จากอนาคตแสนไกลย้อนคืนเป็นโลกใบใหม่ ดินแดนที่ความจริงสูญหายและสิ่งลี้ลับหวนคืน บาร์ตัน แบล็คฮาร์ท เด็กชายอายุเพียงสิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเอาชีวิตรอด

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ - ตอนที่ 9 โลกแห่งแอสตรัล โดย Vsrin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ไซไฟ,พารานอมอล,ผจญภัย,แฟนตาซี,ผจญภัย,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ไซไฟ,พารานอมอล,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ โดย Vsrin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จากอนาคตแสนไกลย้อนคืนเป็นโลกใบใหม่ ดินแดนที่ความจริงสูญหายและสิ่งลี้ลับหวนคืน บาร์ตัน แบล็คฮาร์ท เด็กชายอายุเพียงสิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเอาชีวิตรอด

ผู้แต่ง

Vsrin

เรื่องย่อ

 

“พวกมันหิว พวกมันกระหาย ความสิ้นหวังของมนุษย์คืออาหารที่มันปรารถนาเจียนตาย และเมื่อมันเสพสมจนพอใจ... มันก็ทำให้ความฝันอันโหดร้ายหลั่งเลือดออกมาเป็นความจริง” - ทหารโดมิเนี่ยน, กล่าวถึงพาเรลในแดนมืด

 

นิยายแนวผจญภัย - ไซไฟ ผสมแฟนตาซี (และสตีมพังค์)

สารบัญ

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 1 เด็กใต้ขยะ,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 2 พาเรล,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 3 ศูนย์สอง,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 4 รอยแยกมิติ,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 5 พาเรล เจเนซิส,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 6 โลกใบใหม่... โคลด์ฮาร์เบอร์,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 7 สูญเสีย,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 8 สถานีรีเลย์,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 9 โลกแห่งแอสตรัล,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 10 ป่าเรือนแสง,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 11 ทหารโดมิเนี่ยน,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ-ตอนที่ 12 ถ้ำ ดาบ หยดน้ำ และร่างหิน

เนื้อหา

ตอนที่ 9 โลกแห่งแอสตรัล

 

บันทึกครั้งที่ 1, 221 วันหลังเข้ามาในแอสตรัล-ริฟต์

นี่คือ ดร. โดมินิค แห่งอาร์คคอร์เปอเรชั่น พวกเราเป็นทีมสำรวจที่พึ่งกลับมาจากห้วงอวกาศเขตมืด ผมกับทีมของ ดร. อิยามิ ได้ค้นพบว่าดาวโคลด์ฮาร์เบอร์ได้ถูกรอยแยกมิติกลืนกินไปทั้งดวง ทว่ามีสัญญาณขอความช่วยเหลือส่งตรงมาจากอีกฝาก

ผม และทีมสำรวจ ใช้ยานโอลิวอร์ต-ไนน์ เป็นฐานในการทำความเข้าใจรอยแยกมิติดั่งกล่าว และได้ค้นพบข่าวสารผ่านดาวเทียมรีเลย์จากระบบดาวใกล้เคียง ว่ารอยแยกมิติประเภทเดียวกันกำลังเกิดขึ้นทุกหนแห่งในสหพันธ์โลก

และมนุษยชาติกำลังอยู่ในภาวะวิกฤตที่อาจทำให้พวกเราต้องสิ้นเผ่าพันธุ์

ทว่า… มีบางสิ่งที่ทำให้รอยแยกมิติที่โคลด์ฮาร์เบอร์นั้นแตกต่าง เพราะมันไม่มีเอนทิตี้ที่เรียกว่า ‘พาเรล’ โผล่ออกมาแม้แต่ตนเดียว และยังมีคลื่นพลังงานที่เสถียรมาก เป็นพลังงานบางอย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน

ศาสตราจารย์ อ็อคเทเวีย หัวหน้าทีมสำรวจของเราที่ศึกษารอยแยกมิติได้ให้ชื่อกับรอยแยกมิติว่า ‘แอสตรัล-ริฟต์’

และหลังจากยืนยันความปลอดภัย ยานสำรวจโอลิวอร์ต-ไนน์ ก็ได้ทำงานเข้ามาในแอสตรัล-ริฟต์เพื่อทำภารกิจกู้ภัย

ทว่ามันคือความผิดพลาด

กระแสพลังงานของแอสตรัล-ริฟต์ฉีกกระชากยานทั้งลำ มันดุร้าย เกรี้ยวกราดราวกับมีชีวิต ต่างกับพลังงานในสภาวะเสถียรภาพที่เราวิเคราะห์จากภายนอกมาก

และเพราะแบบนั้น พวกเราได้ร่วงหล่นลงสู่ดาวโคลด์ฮาร์เบอร์อย่างไม่อาจทำอะไรได้ ถึงแม้พวกเราหลายคนจะรอดชีวิตมาได้ ทว่าก็ได้ค้นพบข้อเท็จจริงบางอย่างที่น่าตกตะลึง

โคลด์ฮาร์เบอร์ ดาวทั้งดวงที่เคยเป็นน้ำแข็ง ละลายกลายเป็นท้องทะเล พวกเราเชื่อว่าอีกฝากของแอสตรัล-ริฟต์คืออีกจักรวาลหนึ่งอย่างสิ้นเชิง และดาวโคลด์ฮาร์เบอร์ก็ปรับตัวในวงโคจรของระบบดาวแห่งใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว

พวกเราเชื่อว่าโลกนี่คือคนล่ะมิติกับที่เรารู้จักด้วยซ้ำ

พวกเราสร้างสถานีวิจัยในเกาะกลางทะเล คอยศึกษารอยแยกมิติที่ดาวโคลด์ฮาร์เบอร์พร้อมกับซ่อมแซมยานโอลิวอร์ต-ไนน์ เรายังค้นอีกว่านอกจากรอยแยกมิติที่เราเข้ามา เห็นได้จากท้องฟ้านั้นยังมีอีกรอยแยกที่มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าถึงเจ็ดเท่า

ในขณะนั้นเอง ศาสตราจารย์อ็อคเทเวีย หัวหน้าทีมวิจัย พยายามค้นหาคำตอบว่าทำไมพวกเราถึงได้สัญญาณขอความช่วยเหลือแม้ทุกชีวิตและสิ่งก่อสร้างของมนุษย์ในดาวดวงนี้จะสูญสลายไปกับสายน้ำไปแล้ว และไม่ควรมีผู้รอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว

ทว่าในที่สุดเราก็ได้คำตอบ 

นั้นคือเวลาภายในมิติฝั่งนี่กับเวลาภายนอกนั้นไม่เท่ากัน

แม้ภายนอก โคลด์ฮาร์เบอร์จะหายเข้าไปในรอยแยกมิติแค่ไม่กี่เดือน 

ทว่าในฝากนี้… เวลามันได้ผ่านไปนานกว่าสองล้านปีแล้ว

ทุกคนในโคลด์ฮาร์เบอร์เสียชีวิตไปหมด ท่ายานที่เราเคยสร้างไว้ย่อยสลายไปนานแล้วนับล้านปีก่อน แต่เพราะเวลาที่เคลื่อนไปด้วยความเร็วที่ต่างกันมหาศาล มันเป็นเหตุผลที่เรายังสามารถรับสัญญาณขอความช่วยเหลือได้ต่อให้ผ่านไปแล้วนับล้านปี

เวลาที่นี่ ต่อให้ผ่านไปเป็นพันปี… ข้างนอกนั้นก็ยังผ่านไปแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น

ศาสตร์ตราจารย์อ็อคเทเวียสั่งเร่งซ่อมแซมยานโอลิวอร์ต-ไนน์ ก่อนพวกเราจะเร่งหลบหนีจากดาวดวง มุ่งหน้าไปที่รอยแยกมิติ ทีแรกพวกเราเองครุ่นคิดว่าการปรับแต่งระบบใหม่จะทำให้เราป้องกันตัวจากพลังงานแอสตรัลได้

แต่เราคิดผิด

พลังงานแอสตรัล… มันซับซ้อนและน่าพิศวงกว่าที่เราเคยคิดเอาไว้มาก มันไม่ได้แค่ทำลายเกราะยานของเรา แต่ดึงเราเข้าสู่ภาวะความเป็นจริงและ ‘มิติอื่นๆ’ ที่มีกฏเกณฑ์เป็นของตนเองในเวลาเดียวกัน ลูกเรือเสียชีวิตกันทีล่ะคนสองคน บางคนหายวับจากสายตาทันทีเมื่อเผลอกะพริบตา และไม่นานเราก็ค้นพบว่าคงไม่มีทางรอดไปได้

อำนาจของแอสตรัล… มันราวกับเวทมนตร์

ผมกับผู้รอดชีวิตตัดสินใจ สละยาน ใช้กระสวยฉุกเฉินดีดตัวกลับลงไปที่สถานีในดาวโคลด์ฮาร์เบอร์ ทว่าหลังลงสู่พื้นผิวทะเล ลูกเรือในกระสวยลำอื่นนั้นถูกสัตว์ใต้ทะเลสายพันธ์ใหม่ที่เราเรียกว่า ‘ลิไวอาธาน’ กลืนกินจนหมด จนสุดท้ายก็เหลือเพียงแค่ผมและ ดร. อิยามิ เท่านั้นที่รอดชีวิตกลับไปถึงสถานีบนเกาะได้

พวกเราสิ้นหวัง หมดหนทางที่จะไปกันต่อ สุดท้าย ผมกับอิยามิตัดสินใจนอนจำศีลในตู้ไคโรเจนิกโดยไม่กำหนดวันตื่น

ความหวังเดียวเท่านั้น… คือหวังว่าพวกคุณจะมาพบกับพวกเรา

ได้โปรด… ช่วยพวกเราด้วย

 

“….” บาร์ดันกราดตามอง ก่อนจะพบว่าบันทึกยังไม่จบลงแค่นั้น เขากดอ่านต่อ ก่อนจะพบกับข้อความที่มีระยะเวลาการบันทึกห่างกันนานนับพันปี

 

บันทึกครั้งที่ 2, 1543 ปีหลังการจำศีล

เครื่องจำศีลปลุกผมขึ้นมาเพราะเหตุฉุกเฉิน ไคโรเจนิกเสื่อมสภาพมากแม้จะสร้างห้องสุญญากาศ ผมค้นพบว่าด็อกเตอร์อิยามิเสียชีวิตไปหลายร้อยปีแล้วเพราะไฟฟ้าลัดวงจร

ผมซ่อมตู้ไคโร ตั้งระบบจ่ายพลังงานสำรองสองต่อเพื่อความปลอดภัย… ก่อนจะไปนอนจำศีลอีกครั้ง

 

“หืม..” บาร์ตันเลิกคิ้ว ดูเหมือนว่าจะสั้นลงอย่างเห็นได้ชัด

 

บันทึกครั้งที่ 6, 7403 ปีหลังการจำศีล

ผมต้องคอยตื่นขึ้นมาซ่อมไคโรเจนิกทุกๆห้าร้อยปี และการจำศีลนานขนาดนี้ไม่ดีต่อสุขภาพผมเลย แม้วิทยาการของมนุษย์ในปัจจุบันจะล้ำหน้าแค่ไหนก็ตาม แต่ผมคิดมนุษย์ไม่สมควรจะหยุดร่างกายของตัวเองเอาไว้นานขนาดนี้

อวัยวะหลายส่วนเริ่มสึกหรอแล้ว… ผมต้องใช้แลปไบโอเพื่อสร้างอวัยวะเทียม

 

บันทึกครั้งที่ 17, 22,703 ปีหลังการจำศีล

ผมตัดสินใจอยู่นานกว่าปกติ ร่างกายกว่าสามสิบเปอร์เซ็นของผมตอนนี้เริ่มเป็นไซบอร์ก และด้วยความบังเอิญ ผมใช้ความพยายามจนเชื่อมต่อเข้ากับเซนเซอร์ของซากยานโอลิวอร์ต-ไนน์ที่ยังโคจรรอบดาวเคราะห์ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

ไม่มีผู้รอดชีวิต…. อย่างที่คิด

แต่เฮ้! อย่างน้อยตอนนี่ผมก็มีจานดาวเทียมส่วนตัวแล้วนะ! :D

 

บันทึกครั้งที่ 18, 22,704 ปีหลังการจำศีล

รอยแยกมิติบนท้องฟ้าหายไปแล้ว ผมมั่นใจหลังทำการตรวจสอบมาหลายครั้ง 

มันน่าจะหายไปหลายพันปีแล้วด้วยซ้ำ 

เส้นทางกลับบ้านของผม… ถูกปิดลงชั่วนิรันดร์

 

บันทึกครั้งที่ 31, 39,705 ปีหลังการจำศีล

ไม่อยากจะเชื่อ! 

ผมพึ่งค้นพบว่าระดับน้ำทะเลนั้นลดลงไปเยอะมาก เป็นไปได้สูงว่านี่เป็นเพราะรอยแยกมิติที่หายไป ทวีปและเกาะต่างๆก่อตัว และสิ่งมีชิวิตบนดินก็เริ่มถือกำเนิดขึ้นอย่างที่คิด! 

แต่นั้นมันไม่ใช่ประเด็น!

มนุษย์! มนุษย์ต่างหากที่ทำให้ผมทึ่ง!

ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่มนุษย์ได้วิวัฒนาการขึ้นมาในดาวดวงนี้!

ไม่ใช่พวกเราชาวสหพันธ์! ไม่ใช่ผู้คนที่มาจากดาวโลก! แต่เป็นเผ่าพันธุ์ท้องถิ่นที่่เหมือนกันราวกับแกะ!

ถึงจะไม่ใช่มนุษย์โลกก็เถอะ แต่พวกเขาเหมือนกับพวกเรามาก! แต่มันเป็นไปได้ยังไงกัน!? ในดาวที่ห่างไกลขนาดนี่? อะไรคือต้นเหตุที่ทำให้เกิดการวิวัฒนาการแบบนี่ได้?

ให้ตายสิ ผมไม่ใช่นักชีววิทยา ถ้า ดร.อิยามิอยู่ที่นี้ เธอต้องปวดหัวกับสถานการณ์ตอนนี่มากแน่ๆ!

 

บันทึกครั้งที่ 42, 40,777 ปีหลังการจำศีลครั้งแรก

ผมจำศีลแล้วตื่นขึ้นมาศึกษาพวกเขาเป็นระยะ พวกเขาเริ่มที่จะสร้างอารยธรรมคล้ายคลึงกับพวกเราในยุคกลาง เป็นไปได้สูงว่าอีกไม่นานพวกเขาอาจพัฒนาอารยธรรมจนทัดเทียบกับเราได้ ซึ่งเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก

ยังไงก็ตาม ผมเองเริ่มที่จะมองเห็นความแตกต่างระหว่างเรากับพวกเขาบ้างแล้ว 

นั้นคือชาวโคลด์ (นั้นคือชื่อที่ผมเรียกชั่วคราว) แม้ทั้งหมดจะเหมือนมนุษย์ แต่ก็มีความหลากในเผ่าพันธุ์ยิ่งกว่าเรา เช่นบางชนเผ่ามีผิวสีฟ้า บ้างมีเกล็ด หรือบ้างก็มีใบหูยาวและดวงตาเหมือนแมว มันอาจจะเป็นการกลายเป็นพันธุ์ทางดีเอ็นเอเพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อม แต่โดยรวมแล้วประชากรแทบทั้งหมดยังคงคล้ายมนุษย์เรามาก

ผมเคยสัญนิษฐานว่ามันอาจเป็นเพราะดีเอ็นเอของทีมสำรวจที่ตายไป แล้วโดนกลืนกินไปกับท้องทะเล มันเลยทำให้เกิดการวิวัฒนาการแบบนี่ขึ้นมาได้ แต่สุดท้ายผมก็ต้องปัดตกไป เพราะโอกาสที่มันจะเกิดขึ้นนั้นน้อยนิดมาก และไม่ควรวิวัฒนาการได้เหมือนกันกับพวกเราราวกับถอดแบบกันมาขนาดนี้

เรื่องนี่ทำให้ผมกลุ้มใจ บางอย่างไม่ถูกต้อง ผมต้องสาวไปให้ถึงต้นตอ

 

บันทึกครั้งที่ 43, 8x,xxx กว่า ปีหลังการจำศีลครั้งแรก 

ระบบนับเวลาเสียหาย… ผมคำนวณไม่ได้แล้วว่ามันนานขนาดไหน 

คราวนี่ไคโรเจนพาผมหลับนานกว่าที่กำหนดเอาไว้มาก… มากจนเกินไป

อวัยวะภายในผมเสื่อมสภาพหนักมาก ผมต้องเปลี่ยนมันทั้งหมดเป็นไบโอ-โรโบติก

ผมกำลังกลายเป็นไซบอร์กอย่างช้าๆ…

 

บันทึกครั้งที่ 44, 8x,xxx กว่า ปีหลังการจำศีลครั้งแรก 

ทีแรกผมคาดคิดว่ามนุษย์ในดาวดวงนี่จะเริ่มพัฒนาอารยธรรมไปไกลแล้ว

ทว่าผมคิดผิด… ผิดถนัดเลย

เพราะธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ขนาดดวงดาวที่กว้างกว่า ทั้งความหลากหลายทางชีวภาพ และพลังงานประหลาดที่ศาสตราจารย์อะไรสักอย่างที่ผมลืมไปแล้วเคยให้ชื่อว่า ‘แอสตรัล’ สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นของดาวดวงนี่เลยอันตรายมาก พวกมันแข็งแกร่ง สัตว์นักล่าดุร้าย และมีสิ่งมีชีวิตระดับผู้ล่าขั้นสูงสุดที่อันตรายกว่าดาวโลกหลายพันเท่า

สิ่งมีชีวิตบางชนิด ถึงกับสามารถทำลายทั้งเกาะได้เพียงแค่เดินผ่านด้วยซ้ำ

และที่สำคัญ… คือพวกพาเรล

พวกมันกลับมาแล้ว เหมือนที่สหพันธ์โลกถูกโจมตี โอลิวอร์ต-ไนน์ค้นพบรอยแยกมิติขนาดยิบย่อยทั่วดาวโคลด์ฮาร์เบอร์ และพวกพาเรลไม่เคยสนใจสัตว์ท้องถิ่นเลยด้วยซ้ำ

มันออกล่าแค่มนุษย์… แค่มนุษย์เท่านั้น

และเพราะแบบนั้น อารยธรรมของดาวดวงนี้เลยล้มสลายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน มนุษย์เกือบต้องสิ้นเผ่าพันธุ์จนต้องหลบอยู่ในเงามืด พยายามสร้างอารยธรรมกลับขึ้นมาหลายครั้ง ทว่าก็ล้มสลายไปอีกหลายคราว

ทั้งพาเรลและสัตว์นักล่าของดาวดวงนี้… มันคือต้นเหตุสำคัญที่ทำให้การพัฒนาทางอารยธรรมของดาวดวงนี้หยุดชะงัก รีเซ็ตใหม่ และถึงขนาดต้องเริ่มจากศูนย์ใหม่อยู่เสมอ 

มันวนเวียนไปเช่นนั้นหลายครั้ง หลายยุคสมัย ในตลอดช่วงเวลาที่ผมจำศีลยาวกว่าสี่หมื่นปี

แต่ไม่มีอะไรที่พวกเขาทำได้… ผมเองก็ไม่อาจทำอะไรได้

ผมรู้สึกได้เลย… ต่อให้เข้าห้องไบโอรักษามากี่รอบ ต่อให้เปลี่ยนอวัยวะมากี่ครั้ง ต่อให้ต้องปรับแต่งด้วยโรโบติกอีกสักกี่หน

ร่างกายของผม… มันได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว

 

บันทึกครั้งที่ ???, 1xx,xxx ปีหลังการจำศีลครั้งแรก

แทบไม่มีอะไรที่บ่งบอกถึงตัวผมหลงเหลืออีกแล้ว

นอกจากสมองเพียงสามสิบเปอร์เซ็น… ผมได้กลายเป็นไซบอร์กอย่างสมบูรณ์

แต่มันไม่สำคัญอีก ไม่อีกแล้ว

ผมรู้สึกได้ถึงบางสิ่ง… อำนาจโบราณบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังดาวดวงนี้

ใช่… ต้องใช่แน่ๆ เจ้าวพวกนี้ โบราณสถานของอารยธรรมโบราณที่ผมมองข้ามมาโดยตลอด

มันอยู่มาก่อนเราเป็นล้านปี และตอนนี่มันก็ยังคงยืนหยััดอยู่เหมือนเดิม ทั้งที่สิ่งก่อสร้างของเราย่อยสลายหายไปนานแล้วตั้งแต่เกือบล้านปีก่อน

มันมีอำนาจบางอย่าง… บางสิ่งที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี่

ผมกลัวมาตลอดที่จะออกไปด้านนอก

แต่ไม่อีกแล้ว

ไม่อีกต่อไป….

 

บันทึกครั้งสุดท้าย,

ผมจะไม่กลับมาที่นี่อีก และจะออกไปข้างนอกนั้นจนกว่าจะหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี่ได้ 

ต่อให้สุดท้ายตัวผมจะกลายเป็นเพียงข้อมูลดิจิตอลสมบูรณ์แม้แต่จิตใจก็ตาม

มนุษย์ดาวดวงนี่ค้นหาวิธีต่อกรกับเหล่าสัตว์นักล่าได้ในที่สุด อาจเพราะวิวัฒนาการ หรือเหตุผลใดก็ตาม ชนกลุ่มน้อยในหมู่พวกเขาสามารถหาวิธีใช้งานพลังงานแอสตรัลได้ และนำพลังนั้นมาปกป้องตัวเองจากพวกพาเรล

มันเป็นสิ่งที่แม้แต่ผม หรือทีมวิจัยของโอลิวอร์ต-ไนน์ก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

และตอนนี่เอง เพราะ ‘ผู้ใช้แอสตรัล’ ช่วยต่อกรกับภัยคุกคาม เมืองต่างๆก็กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นมาในทวีปใหญ่ อารยธรรมของมนุษย์พลันเริ่มถือกำเนิดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะออกเดินทาง

ผมนำของจำเป็นทุกอย่างไปด้วย แต่ก่อนจากไปผมได้สั่งให้หุ่นบอทเอไอปรับปรุงที่นี่ด้วยทรัพยากรทั้งหมดที่นี่ สภาพมันแย่มาก แต่ก็ควรจะอยู่ต่อไปได้อีกสักห้าพันถึงหนึ่งหมื่นปี และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลควรจะอยู่ไปได้อีกนานยิ่งกว่านั้น

และใครก็ตามที่ค้นพบที่แห่งนี่ หากคุณมีดีเอ็นเอของมนุษย์โลก หรือมีเครื่องมือที่เหมาะสม มันควรจะเปิดให้คุณทันที และข้อมูลทั้งหมดในนี่จะเป็นของคุณ

ผมจะไม่กลับมาที่นี่อีก 

และไม่ว่าคุณจะมาอยู่ที่นี่ด้วยวิธีใดก็ตาม

ผมขอให้คุณโชคดี, 

-ดร. โดมินิค, ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายแห่งยานโอลิวอร์ต-ไนน์

 

*****

 

“…” บาร์ตันยืนอยู่หน้าประตูสถานี เงยหน้ามองท้องฟ้ายามราตรีที่เต็มไปด้วยแสงออโรร่าสีฟ้ามรกต

นอกจากข้อความ กับไฟล์แบบแปรนวิทยาการเล็กๆน้อยๆที่พอเก็บกู้ได้จากเซิร์ฟเวอร์ มันแทบไม่มีอะไรเหลือในสถานีอีกต่อไป 

เป็นเพียงสุสานที่ว่างเปล่าเท่านั้น

ครั้งหนึ่งมันอาจเคยเป็นสถานที่แสนไฮเทคและล้ำสมัย ทว่าบัดนี้มันเหลือเพียงเศษซากโลหะและสนิม… ของที่สำคัญคงถูกนำออกไปหมดแล้ว

ดูเหมือนว่าหลังจากที่ ดร. โดมิินิคจากไป ที่นี่คงถูกทิ้งร่างมานานแล้วนับหมื่นปี เหลือเพียงแค่ข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์เท่านั้นที่ยังเหลือรอดมาได้

แต่มันไม่สำคัญหรอก… สิ่งสำคัญคือเขาได้รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“สองล้านเจ็ดแสนปี…” บาร์ตันถึงกับหัวเราะ ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้า สูดอากาศที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่าดาวทอทูรัส หรือแดนใต้ขยะที่เขาเติบโตมา

พวกเราเคยวาดฝันถึงสถานที่แบบนี่มาตลอด

ถ้าพวกนายยังอยู่ด้วยก็คงดี… 

กฤษณะ… อาเนียร์…

“โอกาสเริ่มต้นใหม่… สินะ?” เด็กชายกล่าว ก่อนจะเดินจากสถานีไป ไม่หันหลังกลับไปมองข้างหลังอีกเป็นครั้งที่สอง

โดมินิคอาจต้องการกลับโลกใบเดิม… 

ทว่าอีกฝากของรอยแยกมิตินั้น มันไม่มีที่สำหรับบาร์ตันอีกต่อไปแล้ว

โลกนี่คือดินแดนใหม่สำหรับเขา… อาจจะเริ่มต้นได้ไม่ดีนัก แต่ก็ดีกว่าอีกฝากที่ไม่เหลือสิ่งใดที่เขารู้จัก

‘สัญญานะ ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราคนใดคนหนึ่ง’

‘คนที่ยังรอด… ต้องเดินหน้าต่อ แล้วมีชีวิตรอดต่อไปให้ได้นะ!’

เด็กชายยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเสียงของเพื่อนๆลอยมา ก่อนจะก้าวเท้าลงเนินเขา มุ่งหน้าสู่ทิศใต้ 

และที่สุดสายตานั้นเอง ปรากฏแนวต้นไม้สูงใหญ่ที่เขาพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต ตัดกับแสงออโรร่าที่กำลังเริงระบำบนท้องฟ้า และสายน้ำลำธารเรือนแสงสีฟ้าอ่อน ขับทั้งผืนป่าไปด้วยประกายแสงสลัว

บาร์ตัน แบล็คฮาร์ท… เด็กชายได้ก้าวเดินเข้าสู่โลกใหม่ 

สู่ดินแดนที่มีความลับมากมายให้ค้นหา…

*****