เมื่อมือสังหารต้องเลือกเส้นทาง… ระหว่างความถูกต้องกับความแค้น หยาดเลือดจะเป็นตัวตัดสิน!
ไซไฟ,ลึกลับ,แอคชั่น,สงคราม,จิตวิทยา,สืบสวนสอบสวน,ดราม่า,สายลับ,แวมไพร์,พล็อตสร้างกระแส,แอ็คชั่น ,แอ็คชั่น,สงคราม,สงครามโลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วันที่ 24 กันยายน เวลา 7 นาฬิกา ในหอพักของสายลับ เซเรียตื่นขึ้นมา พบว่าฟรานซิส มานอนข้างเธอ เซเรียสะดุ้งตกใจ รีบเอาหมอนฟาดหน้าท้องของเขาทันที่
—ปึง!!!
“แอ่ก!!” ฟรานซิสเจ็บและสะดุ้งตื่นทันที
“อะไรของเธอเนี่ย เซเรีย!?”
“นายนั่นแหละ ทำไมมานอนอยู่ที่ห้องฉันล่ะ!?”
ก่อนที่ฟรานซิสจะได้พูด เซเรียได้สังเกตปากของเขา พบว่ามีเขี้ยวยาวแหลมคมเหมือนแวมไพร์ เซเรียเลยถามกลับต่อ
“รุ่นพี่ เป็นแวมไพร์เหรอ!?”
“เป็นลูกครึ่งน่ะ แม่ฉันเป็นแวมไพร์” ฟรานซิสตอบ “แต่ว่านะ เมื่อวานยังเรียกชื่อฉันแบบไม่มีคำนำหน้าเลย ทำไมวันนี้ถึงเรียกแบบเดิมล่ะ”
“มันชินไปแล้วอ่ะดิ” เซเรียตอบกลับ
“ช่างเถอะ เมื่อวานนี้ เธอหมดสติไปจากการร้องไห้ออกมาน่ะ พอถึงองค์กร เธอไม่ยอมตื่น ฉันเลยต้องอุ้มเธอมาที่ห้องฉันน่ะสิ”
“เอ๊ะ!?” เซเรียเริ่มจะพอเข้าใจสถานการณ์ได้ แต่เธอก็ต้องมาหน้าแดง เพราะ ฟรานซิสได้พูดออกมาอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอหน้าแดงเหมือนมะเขือเทศ
“แต่หน้าเวลาเธอนอนนี่น่ารักชะมัด ฉันเลยให้อภัยได้”
“หนวกหูน่า!!”
ฟรานซิสแอบขำเบาๆ ก่อนที่จะพูดเรื่องสำคัญอีกอย่าง
“เออ ใช่ ทางเบื้องบนมีคำสั่งน่ะ”
“คำสั่งเหรอ?” เซเรียถาม
“ตอนเที่ยงวันนี้จะมีการพิพากษาคดีของอดีตสายลับทั้ง 2 คนน่ะ ซึ่งทุกคนในนี้ เสนอให้เธอลงมือประหารชีวิตน่ะ ถ้าคำตัดสินออกมาเป็นแบบนี้อ่ะนะ”
“อืม ได้เลย ฉันจะลงมือประหารชีวิตเอง” พูดจบ เซเรียรีบกลับห้องของตัวเอง เปลี่ยนชุดเป็นเครื่องแบบใหม่ พร้อมติดกิ๊บที่เมแกนให้ที่ฝั่งซ้าย กลายเป็นโฉมใหม่ของเธอ
เที่ยงตรง ทุกคนมุ่งหน้าไปที่ตึกศาลฎีกา ความสูง 5 ชั้น ต่างจากตึกองค์กรที่สูงทั้งหมด 10 ชั้น ไม่รวมชั้นใต้ดินอีก 7 ชั้น เพื่อที่จะไปในห้องพิพากษาคดี ซึ่งอยู่ชั้น 3 ของตึก
ภายในห้อง สูงถึง 3 ชั้น รับรองแขกและเจ้าหน้าที่ได้ถึง 3 แสนคน และมีโดรนถ่ายทอดสด ให้ประชากรโลกได้รับรู้ เนื่องจากองค์กรนี้เป็นองค์กรระดับโลก
สื่อมวลชนจากหลายๆประเทศให้ความสำคัญกับการติดตามสถานการณ์ก่อการร้าย ภายในตกแต่งแบบล้ำยุค ใช้สีขาวสลับกับสีแดงและฟ้านีออน ตรงกลางเป็นโพเดียมสูงประมาณ 1 เมตร 40 เซนติเมตร
พื้นข้างล่าง แบ่งออกฝ่ายได้ชัดเจน สีน้ำเงิน เป็นฝั่งโจทก์หรือผู้กล่าวหา ส่วนฝั่งสีแดง เป็นฝั่งจําเลย หรือผู้ต้องหา ทั้ง 2 ฝั่ง มีโพเดียมสำหรับทนาย อยู่ฝั่งขวาของทุกฝั่ง ส่วนตรงกลาง จะเป็นพื้นสีขาว ไว้สำหรับเบิกพยานหลักฐานเท่านั้น
ฝั่งไรอันและมิชเชล ขึ้นโพเดียมฝั่งพื้นสีแดง ส่วนทางฝั่งของเซเรียและฟรานซิสอยู่ฝั่งสีน้ำเงิน
ทั้ง 2 ฝ่ายต่างถกเถียงกัน จนทำให้เกิดเสียงดังทั่วห้อง โดยเฉพาะ มิชเชล เธอโวยวายเสียงแหลม หาข้อแก้ตัวไม่เลิกกับทุกข้อกล่าวหาของฝั่งสีน้ำเงิน
ถึงแม้ว่าจะมีทนายก็ตาม แต่ไม่สามารถแก้ต่างอะไรได้เลย เนื่องจากฝั่งเซเรียมีหลักฐานมากพอที่จะต่อสู่ในชั้นศาลฎีกา
เพราะตั้งแต่วันที่เธอเข้าสอบสายลับ เธอได้แอบอัดเทปเสียงของไอแซคไว้เพื่อใช้เป็นหลักฐาน และอัดอีกเทปในวันแรกที่เธอเข้ามาทำงานอีกด้วย
ทำให้จำเลยทั้ง 2 โมโหหนักกว่าเดิม จนผู้พิพากษาคดีรู้สึกรำคาญจำเลย จึงสั่งให้ทั้งคู่เงียบทันที และได้อ่านคำตัดสินต่อ
“จำเลย ไรอัน ลูเทอร์ และ มิชเชล ลูเทอร์ จากหลักฐานทั้งหมด พวกคุณมีความเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอรัปชั่นโดยการใช้เส้นสายเข้ามาในองค์กร The Resistor ปกปิดเรื่องหลานชายที่มีพลังต้องห้าม
กดขี่รังแกครอบครัวที่ติดหนี้สินจากการพนันที่ผิดกฎหมาย หมิ่นประมาท และเลวร้ายที่สุด คือ แปรพักตร์ไปอยู่ที่ฝ่ายก่อการร้ายของแวมไพร์อีกด้วย”
ท่ามกลางเสียงฮือฮาของผู้คนและแวมไพร์ที่ดูการถ่ายทอดสดจากศาล ผู้พิพากษาได้อ่านข้อล่าวหาให้สื่อมวลชนฟังทั่วโลก
ทุกคนที่รับชมต่างไม่พอใจกับพฤติกรรมของจำเลย
“ศาลขอตัดสิน ให้ประหารชีวิตทันที โดยการถูกช็อตไฟฟ้า”
หลังจากจบการพิพากษาคดี เซเรีย จำเลยทั้ง 2 คน และกลุ่มเจ้าหน้าที่ทุกคนไปที่ห้องประหารชีวิต ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จะเป็นตึกใต้ดินสูง 3 ชั้น
ชั้นสำหรับประหารชีวิตที่โหดเหี้ยมที่สุด อยู่ชั้นล่างสุดของตึก เจ้าหน้าที่คุมตัวจำเลยทั้ง 2 คน ไปนั่งเก้าอี้เหล็กที่มีที่ล็อคขากับแขน และล็อคคอผู้ต้องหา ทำให้ไม่สามารถขยับได้
ห้องนี้มีระบบระงับการใช้พลังต้องห้าม ถึงแม้จะมีระบบแบบนี้ แต่เพื่อความปลอดภัยและการประหารชีวิตให้ราบรื่น
ทีมแพทย์หน่วยส่งจำเลยประหารชีวิตจึงได้ฉีดยาคลายกล้ามเนื้อสำหรับแวมไพร์ และยาที่ไวต่อการสัมผัส ทำให้ทั้งคู่จะได้รับการสัมผัสที่เหมือนมนุษย์
“คุณอาร์มสตรอง พร้อมไหมครับ”
“ค่ะ ผู้บังคับบัญชาการ”
ไม่รอช้า เซเรียเธอเริ่มประจำการ ประหารซีวิตจำเลยทั้ง 2 คน แต่แทนที่เธอจะใช้อุปกรณ์ที่ทางองค์กรได้จัดเตรียมไว้ เธอเลือกที่จะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาจากตัวเธอแทน
สีหน้าแห่งความแค้นของเธอ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมา ดวงตาว่างเปล่าเหมือนไร้วิญญาณ ได้แผ่พร้อมรังสีอำมหิต แสดงให้เห็นว่าเธอกำลังจะบันดาลโทสะ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นเลย
ความรู้สึกของเธอที่ถูกกลั่นแกล้งมาตลอด 10 ปี ได้เผยถึงความแค้นออกมา
เธอเริ่มจากทรมานจำเลยโดยการเอามีดแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่าซึ่งมีดเล่มนี้ เธอได้ทาน้ำมันพริกกระเทียมไว้ เหมือนที่ไอแซค หลานของพวกเขาเคยทำตอนประถมโดยการใช้คัดเตอร์แทงเข่าของเธอ
เมื่อ 5 เดือนก่อนที่เซเรียจะเรียนจบ เธอได้อ่านงานวิจัยพบว่า การประหารชีวิตแวมไพร์จะต้องใช้น้ำมันพริกกระเทียมเคลือบอาวุธที่ใช้ลงมือประหารชีวิต
ฤทธิของพริกทำให้แผลที่โดนแทงแสบร้อน ส่วนกระเทียมทำให้ระคายเคือง
จากนั้น เธอเอามาแทงไหล่ทั้ง 2 ข้างให้มันช้ำทั้งคู่ เสียงกรีดร้องทรมานของไรอันและมิชเชลดังก้องไปทั่ว ทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่หนวกหูตาม
โชคดีที่เซเรียใส่ที่ครอบหูไว้ เธอเลยไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องจาก 2 คนนี้
เข้าสู่การประหารชีวิตขั้นตอนสุดท้าย การช็อตไฟฟ้า เธอเริ่มรวบรวมอารมณ์ความแค้นจากโศกนาฎกรรมของทุกคนมาเป็นแหล่งพลังงานในการใช้ไฟฟ้า ยิ่งมีความแค้นเยอะ เธอยิ่งปล่อยกระแสไฟฟ้าได้รุนแรงขึ้น
จากนั้น รอบๆห้องประหารชีวิต เต็มไปด้วยแสงไฟฟ้าที่กระพริบรัวๆ กับเปลวเพลิงที่เผาไหม้อุปกรณ์ ทำให้เกิดควันโขมงรอบๆห้อง
--- สิ้นสุดการประหารชีวิต ‘ไรอัน ลูเทอร์’ และ ‘มิชเชล ลูเทอร์’ อย่างเป็นทางการ ---
หลังจากที่เธอออกมาจากห้องประหาร เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างก็ต้องตาค้างกับสิ่งที่เธอทำไป ทุกคนต่างซุบซิบกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เซเรียได้ยินแต่เธอเลือกที่จะไม่สนใจ ออกไปจากห้องแบบสบายใจ
“เอาเรื่องวุ้ย”
“โหดเหมือนโกรธใครมา”
“เชื่อแล้วว่าแค้นจริง”
ทุกคนในองค์กรต่างเรียกเธอว่าเป็น เพชฌฆาตแห่งสายฟ้า เพราะลักษณะนิสัยของเธอดูน่าขนลุก เย็นยะเยือกเหมือนอยู่ท่ามกลางสายฝน พร้อมลงทัณฑ์ผู้กระทำผิดได้ทุกเมื่อ
ฟรานซิสได้เข้ามาหาเซเรียที่สภาพเธอมอมแมมมาจากเขม่าควัน ใบหน้าเธอยิ่งเย็นชากว่าเดิม
“ไม่นึกเลย ว่าจะได้เห็นเธอประหารชีวิตเองแบบนี้น่ะ” ฟรานซิสพูดออกมาก่อนที่จะถามกลับไป “ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง”
“อย่างน้อยก็แก้แค้นให้ล่ะนะ” เซเรียตอบด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ทั้ง 2 คน ไปหาวิเวียน เอลล่า และ เพื่อนๆอีกหลายคน เพื่อพูดคุยหลายๆเรื่อง และกินข้าวเย็นด้วยกัน โดยมื้อนี้ จัดเต็มแบบบุฟเฟ่ต์ ฉลองการจบภารกิจ ล้มล้างกลุ่มก่อการร้ายของแวมไพร์ได้สำเร็จ
มื้อนี้เต็มไปด้วยอาหารนานชาติ เซเรียได้ตักอาหาร อย่างละนิด ซึ่งมีอาหารโซนยุโรป ประกอบด้วย สเต็กสันนอก มันบดราดเกรวี่ ซุปครีมเห็ดทรัฟเฟิล
โซนเอเชียประกอบด้วย ซูชิ ซาชิมิ ไก่ทอดซอสเกาหลี ผัดไทย กุ้งแช่น้ำปลา
เครื่องดื่มเธอเลือกที่จะดื่มค็อกเทล แน่นอนว่า เพื่อนกลุ่มของเซเรียเลือกดื่มค็อกเทลหมด บนโต๊ะของทุกคนจะมีชีสบอร์ดไว้กินคู่กับไวน์นานาชนิด ซึ่งโต๊ะที่กินข้าวเย็นนี้ จัดอยู่ห้องอาหารสุดหรูที่อยู่ชั้นดาดฟ้า ซึ่งจะเปิดแค่ช่วงเวลาพิเศษเท่านั้น
ในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกสนานกับปาร์ตี้ ไฟในห้องก็ดับลง ตามด้วยแสงเทียนที่อยู่บนเค้กก้อนใหญ่ ทันใดนั้น หนึ่งในผู้จัดปาร์ตี้ได้ถือไมค์และได้พูดอะไรบางอย่าง
“วันนี้ นอกจากจะเป็นการฉลองให้กับทุกๆคนที่ทำภารกิจใหญ่สำเร็จแล้ว วันนี้ก็เป็นวันเกิดของเพื่อนร่วมงานอีกด้วย”
พูดจบ แสงไฟสปอต์ไลท์ ได้ฉายมาที่ฟรานซิสพอดี ฟรานซิสรีบลุกขึ้นมาจากโต๊ะ และเดินไปที่เค้กวันเกิดที่อยู่ตรงกลางงานพอดี
ฟรานซิส ได้พูดขอบคุณและบอกให้ทุกคนชนแก้วดื่มเครื่องดื่มเพื่อฉลองวันเกิด ครบรอบ 21 ปี
หลังจากนั้น ไฟก็กลับมา ทุกคนได้ลิ้มรสกับอาหารในค่ำคืนนี้อย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากที่เซเรียกินอาหารจนอิ่มพอดี ขณะที่เธอกำลังจะกลับไปที่ห้องพัก ฟรานซิสได้หยุดเธอไว้
“อย่าเพิ่งรีบกลับนะ เซเรีย”
“หืม?”
เวลา 3 ทุ่ม เซเรีย วิเวียนกับฟรานซิส เดินกลับห้องพัก วิเวียนได้แยกตัวออกมา ตอนนี้เหลือแค่เซเรีย กับฟรานซิสกันแค่ 2 คน
ฟรานซิสได้บอกให้เซเรียมาที่ห้องพักของเขา เซเรียสงสัยขึ้นมา จึงได้ถามไป
“ว่าแต่ ทำไมถึงให้ฉันมานี่ล่ะ”
“อ้อ ก็…มีเรื่องที่อยากจะบอกน่ะ”
“ว่ามาเลย แต่ถ้าเป็นเรื่องพาร์ทเนอร์คนใหม่ที่จะให้ฉันดูแล ไว้ค่อยคุยกันนะ”
“เถอะน่า ไม่ใช่เรื่องนี้หรอก”
เซเรียสังเกตว่า ฟรานซิสกำลังรวบรวมความกล้า และได้เดินมาหาเธอ เซเรียเริ่มเห็นท่าไม่ดี เธอเริ่มถอยทีละก้าว จนฟรานซิสได้เอามือทาบที่กำแพง กั้นไม่ให้เธอหนีไปได้
“ร..รุ่นพี่ฟรานซิส?” เซเรียเบิกตากว้าง
“ตลอดที่ผ่านมาฉันคอยสอนเธอมาตลอด ทั้งต่อสู้ ทั้งไปทำภารกิจด้วยกัน ถึงจะมีตีกันบ้างก็เถอะ” ฟรานซิสเริ่มพูดออกมา แววตาของเขามุ่งมั่น เซเรียพูดไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว ฟรานซิสจึงพูดต่อ
“เซเรีย จนถึงวันนี้ ฉันไม่สามารถมองเธอเป็นแค่รุ่นน้อง หรือเพื่อนอีกต่อไปแล้วล่ะ”
“หา? แบบนี้…เราก็ไม่เป็นเพื่อนกันแล้วเหรอ?” เซเรียเริ่มใจคอไม่ดี ก่อนที่เธอจะพูดต่อ ฟรานซิสได้เอาหน้าเข้ามาใกล้หูฝั่งซ้ายของเธอ
“ฉัน…มองเธอเป็นคนรักไปแล้วล่ะ” ฟรานซิสสารภาพออกมา น้ำเสียงของเขาทำเซเรียหน้าแดงทันที
“เฮือก!!! รุ่นพี่ชอบฉันเหรอ!?” เซเรียสะดุ้งกับคำพูดของเขา “ที่สาเหตุที่ไม่อยากเป็นพาร์ทเนอร์กับฉันต่อ ก็เพราะแบบนี้เหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ ส่วนนึง คือ มันเป็นกฎเหล็กขององค์กรเลย และอีกส่วนนึง” ยังไม่ทันจะได้จบประโยค เซเรียโดนฟรานซิสจับข้อมือทั้ง 2 ข้าง และตัวของเธอก็โดนร่างใหญ่โตของฟรานซิสคร่อมไว้บนเตียงไม่ให้หนีไปไหน
“อ๊ะ!!” เซเรียไม่ทันได้ตั้งตัว โดนฟรานซิสรุกหนักมาก และแล้ว ประโยคสุดท้ายก็พูดออกมาแล้ว
“ก็คือ…ฉันชอบเธอมานานแล้วล่ะ” ฟรานซิสได้สารภาพรักกับเซเรีย ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะได้มีแฟนเป็นของตัวเอง เพราะปมในใจในอดีตที่ถูกกลั่นแกล้งมาตลอด เซเรียจึงได้ถามกลับไป
“เป็นความจริงเหรอ? รุ่นพี่”
“ใช่ ฉันไม่มีวันโกหกหรอกนะ” ฟรานซิสตอบอย่างมั่นใจ “แล้วก็ เรียกชื่อฉันอย่างเดียวก็พอนะ เซเรีย”
“อ..โอเค ฟรานซิส”
หลังจากนั้น ริมฝีปากทั้งคู่ก็ได้ประกบกัน ท่ามกลางเตียงนอน พร้อมแสงจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่าง บรรยากาศอบอุ่น ทำให้เซเรียกับฟรานซิสรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน
ผ่านไป 3 เดือน ในวันคริสต์มาส ทั้ง 2 คนใช้เวลาอยู่ด้วยกัน และได้ตัดสินใจเริ่มย้ายเข้ามาอยู่ห้องเดียวกัน เป็นหอสำหรับสายลับที่ได้ตัดสินใจใช้ชีวิตด้วยกัน ห้องของทั้ง 2 คนจะกว้างกว่าหอเดี่ยว
3 ปีผ่านไป เซเรียปัจจุบัน อายุ 22 ปี ส่วนฟรานซิส อายุ 23 ปี เช้าวันที่ 15 มีนาคม ค.ศ.2323 ทั้งคู่ต่างเตรียมตัวไปทำงานและมุ่งหน้าไปที่โรงอาหาร ในขณะที่ทั้งคู่กำลังกินอาหารเช้านั้น วิเวียนเดินเข้ามาหาพร้อมแจ้งให้ทั้งคู่ไปคุยกับผู้บังคับบัญชาการ
เมื่อกินมื้อเช้าเสร็จ ทั้งคู่มุ่งหน้าไปที่ห้องทำงานผู้บังคับบัญชาการทันที
“มากันแล้วสินะ คุณเทย์เลอร์ คุณอาร์มสตรอง” ผู้บังคับบัญชาการกล่าว ฟรานซิสได้สงสัยกับสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาการเรียกทั้ง 2 คนมา
“ท่านเรียกพวกผมมา มีอะไรเหรอครับ”
“เรื่องคู่หูคนใหม่สินะคะ” เซเรียถาม
“อืม คุณอาร์มสตรอง คุณได้พาร์ทเนอร์คนใหม่มาแล้วครับ”
“นี่ก็คนที่ 5 แล้วนะคะ รอบนี้เป็นใครเหรอคะ ผบ.”
เนื่องจากที่ผ่านมา เธอได้เป็นคู่หูให้กับรุ่นน้องจบใหม่ และทุกคนก้าวขั้นเร็วมากภายในไม่ถึง 1 เดือน ทำให้ทุกคนในองค์กรต่างภาคภูมิใจในการฝึกของเธออีกด้วย
เพราะเธอสอนตั้งแต่พื้นฐานจนถึงการฝึกด้วยกันเพื่อขัดเกลาฝีมือ เธอปล่อยให้รุ่นน้องตัดสินใจเองทุกครั้งที่ไปทำภารกิจ รอบนี้ดูเหมือนว่า คู่หูคนใหม่ของเธอ จะไม่เหมือนที่ผ่านมา
“เขาเป็นนินจาน่ะ เห็นว่าจะมาร่วมมือกับการปราบปรามผู้ก่อการร้ายอีกด้วย”
พูดจบ ผู้บังคับบัญชาการได้ยื่นแท็บเล็ดให้เซเรีย ในเอกสารที่แสดงอยู่บนจอ มีภาพถ่ายของหนุ่มตาสองสี กับแผลเป็นบนแก้มซ้าย มีชื่อเขียนกำกับไว้ว่า “คุซานางิ ลูอิส”
“คุซานางิเหรอ?” ฟรานซิสสงสัย
“เดี๋ยวนะ!? ทำไมตระกูลนี้ถึงได้ มาเป็นสายลับได้ล่ะ!?” เซเรียต้องมาช็อกกับสิ่งนี้ ฟรานซิสยิ่งสงสัยหนักขึ้นไปอีก
“อะไรเหรอ เซเรีย?”
“ครอบครัวคุซานางิ…เป็นพวกมาเฟียน่ะ” เซเรียตอบกลับ
ดูเหมือนว่า เซเรียจะต้องเผชิญกับอุปสรรคใหม่แล้ว เมื่อหลักกฎหมายกับการล้างแค้น มีเส้นด้ายมาขวางกั้นไว้อยู่
