"กูเลี้ยงมึงมากับมือ ใครก็พรากมึงไปจากกูไม่ได้!"เศรษฐีหนุ่มใหญ่วัย 39 ปี ที่หวงเด็กในอุปการะพี่เลี้ยงมาอย่างปาริชาติ เด็กกำพร้าที่นับวันยิ่งโตยิ่งสวยนับวันยิ่งหัวกระไดไม่แห้งเพราะเธอต้องเป็นของเขา

จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ) - บทที่ 14 ความเป็นห่วง โดย บุหงารำพึง-2537 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ผู้ใหญ่,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ) โดย บุหงารำพึง-2537 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"กูเลี้ยงมึงมากับมือ ใครก็พรากมึงไปจากกูไม่ได้!"เศรษฐีหนุ่มใหญ่วัย 39 ปี ที่หวงเด็กในอุปการะพี่เลี้ยงมาอย่างปาริชาติ เด็กกำพร้าที่นับวันยิ่งโตยิ่งสวยนับวันยิ่งหัวกระไดไม่แห้งเพราะเธอต้องเป็นของเขา

ผู้แต่ง

บุหงารำพึง-2537

เรื่องย่อ

เศรษฐีไกรสรผู้ที่เป็นเจ้าของโรงเลื่อยเจ้าใหญ่ที่สุดในเมืองระยอง เขาเป็นผู้ชายที่หวงความโสดมากที่สุดและไม่เคยชายตาและผู้หญิงคนไหนที่จะเอามาเป็นเมียหรือแม่ของลูก นอกจากผู้หญิงชั่วคราวที่เอาไว้บำเรอความใคร่เขา 


 แต่แล้วเหมือนโชคชะตาจะกลั่นแกล้งให้เขาเจอเด็กผู้หญิงที่มีแววตาเศร้าสร้อยที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอนั่งอยู่ในโรงเลื่อยของเขาด้วยท่าทีที่เหม่อลอยเธอกลับถูกชะตาเด็กผู้หญิงมอมแมมคนนั้นจนถึงขั้นรับเลี้ยงเธอ


ปาริชาติเด็กผู้หญิงอายุ 12 ปีที่พ่อแม่ด่วนจากไปก่อนวัยอันควรและเธอก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเธอได้อาศัยอยู่กับป้าแม้นป้าใจดีในโรงเลื่อยแต่ป้าก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายจึงทำให้เธอไม่ได้เรียนหนังสือออกมาช่วยป้าแม้นทำงานในโรงเรื่อยเล็กๆน้อยๆ  


ใครๆก็บอกว่าเศรษฐีเจ้าของโรงเลื่อยเป็นคนใจดีมากปาริชาติเพิ่งเคยเห็นเศรษฐีเจ้าของโรงเลื่อยเป็นครั้งแรกเธอแอบกลัวเขาอยู่เล็กน้อยแต่ไม่รู้เคราะห์ซ้ำหรือกำซัดที่อยู่ดีๆก็ถูกรับเลี้ยงโดยเศรษฐีเจ้าของโรงเลื่อยที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุและโหดที่สุด

 

สารบัญ

จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 1 แรกพบสบตาเด็กหญิงกำพร้า,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 2 สิ่งที่เลือกไม่ได้,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 3 สายตาและคำดูถูก,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 4 การปรับตัวของปาริชาติ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 5 พัฒนาชีวิต,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 6 หัวใจของปาริชาติ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 7 แม่หนูปาริชาติ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 8 ความผูกพัน,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 9 ความเปลี่ยนแปลง,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 10 พ่อไกรสรแรง ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 11 สถานการณ์ที่ตึงเครียด,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 12 อย่าแตะต้องคนของกู,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 13 สั่งสอนคนปากดี,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 14 ความเป็นห่วง,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 15 ความน่ารักของปาริชาติ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 16 ศัตรูในรอยอดีต

เนื้อหา

บทที่ 14 ความเป็นห่วง

"ผู้กำกับฯ ครับ..."

"ผู้กำกับฯ ครับ..." สารวัตรดอนพูดด้วยเสียงสั่นเครือ "ผม..."

"ไปได้แล้ว สารวัตรดอน" ผู้กำกับฯ พูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด "ไปคิดทบทวนสิ่งที่ตัวเองทำลงไปให้ดี"

สารวัตรดอนได้แต่ก้มหน้ารับคำสั่ง เขาเดินออกจากห้องของผู้กำกับฯ ด้วยความรู้สึกที่พังทลาย เขาเคยคิดว่าการล้มเศรษฐีไกรสรจะทำให้เขาเป็นที่ยอมรับและมีชื่อเสียง แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นคนที่ไม่มีอนาคต เขาได้แต่โทษตัวเองที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ

ที่คฤหาสน์ของไกรสร บรรยากาศกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ปาริชาติที่หลับไปแล้วในอ้อมแขนของไกรสร ได้รับการประคบประหงมอย่างดีจากเขา เขานำเธอขึ้นไปนอนบนเตียง แล้วจัดหมอนและผ้าห่มให้เธออย่างเบามือ ไกรสรนั่งลงข้างเตียง มองดูใบหน้าใสซื่อของเด็กหญิงที่กำลังหลับใหล

"หนูไม่ควรต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เลย" เขาพึมพำกับตัวเอง เขารู้สึกผิดที่ทำให้เธอต้องมาเผชิญหน้ากับความอันตราย เขาไม่เคยคิดว่าความบาดหมางในอดีตของเขาจะส่งผลกระทบต่อคนที่เขารักและห่วงใย ตอนนี้ปาริชาติเปรียบเสมือนลมหายใจและดวงใจของเขา

เขาไม่สามารถขาดทั้งลมหายใจและดวงใจได้ เขาเห็นทุกการกระทำของปาริชาติตั้งแต่เรื่องที่เธอใช้ตัวกระโดดบังคนร้าย และแม้กระทั่งตำรวจพยายามนำตัวเขาออกจากคฤหาสน์ แต่ปาริชาติเลือกที่จะยืนกอดเอวของเขาไว้แน่น ไม่แม้แต่จะก้าวขาเล็กๆ ไปหาเข้มตามคำสั่งของเขา

คืนนี้เขาพาปาริชาติเข้านอนเหมือนทุกวัน และเขาก็ได้ปีนป่ายขึ้นไปนอนบนเตียงกว้างกับปาริชาติ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของปาริชาติทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย

 ในขณะนั้นเขารู้สึกว่าปาริชาติทำให้เขาหลับสนิทในรอบหลายปี ณ ปัจจุบันนี้เขาอายุ 32 ปี ส่วนปาริชาติอายุ 12 ปี แต่เขารู้สึกแค่ว่าอยากจะดูแลปกป้องเด็กคนนี้ให้มีความสุขที่สุด

ในห้วงเวลานี้ เขาไม่มีความคิดเกินเลยกับปาริชาติเลย แต่ใครจะรู้อนาคตข้างหน้าว่าสถานะของปาริชาติอาจจะเปลี่ยนเป็นว่าที่นายหญิงก็เป็นได้

"ท่านเศรษฐีจ๊ะ ท่านเศรษฐีเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" ขณะที่เศรษฐีไกรสรกำลังปีนขึ้นมาบนเตียงเพื่อจะกอดปาริชาติให้หลับ เธอก็ยิงคำถามขึ้นมาท่ามกลางแสงไฟสลัวที่หัวเตียง

"ทำไม ฉันทำให้เธอเป็นห่วงอีกแล้วเหรอ" เศรษฐีไกรสรกระซิบถาม

"เป็นห่วงมากจ้ะ ปาริชาติเป็นห่วงท่านเศรษฐี แล้วก็รักท่านเศรษฐีที่สุดในโลกเลย" 

ปาริชาติพูดจบก็กระชับอ้อมกอดเล็กๆ ของเธอเข้ากับร่างหนาเหมือนกลัวว่าเศรษฐีไกรสรจะหายไปจากตรงนี้ เธอที่สูญเสียพ่อและแม่และไม่ได้รับความรักจากใครเป็นเวลานาน ตลอดหนึ่งปีนอกจากป้าแม้นที่ก็ไม่ค่อยมีเงินเลี้ยงดูเธอตามมีตามเกิดให้อยู่ในโรงเลื่อย

"ขอบใจมากที่เป็นห่วงฉัน แต่อย่าทำอะไรเพื่อฉันหรือต้องเสี่ยงเพื่อฉันอีก นี่เป็นคำสั่ง เข้าใจหรือเปล่า" เศรษฐีไกรสรไม่รู้หรอกว่าเด็กสาวอายุสิบสอง จะเข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามสื่อสารในขณะนั้นหรือไม่

 แต่นั่นมันก็เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้ว่าอยากให้เธอเข้าใจว่าเขาพยายามปกป้องเธอทุกวิถีทาง คนทั้งสองที่พากันพูดคุยแลกเปลี่ยนเหมือนเป็นเพื่อนต่างวัยก็พากันผล็อยหลับไปในที่สุด จวบจนเวลาเช้ามาถึง

ในตอนเช้า ไกรสรตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่สดชื่น เขาเดินลงมาที่ห้องอาหาร พบว่าปาริชาติกำลังนั่งรอทานอาคารเช้าอยู่กับป้าหน่อยแม่บ้านอาวุโสประจำบ้าน

"อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านเศรษฐี" ปาริชาติทักทายด้วยรอยยิ้มสดใสราวกับเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น "มาทานข้าวกันเถอะค่ะ"

ไกรสรยิ้มบางๆ เขาเดินไปนั่งลงข้างปาริชาติ แล้วเริ่มกินอาหารเช้าอย่างเงียบๆ เขารู้สึกประหลาดใจกับความเข้มแข็งของเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่สามารถลืมเรื่องร้ายๆ ได้อย่างรวดเร็วและกลับมาเป็นปาริชาติคนเดิม

หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ไกรสรก็เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานในห้องสมุด ปาริชาติเดินตามเข้ามาหาเขาพร้อมหนังสือในมือ

"ท่านเศรษฐี..." เธอเอ่ย "วันนี้มีนิทานเรื่องใหม่มาเล่าให้ฟังด้วยนะคะ"

ไกรสรยิ้ม "เอาสิ"

ปาริชาติเริ่มเล่านิทานเรื่อง "ราชินีผู้เข้มแข็ง" ซึ่งเป็นเรื่องราวของราชินีที่ต้องปกป้องอาณาจักรจากศัตรูที่มาคุกคาม ถึงแม้จะหวาดกลัวแต่เธอก็สามารถเอาชนะศัตรูได้ด้วยความกล้าหาญและสติปัญญา

ไกรสรนั่งฟังอย่างตั้งใจ เขารู้สึกว่านิทานเรื่องนี้เหมือนกำลังพูดถึงตัวเขาเอง การที่เขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่คอยจ้องจะทำร้ายเขา แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องดูแลและปกป้องคนที่เขารัก นั่นก็คือปาริชาตินั่นเอง

เมื่อเล่านิทานจบ ปาริชาติเงยหน้าขึ้นมามองไกรสร "ท่านเศรษฐีคะ" เธอเอ่ย "หนูว่าท่านเศรษฐีเหมือนราชินีในนิทานเลยค่ะ"

ไกรสรหัวเราะเบาๆ "ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ"

"ก็ท่านเศรษฐีปกป้องหนูจากคนไม่ดี" เธอตอบ "และท่านเศรษฐีก็เข้มแข็งมากเลยค่ะ"

คำพูดของปาริชาติทำให้ไกรสรยิ้มออกมาจากใจ เขาไม่เคยคิดว่าจะมีใครเข้าใจความรู้สึกของเขาได้มากขนาดนี้

ในตอนเย็น ไกรสรได้รับโทรศัพท์จากทนายศักดา "คุณไกรสรครับ" ทนายศักดาเอ่ย "ผมมีเรื่องด่วนจะเรียนให้ทราบครับ"

"ว่ามาสิ" ไกรสรตอบ "เกิดอะไรขึ้น"

"ทางกรมตำรวจมีคำสั่งให้สารวัตรดอนถูกพักงานและให้ไปบำเพ็ญประโยชน์สามเดือนครับ" ทนายศักดาแจ้งข่าว "และเรื่องคดีของคุณไกรสร... ได้ถูกยกฟ้องแล้วครับ"

ไกรสรยิ้มอย่างพอใจ "ดีมาก"

"แต่..." ทนายศักดาพูดต่อ "ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ยังไม่จบครับ"

"ทำไมถึงคิดแบบนั้น"

"เพราะว่าผมยังหาตัวคนแจ้งความไม่ได้ครับ" ทนายศักดาอธิบาย "ถ้าเราหาตัวคนแจ้งความได้ ผมก็สามารถฟ้องกลับได้ครับ แต่ถ้าเราหาตัวคนแจ้งความไม่ได้ เรื่องนี้ก็อาจจะยังไม่จบ"

ไกรสรเงียบไปครู่หนึ่ง เขารู้ดีว่าคนที่แจ้งความคือพิมพ์ภัทรา แต่เขาก็ไม่อยากจะให้เรื่องมันบานปลายไปมากกว่านี้

"ไม่ต้องหรอกศักดา" เขาตอบ "ปล่อยให้เรื่องนี้มันจบไปเถอะ"

ทนายศักดาแปลกใจเล็กน้อย แต่เขาก็ทำตามคำสั่งของลูกความ "ครับ คุณไกรสร"

หลังจากวางสาย ไกรสรก็เดินเข้าไปในห้องสมุดอีกครั้ง เขามองดูปาริชาติที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา เขารู้ดีว่าเขามีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องเธอจากเรื่องร้ายๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตหรือเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ตาม...