"กูเลี้ยงมึงมากับมือ ใครก็พรากมึงไปจากกูไม่ได้!"เศรษฐีหนุ่มใหญ่วัย 39 ปี ที่หวงเด็กในอุปการะพี่เลี้ยงมาอย่างปาริชาติ เด็กกำพร้าที่นับวันยิ่งโตยิ่งสวยนับวันยิ่งหัวกระไดไม่แห้งเพราะเธอต้องเป็นของเขา

จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ) - บทที่ 1 แรกพบสบตาเด็กหญิงกำพร้า โดย บุหงารำพึง-2537 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ผู้ใหญ่,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ) โดย บุหงารำพึง-2537 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"กูเลี้ยงมึงมากับมือ ใครก็พรากมึงไปจากกูไม่ได้!"เศรษฐีหนุ่มใหญ่วัย 39 ปี ที่หวงเด็กในอุปการะพี่เลี้ยงมาอย่างปาริชาติ เด็กกำพร้าที่นับวันยิ่งโตยิ่งสวยนับวันยิ่งหัวกระไดไม่แห้งเพราะเธอต้องเป็นของเขา

ผู้แต่ง

บุหงารำพึง-2537

เรื่องย่อ

เศรษฐีไกรสรผู้ที่เป็นเจ้าของโรงเลื่อยเจ้าใหญ่ที่สุดในเมืองระยอง เขาเป็นผู้ชายที่หวงความโสดมากที่สุดและไม่เคยชายตาและผู้หญิงคนไหนที่จะเอามาเป็นเมียหรือแม่ของลูก นอกจากผู้หญิงชั่วคราวที่เอาไว้บำเรอความใคร่เขา 


 แต่แล้วเหมือนโชคชะตาจะกลั่นแกล้งให้เขาเจอเด็กผู้หญิงที่มีแววตาเศร้าสร้อยที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอนั่งอยู่ในโรงเลื่อยของเขาด้วยท่าทีที่เหม่อลอยเธอกลับถูกชะตาเด็กผู้หญิงมอมแมมคนนั้นจนถึงขั้นรับเลี้ยงเธอ


ปาริชาติเด็กผู้หญิงอายุ 12 ปีที่พ่อแม่ด่วนจากไปก่อนวัยอันควรและเธอก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเธอได้อาศัยอยู่กับป้าแม้นป้าใจดีในโรงเลื่อยแต่ป้าก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายจึงทำให้เธอไม่ได้เรียนหนังสือออกมาช่วยป้าแม้นทำงานในโรงเรื่อยเล็กๆน้อยๆ  


ใครๆก็บอกว่าเศรษฐีเจ้าของโรงเลื่อยเป็นคนใจดีมากปาริชาติเพิ่งเคยเห็นเศรษฐีเจ้าของโรงเลื่อยเป็นครั้งแรกเธอแอบกลัวเขาอยู่เล็กน้อยแต่ไม่รู้เคราะห์ซ้ำหรือกำซัดที่อยู่ดีๆก็ถูกรับเลี้ยงโดยเศรษฐีเจ้าของโรงเลื่อยที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุและโหดที่สุด

 

สารบัญ

จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 1 แรกพบสบตาเด็กหญิงกำพร้า,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 2 สิ่งที่เลือกไม่ได้,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 3 สายตาและคำดูถูก,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 4 การปรับตัวของปาริชาติ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 5 พัฒนาชีวิต,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 6 หัวใจของปาริชาติ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 7 แม่หนูปาริชาติ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 8 ความผูกพัน,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 9 ความเปลี่ยนแปลง,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 10 พ่อไกรสรแรง ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 11 สถานการณ์ที่ตึงเครียด,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 12 อย่าแตะต้องคนของกู,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 13 สั่งสอนคนปากดี,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 14 ความเป็นห่วง,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 15 ความน่ารักของปาริชาติ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 16 ศัตรูในรอยอดีต

เนื้อหา

บทที่ 1 แรกพบสบตาเด็กหญิงกำพร้า

เสียงกุกกักของเครื่องไม้เครื่องมือในโรงเลื่อยดังเป็นจังหวะ แต่กลับฟังดูเงียบงันในโสตประสาทของ ปาริชาติ เด็กหญิงอายุสิบสองปีนั่งเหม่อมองเศษขี้เลื่อยที่ปลิวว่อนในอากาศเหมือนหิมะสีน้ำตาล ใจลอยไปไกลถึงวันที่แม่ยังอยู่ วันที่บ้านไม้หลังเล็ก ๆ ในทุ่งนาอบอวลไปด้วยกลิ่นแกงส้มและเสียงหัวเราะของพ่อ

วันเวลาผ่านมาไวเหมือนสายน้ำ พ่อจากไปไม่นานนักหลังจากแม่ ตามด้วยหนี้สินที่กองเป็นภูเขาเลากา จนป้าที่รับเลี้ยงต้องขายบ้านและที่ดินทิ้ง บ้านที่เคยเป็นวิมานกลายเป็นแค่ความทรงจำ

 ปาริชาติกลายเป็นเพียงเด็กหญิงในความดูแลของป้าผู้ใจดีแต่ก็ยากจนข้นแค้น การขายแรงงานเป็นทางออกเดียวเพื่อประทังชีวิต เธอในวัยเพียงสิบสองปีต้องทำงานในโรงเลื่อยแลกกับค่าอาหาร และยังไม่ได้เรียนหนังสือหลังจากที่พ่อแม่ของเธอจากไป

“ปาริชาติ! อย่ามัวแต่เหม่อ! รีบเอาไม้พวกนี้ไปจัดเรียงเสีย” เสียงแหบห้าวของหัวหน้าคนงานดังขึ้น ปาริชาติสะดุ้งสุดตัว รีบก้มหน้าก้มตาแบกไม้แผ่นใหญ่ที่หนักอึ้งอย่างทุลักทุเล มือเล็ก ๆ ทั้งสากและหยาบกร้านจนจำไม่ได้ว่าความนุ่มนวลเป็นอย่างไร

ทันใดนั้น เสียงรถยนต์คันหรูที่แล่นเข้ามาก็หยุดกึกอยู่ไม่ไกลจากที่เธออยู่ ทุกสายตาหันไปมองเป็นตาเดียว ชายรูปหล่อใส่ทองเส้นโต รูปร่างสูงใหญ่ แต่งกายภูมิฐานในชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้ม ก้าวลงมาจากรถพร้อมกับคนขับ ลูกสมุนนับสิบ ขับรถตามมาอีกคัน ทุกคนในโรงเลื่อยต่างก้มหน้าก้มตาทำงานแข็งขันกว่าปกติ

ชายผู้นั้นคือ ไกรสร เจ้าของกิจการโรงเลื่อยและอีกหลายกิจการในระยอง เขาอายุ 32 ปี หล่อเหลา สูง 190 ซม. ผิวเข้ม สักยันต์อักขระไทยเต็มตัว ดูน่าเกรงขาม

 ปาริชาติไม่เคยมีโอกาสได้เห็นเขาใกล้ ๆ มีเพียงเรื่องเล่าจากปากคนงานคนอื่น ๆ ที่ว่าเขาเป็นเศรษฐีใหญ่ใจดี แต่ก็มีข่าวลือหนาหูเรื่องที่เขามักจะมีสาวน้อยสาวใหญ่คอยมาบริการเรื่องบนเตียงอย่างมากหน้าหลายตา

 ใคร ๆ ก็อยากเป็นเมียเศรษฐีโรงเลื่อยในยุคปี พ.ศ. 2537 เป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลดแล่นที่สุดและกำลังเติบโตพัฒนาคู่แข่งในการค้าก็น้อยยิ่งทำให้การค้าขายเจริญรุ่งเรือง

ในขณะที่ไกรสรเดินลงมาตรวจตราโรงเลื่อยของเขาพร้อมกับเหล่าลูกสมุนที่เดินตามหลังมานับสิบเหมือนกับเจ้าพ่อมาเฟียในยุค 90 พลันสายตาของไกรสรปรายมาที่ปาริชาติ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่กำลังทุลักทุเลกับไม้แผ่นใหญ่จนเกือบจะล้ม ด้วยความสงสารเขาจึงเดินเข้ามาหา

“ทำไมถึงให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กแค่นี้มาทำงานหนักขนาดนี้” เสียงทุ้มต่ำที่แฝงไปด้วยความเมตตาเอ่ยถามหัวหน้าคนงานอย่างไม่พอใจนักเพราะเขาไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงคนนี้มาก่อนในโรงเลื่อย

“ก็… นางไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนแล้วขอรับ” หัวหน้าคนงานอึกอักตอบ “พ่อกับแม่ก็ตายหมดแล้ว”หัวหน้าคนงานก็รีบพยายามอธิบายถึงสาเหตุที่ให้เด็กผู้หญิงที่ชื่อปาริชาติมาช่วยงาน ป้าแม้นเป็นป้าที่ใจดีที่สุดในโรงเลื่อยเห็นว่าเด็กคนนี้ไม่มีที่ไปนางจึงรับเลี้ยงแม้ไม่ใช่ญาติก็ตามแต่

คำว่า “พ่อกับแม่ก็ตายหมดแล้ว” กรีดลึกลงไปในหัวใจของไกรสร ราวกับเขากำลังมองเห็นตัวเองในอดีต เด็กชายที่เคยไร้ที่พึ่งพิงและเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว

ไกรสรหันไปมองเด็กหญิงอีกครั้ง ใบหน้าของเธอมอมแมมไปด้วยขี้เลื่อย ดวงตาคู่กลมโตเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยและเหนื่อยล้า แต่ความใสซื่อบริสุทธิ์ของเธอนั้นสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน 

ยิ่งมองนานเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ราวกับเคยเห็นเธอที่ไหนมาก่อนความสงสารกับกินไปภายในใบหน้าที่ดูเย็นชาของไกรสรแต่หัวใจของเขาไม่ได้ด้านชาเหมือนกับด้านที่เขาแสดงออกมาเขาจึงก้าวเดินไปหาเด็กผู้หญิงคนนั้น

“หนูชื่ออะไร” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“ปาริชาติค่ะ” เด็กหญิงตอบเสียงเบาเธอที่ถือไม้ท่อนเล็กๆอยู่ในมือ ก้มหน้าก้มตาตอบไกรสรอย่างไม่กล้าสบตาเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะใจดีอย่างที่ได้ยินมาหรือไม่เด็กสาววัย 12 ปี 

ที่ดูเหมือนชีวิตจะมืดมน เธอกำพร้าพ่อแม่อาศัยบุญบารมีเก่ามีป้าใจดีชื่อป้าแม้นในโรงเลื่อยรับเลี้ยงคอยให้อาหารเธอแต่ก็ไม่สามารถส่งเธอเรียนหนังสือดี ๆ ได้ เธอจึงต้องทำงานช่วยป้าแม้นคนที่รับเลี้ยงเธอ

ไกรสรนิ่งไปชั่วครู่ ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นอย่างตกตะลึง ปาริชาติเป็นเด็กสาวผิวขาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มปากนิดจมูกหน่อย เพียงแรกเห็นสบตาเขาก็รู้สึกถูกชะตากับปาริชาติอย่างประหลาด

หลังจากสบตากับเด็กหญิง ปาริชาติ ความรู้สึกบางอย่างก็แล่นเข้าสู่หัวใจของไกรสรอย่างรุนแรง มันไม่ใช่ความสงสารอย่างเดียว แต่เป็นความรู้สึกที่คล้ายกับแรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานได้ 

ความน่ารักสดใสที่ซ่อนอยู่ภายใต้คราบความเหนื่อยล้าและขี้เลื่อยทำให้ชายผู้ไม่เคยสนใจใครอย่างจริงจังต้องหยุดนิ่งและพิจารณา เขาเคยชินกับการมีหญิงสาวมากมายรายล้อม

 แต่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกที่อยากจะดูแลปกป้องเมื่อเขายิ่งรู้ว่าปาริชาติเป็นเด็กกำพร้าเหมือนกับเขาในวัยเด็ก มันยิ่งทำให้เขาอยากจะอุปการะปาริชาติมาไว้ในความดูแล

งั้นฉันจะดูแลเด็กผู้หญิงคนนี้ เสียงของไกรสรดังลั่นกว่าเสียงเครื่องยนต์ที่กำลังพากันเลื่อยไม้ 4-5 ตัวทุกคนต่างหันมองเป็นตาเดียว ว่าเด็กหญิงปาริชาติคนนี้เธอกำลังจะเปลี่ยนไปทั้งชีวิต

“หัวหน้า”หัวหน้าโรงเลื่อยถึงกับมือไม้อ่อนและมองหน้าไกรสรเขาไม่อาจทัดทานความต้องการของผู้เป็นเจ้านายเหนือหัวอย่างไกลสรได้

 ไกรสรเอ่ยเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยอำนาจ “ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เด็กคนนี้ไม่ต้องมาทำงานที่นี่แล้ว”เขาประกาศเสียงดังลั่นโรงเลื่อย

หัวหน้าคนงานถึงกับอ้าปากค้าง “แต่ว่า… แล้วค่าอาหารของนางปาริชาติล่ะขอรับ”หัวหน้าคนงานก็แอบเป็นห่วงแทนป้าแม้นเพราะถ้าปาริชาติไม่ทำงานเธอก็จะไม่มีข้าวกินเช่นกันป้าแม้นไม่มีลูกหลานที่ไหนแกจึงใจดีรับเลี้ยงแต่ตัวแกเองนั้นก็ยากจนข้นแค้นเหมือนกัน

ไกรสรหันไปมองปาริชาติอีกครั้ง ดวงตาของเขาวาววับด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา “ฉันจะให้คนของฉันไปรับเธอที่บ้าน และจะรับเธอไปดูแลเอง”

ทุกคนในโรงเลื่อยต่างซุบซิบกันด้วยความประหลาดใจ บ้างก็คาดเดาว่าไกรสรจะรับปาริชาติไปเป็นลูกเลี้ยง บ้างก็ว่าเขาคงจะรับเธอไปเป็นนางบำเรอคนใหม่ตามข่าวลือ แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากถาม

ปาริชาติยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาจนเธอไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือหวาดกลัว ชายที่ยืนตรงหน้าเธอคือบุคคลที่เคยได้ยินแต่ชื่อ เขาดูลึกลับและน่าเกรงขามเกินกว่าที่เธอจะเข้าใจได้

เมื่อคนของไกรสรเดินทางไปถึงบ้านของปาริชาติเพื่อแจ้งความจำนง ป้าแม้นของเธอก็ตกใจจนตัวสั่น ไม่ว่าใครที่ได้ยินชื่อของไกรสรก็ต้องหวั่นเกรงในอิทธิพลของเขา....