เวลานับถอยหลัง ศัตรูเก่าหวนคืน อสูรหกตาไล่ล่าข้ามโลกที่ไม่ปรากฏ เด็กชายอายุเพียงแค่สิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเป็นผู้ล่า ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเพียงเหยื่อที่ไร้ทางสู้
แฟนตาซี,ไซไฟ,พารานอมอล,ผจญภัย,แฟนตาซี,ผจญภัย,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]เวลานับถอยหลัง ศัตรูเก่าหวนคืน อสูรหกตาไล่ล่าข้ามโลกที่ไม่ปรากฏ เด็กชายอายุเพียงแค่สิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเป็นผู้ล่า ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเพียงเหยื่อที่ไร้ทางสู้
“พวกมันหิว พวกมันกระหาย ความสิ้นหวังของมนุษย์คืออาหารที่มันปรารถนาเจียนตาย และเมื่อมันเสพสมจนพอใจ... มันก็ทำให้ความฝันอันโหดร้ายหลั่งเลือดออกมาเป็นความจริง” - ทหารโดมิเนี่ยน, กล่าวถึงพาเรลในแดนมืด
นิยายแนวผจญภัย - ไซไฟ ผสมแฟนตาซี (และสตีมพังค์)
จากแผนที่ซึ่งเขาได้มา บริสเติลแบ่งตัวเมืองเป็นสามชั้นแบบขั้นบันได
ชั้นบนสุดคือพื้นที่ร้านค้า สถานศึกษา วิทยาลัย และสถานที่อยู่อาศัยของคนมีเงิน ในระหว่างที่เมืองชั้นกลางเป็นพื้นที่ทำงานและอยู่อาศัยของชนชั้นทำงาน ส่วนเมืองชั้นล่างสุดนั้นเป็นเขตอุตสาหกรรมและสลัมที่ไม่ค่อยมีคนเข้าหาเท่าไหร่นัก
และเมืองอื่นๆเองก็มีอะไรที่คล้ายคลึงกัน
โลกใบนี่ ไม่มีประเทศและอาณาจักรชัดเจน ให้พูดว่าแทบไม่มีเลยคงจะถูกกว่า มนุษย์นั้นถูกสัตว์ร้ายและพาเรลบีบให้ต้องอาศัยอยู่หลังกำแพงหนา กระจัดกระจายกันเป็นเมืองต่างๆที่ปกครองตัวเองทั่วทวีป
ทว่า ในจำนวนเมืองทั้งหมด จากที่บาร์ตันเรียนรู้มาระหว่างการเดินทางกว่าสิบเดือน กลับมีสามขุมอำนาจใหญ่ที่ปกครองเมืองจำนวนมากจนอาจเรียกได้ว่าเป็นประเทศ
หนึ่งในนั้น คือจักรวรรดิโดมิเนี่ยน มันคือแดนจักรกลในทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เขตแดนที่ทุกคนเรียกว่าแดนมืด ปกครองโดยระบอบจักรวรรดินิยม ครอบคลุมพื้นที่รกร้างซึ่งแม้ไม่อุดมสมบูรณ์ แต่ก็เต็มไปด้วยแร่เหล็กและหินมีค่า
พวกเขามุ่งเน้นด้านอุตสาหกรรมและการทหารเป็นหลัก และนอกจากจะมีอำนาจรบสูงที่สุดไม่พอ ยังถูกกล่าวอีกว่าพวกเขาปกครองด้วยจักรพรรดิที่มีอายุขัยชั่วนิรันดร์
ซึ่งแน่นอน จากข้อมูลทั้งหมดที่บาร์ตันรับรู้มา เขาแทบไม่จำเป็นต้องเดาเลยว่าจักรพรรดิที่ว่าคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ดร. โดมินิค ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของยานโอลิวอร์ต-ไนน์ลำนั้น
และจนถึงตอนนี่แล้ว… บาร์ตันเชื่อว่าอีกฝ่ายได้กลายเป็นไซบอร์กอย่างสมบูรณ์
แม้จะเป็นคนจากสหพันธ์โลกเหมือนกัน แต่บาร์ตันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างกับอีกฝ่ายช่วงหนึ่งหมื่นปีที่ผ่านมา และมันเป็นไปได้สูงที่โดมินิคจะไม่ใช่มนุษย์คนเดิมกับที่เคยเขียนบันทึกในพีดีเอของเขาอีกต่อไป
เขาไม่จำเป็นต้องไปพบอีกฝ่าย… ยิ่งได้ฟังความเลวร้ายในการปกครองของโดมิเนี่ยน มันก็ไม่มีเหตุผลที่เขาต้องไปที่นั้นเลยสักนิด
อีกอย่าง… ทั้งคนที่เคยตัดแขนของเขา และทหารที่บุกมาในป่าเรือนแสง ล้วนคือคนจากโดมิเนี่ยนทั้งนั้น
ยังดีที่ชายแก่ชาวโดมิเนี่ยนที่แดนเหนือนั้นเป็นคนดีที่ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ ไม่งั้นบาร์ตันคงตายไปตั่งแต่วันที่แขนขาดแล้ว
ยังไงก็ตาม บาร์ตันได้ยินว่าโดมิเนี่ยนไม่ได้เป็นแบบนี่ตั้งแต่แรก ‘ตำนาน’ เล่าว่ามันเคยเป็นดินแดนแห่งการศึกษา คอยผลักดันการพัฒนาอารยธรรมของโลกนี่ทั้งด้านวิทยาการและภาษา ทว่าถึงจุดหนึ่งเมื่อเกือบสองพันปีก่อน โดมิเนี่ยนก็ปิดตัวจากโลกภายนอกอยู่หลายร้อยปี เกือบล้มสลายเพราะปัญหาภายในบางอย่าง ก่อนจะผงาดขึ้นมาอีกครั้งทว่ากลับกลายเป็นระบอบเผด็จการ แถมยังประกาศสงครามกับหลายเมืองรอบข้างแล้วยึดดินแดนพวกเขามาเป็นของตนเอง
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เรื่องที่โดมิเนี่ยนครองวิทยาการสูงที่สุดก็ยังเป็นความจริง ยานบินกับอาวุธที่บาร์ตันได้เห็นเมื่อหลายปีก่อนนั้นเป็นข้อยืนยันอย่างดี
นอกจากนั้นแล้ว อีกขุมอำนาจที่ทัดเทียมกับโดมิเนี่ยน นั้นคือ แดนศักดิ์สิทธิ์ นวาร์ริน เป็นกลุ่มเมืองและอารยธรรมที่ปฏิเสธองค์ความรู้ต่างๆของโดมิเนี่ยนอย่างสิ้นเชิง ปกครองด้วยรูปแบบศาสนนิยมโดยมีสามตำแหน่งผู้นำ อัศวิน จอมปราชญ์ และตัวแทนราษฎร ครองพื้นที่อุดสมบูรณ์ในเกาะกลางทวีป และมีผลผลิตทางเกษตรกรรมสูงที่สุดในบรรดาเมืองทั้งหมด
และถึงแม้จะเรียกว่าพวกเขาปฏิเสธวิทยาการของโดมิเนี่ยน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าล้าหลังหรืออ่อนแอ เหตุเพราะนวาร์รินนั้นมุ่งเน้นการศึกษาและทำความเข้าใจพลังงานแอสตรัลมานานหลายพันปี กล่าวว่ากองกำลังของพวกเขานั้นสามารถนำแอสตรัลมาใช้เป็นอาวุธ แล้วต่อกรกับการรุกรานของโดมิเนี่ยนเอาไว้ได้หลายต่อหลายครั้ง แถมยังมีวิทยาการของตนเองที่สูสีกับโดมิเนี่ยนอีกต่างหาก
ยังไงก็ตาม บาร์ตันยังค้นพบอีกว่าอาณาเขตของแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมีโบราณสถานที่ ไอร์นา อเมริณ ปักหมุดให้เขาในแผนที่มากถึงสามแห่ง และมันคงเป็นปัจจัยสำคัญเลยที่ทำให้พวกเขาคิดค้นวิทยาการที่สูสีกับโดมิเนี่ยนได้
ด้วยการศึกษาของเก่า ที่มีมานานยิ่งกว่าโดมิเนี่ยน(ดาวโลก)นับล้านปีนั้นเอง
และนอกจากสองขุมอำนาจนั้นแล้ว… ยังมีอีกขุมอำนาจหนึ่ง ทว่าแตกต่างจากโดมิเนี่ยนหรือนวาร์รินที่เป็นศัตรูกัน
และนั้นคือ ‘พันธมิตรการค้า ไซด้อน’
พวกเขาเป็นขุมอำนาจที่เป็นกลางจากทุกฝ่าย เกิดจากเมืองเล็กใหญ่ที่ไม่ต้องการจะเข้าร่วมกับใครมาเซ็นสัญญาด้วยกัน เมืองบริสเติลเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ตามเทคนิคแล้วพวกเขาปกครองตนเอง ในเมืองตัวเอง ทว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์วิกฤตใดๆขึ้นมา กองเรือเหาะในแต่ล่ะเมืองจะส่งกำลังพลไปรวมตัวกัน และช่วยกันป้องกันภัยคุกคามใดๆก็ตามที่มุ่งร้ายต่อพันธมิตร
ไม่ว่าจะเป็นพาเรลหรือมนุษย์ด้วยกันเองก็ตาม และมันทำให้เมืองอิสระต่างๆหลุดรอดจากการรุกรานของโดมิเนี่ยนมาได้
แม้อาจไม่ได้มีวิทยาการสูงเหมือนโดมิเนี่ยน หรือผู้ใช้แอสตรัลแสนแสงยานุภาพเหมือนแดนศักดิ์สิทธิ์นวาร์ริน แต่ก็เป็นกลุ่มเมืองที่ร้ำรวยและมีประชากรมากที่สุดเพราะเสรีทางการค้า และสิทธิมนุษยชนในแบบที่สองขุมอำนาจแรกนั้นไม่มี
ถึงแม้จะยังใหม่ เป็นกลุ่มเมืองที่ก่อตั้งมาไม่กี่ร้อยปี ทว่าเพราะอิสระทางความคิด ไอเดียและวิทยาการใหม่ๆก็ถือกำเนิดขึ้นอย่างต่อเนื้อง
และพวกเขากำลังไล่ตามโดมิเนี่ยนกับนวาร์ริน ที่วิทยาการหยุดชะงักมานับพันปีด้วยความเร็วที่น่าจับตามอง
ทว่่า… นั้นหาใช่ทั้งหมดของโลกใบนี่
ตัวตนของมนุษย์นั้นเพียงแค่ดำรงอยู่ในทวีปเล็กๆเท่านั้น
และไกลไปจากเขตแดนที่พวกเรารู้จัก… ดำรงดินแดนพิศวงที่ยังไม่เคยมนุษย์คนไหนกลับมาได้
เมืองนี่… มันแค่จุดเริ่มต้นสำหรับบาร์ตันเท่านั้น
“น่าจะใช่…”
บาร์ตันมองแผนที่ ตามระเบียงที่มองเห็นเมืองชั้นกลาง ปรากฏร้านค้าร้านหนึ่งติดอยู่กับวิวสวยๆ ทว่าเดินเข้าไปก็หาใช่ร้านคาเฟ่หรือภัตตราคารแต่อย่างใด แต่กลับเต็มไปด้วยเขี้ยวสัตว์ กระดูก และหนังสัตว์ต่างชนิดแขวนเรียงราย
เด็กหนุ่มเองตามหาพนักงาน แนะนำตัวว่าลุงเอลเป็นคนแนะนำมา ก่อนจะเอาของในถุงให้อีกฝ่ายประเมินราคา มันเป็นวัตถุดิบจากพาเรลที่เขาจัดการไประหว่างเดินทางลงใต้ เจ้าของร้านเองก็พลันเบิกตากว้าง เพราะพาเรลที่เขาล่ามานั้นคือหมาหกขาไคร์คาน นับเป็นของหายากเพราะส่วนใหญ่พวกมันจะอยู่ที่แดนเหนือ
ทว่า… แม้จะเป็นของหายาก ทำท่าเหมือนเสนอราคาให้ว่าเยอะมาก แต่บาร์ตันที่มองหน้าอีกฝ่ายนั้นถึงกับต้องหรี่ตา เขาที่ตามอาเนียร์ไปขายอะไหล่ในแดนใต้ขยะอยู่เป็นประจำ จดจำได้ดีเลยว่าเวลาพ่อค้าโก่งราคานั้นมีท่าทางยังไง
บาร์ตันพลันปฏิเสธ ทำท่ากล่าวไปประมาณว่า ‘ที่เมืองท่าของโดมิเนี่ยนขายได้เยอะกว่านี่มาก’ เจ้าของร้านก็พลันหน้าซีดเผือก บาร์ตันพลันรู้ได้ทันทีว่าเจ้าตัวอยากได้วัตถุดิบขนาดไหน สุดท้ายก็ต้องต่อราคากันใหม่ แม้จะไม่รู้ราคาตลาดแต่บาร์ตันก็สามารถต่อราคาจนสูงที่สุดเท่าที่จะสูงได้
มันทำเจ้าของร้านเส้นเลือดปูดเลยทีเดียว
ยังไงก็ตาม บาร์ตันเรียนรู้ว่าค่าเงินของคนโลกนี่ใช้เหรียญเงินที่เรียกว่า ‘เรโซ’ เป็นค่าเงินกลางที่ใช้ได้กับทุกเมืองในเครือของพันธมิตร ซึ่งมันทำให้บาร์ตันลำบากใจอยู่พอสมควร ในยุคสมัยที่มนุษย์จากดาวโลกนั้นเลิกใช้ธนบัตรหรือเหรียญกันเป็นร้อยปีแล้ว แต่ใช้ค่าเงินดิจิตอลแทน การพกพาเงินติดไปไหนมาไหนนั้นชวนเอาชายหนุ่มอดรู้สึกว่าจะทำมันหล่นหายไม่ได้
หลังจากนั้นบาร์ต้นก็เดินตามแผนที่ ลงบันไดทอดยาวสู่เมืองชั้นกลาง กลิ่นไอน้ำและควันถ่านก็ปรากฏให้เห็นได้ชัดขึ้น เสียงกลไกกับฟันเฟืองขยับดังเป็นจังหวะ สภาพแวดล้อมแตกต่างกับเมืองชั้นบนเป็นอย่างมาก เขาพลันเดาว่าเมืองชั้นล่างสุดเองคงเต็มไปด้วยมลพิษยิ่งกว่านี้แน่
ทว่าเขาก็หาได้ใส่ใจ… เทียบกับแดนใต้ขยะในอาณานิคมทอร์ทูรัส ที่นี่มันก็ไม่ต่างกับสวรรค์บนดิน
บาร์ตันแวะซื้อเสื้อผ้าเปลี่ยนสักหน่อยหลังจากต้องใส่ตัวเดิมมาแปดเดือน แม้มันใช้วิทยาการล้ำสมัยพิมพ์ออกมาเป็นชุดนาโนที่แข็งแกร่งราวกับใยเหล็กก็ตาม ทว่าเหงื่อไคลที่เกาะชุดมานานก็ชวนให้เขารำคาญไม่น้อย
และอีกเหตุผลหนึ่ง ก็เพื่อให้เข้ากับชาวบ้านชาวช่องได้
เขาเองก็ไม่ได้อยากให้มีสายตารุมล้อมตลอดเวลา หรือโดนทักว่าเป็น ‘ชาวโดมิเนี่ยน’ ทุกๆทางโค้งหรอกนะ
ไม่นานจากนั้นบาร์ตันก็ไปหาที่พัก ตะเวนตามสถานที่ต่างๆจากที่ลุงเดลแนะนำ ก่อนจะไปจบลงที่โรงแรมเก่าๆที่ขอบสุดของเมืองชั้นกลาง มองลงไปจากระเบียงสูงจะเห็นเมืองชั้นล่าง ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าเป็นเขตที่แสงสว่างเริ่มส่องไม่ถึงในช่วงเย็นเพราะเงากำแพง แถมยังเต็มไปด้วยควันจากท่อของเขตอุตสาหกรรมอีกต่างหาก
โรงแรมที่บาร์ตันเลือกนั้นไม่ได้ใหญ่โตนัก เรียกว่าแคบก็ไม่ผิด มีเจ้าของเป็นปู่แก่ๆสวมแว่นร้าว ห้องที่เขาได้นั้นมีขนาดแค่สี่ตารางเมตรเท่านั้น
แต่ก็นะ… อย่างน้อยก็มีห้องอาบน้ำในตัว
ตะวันตกดิน ราตรีมาเยือน บาร์ตันไล่ดูงานที่ลุงเดลเขียนแนะนำมา ก่อนจะเทียบกับใบประกาศรับงานที่บอร์ดกลางเมืองชั้นบนซึ่งเขาใช้ปลอกแขนพีดีเอถ่ายรูปเอาไว้
โดยส่วนใหญ่แล้วไม่ได้มีงานอะไรเหลือมากมาย และงานที่เขาพอทำได้ก็มีเพียงแค่สองอย่างตามที่ลุงเดลว่าไว้ไม่มีผิด
งานแรกนั้นคืองานนักล่า ทั้งล่าสัตว์อันตรายและพวกพาเรล นับว่าเป็นงานเสี่ยงตาย ทุกคนพยายามเลี่ยง มีเพียงแค่พวกประสบการณ์โชคโชนเท่านั้นที่ยังทำอยู่ หรือไม่ก็พวกวัยรุ่นหนุ่มสาวที่เบื่อชีวิตในกำแพงและอยากสัมผัสการผจญภัย ซึ่งเดาได้ไม่ยากนักว่าคนกลุ่มหลังนั้นมักไม่มีชีวิตรอดกลับมากันนัก
บาร์ตันอ่านรายละเอียด โดยรวมแล้วเป็นงานที่เงินดี จะติดอย่างเดียวก็ตรงที่มันมีการประเมินที่ยุ่งยากไปหน่อยก่อนจะได้ตรารับรอง
ส่วนงานอีกประเภทที่บาร์ตันทำได้ คืองานช่างกล ทว่าน่าเสียดายที่งานช่างประจำเรือเหาะที่ลุงเดลแนะนำดันมีคนสมัครตัดหน้าไปแล้ว
ชายหนุ่มเอง แท้จริงแล้ววางแผนว่าในอนาคตจะหาเรือเหาะให้ได้สักลำไว้สำหรับการเดินทางไปไหนมาไหนในโลกนี่ แม้ใจจริงจะยากได้ยานบินเหมือนพวกทหารโดมิเนี่ยนก็ตาม ทว่าคำนึงถึงสถานการณ์แล้ว เรือเหาะดูจะมีความเป็นไปได้มากกว่า
เขาที่คิดจะสมัครเป็นช่างบำรุง เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเรือเหาะสักหน่อยก็อดเสียดายไม่ได้
แน่นอน ว่างานล่าพาเรลเป็นงานที่ได้เงินดีกว่า ทว่าเงินไม่ใช่ทั้งหมดที่เขากำลังมองหา
สำหรับตอนนี่… เขาอยากได้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับโลกภายนอก และเวลาให้เขาได้พักอย่างสบายใจสักระยะหลังต้องเดินทางเสี่ยงตายมาเนิ่นนาน นั้นแหละคือสิ่งสำคัญที่สุด
“หืม…” ชายหนุ่มกราดตาพลางครุ่นคิด “…แต่งานนักล่าก็เงินดีใช่ได้ ถ้าไม่มีงานอื่นดีๆ สุดท้ายก็ต้องไปสมัครเป็นนักล่าอยู่ดี”
บาร์ตันปัดมือเลื่อนภาพบอร์ดรับงานในพีดีเอ ขยับไปมาระหว่างหมวดช่างกับหมวดนักล่า ก่อนจะชะงักกับงานว่างงานหนึ่ง พอดูจากกระดาษแล้ว ชายหนุ่มคิดว่ามันน่าจะไม่มีคนมาสมัครนานแล้วพอสมควร
“น่าสนใจ” บาร์ตันเห็นแล้วก็เผยยิ้ม ก่อนจะบันทึกที่อยู่แล้วปิดพีดีเอทันที
เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกงานไหน