"กูเลี้ยงมึงมากับมือ ใครก็พรากมึงไปจากกูไม่ได้!"เศรษฐีหนุ่มใหญ่วัย 39 ปี ที่หวงเด็กในอุปการะพี่เลี้ยงมาอย่างปาริชาติ เด็กกำพร้าที่นับวันยิ่งโตยิ่งสวยนับวันยิ่งหัวกระไดไม่แห้งเพราะเธอต้องเป็นของเขา
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,ผู้ใหญ่,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ปาริชาติมองไกรสรด้วยสายตาที่สงสัย ว่าเขาสามารถตัดชุดพวกนี้ได้จริง ๆ หรือ เหตุใดถึงไม่ยอมให้ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของร้านเป็นผู้ทำให้ เธอกำลังจะถามคำถามแต่เข้มก็เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
"ท่านครับ" เข้มเรียก "รถของเรามีคนทำอะไรบางอย่างกับมันครับ"
ไกรสรหันไปมองหน้าเข้มอย่างสงสัย "ใคร" เขาถาม
"ไม่รู้ครับ" เข้มตอบ "แต่ผมว่าไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญนะครับ"
ไกรสรพยักหน้า เขามองไปที่ปาริชาติอีกครั้งและเห็นว่าเธอเริ่มมีสีหน้าไม่ดีแสดงออกมาอย่างชัดเจนบนใบหน้าของเธอ เขาจึงตัดสินใจที่จะออกไปดูรถก่อน
"เดี๋ยวฉันกลับมา" เขาบอกปาริชาติเศรษฐีไกรสรหันมาบอกปาริชาติว่าเขาจะกลับมาตัดชุดให้กับเธอ
ปาริชาติพยักหน้าเข้าใจและเจ๊สมศรีที่เห็นจังหวะโอกาสเธอจึงเดินมาหาปาริชาติ
"งั้นระหว่างที่ท่านเศรษฐีออกไปทำธุระเดี๋ยวฉันจะเป็นคนวัดตัว แล้วลองขนาดชุดให้นะ" เจ๊สมศรีเจ้าของร้านตัดเสื้อจึงเดินตรงเข้ามาหาปาริชาติอย่างมีแผนการ
ปาริชาติก็ทำตามอย่างว่าง่ายเธอก็ไม่เคยได้ชุดใหม่ๆหรือไม่เคยจะต้องมาตัดเสื้อผ้าอะไรแบบนี้นอกจากเสื้อผ้าสำเร็จเธอก็ใส่ได้แล้วจะแขนสั้นแขนยาวแขนกุดเธอก็ไม่เคยสนใจเธอยืนนิ่งราวกับหุ่นลองเสื้อแต่แล้วก็มีบางสิ่งบางอย่างแทงทะลุเนื้อด้านข้างเอวของเธอจนเธอร้องกรี๊ด
"โอ๊ย..! หนูเจ็บ" เสียงของปาริชาติร้องเพราะเหมือนว่ามีบางสิ่งแทงเข้าไปในเนื้อของเธอ "คุณน้าขา เหมือนเข็มทิ่มตรงด้านข้างเอวหนูเลย" ปาริชาติรีบหันไปบอกมีเลือดซิบจางๆออกมาเล็กน้อย
"ขอโทษนะจ๊ะ น้าอาจจะมือหนักไปนิดนึงหนูปาริชาติคงไม่เป็นอะไรหรอก หนังหนาขนาดนี้" เจ๊สมศรีพูดจาประชดประชันใส่ปาริชาติเธอก็ได้ยืนสงบปากสงบทำอย่างเดียว
และเหมือนว่าเจ๊สมศรีจะไม่ยอมร่ามือง่ายๆเธอปักเข็มหมดตัวที่สองตัวที่สามและก็ยังคงทำพลาดจิ้มเข้าไปในเนื้อของปาริชาติอีกครั้ง
"โอ๊ย.! คุณน้าหนูเจ็บจริง ๆ นะคะคุณน้าพอเถอะ"ปาริชาติร้องขอน้ำตาไหลพราก
ปาริชาติรู้สึกเจ็บแปล๊บ ๆ แต่เธออดทนแม้น้ำตาไหล เธอกลับยืนอยู่กับที่ด้วยความรู้สึกที่ห่วงไกรสรมากกว่า เธอคิดว่าถ้าไม่มีไกรสร เธอจะต้องอยู่คนเดียวในโลกนี้แน่ ๆ และเธอก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย
เธอไม่ยอมให้ไกรสรเป็นอะไรไปอันขาดชีวิตของเธอเหลือป้าแม้นที่ดูแลเธอมาในโรงเลื่อยของท่านเศรษฐีไกรสรและความโชคดีก็คือเศรษฐีไกรสรเมตตาอุปการะเธอเธอมองตามเศรษฐีไกรสรไม่วางตา
ขณะที่ปาริชาติยืนรอไกรสรอยู่ในร้าน เธอสังเกตเห็นว่าหญิงสาวเจ้าของร้านเสื้อผ้า กำลังมองเธอด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร และจงใจทำเข็มจิ้มเนื้อเธออย่างกลั่นแกล้ง
เธอรู้สึกไม่สบายใจจึงตัดสินใจที่จะไปหาเข้มที่หน้าร้าน เพราะรู้สึกอึดอัดกับสายตาที่ดูถูกดูแคลนในความเป็นเธอแม้เธอจะเป็นเด็กอายุเพียงสิบสองปีแต่เธอก็พอจะรู้ว่าใครชอบหรือไม่ชอบเธอ
เมื่อปาริชาติก้าวออกไปนอกร้าน เธอก็พบว่าเข้มกำลังคุยกับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง ชายคนนั้นมีรอยสักเต็มแขนและกำลังถือมีดสั้นอยู่ในมือ เขากำลังจ้องมองไปที่ไกรสรที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างรถหรู
"ท่านครับ" เข้มพูดกับไกรสร "ผมว่าเราควรกลับกันก่อนนะครับ"
ไกรสรหันมามองเข้มและชายแปลกหน้าด้วยสายตาที่ไม่พอใจ "ไม่จำเป็น" เขาตอบ "ไม่มีใครทำอะไรฉันได้"
ทันทีที่พูดจบ ชายคนนั้นก็พุ่งตัวเข้าใส่ไกรสรอย่างรวดเร็ว เข้มเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้าขัดขวาง แต่ก็ไม่ทันการณ์
ปาริชาติกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นไกรสรกำลังถูกทำร้าย เธอวิ่งเข้าไปหาไกรสรอย่างไม่คิดชีวิตเพราะทั้งชีวิตของเธอตอนนี้เหลือคนที่รักและหวังดีกับเธอแค่ไม่กี่คน
เธอกลายเป็นเด็กน้อยที่มีความกล้าหาญเกินกว่าผู้ใหญ่ทั่วไปจะคาดถึง หญิงสาวเจ้าของร้านที่เห็นเหตุการณ์จากในร้านก็วิ่งตามออกมาด้วยความตกใจ เธอตั้งใจจะเข้าไปช่วยไกรสรแต่ก็ไม่ทันอีกเช่นกัน
"อย่านะคะ!" ปาริชาติร้องไห้ออกมา "อย่าทำท่านเศรษฐีของหนู!"เสียงของปาริชาติตะโกนดังก้องตรงหน้าร้านเสื้อผ้าแล้วเธอใช้ตัวกระโดดบังแม้จะร่างกายเล็กกระจิดริดกว่าเศรษฐีไกรสรมากแต่เธอก็ไม่สนใจขอแค่ท่านเศรษฐีผู้มีพระคุณของเธอปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว
ชายคนนั้นชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของปาริชาติ เขามองมาที่เธอแล้วยิ้มเยาะ
"ท่านเศรษฐีของแกเหรอ" เขาถาม "แล้วทำไมแกถึงเรียกเขาว่าท่านเศรษฐีล่ะ"
ปาริชาติสั่นไปทั้งตัว เธอไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนั้นได้อย่างไร ชายคนนั้นจึงหัวเราะเยาะแล้วหันไปหาไกรสร
"แกคงจะเป็นคนสำคัญของเด็กคนนี้สินะ" เขาพูด "งั้นฉันจะจัดการแกให้สาสมเลย"
ไกรสรยังคงสงบสติอารมณ์ เขามองชายคนนั้นด้วยสายตาที่เย็นชา
"แกไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องเด็กคนนี้" เขาบอก "ถ้าแกทำร้ายเธอ ฉันจะทำให้ชีวิตของแกไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต อยากจะตายก็ไม่ตายอยากจะมีชีวิตก็มีแค่ร่างกายกับลมหายใจจะลองดูก็ได้นะ.."
ไกรสรพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาดและพร้อมทำลายคนตรงหน้าให้กลายเป็นผุยผง
ชายคนนั้นหัวเราะออกมาเสียงดัง "ฮ่า ๆ ๆ! แกคิดว่าแกเป็นใครกัน" เขาถาม "แกเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น"
"ไม่" ไกรสรตอบ "ฉันไม่ใช่คนธรรมดา"
ทันทีที่พูดจบ ไกรสรก็ยกมือขึ้นแล้วดีดนิ้วเพียงครั้งเดียว จากนั้นรถหรูอีกคันก็แล่นเข้ามาจอดที่หน้าร้าน เข้มและชายอีกคนหนึ่งที่แต่งตัวคล้ายกับเข้มก็ลงมาจากรถแล้วเดินตรงเข้ามาหาชายแปลกหน้าคนนั้น
ชายแปลกหน้ามองไปยังชายสองคนที่เดินเข้ามาแล้วทำหน้าประหลาดใจ เขาจำได้ว่าทั้งสองคนนี้คือลูกน้องคนสนิทของไกรสร
"แกไปอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่" เขาถาม
"ตั้งแต่ที่คุณโทรศัพท์มาหาผมครับ" ไกรสรตอบ "คุณคงจะจำไม่ได้สินะครับว่าผมเป็นใคร"
ชายแปลกหน้ามองไปที่ไกรสรด้วยสายตาที่หวาดกลัว เขาจำได้แล้วว่าไกรสรคือใคร ไกรสรไม่ใช่นักธุรกิจธรรมดาแต่เขาเป็นเจ้าของโรงเลื่อยที่ทรงอิทธิพลที่สุดในภาคตะวันออก ไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับเขา
"ขอโทษครับท่าน" ชายแปลกหน้าพูด "ผมไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร"
ไกรสรยิ้มอย่างเยือกเย็น "ไม่เป็นไร" เขาตอบ "ฉันจะยกโทษให้แกหนึ่งครั้ง แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีก ฉันจะไม่ไว้ชีวิตแก!"
ชายแปลกหน้าพยักหน้ารับคำและรีบวิ่งหนีไปในทันที เข้มและชายอีกคนหนึ่งยังคงยืนอยู่ตรงนั้นรอให้ไกรสรสั่งงาน
"ไปได้แล้ว" ไกรสรพูด "ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง"
เข้มพยักหน้าแล้วเดินตามชายอีกคนหนึ่งขึ้นรถไป ไกรสรหันกลับมาหาปาริชาติที่ยืนตัวสั่นด้วยความกลัว
"ไม่เป็นไร" เขาบอก "ฉันจะพาเธอกลับบ้านเดี๋ยวนี้" ไกลสรที่เห็นว่าปาริชาติกระโดดเอาตัวบังรับความอันตรายแทนเขายิ่งทำให้เขารู้สึกรักและเอ็นดูปาริชาติมากยิ่งขึ้นไปอีกและเขาตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายปาริชาติได้หากเขายังมีลมหายใจอยู่
ปาริชาติพยักหน้าเล็กน้อยและเดินเข้าไปหาไกรสร เธอกำลังจะกอดเขาแต่เขาก็หันไปหาหญิงสาวเจ้าของร้านเสื้อผ้าที่ยืนอยู่ตรงนั้น "คุณกลับเข้าไปในร้านได้แล้ว" เขาบอก
หญิงสาวมองปาริชาติด้วยสายตาที่เจ็บปวด เธอกำลังจะถามอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่กล้า เธอจึงเดินกลับเข้าไปในร้านด้วยความผิดหวัง
ไกรสรหันกลับมาหาปาริชาติแล้วอุ้มเธอขึ้นมา เขากำลังจะพาเธอขึ้นรถแต่เธอก็ถามขึ้นมาเสียก่อน "ท่านเศรษฐีจะพาปาริชาติไปที่ไหนคะ"
ไกรสรยิ้ม "ไปบ้านของเรา" เขาตอบ "ฉันจะพาเธอกลับบ้าน"ไกรสรใช้สองมือหนากอดปลอบประโลมปาริชาติด้วยความอบอุ่นและเมตตา
ปาริชาติยิ้มด้วยความดีใจ เธอซบหน้าลงกับอกไกรสรอย่างมีความสุข เธอรู้สึกว่าไกรสรเป็นเหมือนบ้านและเป็นเหมือนโลกทั้งใบของเธอ
และเธอจะไม่มีวันยอมให้ใครมาพรากเขาไปจากเธอได้บ้านที่แสนอบอุ่นหลังนี้เป็นที่พึ่งทั้งกายและใจของปาริชาติ...