เวลานับถอยหลัง ศัตรูเก่าหวนคืน อสูรหกตาไล่ล่าข้ามโลกที่ไม่ปรากฏ เด็กชายอายุเพียงแค่สิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเป็นผู้ล่า ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเพียงเหยื่อที่ไร้ทางสู้

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk] - ตอนที่ 14 บอส โดย Vsrin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ไซไฟ,พารานอมอล,ผจญภัย,แฟนตาซี,ผจญภัย,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ไซไฟ,พารานอมอล,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ผจญภัย,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk] โดย Vsrin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เวลานับถอยหลัง ศัตรูเก่าหวนคืน อสูรหกตาไล่ล่าข้ามโลกที่ไม่ปรากฏ เด็กชายอายุเพียงแค่สิบเอ็ดพลันต้องเรียนรู้โลกใหม่เพื่อเป็นผู้ล่า ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเพียงเหยื่อที่ไร้ทางสู้

ผู้แต่ง

Vsrin

เรื่องย่อ

 

“พวกมันหิว พวกมันกระหาย ความสิ้นหวังของมนุษย์คืออาหารที่มันปรารถนาเจียนตาย และเมื่อมันเสพสมจนพอใจ... มันก็ทำให้ความฝันอันโหดร้ายหลั่งเลือดออกมาเป็นความจริง” - ทหารโดมิเนี่ยน, กล่าวถึงพาเรลในแดนมืด

 

นิยายแนวผจญภัย - ไซไฟ ผสมแฟนตาซี (และสตีมพังค์)

สารบัญ

Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 1 เด็กใต้ขยะ,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 2 พาเรล,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 3 ศูนย์สอง,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 4 รอยแยกมิติ,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 5 พาเรล เจเนซิส,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 6 โลกใบใหม่... โคลด์ฮาร์เบอร์,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 7 สูญเสีย,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 8 สถานีรีเลย์,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 9 โลกแห่งแอสตรัล,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 10 ป่าเรือนแสง,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 11 ทหารโดมิเนี่ยน,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 12 ถ้ำ ดาบ หยดน้ำ และร่างหิน,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 13 ทักษะจากบทเรียนอันแสนเจ็บ,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 14 บอส,Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 15 สัตว์นักล่า (1/2),Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 16 สัตว์นักล่า (2/2),Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 17 ไอร์นา อเมร์ริณ (1/2),Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 18 ไอร์นา อเมร์ริณ (2/2),Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 19 เมืองแห่งไอน้ำ (1/2),Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 20 เมืองแห่งไอน้ำ (2/2),Astral Break มิติมนตรา ราชาสีดำ [Steampunk / Magicpunk]-ตอนที่ 21 แขนและเหล็ก

เนื้อหา

ตอนที่ 14 บอส

วันเวลาผ่านไป โชคดีที่โถงถ้ำโซนนี้มีขนาดใหญ่ บาร์ตันสามารถแบ่งพื้นที่ต่างๆชัดเจนมากขึ้น

บริเวณหน้าทางเข้าคือพื้นที่พักผ่อน เด็กหนุ่มสามารถหาฝืนได้จากรากไม้แห้ง น้ำเองก็ไม่ได้มีปัญหาเท่าไหร่นัก จะติดอย่างเดียวก็ตรงอาหาร นอกจากเจ้า ‘ส้มเบอรรี่’ นั้นจะมีจำนวนจำกัดไม่พอ เขาค้นพบว่าพวกกระต่ายมีปีกในถ้ำแห่งนี้ยังล่าได้ยากกว่าข้างนอกมากเพราะมีช่องรูให้หนี 

สุดท้ายชายหนุ่มก็เรียนรู้ที่จะสร้างกัปดัก ใช้ผลไม้เป็นเหยื่อล่อ กับต้องถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่าพันด้วยเสื้อที่ฉีกออกมา ฝึกย่องเบาในถ้ำที่มีเสียงสะท้อน แรกๆก็พลาดอยู่หลายรอบ แต่พอนานวันเข้าก็เริ่มชำนาญและประชิดพวกกระต่ายได้ก่อนที่มันจะรู้ตัว

บาร์ตันไม่ได้ชื่นชอบการฆ่า แม้จะผ่านมานับปีแล้วก็ตาม แต่เขาก็เรียนรู้มานานแล้วว่าบางครั้งมันก็เป็นสิ่งที่จำเป็น

นี่ไม่ใช่โลกใต้ขยะ เขาไม่สามารถทำเพียงแค่หาอะไหล่ไปขายแลกอาหารได้อีกต่อไป

ในโลกใบนี่… หากไม่กิน ก็ต้องถูกกิน และหากอยากรอดชีวิต การล่าสัตว์ก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

นอกจากล่าสัตว์แล้ว บาร์ตันไม่ลืมที่จะฝึกฝนตัวเอง วางแผน ท้าทายพวก ‘ผู้พิทักษ์’ ที่ยืนเฝ้าเส้นทางข้างหน้าอยู่เป็นประจำ และทุกครั้งเขาก็จะสลบเหมือบ แล้วถูกแบกลับมาจุดเริ่มต้นใหม่ และต้องใช้เวลานับวันเพื่อฟื้นตัวทุกครั้งที่บาดเจ็บ

มันไม่ฆ่าบาร์ตัน แต่ก็ใช่ว่าเขาจะตายเพราะมันไม่ได้ หากไม่ระวัง แรงปะทะศีรษะหรือจุดตายแค่ครั้งเดียวก็มากพอแล้วที่จะส่งบาร์ตันไปปรโลก

ส่วนใหญ่แล้วเด็กหนุ่มจะพยายามสู้จนถึงที่สุด เรียนรู้และศึกษาจากพวกมันให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เขาเองค้นพบว่าการถอยนั้นไม่ใช่ทางเลือก เมื่อทันทีที่เข้าไปท้าทาย พวกมันจะตามล่าเขาทันทีไม่ว่าจะหนีไปที่ไหน แล้วจะไม่ยอมหยุดจนกว่าเขาจะสลบ หรือทรุดหมดแรงจนไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป พวกมันถึงจะปล่อยเขาไปแต่โดยดี

แม้บางครั้งจะใช้เวลาหลายวันในการฟื้นตัว บางครั้งเป็นสัปดาห์ ทว่าเด็กชายเองก็ค้นพบว่าร่างกายของตนเองพื้นตัวเร็วขึ้นทุกครั้งที่บาดเจ็บ พอผ่านไปเกือบเดือน บาดแผลบางจุดก็หายสนิทจนไม่ทิ้งไว้แม้แต่ร่องรอยแผลเป็นเลยด้วยซ้ำ

มันไม่ใช่สิ่งปกติสำหรับคนทั่วไป แม้แต่ตัวเขาในสมัยที่อยู่อาณานิคมทอร์ทูรัสก็ไม่ได้เป็นแบบนี่

บาร์ตันมั่นใจแล้วว่าร่างกายเขาเปลี่ยนแปลงไปตั่งแต่ลงมายังโลกใบนี่ เขาเองเชื่อว่าทั้งอาหารการกินและสิ่งรอบกายเช่นธรรมชาติและพลังงานแอสตรัล ร่างกายของเขาก็ปรับเปลี่ยนตามสิ่งแวดล้อมจนเกิดการวิวัฒนาการ

และที่สำคัญที่สุด… อาจเป็นเพราะหลังจากวันนั้น วันที่เขาพุ่งผ่านรอยแยกมิติ พบกับเอนทิตี้ประหลาดราวกับดวงอาทิตย์ แล้วกระชากบางสิ่งติดตัวเขามา

เพราะคลื่นพลังงานแอสตรัลประหลาดนั้น ร่างกายของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนั้น… และแขนขวาของเขาที่แข็งแกร่งเกินธรรมดาก็เป็นสิ่งยืนยัน

“จะว่าไป… แขนเรากันกระสุน แถมกลืนกินพลังงานแอสตรัลของคนพวกนั้นได้ สุดท้ายมันจะส่งผลไปทั้งตัวเลยรึเปล่า?” บาร์ตันครุ่นคิด เขาคิดว่ามันเป็นไปได้สูง ทว่าสุดท้ายก็ต้องส่ายหน้า ข้อมูลที่เขามีนั้นมันน้อยเกินกว่่าจะได้ข้อสรุปใดๆ และจนถึงทุกวันนี่ ความแข็งแกร่งเหนือธรรมชาตินั้นก็ยังเป็นแค่ที่แขนขวาของเขาจุดเดิมเท่านั้น

ในเวลาปกติ… มันเป็นแค่แขนธรรมตา มีสัมผัสและกล้ามเนื้อเหมือนปกติทุกอย่าง

แต่หากชกกำแพง หรือเอาดาบมาทุบมาฟัน มันกลับแข็งแกร่งจนไม่อาจมีอะไรทำอันตรายได้

วันเวลาผ่านพ้น ชายหนุ่มใช้เวลาวางแผนล่วงหน้าก่อนเริ่มท้าทายด้วยความระมัดระวังมากขึ้น เขาสามารถเอาชนะหุ่นหินสามตัวได้ในที่สุด ก่อนจะพบว่าห้องถัดไปนั้นมีถึงห้าตัว แถมมีอาวุธที่หลากหลายมากกว่าเดิม มีแม้กระทั้งหน้าไม้หินหัวกลมที่โดนยิงอัดทีก็ต้องกระอักเลือก และเขาต้องใช้เวลาวนเวียนอยู่ในห้องนี่นานนับเดือนกว่าจะเอาชนะได้ 

แล้วก็ต้องพบว่ามันยังมีห้องถัดไปที่แม้จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาไม่พอ มันยังมีหุ่นสัตว์หินสลักที่คล้ายคลึงกับพวกพาเรลอีกต่างหาก

เขารู้ได้ทันทีเลยว่าตนเองคงต้องติดอยู่ที่นี่ไปอีกนาน

 

*****

 

ใต้ดินนี้ไม่อาจนับเวลาได้… สิ่งเดียวเท่านั้นที่พอบอกเวลาเช้าเย็นให้บาร์ตันรู้คือใบไม้จากรากสีขาว เพราะมันจะส่องสว่างมากกว่าปกติเป็นพิเศษเมื่อถึงช่วงเวลาราวๆเที่ยงคืน

บาร์ตันคิดว่าตนเองติดอยู่ในนี่ไม่ใช่แค่สามสี่เดือน 

แต่มันนานเกือบสิบเดือนแล้ว 

ภายในถ้ำที่มืดสลัว คนปกติคงถึงกับเสียสติไปนานแล้ว ทว่าเด็กชายที่เคยชินกับความมืดในแดนใต้ขยะนั้นไม่ได้มีปัญหาเสียเท่าไหร่ เขาเรียนรู้มานานแล้วว่าไม่ว่าจะเกิดอะไร เพียงแค่ตัดความคิดที่จะทำให้ตัวเองจิตตกออกไป แล้วมุ่งเป้าไปที่การเอาชีวิตรอด แค่นั้นก็เพียงพอ

ทำสิ่งที่ตัวเองทำได้

สองปีกว่า… เกือบสามปี นั้นคือเวลาที่ติดอยู่ในโลกนี่ ผมขาวแซมดำตอนนี่ยาวเกือบถึงกลางหลัง ร่างสูงขึ้นอีกพอสมควร กางเกงตัวยาวที่ใส่มาตั้งแต่ดาวทอร์ทูรัสเองขาดวิ้นจนกลายเป็นกางเกงขาสั้น รองเท้าบูทนั้นถูกถอดทิ้งไว้เพราะเริ่มคับจนใส่เดินไม่สะดวก เสื้อกล้ามเองถูกฉีกออก เอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นมานานแล้ว เผยให้เห็นร่างเพรียวบางของเด็กหนุ่มที่อายุย่างเข้าสิบสี่สิบห้าปี 

จากเด็กชาย ก็ได้กลายเป็นเด็กหนุ่ม

ทว่า แม้จะยังดูร่างเล็ก ผอมเพรียว และมีผิวที่ค่อนข้างซีด แต่ก็ปรากฏกล้ามเนื้อชัดเจน มันเป็นผลลัพธ์จากการฝึกฝนและเคลื่อนไหวต่อสู้กับพวกหินอยู่ทุกวี่วัน เด็กหนุ่มเองค้นพบว่าการเคลื่อนไหวของตนนั้นเฉียบคมขึ้นมาก ติดขัดน้อยลง และสามารถขยับตัวได้ลื่นไหลดั่งใจนึก 

เขาไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าคนปริศนาที่เขาเกือบลืมไปแล้วปล่อยหย่อนเขามาในนี่ด้วยจุดประสงค์อะไร แต่บาร์ตันก็อดขอบคุณไม่ได้เลยจริงๆ

จะติดอย่างเดียว… ก็คือต้องหาทางออกไปจากที่นี้ให้ได้ และห้ามตาย

ไม่เช่นนั้นทุกอย่างที่ทำมาจนถึงทุกวันนี้ คงเสียเปล่า

บาร์ตันถอนหายใจ ก่อนจะหยิบเสื้อแจ็คเก็ตหนังตัวใหญ่ที่มีตรากะโหลก แม้จะโตขึ้นขึ้นบ้างแต่เจ้าเสื้อตัวนี้ใส่กี่ทีก็ยังโคร่ง มันเป็นสมบัติเพียงหนึ่งเดียวที่ติดตัวเขามาตั้งแต่ก่อนเสียความทรงจำ และยังคงอยู่เคียงข้างเขามาจนถึงทุกวันนี้

ชายหนุ่มใช้เปลือกไม้สอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและช่องว่างต่างเกราะกำบัง รูดซิบ ก่อนจะพันเปลือกไม้แบบเดียวกันไว้กับขาทั้งสองข้าง แล้วออกไปท้าทายพวกหุ่นหินอีกครั้ง

เขาจำไม่ได้แล้วว่ามันครั้งที่เท่าไหร่ เขาเลิกนับไปนานหลังผ่านไปรอบที่สองร้อย การวิเคราะห์และศึกษาการเคลื่อนไหวของพวกมันเองวาดไปเต็มผนังหิน 

จากเด็กที่เคยวาดรูปได้แค่ก้างปลา ตอนนี่บาร์ตันใช้ของแหลมสเก็ตภาพเหมือนจริงได้แล้วด้วยซ้ำ มันเป็นหนึ่งในกิจกรรมไม่กี่อย่างที่บาร์ตันทำได้ระหว่างฟื้นตัวแล้วไม่รู้จะทำอะไร

และอีกครั้ง และอีกครั้ง และอีกครั้ง บาร์ตันบุกเข้าไปลึกขึ้น และนานวันเข้าเด็กชายก็ใช้เวลาน้อยลงในแต่ล่ะห้อง เรียนรู้ที่จะวางแผนล่วงหน้า ใช้สภาพแวดล้อมให้เป็นประโยชน์ แม้จะมีหลายครั้งที่สะบักสะบอมอยู่บ้าง ทว่าความทรหดที่ได้มาจากการโดนน็อคอยู่หลายรอบก็ช่วยเขาเอาไว้ได้มหาศาล

เส้นทางภายในเองเริ่มซับซ้อน มันแยกไปได้หลายทาง มีบางพื้นที่ที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ทว่าเด็กหนุ่มก็ไม่ได้หลบผู้พิทักษ์ที่ดูอันตราย เมื่อตอนนี่ทักษะของตนเองเริ่มถึงระดับที่สามารถจัดการหุ่นหินร่างคนได้อย่างไม่ยากเย็น ความสูงที่เพิ่มขึ้นของเขาเองช่วยให้เขาก้าวหลบด้วยระยะที่มากขึ้น

ทว่า ส่วนที่ยากที่สุดคือพวกหุ่นพาเรลต่างหาก 

 

*****

เปรี๊ยง--!!

ในห้องกว้างขนาดใหญ่ หุ่นหินพาเรลขนาดเท่าม้าถูกดาบสะบั้นขาทั้งหกของมันจนแหลก ก่อนจะจบลงที่บาร์ตันเหยียบหลังแล้วแทงดาบทะลุแกนกลางที่เป็นดั่งหัวใจ กระจุไฟฟ้าและแสงแอสตรัลสีฟ้าทองนั้นระเบิดไปรอบข้าง เศษหินปลิวกระจาย ก่อนร่างหินนั้นจะแน่นิ่งไปในที่สุด

“แฮ่ก… แฮ่กก…”

ลมหายหายใจหอบรวนริน เลือดไหลจากหน้าผาก เสื้อแจ็คเก็ตตัวเดียวที่มีขาดวิ่น รอบข้างเองเต็มไปด้วยซากมนุษย์หินอีกหกร่าง และอีกหลายร่างที่ถูกทำลายไปแล้วก่อนที่เขาจะท้าทายรอบล่าสุดนี้

“นั้นเกือบไปแล้ว…” เด็กหนุ่มหอบหายใจแรง การท้าสู้กับพวกหุ่นพาเรลนั้นอันตรายกว่ามาก ถ้าพลาดสักทีแล้วโดนกรงเล็บมันตะบบเข้าท้องก็อาจจะเลือดคั่งในตายได้ในทันที

เด็กชายดึงดาบที่เริ่มทื่อ ก่อนจะนั่งพักบนร่างพาเรลที่ไม่ขยับ เงยหน้ามองไปด้านในก็ต้องถอนหายใจ เมื่อกำแพงหินนั้นเริ่มเปิดทางไปต่อให้เขาอีกครั้ง

‘เมื่อไหร่จะสิ้นสุดสักที’

บาร์ตันเช็ดเลือด ใช้สมุนไพรกับใบไม้ที่หาได้ทำแผลชั่วคราว นั่งนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินต่อไปด้านใน พบกับห้องมืดที่แทบไม่มีแสงสว่างจากใบไม้ ตรงกลางเองปรากฏลานหินแปดเหลี่ยมที่มีของสองสิ่งวางเอาไว้

หนึ่งคือดาบ… ปักไว้กลางลาน แต่มันเป็นคนล่ะประเภท เล่มยาวและหนากว่าเก่า ใบดาบเองมีความกว้างมากกว่าเดิม อาจเรียกได้เลยว่าเป็นดาบใหญ่ ช่วงด้ามดาบเองปรากฏกระบังมือครอบเป็นเหล็กตรงๆคอยป้องกันมือเอาไว้

และตรงพื้นหน้าดาบใหญ่เล่มนั้นเอง… แขนเทียมไม้อีกข้างวางไว้อยู่ตรงนั้น

“เจ้าคนประหลาดนั้น…” บาร์ตันถึงกับถอนหายใจแรง สงสัยจริงๆว่าคนที่ลักพาตัวเขามามันโรคจิตหรือยังไง?

เขาได้อะไรจากเรื่องนี่? หรือเห็นเขาดิ้นรนข้างล่างนี้เป็นแค่เรื่องสนุก?

ยังไงก็ตาม เด็กหนุ่มเลิกสนใจ เขางมๆแขนเทียมอันเก่าที่เริ่มเล็กกว่าตัว ถอดมันออกได้เหมือนที่เคยตรวจสอบมาแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนจะนำแขนอันใหม่มาใส่ เขารู้สึกชักกระตุกเล็กน้อยเมื่อเริ่มเชื่อมต่อ เส้นแสงแอสตรัลสีฟ้าเองไหลเวียนไปตามข้อต่อพร้อมสัมผัสเย็น บาร์ตันพลันค้นพบว่ามันพอดีตัวกว่าอันเก่ามาก พูดได้เลยว่าขนาดเท่ากับแขนขวาที่เติบโตขึ้นมาของเขาแล้ว

มันทำให้เขาใจคอไม่ดีเลยจริงๆ ราวกับถูกเฝ้ามองอยู่ตลอดเวลา ทว่าพอสังเกตว่าฝุ่นมันเกรอะทั้งดาบและแขนราวกับมันวางทิ้งไว้มานานแล้วแรมปี เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าคนลักพาตัวนั้นได้วางแผนไว้แต่แรก

มั่นใจแต่แรกแล้วสินะ… ว่าเขาจะดิ้นรนมาถึงตรงนี่ได้โดยไม่ยอมแพ้?

บาร์ตันไม่รู้หรอกนะว่ามันเป็นใคร หรือต้องการอะไร

แต่ถ้าเจอกันอีกครั้งล่ะก็ เขาอยากจะซัดหมัดใส่หน้าเข้าสักป๊าบ

ชายหนุ่มถอนหายใจแรง ดึงดาบนั้นขึ้นมาจากพื้น ผนังทางไปต่อก็พลันเลื่อนเปิดออก ทว่าชายหนุ่มที่เพ่งอยู่กับการยกดาบก็ต้องกัดฟันกรอด เพราะมันหนักมาก อาจจะสักสิบห้าถึงยี่สิบกิโลกรัมได้ เป็นของที่คนธรรมดาในโลกเก่าคงไม่มีทางยกไปฟันอะไรได้ง่ายๆ

ทว่าบาร์ตันก็ยกได้… อาจจะลำบากอยู่บ้างในการกวัดแกว่ง แต่เด็กชายเชื่อว่าด้วยเวลา เขาจะสามารถใช้มันจนเคยชินได้ในที่สุด

เห็นเช่นนั้นเด็กหนุ่มก็สำรวจ ใบดาบมันกว้างมาก มีคมเดียว และพบว่ามันมีความยาวพอๆกับส่วนสูงตนเอง ใบดาบเองมีความโค้งไปถึงปลาย 

ดูแล้วคงดีไซน์ไว้ใช้สำหรับการฟันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ใช่แทง

เขาเห็นแล้วก็สูดลมหายใจ แล้วยกมันพาดไหล่  ตัวเหล็กสีเทาเงินเองให้สัมผัสเย็นเยียบไปถึงกระดูก

บาร์ตันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังส่วนลึก เดินตามทางแคบๆไม่นานก็พบทางออก ก่อนจะมองลงไปด้านล่าง แล้วพบกับโถงถ้ำทรงแปดเหลี่ยมขนาดมโหฬาร มันเป็นพื้นที่กว้างไม่มีสิ่งกีดขวาง และบางสิ่งที่นอนอยู่ตรงกลางลานนั้นก็ทำให้ดวงตาของเด็กหนุ่มสั่นไหว

‘พูดเป็นเล่นน่า…’ เขาย่อตัวหลบลงต่ำแทบจะไม่ทัน ต้องควบคุมอารมณ์ฉับพลัน แล้วต้องด่าแช่งเจ้าคนที่ลักพาตัวเขามาที่นี่อยู่ในใจ

ลานกว้างนั้นเต็มไปด้วยเศษหินจากหุ่นกลที่ถูกทำลาย และที่ตรงกลางลานนั้นเอง พาเรลหมาป่าหกขาผิวเป็นเกล็ดกำลังนอนขนตัวหลับอยู่ และมันไม่ใช่แค่หุ่น ทว่าเป็นพาเรลตัวเป็นๆที่มีชีวิต มีลมหายใจ แถมยังตัวใหญ่สูงเกือบห้าเมตร

อาจจะไม่ตัวใหญ่เท่าตัวที่เขาเจอในป่าเมื่อปีก่อน ทว่าเด็กชายนั้นรู้ฤทธิ์ิเดชของมันดี ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นพาเรลประเภทเดียวฆ่าเพื่อนสนิทของตนไปต่อหน้าต่อตา ด้วยการตะวัดกรงเล็บหน้าของมันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

แต่เจ้าตัวนั้นยังเล็กกว่าเจ้าบ้านี่อีกด้วยซ้ำ!

บาร์ตัดคิดแล้วก็ต้องมือสั่น เมื่อภาพวันนั้นหวนคืนกลับมา

“!?” ใบหูเป็นครีบของมันกระดิก ผิวเกล็ดสีน้ำเงินม่วงเกิดแสงแอสตรัลกระเพื่อม ดวงตาของมันปรือขึ้นเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นจิต บาร์ตันพลันต้องควบคุมอารมณ์ ก่อนจะต้องรีบถอยกลับเข้าไปในโถงถ้ำทันที

ไม่มีทางที่เขาจะสู้กับมันได้ในตอนนี่

เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าโรคจิตนั้นถึงเอาแขนใหม่กับดาบใหญ่มาให้เขา

เพราะด้วยดาบเล่มเก่า มันไม่มีทางเลยที่คมดาบที่เริ่มทื่อกับน้ำหนักเพียงน้อยนิดของมันจะทะลวงเกล็ดหนานั้นได้

“ฟู่…” เด็กหนุ่มพิงตัวเองกับผนังหลังถอยกลับมาถึงห้องก่อนหน้า ก่อนจะเหลือบมองดาบหนักที่พิงไว้ข้างตัว “…ดูเหมือนว่าต้องเตรียมการอะไรหลายอย่างเลยสินะ”