจึงพยายามปกป้องเธอกับเช่นกัน

ในจังหวะนั้นเอง เสือก็คว้ามีดออกมาจากเสื้อแล้วเงื้อมือขึ้นสูงเพื่อจะแทงไกรสร แต่ด้วยความที่ไกรสรถูกปาริชาติกอดไว้แน่น ทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้เลย เขามองเห็นคมมีดสะท้อนแสงจันทร์ แล้วได้แต่ภาวนาในใจว่าขอให้เรื่องนี้เป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้น

"ไม่นะ!" ไกรสรตะโกนพร้อมกับเบี่ยงตัวหลบ แต่แล้ว........