เวลานับถอยหลัง ศัตรูเก่าหวนคืน อสูรหกตาไล่ล่าข้ามโลกที่ไม่ปรากฏ เด็กชายอายุเพียงแค่สิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเป็นผู้ล่า ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเพียงเหยื่อที่ไร้ทางสู้
แฟนตาซี,ไซไฟ,พารานอมอล,ผจญภัย,แฟนตาซี,ผจญภัย,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]เวลานับถอยหลัง ศัตรูเก่าหวนคืน อสูรหกตาไล่ล่าข้ามโลกที่ไม่ปรากฏ เด็กชายอายุเพียงแค่สิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเป็นผู้ล่า ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเพียงเหยื่อที่ไร้ทางสู้
“พวกมันหิว พวกมันกระหาย ความสิ้นหวังของมนุษย์คืออาหารที่มันปรารถนาเจียนตาย และเมื่อมันเสพสมจนพอใจ... มันก็ทำให้ความฝันอันโหดร้ายหลั่งเลือดออกมาเป็นความจริง” - ทหารโดมิเนี่ยน, กล่าวถึงพาเรลในแดนมืด
นิยายแนวผจญภัย - ไซไฟ ผสมแฟนตาซี (และสตีมพังค์)
“…”
บาร์ตันอ่านบรรทัดสุดท้าย ก่อนจะหลับตา แล้วถอนหายใจแรง
“ผมหวังว่าหลังจากเจอกันอีก ผมจะอาคืนด้วยการเอาดาบฟาดหน้า… แต่นี่มันอะไรกัน?”
หงุดหงิด...
พูดให้ถูกคือเขากำลังรู้สึกหงุดหงิดใจ
“แค่นั้นเหรอ? คุณเอาผมมาขังไว้กว่าสองปี แล้วจากนั้นก็รู้สึกผิด แล้วก็ปล่อยกันไปง่ายๆ?”
บาร์ตันถอนหายใจแรง ก่อนจะกดเข้าระบบของปลอกแขนพีดีเอ ค้นพบว่ามันอัพเกรดระบบใหม่แทบทั้งหมด และยังเชื่อมต่อกับทั้งอาคารแห่งนี่เอาไว้อย่างที่เธอพูด
“ผมเกลียดอะไรที่มันค้างคา ถึงจะไม่ชอบที่คุณเอาผมมาขังโดยไม่ถามกันสักคำ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ได้ก็เพราะคุณ”
เด็กหนุ่มขยับมือ สั่งเปิดแคปซูลตรงหน้า ห้องทั้งห้องก็เปลี่ยนแสงเป็นสีแดงราวกับเตือนภัย ประตูด้านหลังเขาก็ปิดล็อคลงอย่างช้าๆ
มันจะไม่เปิดอีกครั้ง จนกว่าไอร์นา อเมริณ จะตาย
ไอร้อนพุ่งออกมาจากแคปซูลครู่ใหญ่ ก่อนไม่นานจะถูกเปิดออก ท่อที่เจาะตามร่างกายขาดผึง ร่างนั้นหล่นตุบลงมาพร้อมกับสายน้ำเรือนแสง น้ำหนักของร่างกลายพันธ์ุนั้นเยอะมากจนพื้นสะเทือน ร่องรอยแผลที่ถูกสายท่อแทงเองเกิดสมานตัวเองอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวตรงหน้า นอกจากใบหน้าครึ่งซีกที่เหลือ ร่างทั้งร่างนั้นเต็มไปด้วยเกล็ดหนา มือเป็นกรงเล็บยาวราวกับอสูร ดวงตานั้นพลันเบิกโพลง ทว่ามันไม่มีความเป็นมนุษย์ส่องประกายออกมาจากภายใน
เธอลุกขึ้นช้าๆ เหมือนไร้เรี้ยวแรง ก่อนจะคำรามลั่นอย่างเกรี้ยวกราด บาร์ตันพลันรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายนั้นโดนกัดกินสมองจนกลายพันธุ์เป็นพาเรลอย่างสมบูรณ์ไปแล้ว
“มาจบเรื่องนี่กันเถอะ… ไอร์นา อเมร์ริณ”
ร่างที่ยังเปียกของบาร์ตันย่อลงต่ำ ขยับดาบหนักขึ้นพาดไหล่ แล้วในจังหวะที่ประตูยักษ์ปิดทางออก ร่างเพรียวลมของเด็กหนุ่มก็พุ่งทะยานเข้าหาหญิงสาวทันที
*****
12 ชั่วโมงหลังจากนั้น…
อาคารสั่นไหว แสงสีแดงเลือดที่ย้อมอาคารภายในดับวูบลง ก่อนจะกลับเป็นปกติอีกครั้ง
ล็อคดาวน์ถูกยกเลิก ประตูที่ปิดตายขยับ โลหะสีดำตัดทองอายุนับล้านปีเลื่อนเปิดออกอีกครั้ง ก่อนร่างโชคเลือดเต็มไปด้วยบาดแผลของบาร์ตันจะก้าวออกมาจากภายใน
มันจบแล้ว…
บาร์ตันพิงตัวลงกับข้างประตู ปล่อยดาบที่เต็มไปด้วยรอยบิ่นลงพื้นจนเกิดเสียงดังก้องกังวาน เด็กหนุ่มผมขาวหอบหายใจแรงอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะหันไปมองหุ่นหน้ากากไม้ที่ยังนั่งคงอยู่ข้างกำแพงอย่างไร้การตอบสนอง
แสงจากคริสตัลภายในเอง ตอนนี่ดับแสงลงอย่างสมบูรณ์
“สู่สุคติ… ไอร์น่า อเมร์ริณ”
บาร์ตันกล่าว ก่อนจะลุกขึ้นยืน มีเพียงปลอกแขนพีดีเอที่ติดมือไป จากนั้นเด็กหนุ่มทิ้งตัวลงกับแอ่งน้ำเรือนแสงสีฟ้า บาดแผลตามร่างกายก็พลันสมานตัวเองอย่างรวดเร็ว
เขายกพีดีเอขึ้นมา ปัดไปตามหน้าจอ ก่อนจะพบอีกไฟล์หนึ่งที่ไม่เคยมีอยู่ตรงนั้นมาก่อน กดเข้าไปก็พบกับข้อความและแผนที่
มันเป็นแผนที่โลก แบบโล่งๆ นอกจากจุดปักสิบเจ็บจุดทั่วโลก มันก็แทบไม่มีรายละเอียดอะไร
เห็นเช่นนั้นเขาก็เลิกสนใจ ก่อนจะไปอ่านที่ข้อความใหม่ที่โผล่ขึ้นมา
ถ้าเธอเปิดข้อความนี่ เช่นนั้นก็หมายความว่าเธอได้ออกไปจากที่นี่
หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะว่าฉัน… ได้ตายไปแล้ว
และหากเป็นอย่างหลัง ฉันขอขอบคุณ
ขอบคุณจากใจจริง
ฉันใส่ตำแหน่งทั้งหมดของสิ่งที่เธอเรียกว่าโบราณสถาน มันเป็นสิ่งก่อสร้างจากยุคสมัยของฉัน บ้างก็สร้างขึ้นเพื่อการทหาร บ้างก็เพื่อการวิจัย บ้างก็เพื่อการอุตสาหกรรม และบางแห่งก็ไม่ต่างกันจากที่แห่งนี่ นั้นคือเป็นสถานที่พักพิงสุดท้ายของพวกเรา
ที่แห่งนี่ไม่มีอะไรเหลือให้เธอ มันเป็นแค่สิ่งก่อสร้างเล็กๆ อาจเรียกได้ว่าคือบ้านของฉัน ฉันขอมอบให้เธอใช้ได้ตามประสงค์หากเธอคิดจะกลับมาอีกครั้ง
แต่ไม่ว่าเธอคิดจะทำเช่นไรต่อกับสถานที่อีกสิบเจ็ดแห่งที่เหลือ… นั้นเป็นสิทธิของเธอในการตัดสินใจ
ในโลกบ้านเกิดของฉัน อเมร์ริณ นักรบคนใดก็ตามที่ผ่านการทดสอบ และปราบเดมาห์ตนแรกลงได้ พวกเขาจะได้รับชื่อที่สองจากผู้ชี้นำของตนเอง
ฉันคงไม่กล้าเรียกตัวเองว่าผู้ชี้นำได้เต็มปาก หลังจากทั้งหมดที่ฉันทำลงไป ทว่ามันก็อดไม่ได้ที่ฉันจะทำตามธรรมเนียม และมอบสิ่งที่เธอคู่ควรจะได้รับ
ผ่านดวงตาคู่นั้น ฉันเห็นอารมณ์บางอย่างที่เธอพยายามปิดกั้นมาโดยตลอด ความรู้สึกที่เธอพยายามปฏิเสธ แต่เป็นสิ่งที่ช่วยหล่อหลอมตัวตนของเธอ ให้กลายเป็นบุคคลที่มีจิตใจแข็งแกร่งอย่างเช่นตอนนี่
อนาร์…. และในภาษาของเธอ มีความหมายว่า ‘อาดูร’
และนั้นคือชื่อที่สองของเธอ
(อาซานาร์ เกว็น-ดูนิณ) ฉันขอให้เธอโชคดี …อนาร์
“….” บาร์ตันจ้องบรรทัดสุดท้าย จมอยู่ในความคิดไปครู่ใหญ่ ก่อนในที่สุดจะปิดมันลง วางพีดีเอลงกับขอบสระข้างๆ ก่อนจะผ่อยหลับ ปล่อยตัวเองให้ถูกรักษาด้วยสายน้ำเรือนแสง
*****
วันเวลาผ่านไป บาร์ตันสำรวจไปรอบโบราณสถาน และถึงแม้จะเรียกว่าโบราณ อายุกว่าล้านปี ทว่าแทบทุกอย่างภายในนั้นยังดูสมบูรณ์แบบมาก จะมีก็เพียงร่องรอยสึกกร่อนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
และผ่านพีดีเอที่เชื่อมต่อกับทุกอย่าง เขาพบว่าแม้ว่ามันไม่ได้มีอะไรมากนัก แต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่างที่แทบไม่เคยได้ใช้งาน จะติดอย่างเดียวเท่านั้นก็ตรงที่มีทรัพยากรไม่เพียงพอ
เขาตรวจสอบหลายอย่าง ชอบใจสุดก็ตรงเครื่องพิมพ์สามมิติ เขาพลันใช้เวลาออกแบบเสื้อผ้าออกมา ก่อนจะสั่งสร้างเสื้อสีดำขนาดพอดีแบบเผื่อโตขึ้นสักหน่อย เสริมด้วยเกราะเหล็กเบาชั้นนอกตรงช่วงอก หลังมือ แขน และหัวไหล่ รวมถึงกางเกง รองเท้า และผ้าคลุมสีเดียวกัน กับกระเป๋าสะพาย และยังรวมถึงสายสะพายดาบกับปลอกดาบไว้ปิดช่วงคม
เขาเองคิดจะสร้างดาบแบบเดียวกันกับที่ตัวเองใช้ขึ้นมาอีกสักเล่มเพราะมันเริ่มบิ่น แต่พอพบว่าทรัพยากรที่มีมันไม่เพียงพอ สุดท้ายก็ต้องหยุดลงแค่นั้น
และหลังจากพักอยู่ในสถานที่แห่งนี่นับเดือน บาร์ตันก็ทำการตัดสินใจ
เขาตัดผมที่ยาวเลยเอวออกจนสั้นประบ่า เล็มออกให้เป็นทรง สวมเสื้อผ้าที่เตรียมเอาไว้ สะพายกระเป๋าและดาบใหญ่ ก่อนจะมองหน้าจอพีดีเอที่แขนซ้ายข้างใหม่ของตนเอง
ลงไปทางตะวันออกเฉียงใต้ หลายพันกิโลเมตรจากที่เขาอยู่ มันปรากฏร่องรอยอารยธรรมและเมืองของมนุษย์อยู่ด้านล่างนั้น ห่างไกลจากเขตแดนที่เต็มไปด้วยสัตว์อันตรายและพาเรลที่กระจุกตัวกันอยู่ในทิศเหนือ
อาคารแห่งนี่… มันเป็นสถานที่ที่ดี อาจเรียกได้เลยว่าสามารถเป็นบ้านให้เขา ทว่าบาร์ตันเองก็รู้ดีว่าตนจะหยุดลงอยู่ที่นี่ไม่ได้
มีบางสิ่งที่เขาอยากรู้ และมีอีกหลายอย่างในโลกนี่ที่เขาอยากทำความเข้าใจ
บางทีสักวันหนึ่ง…
เขาเชื่อว่าสักวันหนึ่ง เขาจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง
ทว่าก่อนจะถึงตอนนั้น
“….” ตรงบันไดหินทางออก หน้าประตูยักษ์เลียบเขา บาร์ตันหันกลับไปด้านหลัง มันคืออาคารทรงโค้งสีเทาที่ซ่อนอยู่ในซอกผาอย่างมิดชิด ประตูทรงโค้งเองเปิดออก ทว่าทันทีที่เด็กหนุ่มกดปุ่มบางอย่าง ประตูโลหะสีทึบสองชั้นก็ถูกปิดลงอย่างช้าๆ แนบเนียนจนไม่อาจรู้ได้เลยว่ามีโบราณสถานอยู่ข้างใน
มันถึงเวลาแล้วที่บาร์ตันต้องผจญภัยออกไปสู่โลกกว้าง
เด็กหนุ่ม… ที่บัดนี่เติบโตเป็นชายหนุ่ม เฝ้ามองประตูบานนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ประตูที่เขาไม่ได้ยินยอมเข้าไป ประตูที่เขาเคยคิดว่าอาจต้องตายอยู่ข้างใน ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันหล่อหลอมให้เขาพร้อมเผชิญหน้ากับโลกกว้าง
ชายหนุ่มหันหลัง ไม่หันกลับไปมองอีก ก่อนจะเดินออกไปสู่ป่าใหญ่สีขาว มุ่งหน้าลงใต้ไปยังแดนศิวิไลซ์
และโดยที่ไม่ทันได้ฟังเสียงกระซิบมากมายที่ดังอยู่ในหัว เสียงกระซิบหนึ่งที่เบาจนไม่อาจได้ยินก็แว่วผ่าน
‘ขอบคุณ… อนาร์’
‘ขอบคุณ’