เวลานับถอยหลัง ศัตรูเก่าหวนคืน อสูรหกตาไล่ล่าข้ามโลกที่ไม่ปรากฏ เด็กชายอายุเพียงแค่สิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเป็นผู้ล่า ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเพียงเหยื่อที่ไร้ทางสู้

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk] - ตอนที่ 15 สัตว์นักล่า (1/2) โดย Vsrin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ไซไฟ,พารานอมอล,ผจญภัย,แฟนตาซี,ผจญภัย,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ไซไฟ,พารานอมอล,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk] โดย Vsrin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เวลานับถอยหลัง ศัตรูเก่าหวนคืน อสูรหกตาไล่ล่าข้ามโลกที่ไม่ปรากฏ เด็กชายอายุเพียงแค่สิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเป็นผู้ล่า ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเพียงเหยื่อที่ไร้ทางสู้

ผู้แต่ง

Vsrin

เรื่องย่อ

 

“พวกมันหิว พวกมันกระหาย ความสิ้นหวังของมนุษย์คืออาหารที่มันปรารถนาเจียนตาย และเมื่อมันเสพสมจนพอใจ... มันก็ทำให้ความฝันอันโหดร้ายหลั่งเลือดออกมาเป็นความจริง” - ทหารโดมิเนี่ยน, กล่าวถึงพาเรลในแดนมืด

 

นิยายแนวผจญภัย - ไซไฟ ผสมแฟนตาซี (และสตีมพังค์)

สารบัญ

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 1 เด็กใต้ขยะ,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 2 พาเรล,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 3 ศูนย์สอง,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 4 รอยแยกมิติ,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 5 พาเรล เจเนซิส,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 6 โลกใบใหม่... โคลด์ฮาร์เบอร์,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 7 สูญเสีย,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 8 สถานีรีเลย์,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 9 โลกแห่งแอสตรัล,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 10 ป่าเรือนแสง,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 11 ทหารโดมิเนี่ยน,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 12 ถ้ำ ดาบ หยดน้ำ และร่างหิน,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 13 ทักษะจากบทเรียนอันแสนเจ็บ,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 14 บอส,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 15 สัตว์นักล่า (1/2),Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 16 สัตว์นักล่า (2/2),Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 17 ไอร์นา อเมร์ริณ (1/2),Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 18 ไอร์นา อเมร์ริณ (2/2),Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 19 เมืองแห่งไอน้ำ (1/2),Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 20 เมืองแห่งไอน้ำ (2/2),Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 21 แขนและเหล็ก

เนื้อหา

ตอนที่ 15 สัตว์นักล่า (1/2)

สิ่งหนึ่งที่บาร์ตันเรียนรู้เกี่ยวกับดาบ นั้นคือน้ำหนักและสมดุลคือส่วนสำคัญ

หากเป็นโลกเก่า ในดาวโลกยุคกลาง อาวุธประเภทดาบนั้นคงไม่มีน้ำหนักมากมายนัก แค่สามถึงสี่กิโลกรัมก็หนักมากแล้ว

ก็นะ… คุณจะใช้ดาบหนักไปทำไม ในเมื่อมีดทำครัวเล่มเดียวก็มากพอจะสะบั้นเนื้อคนจนเลือดไหลหมดตัวได้

ทว่าในโลกใบนี่มันต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากไม่ใช่ดาบหนักเจ็ดกิโลกรัมที่บาร์ตันได้มา เดิมทีด้วยแค่ร่างเล็กๆของเขาในตอนแรกแทบไม่มีทางส่งแรงดาบสะบั้นร่างหินพวกนี่ได้เลย

และยิ่งไม่ต้องพูดถึงพาเรล… เกล็ดที่หนาในแบบที่กันได้แม้แต่กระสุน แม้กระทั้งดาบใหญ่หนักเกือบสิบหกกิโลกรัมในตอนนี่ บาร์ตันก็ยังไม่มั่นใจเลยด้วยซ้ำว่าแรงดาบจะมีน้ำหนักพอทะลวงเกล็ดพวกนั้นได้

เขาต้องฝึกการฟันให้เฉียบคมที่สุดเท่าที่จะทำได้

ดาบใหญ่… อาวุธที่ถูกมองว่าเทอะทะ ควบคุมโมเมนตัมได้ยาก ไปไหนก็คงถูกหัวเราะเยาะที่ใช้อาวุธที่ดูจะหนักเกินกว่าที่ร่างผอมบางอย่างเขาจะยกไหว

แต่บางทีล่ะก็

หากเขาฝึกหนัก

หนักมากๆ

จนควบคุมมันได้ไม่ต่างกับดาบเบา

บาร์ตันอาจกลายเป็นบางสิ่งที่น่าพรั่นพรึง

“นี่ก็น่าจะทั้งหมด…” เด็กหนุ่มยืนพิงดาบใหญ่ในห้องโถงเล็กๆห้องหนึ่ง ซากหุ่นพาเรลและมนุษย์หินหลายตัวนอนเกลื่อนอยู่ตามทาง กำแพงหินเองเลื่อนเปิดออกทันทีที่ศัตรูตัวสุดท้ายกลายเป็นเพียงเศษหิน

มันเป็นเวลาเกือบสี่เดือนแล้วหลังเด็กหนุ่มพบกับทางตันที่เฝ้าโดยพาเรลตัวใหญ่นั้น หลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ใช้เวลาฝึกฝนกับดาบใหญ่ทรงโค้งเล่มนี้อย่างหนัก ตะเวนไปทุกที่ในถ้ำยักษ์ที่ซับซ้อนราวกับเขาวงกต คอยต่อสู้กับสถานการณ์จริงเพื่อฝึกความเคยชินกับอาวุธใหม่มาตลอดสี่เดือน

และไม่ว่าเขาจะไปทางไหน

ไม่ว่าเขาเอาชนะแล้วปลดล็อคห้องไปมากเท่าไหร่

ทุกเส้นทางล้วนไปบรรจบอยู่ที่จุดเดียวกัน

นั้นคือเจ้าพาเรลห้าเมตรตัวนั้น

“ไม่ง่ายเลยจริงๆ…” เด็กหนุ่มกล่าว ก่อนจะมองดาบหนักของตัวเองและร่างท่อนบนที่เปลือยเปล่า สี่เดือนที่ผ่านมาเขาไม่ได้ใช้เปลือกไม้แทนเกราะป้องกันอีกแล้ว เหตุเพราะมันไร้ประโยชน์ต่อหน้าพาเรล ที่ตะปบทีเดียวก็ทำมนุษย์โตเต็มวัยในชุดเกราะตัวแหลกเป็นเสี่ยงๆได้

เหมือนเจ้าสี่คนนั้นในป่าเรือนแสงที่ตายไปในพริบตา

และไหนๆก็ป้องกันไม่ได้แล้ว แทนที่จะใส่ให้เกะกะ สู้ปลดมันออกทั้งหมดและเน้นความคล่องตัวสูงสุดดีกว่า

เพราะเขาต้องห้ามโดนโจมตีเด็ดขาด 

ต้องไม่โดนแม้แต่ครั้งเดียว

“หืม ไหนดูสิ” เด็กหนุ่มแตะปลายคาง พลางครุ่นคิด “ความเร็ว น่าจะพอไหว ร่างกายเราชินกับน้ำหนักดาบแล้วเหมือนกัน แต่ปัญหาคือการความคล่องตัวระหว่างใช้ดาบใหญ่ โมเมนตัมการเคลื่อนไหวมันเปลี่ยนทิศทางยากเกินไป”

ว่าเสร็จแล้วเด็กหนุ่มก็ทดสอบ ยกดาบใหญ่คมเดียวพาดไหล่ ก่อนจะทดสอบวิ่งไปมาด้วยความเร็วสูงสุด มันเป็นความเร็วที่น่าทึ่งมากในสายตามนุษย์ ทว่าบาร์ตันรู้ดีว่าของแค่นี่มันกระจอกแค่ไหนในสายตาของพาเรล

สักพักบาร์ตันก็หอบหายใจแรง แล้วมาหยุดอยู่กลางห้อง พักครู่หนึ่งก่อนจะหลับตา 

เขานึกถึงชายสองคนที่เคยใช้ดาบใหญ่ขึ้นมา คนหนึ่งคือชายชราที่เคยช่วยเขาเอาไว้ ร่างสูงอายุนั้นกลับเคลื่อนไหวได้อย่างน่าทึ่งแม้จะใช้ดาบใหญ่ และอีกคนหนึ่งเอาคือเจ้าหน้ากากไม้โรคจิตที่จับเขามาขังที่นี่ ภาพอีกฝ่ายที่ขยับดาบหนักหลบพาเรลไปมานั้นยังตราตรึงอยู่ในใจ

เทียบกับสองคนนั้นนั้น บาร์ตันสำเนียกตัวเองเลยว่าตนคงไม่ต่างกับเด็กแกว่งไม้ แม้เขาจะติดอยู่ในนี่แล้วฝึกแทบตายมานับปีแล้วก็ตาม

“หืม… ใช่แล้ว พวกเขาไม่ได้แค่แบกดาบวิ่งไปมาเฉยๆ”

ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ย่อตัว จับดาบด้วยสองมือ ก่อนจะออกตัววิ่งเต็มสปีดเฉียงเข้าหากำแพงแม้จะยังหลับตา 

เขาพยายามนึกภาพตาม ทว่าไม่ได้แค่เลียนแบบท่วงท่า แต่คำนวณในหัวว่าพวกเขาขยับตัวยังไง เปลี่ยนองศาจังหวะไหน แล้วออกแรงจากกล้ามเนื้อส่วนใด

คราวนี่ร่างผอมเพรียวไม่ได้ขยับเป็นเส้นตรง มือทั้งสองประคองดาบใหญ่ ร่างทั้งร่างขยับ  หมุนปลายเท้า บิดเอว เคลื่อนไหวเป็นจังหวะพร้อมขยับดาบ สับเปลี่ยนน้ำหนักและโมเมนตัมการเคลื่อนที่ด้วยการใช้ดาบหนักเป็นตัวนำ พลักทิศทางเวกเตอร์ก็ถูกเปลี่ยนไปด้านข้าง หลบฉากกับกำแพง หลีกเลี่ยงการพุ่งชนได้อย่างฉิวเฉียด

“เข้าใจแล้ว…” บาร์ตันพยักหน้า “…พวกเขาใช้การเคลื่อนไหวร่างกายพร้อมใช้น้ำหนักของดาบใหญ่เป็นตัวกำหนดเวกเตอร์เพื่อเปลี่ยนทิศทาง การถ่ายน้ำหนักคือสิ่งสำคัญ”

เด็กหนุ่มครุ่นคิด ก่อนจะเปลี่ยนแนวการฝึกใหม่ ภายในเดือนสองเดือนนี่ก่อนจะไปจัดการกับพาเรล เขาต้องฝึกเปลี่ยนโมเมนตัมให้ได้ทุกทิศทางระหว่างการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงสุด

และจากนั้นเป็นเวลานับเดือน บาร์ตันทุ่มเทเวลาทั้งหมดในการฝึกความคล่องตัว เด็กหนุ่มวิ่งไปทั่วเขาวงกต เบี่ยงตัวเปลี่ยนทิศทางแล้วสะบั้นเป้าจำลองตลอดทาง นับวันความเร็วของเขาก็มากขึ้น นอกจากนั้นแล้วก็ยังใช้เวลาขีดเขียนผนังหน้าแคมป์ รายละเอียดการวิเคราะห์ศัตรูและศึกษาการเคลื่อนไหวของมันนั้นถูกร่ายเอาไว้เต็มไปหมด

และในที่สุด… วันที่ต้องท้าทายเจ้ายักษ์นั้นก็มาถึง

ในหน้าอุโมงค์ขนาดเล็กเหนือลานกว้างทรงแปดเปลี่ยมด้านล่าง บาร์ตันย่อตัวต่ำก่อนจะสังเกตการณ์ แม้จะผ่านมาหลายเดือนแล้วแต่พาเรลนั้นก็ยังนอนหลับสนิทราวกับจำศีล แม้ไม่มีอาหารเข้าถึงท้อง แต่มันก็ยังคงมีร่างกายสมบูรณ์เช่นเดิม ในระหว่างที่บาร์ตันต้องฝึกย่องเบาคอยออกล่าด้วยความหิวโหยอย่างยากลำบาก

ตัวของมันสูงเกือบห้าเมตร กว้างเจ็ดเมตร และยาวกว่าสิบเมตร แค่ขาหน้าของมันก็ใหญ่กว่าตัวบาร์ตันไปแล้ว นับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่มาก ทั้งตัวประดับไปด้วยเกล็ดหนา ทว่าเด็กหนุ่มจดจำได้ว่าเกล็ดช่วงล่างเช่นท้องของมันนั้นจะบอบบางกว่าด้านบน

รอบข้างไม่มีอะไรเลยนอกจากพื้นที่โล่งๆ ไม่มีหลุมบ่อ กำบัง หรืออะไรที่เขาสามารถใช้ให้ตัวเองได้เปรียบได้

มันคือการต่อสู้ด้วยความสามารถตัวเองล้วนๆระหว่างสองสิ่งมีชีวิต

แต่ถึงเช่นนั้นก็ใช่ว่าบาร์ตันจะเตรียมพร้อมล่วงหน้าไม่ได้… นั้นแหละคือข้อได้เปรียบเดียวของเขา

เด็กหนุ่มวางดาบใหญ่ไว้ตรงนั้น ย้อนกลับทางเดิม มันเป็นอุโมงค์แคบๆ ทีแรกเขาเคยคิดว่าจะทดลองสู้กับพาเรลก่อนแล้วหนีผ่านอุโมงค์ที่มันไม่น่าตามมาได้ ทว่าคำนึงถึงเจ้าคนออกแบบพื้นที่นี่ราวกับเห็นเป็นเกม มันเป็นไปได้สูงที่เสาหินแปดเหลี่ยมนั้นจะปิดตายทางออกทันทีที่เขาสู้กับพาเรล

เขาไม่อยากเสี่ยงให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น และนั้นคือเหตุผลที่เขาใช้เวลาเตรียมตัวให้พร้อมจนถึงที่สุด

ร่างกายแทบไม่ได้ใส่อะไรป้องกัน เพราะมันไร้ประโยชน์ เสื้อแจ็คเก็ตรัดเอวแทนเข็มขัด เหน็บไว้ด้วยดาบโค้งเล่มเก่าเป็นอาวุธสำรอง แขน ศอก และหัวเข่าพันด้วยผ้ากันถลอก เท้าเปล่าเองพันด้วยผ้าบางๆเพื่อลดเสียงระหว่างการเคลื่อนไหว

“ที่นี่ก็…” บางตันใช้ผ้าปิดปาก ก้มลง ใช้ไม้ฝืนจุดไฟ เถาวัลย์และสมุนไพรหลายกองที่เขาถักกันไว้ก็เริ่มลุกโชน มันถูกพ่วงเอาไว้ด้วยหินหนัก เด็กหนุ่มพลันพาดมันกับไหล่ ก่อนจะรีบถีบตัววิ่งไปทางพาเรลด้วยฝีเท้าเบาหวิว

เมื่อโผล่มาอีกฝาก บาร์ตันก็หมุนมันไปมา แล้วขว้างลงไปยังตำแหน่งต่างๆรอบลานกว้าง หินพ่วงที่กระทบพื้นในถ้ำจนเกิดเสียงก้องกังวานทำเอาพาเรลเบิกตากว้าง ก่อนจะชะโงกหัวขึ้นมาอย่างงัวเงีย

มันพยายามเพ่งสายตา หันขวับไปตามเสียงหินก้องถ้ำที่กระแทกพื้น ทว่าควันร้อนหนาจากสมุนไพรนั้นต้องทำให้มันแยงตาด้วยความหงุดหงิด กลิ่นเองเหม็นฉุนจมูก มันพลันคำรามลั่นแล้วใช้หางกระแทกพื้นอย่างหัวเสีย

เริ่มได้… 

บาร์ตันย่อตัวต่ำ สงบจิต ควบคุมอารมณ์ ยกดาบหนักขึ้นมาแล้วพาดไพล่ ดึงผ้าปิดจมูกให้กระชับ ก่อนจะทิ้งตัวลงไปสู่ลานเบื่องล่างด้วยฝีเท้าเงียบกริบ

พาเรลออกล่าด้วยการตามคลื่นจิตของมนุษย์เป็นหลัก แต่ถึงเช่นนั้นก็ไม่ได้ความว่ามันตาบอด หูตึง หรือจมูกเสีย

บาร์ตันอาจรู้วิธีซ่อนคลื่นจิตของตนเองจากพาเรลด้วยการควบคุมอารมณ์ ทว่าเขาก็ต้องหาวิธีที่จะเข้าใกล้โดยหลีกเลี่ยงเซนส์อื่นๆของมันเช่นกัน

ควันหนาจากสมุนไพรเพื่อบดบังการมองเห็น กลิ่นเหม็นฉุนจากพืชชนิดเดียวกันเพื่อกลบสัมผัสการดม และฝีเท้าเงียบกริบราวกับแมวย่องเบาเพื่อซ่อนตัวจากการได้ยิน

บาร์ตันเตรียมทุกอย่างเอาไว้เพื่อวันนี่โดยเฉพาะ

ครืน…

อุโมงค์ทางเข้านั้นถูกปิดลง… อย่างที่บาร์ตันคิดไว้ไม่มีผิด เจ้ายักษ์เองหันหัวตาม เงยหน้ามองตามเสียง เด็กหนุ่มพลันถือโอกาสพุ่งตัวเลียบประชิด กระโดดขึ้นสูง บิดกระโพกเพื่อส่งแรง แล้วเสยดาบใหญ่ฟันด้วยน้ำหนักโมเมนตัมทั้งหมดที่มี

ฉัวะ---!!!!!!!!

กี๊ซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!!!!

ดาบใหญ่ทรงโค้งเสยฟันข้างใบหน้าซีกซ้าย ดวงตาช่วงล่างสองดวงของมันถูกคมดาบเฉือนจนบอดในพริบตา ร่างยักษ์เองสะบัดหัวไปมา ก่อนจะตะปบแขนยักษ์ไปรอบทิศทางจนเศษหินกระจุยกระจาย

ทว่าบาร์ตันไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว เขาเปลี่ยนโมเมนตัมในจังหวะสุดท้าย วิ่งสวนอ้อมจุดบอดของดวงตาข้างซ้ายเพื่อทิ้งระยะห่าง ก่อนจะเค้นเสียงในลำคอเล็กน้อยหลังมองผลงานเปิดของตน

เขากะจะสะบั้นดวงตาทั้งสามดวงด้านซ้ายต่างหาก ไม่ใช่แค่สองดวง 

‘สูงเกินไป’

‘ต้องทำให้มันตาบอดสนิท ก่อนควันจะจะจางลง…’

และแน่นอน… การวางแผนมันง่ายกว่าเวลาลงมือจริงเสมอ

พาเรลเองเริ่มสังเกตเห็นบางอย่าง เงาร่างของมนุษย์ที่วิ่งสวนอยู่ในควันหนา มันพลันพุ่งเข้าหาทันทีด้วยความเร็วของนักล่า ก่อนจะฟาดกรงเล็บลงด้วยกล้ามเนื้อที่สามารถทำให้มนุษย์โตเต็มวัยร่างแหลกสลายได้ในพริบตา

บาร์ตันกัดฟันกรอด ขยับตัวพร้อมดาบหนัก ร่างของเขาพลันเปลี่ยนทิศทางการพุ่งแล้วหลบได้อย่างฉับพลัน หนำซ้ำเด็กหนุ่มยังสามาถบิดตัวฟันใส่แขนของพาเรลได้อีกต่างหาก

เลือดสีน้ำเงินกระฉูด ร่างยักษ์ชะงัก ทว่าอุ้งมือข้างที่สองและสามก็ตามมา บาร์ตันดึงดาบกลับพร้อมถีบตัวหลบฉาก พ้นระยะไปได้อย่างพอดิบพอดี

ร่างยักษ์ยิ่งโกรธหนัก มันพุ่งตัวและอ้าปากงาบเมื่อบาร์ตันหันหลังให้ ทว่าเด็กหนุ่มนั้นเรียนรู้มานานแล้วว่าไม่ควรหันหลังให้สัตว์ร้าย เขาแค่แสร้งหนีด้วยความเร็วช้าๆเพื่อหลอกให้มันโจมตีเท่านั้น

ร่างเพรียวเร่งความเร็วฉับพลัน พุ่งหลบฉากกรามยักษ์แทบจะในจังหวะเดียวกับที่เสียงในหัวร้องเตือน ก่อนจะหมุนตัวกลับ ดาบใหญ่ขยับโค้งเสยกลับไปด้านหลังเป็นเสี้ยวจันทร์ ทว่าพาเรลเองก็ขยับหัวหลบได้ทัน ดาบหนักสิบหกกิโลกรัมนั้นแค่เฉือนถากข้างแก้มมันไปเท่านั้น

เฉียดดวงตาของสัตว์ร้ายไปเพียงนิดเดียว

อุ้งเท้าหน้าที่ตามมาฟาดเป็นแนวขวาง บาร์ตันยกแขนใช้ใบดาบกว้างป้องกันเอาไว้ได้ทัน 

เกิดแรงปะทะ เปลวควันโบกสะบัด ร่างของเด็กหนุ่มถูกซัด กระเด็นไปไกลกว่าสิบเมตร ทว่าก็เก็บคองอเข่า กลิ้งตัวไปกับพื้นหลายตลบเพื่อลดแรงกระแทกเลี่ยงอาการบาดเจ็บไปได้

พาเรลเองเห็นก็ไม่รอช้า มันพุ่งตัวตามเข้ามา ทว่าบาร์ตันก็ไม่ได้ทิ้งระยะให้เข้าโจมตี เด็กหนุ่มลุกขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะหมุนตัว แล้วขว้างดาบใหญ่เต็มแรง 

เจ้าพาเรลเองหยุดชะงัก ใช้ขาหน้าปัดดาบหนักที่กำลังหมุนเคว้ง ทว่ามันประเมินน้ำหนักของอาวุธนั้นน้อยเกินไป คมดาบที่หมุนด้วยองศาเดียวกับการฟันนั้นทะลวงเข้าไปในอุ้งเท้าของมันอย่างไม่อาจป้องกันได้

เกล็ดส่วนใน เช่นอุ้งเท้า… บางกว่าอย่างที่บาร์ตันคิดไว้ไม่ผิด

พาเรลคำรามลั่น สะบัดแขนจนดาบกระเด็นออก เลือดสีน้ำเงินไหลทะลัก มันพยายามมองหามนุษย์ตัวเล็กๆที่บังอาจทำร้ายมัน ก่อนจะพบว่าบาร์ตันนั้นหายไปจากตรงนั้นแล้ว

มันมองซ้ายมองขวา ด้วยดวงตาสี่ดวงที่เหลือ ม่านหมอกนั้นจากลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงเช่นนั้นฝีเท้าของเด็กหนุ่มก็เงียบกริบจนไม่รู้ว่าหายไปอยู่ตรงไหน

แกร็ก…

เสียงบาร์ตันคว้าดาบใหญ่จากด้านข้าง พาเรลค้นพบว่าเด็กหนุ่มนั้นวิ่งไปเก็บอาวุธ มันรีบหันขวับ ก่อนจะพบกับดาบยักษ์ที่ฟันลงมาอีกครั้ง

ทว่าครั้งนี้มันเตรียมพร้อม ใช้ขาขวาถีบตัวหลบข้าง ก่อนจะใช้ขาซ้ายตะปบผู้จู่โจมจากด้านหลัง ทว่ามันก็ต้องชะงัก เมื่อพบว่ามันคือดาบเปล่าๆที่ขว้างเข้ามาอีกรอบแบบชุ้ยๆจงใจหลอก

ส่วนตัวจริงนั้นพึ่งจะกระโดดตามมาทีหลัง

บาร์ตันกระโดดสูง ดวงตาจับจ้องแทบไม่มีกะพริบ และทันทีที่เจ้าพาเรลนั้นหันข้างเพื่อปัดดาบใหญ่จนกระเด็น เด็กหนุ่มที่ลอบเร้นตามทีหลังก็ชักดาบโค้งเสยใส่หน้า

ฉัวะ---!!!!!!!!

กี๊ซซซซซซซ-----!!!!!!!!!!

ดาบเบาสะบั้นเต็มแรง แม้จะติดขัดกับเกล็ดของมันอยู่บ้าง ทว่าก็สามารถสะบั้นดวงตาสามดวงที่บอบบางด้านขวาได้อย่างเฉียบคม 

เด็กหนุ่มเองถีบตัว ส่งตัวเองพุ่งสวนไปด้านหลังก่อนจะกลิ้งตัวลงต่ำ ในระหว่างที่เจ้าพาเรลนั้นสะบัดหัวไปมาพร้อมคำรามลั่น ทั้งหางและขาทั้งตะวัดกราดไปมาอย่างบ้าครั้ง ก่อนขดตัวลงต้ำปกปิดจุดสำคัญต่างๆของตนเองทันที

บาร์ตันหอบหายใจแรง แต่ก็พยายามควบคุมลมหายใจให้เบาที่สุด เด็กหนุ่มวิ่งสวนอย่างเงียบเชียบไปตามหมอกควันที่เหลือเพียงน้อยนิด เหน็บดาบเบา คว้าดาบใหญ่ที่หล่นอยู่กับพื้น ก่อนจะเฝ้าสังเกตพาเรลที่เหลือตาข้างเดียวไม่วางตา

หากเป็นการสู้ซึ่งๆหน้า บาร์ตันรู้ตัวดีกว่าเขาตอนนี่ยังเอาชนะไม่ได้

แต่นั้นแหละคือข้อได้เปรียบ ในระหว่างที่เจ้าพาเรลนั้นนอนหลับมาตลอด… บาร์ตันนั้นได้มีเวลาวางแผนเตรียมพร้อมมาตลอดในช่วงเวลานั้น

แต่ทว่า ช่วงแรกนั้นคือช่วงที่คาดเดาได้ง่ายที่สุด การเคลื่อนไหวของสัตว์นักล่าที่ไม่เคยต้องกลัวอะไรนั้นเดาทางได้ง่าย แต่ถึงเช่นนั้นก็ยังมีจุดที่บาร์ตันทำพลาด เขาประสงค์จะทำให้มันตาบอดทุกดวงก่อนควันจะจางลง 

ทว่าเขาก็พลาดดวงตามันไปหนึ่งดวง

พลันเมื่อพาเรลเหลือตาข้างเดียว เมื่อถูกต้อนจนต้องจนมุม

ช่วงเวลานี่ต่างหาก… ที่บาร์ตันมองว่าอันตรายที่สุด