"กูเลี้ยงมึงมากับมือ ใครก็พรากมึงไปจากกูไม่ได้!"เศรษฐีหนุ่มใหญ่วัย 39 ปี ที่หวงเด็กในอุปการะพี่เลี้ยงมาอย่างปาริชาติ เด็กกำพร้าที่นับวันยิ่งโตยิ่งสวยนับวันยิ่งหัวกระไดไม่แห้งเพราะเธอต้องเป็นของเขา

จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ) - บทที่ 12 อย่าแตะต้องคนของกู โดย บุหงารำพึง-2537 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ผู้ใหญ่,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ) โดย บุหงารำพึง-2537 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"กูเลี้ยงมึงมากับมือ ใครก็พรากมึงไปจากกูไม่ได้!"เศรษฐีหนุ่มใหญ่วัย 39 ปี ที่หวงเด็กในอุปการะพี่เลี้ยงมาอย่างปาริชาติ เด็กกำพร้าที่นับวันยิ่งโตยิ่งสวยนับวันยิ่งหัวกระไดไม่แห้งเพราะเธอต้องเป็นของเขา

ผู้แต่ง

บุหงารำพึง-2537

เรื่องย่อ

เศรษฐีไกรสรผู้ที่เป็นเจ้าของโรงเลื่อยเจ้าใหญ่ที่สุดในเมืองระยอง เขาเป็นผู้ชายที่หวงความโสดมากที่สุดและไม่เคยชายตาและผู้หญิงคนไหนที่จะเอามาเป็นเมียหรือแม่ของลูก นอกจากผู้หญิงชั่วคราวที่เอาไว้บำเรอความใคร่เขา 


 แต่แล้วเหมือนโชคชะตาจะกลั่นแกล้งให้เขาเจอเด็กผู้หญิงที่มีแววตาเศร้าสร้อยที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอนั่งอยู่ในโรงเลื่อยของเขาด้วยท่าทีที่เหม่อลอยเธอกลับถูกชะตาเด็กผู้หญิงมอมแมมคนนั้นจนถึงขั้นรับเลี้ยงเธอ


ปาริชาติเด็กผู้หญิงอายุ 12 ปีที่พ่อแม่ด่วนจากไปก่อนวัยอันควรและเธอก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเธอได้อาศัยอยู่กับป้าแม้นป้าใจดีในโรงเลื่อยแต่ป้าก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายจึงทำให้เธอไม่ได้เรียนหนังสือออกมาช่วยป้าแม้นทำงานในโรงเรื่อยเล็กๆน้อยๆ  


ใครๆก็บอกว่าเศรษฐีเจ้าของโรงเลื่อยเป็นคนใจดีมากปาริชาติเพิ่งเคยเห็นเศรษฐีเจ้าของโรงเลื่อยเป็นครั้งแรกเธอแอบกลัวเขาอยู่เล็กน้อยแต่ไม่รู้เคราะห์ซ้ำหรือกำซัดที่อยู่ดีๆก็ถูกรับเลี้ยงโดยเศรษฐีเจ้าของโรงเลื่อยที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุและโหดที่สุด

 

สารบัญ

จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 1 แรกพบสบตาเด็กหญิงกำพร้า,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 2 สิ่งที่เลือกไม่ได้,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 3 สายตาและคำดูถูก,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 4 การปรับตัวของปาริชาติ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 5 พัฒนาชีวิต,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 6 หัวใจของปาริชาติ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 7 แม่หนูปาริชาติ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 8 ความผูกพัน,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 9 ความเปลี่ยนแปลง,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 10 พ่อไกรสรแรง ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 11 สถานการณ์ที่ตึงเครียด,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 12 อย่าแตะต้องคนของกู,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 13 สั่งสอนคนปากดี,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 14 ความเป็นห่วง,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 15 ความน่ารักของปาริชาติ,จงอางหวงไข่(ดุตัวพ่อ)-บทที่ 16 ศัตรูในรอยอดีต

เนื้อหา

บทที่ 12 อย่าแตะต้องคนของกู

ภาพของเด็กหญิงที่กำลังถูกกระทำเหมือนกับถูกไฟช็อตเข้าที่กลางใจของไกรสร เขารู้สึกเหมือนมีคลื่นความโกรธแล่นผ่านทุกอณูของร่างกาย ความสุขุมที่เคยมีหายไปหมดสิ้น เขาก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว

“ไอ้สารวัตรชั่ว!”

ไกรสรยกขาขึ้นเตะเข้าที่หน้าอกของสารวัตรดอนเต็มแรงจนเขาล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนจะรีบคว้าตัวปาริชาติเข้ามาโอบกอดไว้ในอ้อมแขน

“ปาริชาติ ไม่เป็นไรแล้วนะ”

ไกรสรพูดด้วยเสียงสั่นเครือ เขาลูบหัวของปาริชาติที่ยังคงร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวอยู่ไม่ขาดปาก สายตาของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจาก

ความโกรธที่พร้อมจะเผาผลาญทุกอย่างที่ขวางทางให้มอดไหม้จนหมดสิ้น ไกรสรปล่อยออร่าสังหารออกมาจากร่างกาย เขาต้องการสังหารคนที่บังอาจแตะต้องเด็กน้อยคนนี้!

ไกรสรกอดปาริชาติไว้แน่น เขาลูบผมเธอปลอบโยนความหวาดกลัวที่ยังคงเกาะกุมจิตใจของเด็กน้อยอยู่ น้ำเสียงที่เคยเกรี้ยวกราดเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยน

 “หนูปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ”

สารวัตรดอนที่ถูกเตะกระเด็นไปกองกับพื้น ลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล เขามองไกรสรด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแค้น

 “แก...ไอ้ไกรสร!”

เขาเห็นไกรสรหันหลังให้ เขารู้ว่านี่เป็นโอกาสเดียวที่จะจัดการกับคนอย่างไกรสรได้ ด้วยความโกรธแค้นที่ถูกหักหน้า เขาชักปืนพกออกมาจ่อไปที่ศีรษะของไกรสร แล้วพูดด้วยน้ำเสียงกระด้างว่า

 “ถ้าแกไม่ยอมไปกับฉันดีๆ แกก็ต้องตายตรงนี้แหละ!”

คำพูดของสารวัตรดอนทำให้ปาริชาติตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว เธอเงยหน้าขึ้นมองไกรสรที่ยืนบังเธออยู่เต็มตัว เธอกำชายเสื้อของเขาไว้แน่น

ไกรสรหันกลับมาเผชิญหน้ากับสารวัตรดอนอีกครั้ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นอย่างน่าขนลุก 

“แกคิดว่าปืนกระบอกเดียวจะหยุดฉันได้เหรอ”

ไกรสรพูดพร้อมกับยิ้มมุมปากอย่างน่าสะพรึงกลัว ในเมื่อเขายอมแล้วที่จะสู้กับคนพวกนี้ เขาก็ไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป นอกจากจะต้องดูแลปาริชาติให้ปลอดภัยที่สุด

“สารวัตรดอน… แกคิดผิดแล้วที่มาแตะต้องคนของฉัน” ไกรสรพูดพร้อมกับยกมือขึ้นช้าๆ เป็นสัญญาณลับที่ส่งไปยังคนของเขาที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ในบริเวณบ้าน

สารวัตรดอนที่กำลังจะควบคุมตัวเศรษฐีไกรสรหันขวับทันทีที่ได้ยินเสียงกระทบกระทั่งจากด้านนอก เสียงนกหวีดดังลั่น ตามมาด้วยเสียงตะโกน

 "หยุดอยู่กับที่!" และเสียงปืนที่ขึ้นลำพร้อมกันหลายสิบกระบอก

พิมพ์ภัทราที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สารวัตรดอนถึงกับหน้าซีดเผือด “พี่ดอน...นี่มันอะไรกันคะ”

“พวกมันตามคนมา” สารวัตรดอนพึมพำอย่างตื่นตระหนก เขารู้ว่าคนของไกรสรไม่ธรรมดา แต่ไม่เคยคิดว่าไกรสรจะกล้าเอาจริงเอาจังถึงขั้นนี้

เข้มเดินนำหน้ากลุ่มลูกสมุนที่โผล่ออกมาจากมุมมืดรอบ ๆ คฤหาสน์ของไกรสรอย่างเงียบเชียบ ใบหน้าของเขาเรียบเฉย แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว 

“ปล่อยตัวนายของฉันซะ ก่อนที่พวกเราจะทำอะไรบ้า ๆ”เสียงของเข้มเอ่ยด้วยความท้าทาย

ตำรวจที่คุมตัวไกรสรไว้ลังเลใจ สารวัตรดอนกัดฟันกรอด “อย่าไปกลัว! พวกมันมีแค่ปืน เรามีกฎหมายในมือ!”

แต่คำพูดนั้นก็ดูจะไร้ความหมายเมื่อเห็นปืนในมือของเข้มและลูกสมุนที่ไม่ได้มีไว้ขู่ พวกมันทุกคนต่างอยู่ในท่าพร้อมยิง ทุกสายตามองมาที่สารวัตรดอนราวกับเหยี่ยวจ้องเหยื่อ

ไกรสรยิ้มมุมปาก “สารวัตรดอน...กูเตือนมึงแล้วว่าอย่าให้กูต้องหมดความอดทน”

สารวัตรดอนหันมาจ้องหน้าไกรสรอย่างเจ็บแค้น “แกคิดว่าแกจะใช้เงินมาซื้อกฎหมายได้เหรอ!”

“กูไม่ได้ซื้อกฎหมาย” ไกรสรตอบเสียงเรียบ “แต่กูกำลังใช้กฎของกูเอง”ในยุคของเศรษฐีไกรสรปี 2530 ถึง 2534 เป็นช่วงปีที่กฎหมายและการปกครองยังคงอ่อนแอเป็นยุคที่อันธพาลครองเมืองใครมีเงินมีอำนาจกฎหมายก็แทบจะทำอะไรไม่ได้

ปัง! เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดจากเข้ม แต่เป็นปืนที่ยิงขึ้นฟ้าเพื่อข่มขวัญ “ถอยไปซะ!” เข้มตะโกน “ไม่อย่างนั้นพวกเราไม่รับประกันความปลอดภัย!”

ตำรวจทุกคนที่ล้อมไกรสรไว้ต่างชะงักพิมพ์ภัทราที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบดึงแขนพี่ชาย “พี่ดอน! พอเถอะค่ะ”เธอไม่อยากให้พี่ชายของเธอต้องจบชีวิตลงเธอไม่เคยคิดเลยว่าลูกจะหมุนของไกรสรจะเยอะมากมายขนาดนี้เขาระวังตัวยิ่งกว่าทุกอย่าง

สารวัตรดอนยังคงยืนกราน “ไม่มีทาง!”

แต่แล้วลูกสมุนของเข้มก็เริ่มเคลื่อนไหว ชายฉกรรจ์สองคนเดินเข้ามาประชิดตัวตำรวจที่คุมไกรสรไว้ ก่อนที่จะจ่อปืนไปที่หัวอย่างรวดเร็ว

“ถอยไป!” เข้มสั่งอีกครั้ง

ตำรวจที่ถูกจ่อปืนเริ่มถอยหลังไปทีละก้าวอย่างไม่เต็มใจ พวกเขาไม่ใช่กำลังเสริมของสารวัตรดอน พวกเขาเพียงแค่มาทำตามคำสั่งโดยที่ไม่รู้อะไรเลย

เข้มก้าวเข้ามาปลดปืนของตำรวจที่คุมตัวไกรสรออก แล้วก็ให้ลูกน้องพาไกรสรไปขึ้นรถอีกคันหนึ่งที่จอดรออยู่ใกล้ ๆ

“อย่าคิดว่าจะหนีรอดไปได้นะ ไกรสร!” สารวัตรดอนตะโกนตามหลังไปอย่างเจ็บแค้น

ไกรสรหันกลับมามองสารวัตรดอนพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก “กูไม่ได้หนีหรอก...สารวัตร กูแค่อยากจะบอกคุณว่า...นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น”

"มึงอย่าคิดว่าจะออกไปจากบ้านกูง่ายๆสิ มึงถามหากฎหมายใช่ไหม"

ไกรสรหันกลับมามองสารวัตรดอนด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก “กูไม่ได้หนีหรอก...สารวัตร กูแค่อยากจะบอกมึงเพิ่มเติมถ้ามึงอยากได้กฎหมายกูก็ยินดีหรือมึงอยากได้ศาลเตี้ยกูก็จัดให้” 

คำพูดของเศรษฐีไกรษรที่ทุกคนได้ยืนฟังถึงกับหวาดหวั่นเสียวสันหลังวาบเมื่อข้าเห็นอานุภาพและความฉลาดเฉลียวของเศรษฐีไกรสร

เขาเปลี่ยนสรรพนามจาก 'คุณ' เป็น 'มึง' อย่างชัดเจนราวกับจะประกาศสงครามอย่างเป็นทางการ ไกรสรเผยรังสีอำมหิตออกมาจนสารวัตรดอนรู้สึกได้ถึงความเยียบเย็นที่แผ่ซ่านเข้ามาในกระดูก

 “มึงอย่าคิดว่าจะออกไปจากบ้านกูง่าย ๆมาแล้วกูคงต้องจัดต้อนรับมึงเป็นพิเศษท่านสารวัตรดร”

ขณะที่สารวัตรดอนกำลังจะอ้าปากเถียง ไกรสรก็มองตรงไปที่ประตูรั้ว “มึงถามหากฎหมายใช่ไหม...นู่นไง ทนายกูมาพอดี”

รถเบนซ์สีดำคันหรูแล่นเข้ามาจอดสนิทพร้อมกับชายวัยกลางคนในชุดสูทภูมิฐานสองคนก้าวลงมา คนแรกคือทนายที่ปรึกษาของไกรสร ส่วนคนที่สองคือผู้กำกับฯ จากกรมตำรวจ

“เชิญครับคุณทนาย” ไกรสรผายมืออย่างสุภาพ “ช่วยจัดการคุณตำรวจที่เข้ามาค้นบ้านผมพร้อมยัดเยียดข้อหาโดยพลการ แถมยังขู่เข็ญบังคับใช้ปืนจ่อหัวผมต่อหน้าเด็ก”

สารวัตรดอนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่าไกรสรจะวางแผนมาถึงขนาดนี้ เขาหันไปมองพิมพ์ภัทราที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ข้างๆ และรู้สึกได้ว่าทุกอย่างกำลังจะพังลงต่อหน้าต่อตา